webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

306

บทที่ 306 ซากศพ

ก้าวเดินของเจียงเซ่อที่ยังคงน้ำหนักเดิมมาตลอดค่อยๆ เปลี่ยนไป กล้องจับภาพอารมณ์ของเธอที่ค่อยๆ เปลี่ยนไปเช่นกัน เธอขยับปาก ริมฝีปากที่ดูแห้งมากแล้ว ลำคอของเธอเริ่มแหบแห้ง แค่เปิดปากขึ้น เหมือนว่ากำลังจะยิ้ม แต่ก็เหมือนกำลังจะตะโกนคำว่า ‘จูจู’ ออกมา แต่ร่างกายมันก็สั่นไปหมด หัวไหล่ที่ยกสูงนั่นดุนเสื้อที่เก่าจนเหมือนจะขาดนั่นขึ้นมา และมันก็ยิ่งทำให้เห็นได้ชัดว่าเธอผอมมากแค่ไหน เธอเดินตัวสั่นไปยังจุดที่จูจูมักจะนั่งทำการบ้านบ่อยๆ ก่อนจะเลียริมฝีปากตนเอง หอบหายใจอยู่หลายที ดูอ่อนแอลงเป็นเท่าตัว

ตรงนั้นมันไม่มีโต๊ะแล้ว มันมีแต่ความว่างเปล่า ไม่มีอะไรเลยสักอย่าง

ในการตัดต่อภายหลังของซีนนี้ จะใส่เป็นช่วงเวลาที่เหมือนว่าจางยวี่ฉินได้เข้าไปอยู่ในภาพความทรงจำ

ตั้งแต่ที่เริ่มถ่ายฉากนี้มา เจียงเซ่อก็ปล่อยอารมณ์และความรู้สึกออกมาให้เห็นจนหมด การแสดงของเธอเก็บรายละเอียด ความรู้สึก และการแสดงออกทางร่างกายได้ดีมากๆ ในขณะที่เธอยู่ในห้วงของความว่างเปล่า จ้าวร่างมองผ่านเธอผ่านกล้องไป เขาเองก็สัมผัสได้ถึงความเศร้าสลดในแววตาของเธอ

เมื่อเทียบกับการแสดงของเธอในสำนักงานหลิวเย่แล้ว ตอนนี้ดูก้าวหน้ายิ่งกว่าเดิมเสียอีก!

จ้าวร่างรู้สึกแปลกใจไม่น้อย และรู้สึกทึ่งด้วย และก็อดที่จะถอนหายใจไม่ได้

บ้านถูกล็อกกุญแจเอาไว้แล้ว เธอล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเพื่อหยิบกุญแจออกมา กล้องแพนที่เรียวมือที่ผอมจนเหมือนเหลือแต่กระดูกของเธอ เธอหยิบกุญแจออกมาไข แต่ไม่ว่าจะลองสักกี่ครั้ง ประตูก็เปิดไม่ออก

ก่อนหน้านี้ที่ซ้อมซีนนี้กัน ตัวกล้องก็ได้เตรียมถ่ายที่มือของเจียงเซ่ออยู่แล้ว ทำให้ซีนนี้ผ่านไปได้อย่างรวดเร็ว

จ้าวร่างส่งสัญญาณมือ คัทต่อไปคือเป็นตอนที่เติ้งไห่กลับมาถึงบ้าน

หลังจากที่แจกแจงรันคิวตัวละครเรียบร้อยแล้ว กองถ่ายก็ค่อยๆ ปรากฏตัวละครติดตามที่ทีมงานเรียกมา ผู้กำกับส่งสัญญาณมือ คนดูแลสคริปตีแคลปบอร์ดลง

จางยวี่ฉินงอตัวแล้วก้มหน้าลง เสียบกุญแจเข้าไปในแม่กุญแจ ลองไขอยู่สองสามที แต่มันก็เปิดไม่ออก

ก่อนจะมีคนเรียกเธอขึ้นอย่างลังเลจากด้านหลัง

“จาง จางยวี่ฉินหรือ?”

การหันหน้ามารอบนี้ ก็ถือว่าต้องให้ความสำคัญไม่น้อย ในหัวสมองของเจียงเซ่อในตอนนี้ กำลังนึกถึงวันที่ได้เข้าไปในเรือนจำหญิง และเห็นไต้เจียที่ค่อยๆ หันหน้ามาในตอนนั้น

มันเป็นตอนที่เธอไปที่เรียนจำหญิงเป็นครั้งแรก ตอนที่ได้เห็นไต้เจีย หล่อนนั่งอยู่ในห้องขัง และกำลังนั่งถักเสื้อไหมพรม ตอนที่เจียงเซ่อเรียกชื่อหล่อนออกไป เธอก็ทำเหมือนว่าไม่ได้ยิน จนกระทั่งเจียงเซ่อเรียกเป็นครั้งที่สอง หล่อนถึงค่อยเงยหน้าขึ้นมา

ภาพในตอนนั้น ไม่รู้ว่ากี่ครั้งแล้วที่มันปรากฏขึ้นมาอยู่ในหัวของเจียงเซ่อ

และในตอนนี้ที่กำลังแสดงเป็นเติ้งไห่และจางยวี่ฉินคู่สามีภรรยา ที่ได้มาเจอหน้ากันเป็นครั้งแรกหลังจากที่เกิดเรื่องไป เติ้งไห่เรียกชื่อเธอออกมาด้วยความไม่แน่ใจ เธอเองก็ทำราวกับว่าไม่ได้ยินเสียงของเขา และยืนไขกุญแจในมือต่อไปราวกับเครื่องจักร ไขไปไขมาอยู่อย่างนั้น

คนที่แสดงเป็นเติ้งไห่อย่างเว่ยจั้วที่เห็นว่าเจียงเซ่อไม่ยอมหันหน้ามาเหมือนอย่างในบทหนังแล้ว ก็เกิดอาการทำตัวไม่ถูกขึ้นมาทันที

จ้าวร่างเองก็ขมวดคิ้ว ผู้เขียนบทหนังเองก็ชะงักไปเช่นกัน เขาหันไปมองจ้าวร่างแวบหนึ่ง แล้วเอ่ยเรียกขึ้น

“ผู้กำกับจ้าว......”

เขายังไม่ได้สั่งคัท เพราะว่าตอนนี้กล้องยังจับอยู่ที่เจียงเซ่อ ความรู้สึกที่เธอสื่อออกมาในตอนนี้มันดีมาก ราวกับหุ่นกระบอกไม้ที่ไร้ซึ่งชีวิต สิ่งที่อยู่ในมือก็ยังไม่หยุด เติ้งไห่ที่อยู่ด้านหลังเธอกำลังมีใบหน้าเหมือนกับว่าไม่รู้จะทำอย่างไรดี

“อย่าเพิ่ง”

จ้าวร่างส่งสัญญาณว่าอย่าเพิ่งส่งเสียงรบกวน ผู้เขียนบทเองก็ยิ้มแห้งๆ แล้วกลับไปนั่งที่ตัวเองเหมือนเดิม

ครั้งแรกที่เว่ยจั้วพูดบทออกไป เจียงเซ่อก็ไม่ได้ทำตามบทหนังในทันที จ้าวร่างเองก็ไม่ได้สั่งคัท และตอนนี้ทั้งหัว ตัวและใบหน้าของเขาก็มีเหงื่อซึมออกมาเต็มไปหมดแล้ว จ้าวร่างส่งสัญญาณมือ สั่งให้ตากล้องที่รับหน้าที่อีกจุดหนึ่งจับภาพไปที่เขา

คนที่แสดงเป็นแฟนสาวของเติ้งไห่เองก็มองซ้ายมองขวาอย่างทำตัวไม่ถูก หล่อนมองไปที่เจียงเซ่อก่อน จากนั้นก็มองไปที่ไกลๆ แล้วก็หันไปมองที่เว่ยจั้วอีกรอบ

นักแสดงติดตามคนอื่นๆ เองก็ยังไม่โดนสั่งหยุด ทุกคนต่างยังแสดงกันต่อไป และไม่มีใครกล้าบุ่มบ่ามตามใจตัวเองสักคน

เว่ยจั้วที่เห็นว่าเจียงเซ่อไม่มีท่าทีจะหันกลับมาตอบ ก็อดไม่ได้ที่จะเผลอเลียริมฝีปากอย่างประหม่า ก่อนจะกัดลงไปบนริมฝีปากที่แห้งจนหนังลอก และตัดสินใจเรียกออกไปอีกที

“จางยวี่ฉิน?”

ตอนนี้อาการทำตัวไม่ถูกของเขากลายเป็นเรื่องจริงไปแล้ว แต่มันก็ดูเข้ากันพอดีกับฉากที่เติ้งไห่ได้มาเจอกับจางยวี่ฉินอีกครั้ง

เพิ่งจะเกิดเรื่องขึ้นกับลูกสาวไปไม่กี่เดือน ภรรยาก็ออกไปอยู่ข้างนอก แต่พอกลับมา ก็พบว่าตนเองนั้นได้มีชีวิตใหม่แล้ว มีพร้อมๆ กับแฟนใหม่

เขาเรียกออกไปสองครั้ง ในที่สุดเจียงเซ่อก็เริ่มขยับตัวแล้ว เธอหันมาราวกับหุ่นกระบอกไม้ และได้เห็นเติ้งไห่ที่ยืนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล กล้องทั้งสองตัวต่างก็ถ่ายไปที่ทั้งสองคน

“ทำไมเธอถึงยังกลับมาที่นี่อีก?”

เว่ยจั้วถามออกไป ส่วนเจียงเซ่อมองไปยังหญิงสาวที่กำลังคล้องแขนเขาอยู่ข้างๆ เธอพยายามอย่างมากในการบังคับกล้ามเนื้อใบหน้าของตัวเอง ทำให้ดูเหมือนว่ากำลังจะยิ้ม แต่ก็ดูไร้ซึ่งชีวิตชีวา ที่ใครๆ เห็นก็คงจะรู้สึกว่ารับไม่ได้

ความรู้สึกที่แสนสิ้นหวังนั่น ราวกับซากศพที่เดินได้ ทำให้ไม่อยากจะมองไม่อยากจะเห็น ทำให้แม้แต่คนที่กำลังยืนประจันหน้ากับเธออย่างเว่ยจั้วและนักแสดงหญิงที่คล้องแขนตนอยู่ต่างก็สัมผัสความรู้สึกได้อย่างลึกซึ้ง

มณฑลซีหนานในช่วงฤดูร้อนอากาศจะร้อนมาก แดดจะแรงสุดๆ ทั้งสองคนต่างก็กำลังยืนตากแดด และเหงื่อก็กำลังซึมออกมาไม่หยุด แต่จุดที่เจียงเซ่อยืนอยู่ถือเป็นจุดที่สุดยอดที่สุดแล้ว เธอยืนอยู่ใต้ชายคาบ้านพอดี พอลองดูแบบนี้แล้ว ก็ดูราวกับว่ามีพยับเมฆแผ่ปกคลุมตัวเธอจนมืดมนไปหมด แม้แต่แสงแดดก็ผ่านเข้าไปไม่ได้

ความสิ้นหวังที่แผ่ออกมาจากข้างในตัวเธอ ทำให้คนที่ได้เห็นต้องรู้สึกตัวสั่นทั้งๆ ที่ก็ไม่ได้หนาว

แววตาของเธอ ทำให้คนที่แสดงเป็นแฟนสาวของเว่ยจั้วถึงกับต้องก้มหน้าหลบตา ก่อนจะรีบเอามือที่คล้องแขนเว่ยจั้วอยู่ออกทันที รู้สึกสั่นสะท้านไปทั้งร่างกาย

ความสามารถแบบนี้ มันยิ่งกว่าฝีมือการแสดงที่ยอดเยี่ยมเสียอีก มุมปากของจ้าวร่างค่อยๆ ยกยิ้มขึ้น ก่อนจะส่งสัญญาณมือขึ้น กล้องตัวที่หนึ่งค่อยๆ เลื่อนเข้าไปใกล้อีกนิด และจับภาพไปที่เจียงเซ่อ

“เธอ เธอสบายดีไหม?”

เติ้งไห่พูดออกมาอย่างติดขัด สีหน้าและสภาพของจางยวี่ฉินที่อยู่ตรงหน้าทำให้เขารู้สึกแย่ และรู้สึกใจฝ่ออย่างไม่มีสาเหตุ ตอนที่เขาถามแบบนั้นออกไป ก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองกำลังพูดประโยคที่โง่ที่สุดออกไปแล้ว

เกิดเรื่องกับลูกสาวขนาดนี้ จนถึงตอนนี้ยังไม่มีข่าวคราวความคืบหน้า แล้วเธอจะสบายดีได้ยังไงกัน?

อาการขาดความเชื่อมั่นในตัวเองมันแปะอยู่บนใบหน้า เมื่อลองเทียบกันแล้ว การแสดงของเจียงเซ่อก็ถือว่าไปกดเขาพอสมควร ในวินาทีที่เธอได้เห็นเติ้งไห่ ท่าทางอารมณ์ก็เหมือนจะดูผ่อนคลายเล็กน้อย ไม่มีความแปลกใจ ไม่มีการตื่นตระหนกตกใจ มีเพียงอาการหลบหลีกที่ดูรีบรน ราวกับว่าต้องการที่จะหลีกหนีต่อความเป็นจริง เหมือนกับว่าไม่อยากจะเห็นเขาอย่างไรอย่างนั้น

“ฉันได้ยินมาว่า ก่อนหน้านี้คนในหมู่บ้านเห็นเธอ นี่เธอยังตามหาจูจูอยู่อีกหรือ?”

ตอนที่เขาพูดถึงจูจูขึ้นมา ท่าทางของเจียงเซ่อก็ยังเหมือนเดิม แต่นัยน์ตามันเหมือนหดลงไปเล็กน้อย เธอเชิดปลายคางขึ้นเล็กน้อย รอยเส้นเลือดบนลำคอเผยขึ้นมาเด่นชัด มันหดรัดตามลมหายใจของเธอ มันหยุบเว้าลงอย่างเห็นได้ชัด เธอหอบหายใจออกมาลอดผ่านไรฟัน เห็นได้ชัดว่าในใจของเธอตอนนี้ไม่ได้สงบเหมือนอย่างที่ภายนอกกำลังแสดงออกมาเลยสักนิด

จ้าวร่างเองก็รู้สึกว่าตัวเองชอบท่าทางอารมณ์ของเจียงเซ่อมากขึ้นกว่าเดิมอีก มันดูไม่แผ่วลงเลยสักนิด เหมือนเป็นความ ‘เงียบ’ ที่เกิดขึ้นจากความผิดปกติทางจิตใจ แสดงออกถึงความเจ็บปวดที่อยู่ลึกลงไป

เว่ยจั้วโดนเธอกดลงไปหมดแล้ว เขาคล้อยไปกับการแสดงของเจียงเซ่อ

การแสดงของเจียงเซ่อในซีนนี้แสดงออกมาได้โดดเด่นมากๆ เพิ่งจะเริ่มถ่ายได้ไม่เท่าไหร่ เธอก็สามารถแสดงออกมาได้ขนาดนี้แล้ว ทำให้จ้าวร่างแสดงความประทับใจออกมาอย่างไม่ปกปิดเลย

“ใช่”

พอเว่ยจั้วพูดจบ ครู่หนึ่ง เธอถึงค่อยพยักหน้าตอบ สายตามองไปที่นักแสดงหญิงที่อยู่ข้างๆ เว่ยจั้ว

“แล้วเธอคือ......”

นักแสดงติดตามที่ยืนอยู่ไกลๆ ต่างก็เริ่มแสดงกันตามที่สั่งซ้อมกันเอาไว้ พวกเขาต่างก็พากันมองมาทางนี้ ชี้บ้าง กอดอกยืนมองบ้าง ราวกับว่ากำลังดูหนังฉากสนุกอย่างไรอย่างนั้น