webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

307

บทที่ 307 เดินได้

เติ้งไห่เสยผมอย่างทำตัวไม่ถูก เหมือนกับว่าไม่รู้จะอธิบายออกไปอย่างไร สุดท้ายก็หันไปสั่งผู้หญิงข้างๆ หญิงสาวคนนั้นก็ถอยออกไปทันที แล้วเขาก็เดินเข้าไปหาเจียงเซ่อ

“เธอคือ……แฟนของฉันเอง”

จ้าวร่างดูถึงตรงนี้ ก็ตะโกนสั่งหยุดทันที

เว่ยจั้วถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ตอนที่ทุกคนเดินเข้าไป เขาก็แอบเช็ดเหงื่อบนหน้าผากไปทีหนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นยิ้มๆ

“การแสดงของเจียงเซ่อเมื่อกี้ ทำเอาฉันตกใจไปเลยนะเนี่ย”

เจียงเซ่อยิ้มๆ จ้าวร่างกวักมือเรียกเธอ เธอก็เดินเข้าไปหา ตอนนี้จ้าวร่างเองก็เหงื่อออกเต็มหัวแล้ว บทที่อยู่ในมือก็ถูกพัดไปมา

วันนี้อากาศร้อนมากจริงๆ ถึงแม้ว่าจะมีร่มคลุมหัวอยู่ อีกทั้งยังมีพัดลมตั้งให้อีกตั้งสองตัว แต่คนที่นั่งอยู่บริเวณนี้ก็ยังเหงื่อออกกันเต็มหลัง

บนโต๊ะมีน้ำแร่ตั้งเรียงอยู่หลายขวด และข้างๆ ก็มีกล่องลังน้ำแร่อีกหลายกล่องที่ถูกยกมาตั้งเอาไว้

“การแสดงเมื่อกี้ไม่เลวเลยนะ”

จ้าวร่างชมเธอ เจียงเซ่อไม่ได้แสดงตามบทละครไปทั้งหมด แต่ผลที่ถ่ายออกมาแล้ว กลับดีกว่าที่เตรียมบทกันเอาไว้เยอะทีเดียว

“ตอนที่ฉันถ่ายเรื่องนี้ ก็คิดเรื่องบางเรื่องตามไปด้วยน่ะค่ะ”

ตอนนี้ถึงเวลาพักแล้ว เจียงเซ่อก็ไม่ได้มีท่าทีเหมือนเดิมอีก เพราะตอนนี้ใบหน้าเธอมีแต่รอยยิ้ม

“ตอนที่รู้ว่าจะแสดงหนังเรื่อง ‘Evil’ ฉันก็ลองไปที่เรือนจำหญิงดู หญิงสาวที่อยู่ในนั้น ทุกคนล้วนแล้วมีสีหน้าท่าทางที่ไร้ความรู้สึก จมอยู่แต่กับโลกของตัวเอง”

หลังจากนี้ยังมีซีนที่ต้องถ่ายต่อ ช่างแต่งหน้ารีบเดินเข้ามาเช็ดเหงื่อให้เธอ จากนั้นก็จัดทรงผมอีกเล็กน้อย อีกทั้งยังเป่าผมบางจุดที่ชื้นเหงื่อให้แห้งอีกด้วย จากนั้นก็ตบแป้งกลบความแดงของใบหน้าที่โดนแดดเผา เพื่อให้กลับมาดูซีดเซียวอีกครั้ง

โม่อานฉีถือพัดเข้ามาพัดให้เธอ ตอนนนี้เจียงเซ่อปากแห้งคอแห้งไปหมดแล้ว แต่ก็ยังกินน้ำไม่ได้เด็ดขาด

“บทหนังฉันก็ได้ดูมาแล้วรอบหนึ่ง ตามความเข้าใจของฉัน ในตอนที่จางยวี่ฉินกลับมาถึงบ้าน ในใจของเธอมันจะต้องสับสนและวุ่นวายมากแน่ๆ”

ที่นี่เคยเป็นความหวังทั้งหมดของเธอ เคยเป็นสวรรค์น้อยๆ ของเธอ เป็นที่ๆ ปรารถนาที่จะกลับมา ในแต่ละวันที่ต้องทำงานเหนื่อยมาทั้งวัน

ถึงแม้ว่ามันจะเป็นที่อยู่ของสามีที่ไม่ได้เรื่องอะไรสักอย่าง แต่จูจูเองก็อยู่ที่นี่ สำหรับจางยวี่ฉินแล้ว มันถือว่าเป็นที่พักของจิตใจของเธอเอง

แต่มาวันหนึ่ง ก็ดันเกิดเรื่องกับจูจู และที่พักพิงของจิตใจของเธอก็กลายเป็นฝันร้าย

ที่นี่กลายเป็นที่น่าเจ็บปวดใจที่สุดของเธอ ทุกครั้งที่เธอเห็นมัน มันก็เหมือนว่าความรู้สึกมันตีรวนกันไปหมด

เธอยังเห็นทุกๆ ภาพความทรงจำของ ‘จูจู’ อยู่ที่นี่ แต่ในใจมันก็รู้ชัดเจนดีอยู่แล้ว ว่าความทรงจำเหล่านั้นมันได้ผ่านพ้นไปตั้งนานแล้ว และนั่นก็ได้สร้างแผลขนาดใหญ่ให้กับเธอ และเธอก็หลงใหลไปกับโลกที่ตัวเองสร้างขึ้นอยู่แบบนั้น แต่ก็รู้ดีว่ามันไม่ใช่ความจริง

ในตอนที่เติ้งไห่เรียกชื่อเธอ เธอก็ยังจมอยู่กับโลกจอมปลอมที่เธอสร้างขึ้นมาหลอกตัวเอง

ดังนั้นตอนที่เว่ยจั้วเรียกชื่อเธอในครั้งแรก เธอจึงไม่ตอบออกไปในทันที จนกระทั่งเว่ยจั้วเรียกเธอขึ้นมาอีกครั้ง เธอถึงค่อยตื่นขึ้นมาจากฝันของตัวเอง และหันหน้ามาหา

“ไม่เลวเลยนี่!”

จ้าวร่างพยักหน้า ท่าทางพึงพอใจไม่น้อย

“ความตั้งใจของเธอมันได้ผลตอบรับที่เยี่ยมเลยนะ มันยิ่งกว่าที่ฉันคิดเอาไว้เสียอีก”

ซีนต่อมาที่ต้องถ่ายทำถือว่ายากกว่าเดิมมาก เพราะในทันทีที่จางยวี่ฉินรู้ว่าสามีมีแฟนใหม่แล้วทั้งๆ ที่ลูกสาวเพิ่งจะหายไปแค่ไม่กี่เดือน และประตูบ้านก็ถูกเปลี่ยนกุญแจใหม่ ราวกับว่าชีวิตของคนๆ หนึ่งได้เปลี่ยนไปแล้ว

เขาได้มีความหวังใหม่แล้ว มีความใฝ่ฝันครั้งใหม่ ราวกับว่าบนโลกนี้ มีแค่จางยวี่ฉินที่ยังจมปลักอยู่กับเรื่องราวเก่าๆ

ซีนๆ นี้สำหรับฝีมือการแสดงของเจียงเซ่อแล้วถือว่ามีเงื่อนไขหนักมาก

ช่างแต่งหน้าเติมหน้าให้เธอเสร็จเรียบร้อยแล้ว สไตล์ลิสต์ก็เข้าไปจัดๆ เสื้อให้กับเจียงเซ่อ หล่อนมีท่าทีกังวลไม่น้อย

“คุณเจียงคะ มันร้อนเกินไปรึเปล่า?”

อากาศร้อนขนาดนี้ ทีมงานกองถ่ายก็ล้วนแล้วสวมเสื้ผ้าแขนสั้นขาสั้นกันทั้งนั้น นั่นก็เพราะทนกับอากาศร้อนๆ แบบนี้กันไม่ไหว แต่เจียงเซ่อกลับต้องสวมชุดที่หนาแบบนี้ รวมๆ ทั้งหมดเธอต้องใส่ถึงสามชั้นเลยด้วยซ้ำ

ตอนนี้เสื้อที่สวมทับข้างในมันเรียกว่าชุ่มไปแล้วด้วยซ้ำ ชุดคลุมสีดำตัวนอกของเธอก็เริ่มจะชื้นแล้วด้วย แต่แค่เพราะมันเป็นสีเข้ม เลยดูไม่ออกเท่านั้นเอง

“จะถอดออกสักชั้นไหมคะ?”

สไตล์ลิสต์ถามขึ้นมา เจียงเซ่อตอบกลับ

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ”

สวมเสื้อผ้าชุดนี้ มันก็เหมือนเป็นพื้นฐานคาแรคเตอร์ของจางยวี่ฉิน เธอสูญเสียความหวังไปแล้ว หลังจากที่เสียลูกสาวไป มันก็เหมือนสูญเสียความรู้สึกไปทุกๆ อย่าง เธอกลายเป็นคนที่ซับซ้อน และกลัวทุกสิ่งทุกอย่างในโลกที่จะนำมาซึ่งข่าวร้ายเกี่ยวกับจูจู แต่ก็ยังหวังว่าจะมีข่าวคราวที่เกี่ยวกับจูจูกลับมาบ้าง

เธอกลัวที่จะต้องบาดเจ็บ แต่จริงๆ แล้วความเจ็บปวดเหล่านั้นมันได้ก่อตัวขึ้นในใจเธอตั้งนานแล้ว

และความเจ็บปวดเหล่านั้นก็ทำร้ายเธออย่างเห็นได้ชัดอย่างอาการกินไม่ได้นอนไม่หลับ ทั้งๆ ที่อยู่ในฤดูที่อาการร้อนทั้งวัน แต่ใบหน้าของเธอกลับซีดเซียว และแทบจะไม่มีเหงื่อออกเลยด้วยซ้ำ ราวกับว่าอยู่ในโลกที่หนาวเหน็บอยู่ตลอดเวลา

แต่ความหนาวเหน็บเหล่านั้น ไม่ได้มาจากโลกภายนอก แต่มันมาจากเบื้องลึกในจิตใจของเธอต่างหาก

ในตรงจุดนี้เจียงเซ่อมีความเข้าใจที่แตกต่างไปจากจ้าวร่างบางจุด ดังนั้นเสื้อผ้าที่กำลังสวมใส่พวกนี้ก็ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้มันเพิ่มความเข้าใจให้กับเธอ พอสไตล์ลิสต์ถามขึ้นมาแบบนั้น เธอก็ตอบปฏิเสธออกไปทันทีอย่างไม่ลังเล

จ้าวร่างมองเธออย่างชื่นชม โม่อานฉียังถามขึ้นอีก

“ไม่ร้อนหรือ?”

เจียงเซ่อกัดฟัน “ต้องเรียกว่า แค่ใจเราสงบ อะไรๆ มันก็เย็นทั้งนั้นแหละค่ะ”

ประโยคนั้นของเธอทำเอาทุกคนพากันยิ้มหัวเราะออกมา พักกันไปพักหนึ่งแล้ว ก็ถึงเวลาถ่ายซีนต่อไป

เติ้งไห่เปิดประตูบ้าน และเชิญจางยวี่ฉินเข้าไป

ข้างในบ้านไม่ได้ตกแต่งเหมือนเดิมอีก เธอสำรวจดูของทุกๆ ชิ้น เพื่อที่จะลองหาร่องรอยที่คุ้นเคยบ้าง

วันวานที่จูจูเคยนั่งเขียนการบ้าน แก้วที่จูจูเคยใช้ เก้าอี้ที่ใช้นั่งแล้วพาดตัวไปกับโต๊ะ และยังมีรายละเอียดต่างๆ มากมาย เวลาไม่ได้ยาวนานอะไรนัก แต่เติ้งไห่ตอบอะไรคำถามอะไรไม่ได้แล้ว

“จำเป็นด้วยหรือ?” เขากดน้ำเสียงถาม ในวินาทีที่ได้เห็นภรรยา ที่จริงเขาเองก็รู้สึกใจฝ่อและรู้สึกผิดอยู่ในใจ เขาพยายามอย่างมากที่ยืดตัวเงยหน้าขึ้น แต่ทุกครั้งที่เจียงเซ่อส่งสายตามา เว่ยจั้วจึงทำได้แค่งอตัวก้มหน้าเท่านั้น

สายตาของเธอมันทำให้เขาใจฝ่อไปหมด ราวกับว่าในตอนนี้วินาทีนี้ เขาได้กลายเป็นเติ้งไห่ในเรื่องจริงๆ ไปเสียแล้ว เพิ่งจะเกิดเรื่องกับลูกสาวไปได้ไม่นาน ภรรยาก็ออกจากบ้านไปตั้งหลายเดือน แต่เขาก็ดันเปลี่ยนใจและมีรักครั้งใหม่แล้ว

เพราะเหมือนว่าสติจะหลุด จ้าวร่างตะโกน ‘cut’ ขึ้นอย่างไม่ค่อยพอใจนัก

“ทำอะไรเนี่ย!”

เขาตะโกนใส่โทรโข่ง

“เอาใหม่อีกรอบหนึ่ง”

“ขอโทษด้วยนะครับคุณเจียง”

เว่ยจั้วเอ่ยขอโทษอย่างเกรงใจ ที่จริงอายุเขาก็ไม่ใช่น้อยๆ อีกทั้งแสดงหนังมาก็หลายปีแล้ว ไม่ใช่ว่าไม่มีประสบการณ์ แต่สายตาของเจียงเซ่อที่มองมาก็ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาจริงๆ อยู่ไม่น้อย ทำให้เขาเผลอออกนอกบทได้เลยด้วยซ้ำ

รอบนี้เขาแสดงได้ไม่ค่อยดีนัก เขาเองก็กลัวว่าเจียงเซ่อจะโกรธ พอขอโทษออกไปแล้วเจียงเซ่อก็ส่ายหน้า

“ระวังรอบต่อไปก็ได้แล้วค่ะ”

เว่ยจั้วลูบหน้าแล้วพยักหน้าให้เธอ

ผู้ดำเนินการตีแคลปบอร์ดลงอีกครั้ง แล้วตะโกนออกมา กาถ่ายเริ่มขึ้นอีกครั้ง เขาพูดบทขึ้นมา

“จำเป็นด้วยหรือ?”

เขาหันหลังให้เจียงเซ่อ ก่อนจะยื่นมือออกไปยกกระติกน้ำชาขึ้นริน แต่มือยังสั่นอยู่เลยด้วยซ้ำ

“เพิ่งจะเกิดเรื่องกับจูจูขึ้น ฉันรู้ว่าในใจเธอกำลังรู้สึกแย่และเสียใจไม่น้อย แต่วันเวลาเหล่านั้นควรที่จะผ่านไปได้แล้ว......”

เขาพูดอะไรต่อจากนั้น จางยวี่ฉินก็ทนฟังไม่ไหวอีกต่อไป ยิ่งเขาพูดมากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งอยากจะหลีกหนี สีหน้าของเธอมันทั้งซีดเซียวและอ่อนแอ ราวกับว่าไม่ต้องการที่จะฟังสิ่งเหล่านั้นออกมาจากปากของสามี เธอก้าวเท้าอันหนักอึ้งของตัวเองเข้าไปในห้อง กะว่าจะไปเก็บของๆ จูจูออกมา

ที่นี่ไม่ใช่ที่ของเธออีกต่อไป เติ้งไห่มีชีวิตใหม่แล้ว คนที่ยังจมอยู่กับความเจ็บปวด คนที่ยังวิ่งหนีความรู้สึกจริงๆ ของตนเอง ก็คงเหลือแค่เธอเท่านั้น

พอเก็บของเสร็จก็ก้าวเท้าหนักๆ ออกมา เติ้งไห่ยังคงเดินตามหลังอยู่แบบนั้น มองผ่านเลนส์กล้องไปเธอก็ดูเหมือนหมาตัวหนึ่งที่วิ่งไปมาในหลุมอย่างจนตรอก หัวแตกเลือดออกแต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร แต่ก็เหมือนมีความหวังอยู่นิดๆ ที่มาพร้อมกับความรู้สึกที่จะยอมแพ้ไม่ได้เด็ดขาด