webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

304

บทที่ 304 Make Up

ความงดงามของเจียงเซ่อในทุกๆ ฉากของหนังเรื่อง ‘The Occasion of Beiping’ ยังคงทำให้ชายวัยประมาณสี่สิบคนนี้ตะลึงอยู่ไม่น้อย และรู้สึกประทับใจในตัวเธอมาก หลังจากที่รู้ว่าตัวเองจะได้เป็นคนมากำกับหนังเรื่องที่เธอจะแสดงนั้น เขาก็อดกังวลอยู่ไม่น้อย แต่ก็รู้สึกยินดีด้วย

ยินดีเพราะว่าตอนนี้เจียงเซ่อถือว่ากำลังมีชื่อเสียงมากๆ แฟนคลับก็เยอะ ตอนแรกๆ ที่เธอรับเล่นเรื่องนี้ ก็เกิดปัญหาขึ้นมาอยู่ไม่น้อย ทำให้กลายเป็นที่จับตามองในทันที นี่เกือบจะต้องเสียเงินมหาศาลไปกับการโฆษณาโปรโมทเพื่อเรียกผลตอบรับที่ดีอยู่แล้วเชียว

เขาเองก็ยังเป็นแค่มือใหม่ ที่เขียน ‘Evil’ ออกมาได้ก็เพราะความกระตือรือร้นในหน้าที่การงานทั้งนั้น และเพราะว่ามันจะเป็นการแก้บทนิยายให้เป็นบทหนังเพื่อที่จะนำไปฉายบนจอยักษ์ครั้งแรกของเขา ก็เลยต้องให้ความสำคัญมากๆ

นอกจากมันจะมาจากความตั้งใจของตัวเองแล้วนั้น ก็ไม่อยากจะให้มันโดนคนอื่นไปทำเสียของเปล่าๆ และมันก็ยังเป็นผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับเขาในอนาคตอีกด้วย

เขาเองก็อายุไม่น้อยแล้ว เกิดมาก็ไม่ได้หล่ออะไร ฐานะทางบ้านก็ไม่ค่อยจะดี อายุก็ปาเข้าไปเกือบสี่สิบแล้วแต่ยังไม่ได้แต่งงานมีภรรยา วันแต่ละวันผ่านไปอย่างยากลำบาก ไม่มีผู้หญิงคนไหนมาเหลียวมองเขาหรอก

แต่ถ้าหนังเรื่อง ‘Evil’ มันดังขึ้นมาจริงๆ ชีวิตในอนาคตของเขาก็จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป นอกจากหนังเรื่องนี้สามารถทำให้เขาได้มีชื่อเสียงมากขึ้นแล้ว มันก็ยังสามารถทำให้ผลงานในอนาคตของเขาได้รับความสนใจมากขึ้นอีกด้วย

ถ้าหลังจากที่หนังเรื่อง ‘Evil’ ถูกฉายออกไป ต่อไปก็จะต้องมีคนสนใจต่อตัวบทหนังของเขามากยิ่งขึ้น และรายได้แต่ละเดือนของเขาก็จะมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าตัว

เขาดีใจที่หนังเรื่องนี้ยังไม่เริ่มถ่าย ก็ได้รับการลงทุนจากคนใหญ่คนโต และได้ดาราใหญ่อีกสองคนมาร่วมกองถ่าย และนี่ก็ถือว่าเป็นการประกันยอดขายบัตรหนังแล้วด้วยส่วนหนึ่ง

แต่ในขณะเดียวกันเขาก็กังวลด้วย กลัวว่าเจียงเซ่อจะสวยเกินไป กลัวว่าเธอจะดูอายุน้อยเกินไปกลัวว่าเธอจะสื่อความรู้สึกของตัวละครจางยวี่ฉินในบทหนังของเขาไม่ได้

และเพราะความไม่มั่นใจในจุดนี้ ดังนั้นในตอนที่รู้ว่าซื่อจี้หยินเหอได้กำหนดนักแสดงพระนางออกมาแล้ว เขาก็ทั้งดีใจปนกังวลไปหมด

โชคดีที่จ้าวร่างเองก็ใช้ความสำคัญกับตน ครั้งนี้เขาจึงยอมให้ติดตามกองถ่ายมาด้วย ทุกๆ ปัญหาเขาก็จะถามความคิดเห็นตนก่อนทุกครั้ง จนกระทั่งวันนี้ที่ได้มาเห็นเจียงเซ่อด้วยตาตัวเอง ความกังวลและความตื่นเต้นที่มีอยู่ก่อนหน้านี้ก็ลดหายไปกว่าครึ่งแล้ว

ตั้งแต่แวบแรกที่ตนได้เห็นเจียงเซ่อ ตนก็แทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองเลยด้วยซ้ำ

เจียงเซ่อตัวจริงกับเจียงเซ่อที่เขาได้เห็นบนจอหนังนั่นแตกต่างกันราวกับฟ้ากับเหว เพราะเธอผอมลงไปมากจริงๆ!

กระโปรงยาวที่เธอสวมคลุมอยู่มันดูโหรงเหรงไปหมด เพราะเธอเล่นผอมลงขนาดที่เหมือนว่าเหลือแต่กระดูกแล้ว ดูไม่เหมือนกับในเรื่อง ‘The Occasion of Beiping’ ที่ดูสง่าและผุดผ่องเลยสักนิด ตอนหลังถึงได้รู้ว่าเพื่อที่จะแสดงหนังเรื่องนี้เธอลดน้ำหนักไปถึงแปดโลกว่า เพื่อจะให้รู้สึกได้ถึงอารมณ์ของจางยวี่ฉินมากที่สุด

ไม่ว่าก่อนหน้านี้นักแต่งนิยายที่ชื่อยวี๋เหวยจงคนนี้จะรู้สึกอย่างไรในครั้งแรกที่ได้รู้ว่าเจียงเซ่อจะแสดงนำหนังเรื่องนี้ แต่ที่ชัดเจนก็คือเขารู้สึกพึงพอใจที่เจียงเซ่อยินยอมที่จะลดน้ำหนักเพื่อหนังที่กำลังจะเล่นเป็นอย่างมาก

บวกกับที่ถึงแม้ว่าวันนี้จะเป็นการพบกันครั้งแรก แต่ในการร่วมมือของเจียงเซ่อนั้น ไม่เหมือนกับท่าทางของดาราดังที่เขาคาดคิดเอาไว้เลยสักนิด

เธอเป็นคนไม่ค่อยพูดอะไรพร่ำเพรื่อ และไม่ค่อยจะคุยเล่นกับคนอื่นสักเท่าไหร่ แต่การทำงานของเธอก็ถือว่าเรียบร้อยมากๆ เธอเดินดูเดินจำจุดต่างๆ ตั้งแต่บ่ายสามจนมาถึงสามทุ่มกว่า และเธอก็ไม่มีปริปากบ่นแม้แต่คำเดียว

“ฉันก็นึกว่าพวกดาราดังๆ จะเป็นพวกอ่อนแอเปราะบางเสียอีก คิดไม่ถึงเลยว่าจะต้องลำบากขนาดนี้ เธอดูอดทนและตั้งใจมากเลยนะนั่น”

ยวี๋เหวยจงถอนหายใจอุทานออกมาอย่างชื่นชม นักแต่งบทที่นั่งอยู่ข้างๆ ส่ายหน้าอย่างยิ้มๆ

“เจียงเซ่อเคยได้ร่วมงานกับจ้าวร่างมาแล้วสามครั้ง ถ้าไม่ใช่เพราะรู้จักนิสัยของฝ่ายตรงข้ามดี หนังเรื่องนี้ก็คงจะไม่ได้เริ่มถ่ายเร็วขนาดนี้แน่ๆ”

เขาเป็นทีมงานในสำนักงานของจ้าวร่าง สำหรับเจียงเซ่อก็ถือว่าไม่ใช่คนแปลกหน้าที่ไหน รู้ว่าจ้าวร่างประทับใจในตัวเธอมาก ตั้งแต่ที่เสร็จสิ้นการร่วมงานไปในหนังเรื่องแรกอย่างเรื่อง ‘99 Love Letter’ แล้ว ก็เหมือนว่าจ้าวร่างจะคอยอุ้มชูเจียงเซ่อมาตลอดเพราะนิสัยของตัวเธอเอง เพียงแค่เมื่อถึงเวลาที่เธอได้ดีจนดังบ้างแล้ว แต่นิสัยของเธอก็ยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน ช่างเป็นคนที่หาได้ยากจริงๆ

พูดคุยเล่นกันอยู่ครู่หนึ่ง ยวี๋เหวยจงก็เหลือบมองเจียงเซ่ออย่างใช้ความคิด ก่อนจะยกมือขึ้นถูกันไปมา

“ถ้าร่วมงานหนังกันเสร็จแล้ว ก็ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้ถ่ายรูปคู่กับเธอบ้างหรือเปล่า ฉันเองก็เป็นแฟนคลับของเธอนะเนี่ย”

คนรอบๆ ข้างที่เห็นแบบนั้น ก็พากันหัวเราะออกมา

ช่วงสองสามวันนี้การถ่ายทำจะเป็นไปอย่างหนักหน่วงมากจริงๆ หลังจากที่เจียงเซ่อกลับมาแล้ว ก็รีบจัดระเบียบจุดเดินและตำแหน่งต่างๆ ที่วันนี้จำมาในหัวอีกครั้ง พลางให้โม่อานฉีโบกครีมบำรุงผิวลงบนตัวทีละชั้นๆ เจียงเซ่อท่องจำตำแหน่งการเดินและบทที่ต้องพูดอีกครั้งและอีกครั้งจนมั่นใจ จากนั้นก็พยายามหาความรู้สึกภายในใจของตัวละครจางยวี่ฉินอีกครั้ง พอเป่าผมจนแห้งแล้วดูนาฬิกา เธอก็เลือกเตรียมตัวเข้านอนทันที

และไม่ว่าเมื่อคืนจะได้นอนดึกแค่ไหน แต่เจียงเซ่อก็ยังคงตื่นตอนเช้าแปดโมงอย่างตรงเวลาทุกที

หลังจากที่เดินทางมาถึงที่กองถ่ายแล้ว จ้าวร่างก็ยังไม่มาด้วยซ้ำ แต่ก็มีทีมงานบางคนที่มาถึงแล้ว และกำลังยกของต่างๆ ไปมา

เซี่ยเชาฉวินเองก็มากับเธอด้วย หลายๆ คนที่ได้เห็นหน้าเธอแล้ว ก็รีบพากันถอยกรูดออกไปอย่างอัตโนมัติ ไม่กล้าที่จะเข้าไปรบกวนเธอ

ชุดถ่ายหนังที่เจียงเซ่อจะต้องใส่แสดงแขวนอยู่ในตู้เรียบร้อยแล้ว และเพราะว่าเธอนั้นต้องแสดงเป็นตัวละครหลักอยู่แล้ว ดังนั้นเสื้อที่มีก็เป็นแค่ยูนิฟอร์มพนักงานสีดำเท่านั้น และมันก็ดูเหมาะสมกับสถานการณ์การเงินของจางยวี่ฉินในเรื่องดีอยู่แล้ว กระโปรงที่ดูครึ่งใหม่ครึ่งเก่า และมีบางจุดที่ด้ายมันหลุดขาดแล้วด้วยซ้ำ และเสื้อที่ต้องใส่แสดงก็ยังมีขนาดใหญ่กว่าตัวด้วย สไตล์ลิสต์เอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม

“หนังเรื่องอื่นส่วนมากก็อยากจะได้ชุดเสื้อผ้าดีๆ สวยๆ กันทั้งนั้น แต่ผู้กำกับจ้าวก็ยังยืนยันว่ายิ่งดูเก่าเท่าไหร่ยิ่งดีน่ะค่ะ”

ถึงขนาดที่ต้องตั้งใจทำให้มันดูเก่า ทีมงานต้องเอามันไปปั่นในเครื่องอยู่นานมาก ถึงจะได้เนื้อผ้าที่ดูเก่าเหมือนจริงออกมา

“ยิ่งโดยเฉาะในยุคสมัยแบบนี้แล้ว อยากจะได้เห็นเสื้อที่ดูเก่าขนาดนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย”

สไตล์ลิสต์พูดถึงตรงนี้แล้ว ก็เลียริมฝีปากตนเอง

“พี่เลี่ยวยังบ่นอีกว่า แค่ส่วนๆ นี้ก็จ่ายเงินไปตั้งเยอะตั้งแยะแล้ว ถ้ารายงานเรื่องขึ้นไปแล้วก็ไม่รู้ว่าจะโดนทางบริษัทโมโหกลับมาหรือเปล่า”

เช่าเครื่องปั่นแต่ละทีก็ไม่ใช่ถูกๆ แล้วยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องค่าเครื่องบิน ค่ากินค่าอยู่ของนักแสดงตัวประกอบ นักแสดงหลัก ทีมงานในกองถ่ายก็จ่ายไปในจำนวนที่ไม่น้อยแล้ว แถมยังมีค่าเช่าที่ถ่ายทำอีก ทั้งรถและอุปกรณ์สร้างฉากต่างๆ วันๆ หนึ่งต้องจ่ายออกไปอย่างกับสายน้ำ และจ้าวร่างเองก็ดูจะเคร่งเข้มงวดกับหนังเรื่องนี้เป็นอย่างมากด้วย ทำให้ค่าใช้จ่ายยิ่งเยอะเข้าไปอีก

และเมื่อพอจ่ายเงินไปกับค่าอุปกรณ์และเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว จำนวนเงินทั้งหมดก็ปาเข้าไปหลายแสนทีเดียว ราคาของ ‘เสื้อตัวเก่า’ ที่ทำขึ้นมาเองนั้นมันแพงกว่าเสื้อใหม่เสียอีก

โม่อานฉียิ้มขำออกมา สไตล์ลิสต์คนนั้นเองก็หัวเราะขึ้นมาด้วย ก่อนที่จะพาเจียงเซ่อไปที่ห้องแต่งหน้า

ห้องแต่งหน้าเป็นบ้านชั้นเดียวหลังหนึ่งที่ทางทีมงานตั้งใจทำขึ้นมาเพื่อให้เธอได้ใช้ เพราะในตอนนี้เธอถือว่าเป็นนักแสดงแนวหน้าแล้ว ตัวประกอบและนักแสดงติดตามคนอื่นๆ จะต้องใช้ห้องแต่งหน้าข้างนอกเท่านั้น

ทีมงานยกพัดลมมาให้เธอเครื่องหนึ่ง แต่ในห้องก็ยังร้อนมากอยู่ดี พอเปลี่ยนเสื้อออกมาแล้ว เจียงเซ่อก็เหงื่อออกไปทั้งร่างกาย

จางยวี่ฉินในเรื่องเป็นถึงคุณแม่ลูกหนึ่งแล้ว ตามที่ยวี๋เหวยจงพูดเอาไว้ อายุของจูจูคือแปด เก้าขวบ และอายุของเธอก็ประมายสามสิบสาม สามสิบสี่

ผู้หญิงในช่วงอายุนี้ควรที่จะเป็นช่วงที่สวยที่สุดของหญิงสาว แต่เพราะว่าชีวิตที่มันต้องทนทุกข์ยากลำบาก ดังนั้นเธอจะต้องเผยความเหนื่อยล้าออกมาแทน

เพราะว่าสภาพการใช้ชีวิตของเธอมันไม่ดีพอ ทำให้ผิวพรรณของเธอมันไม่ได้ดูดีอะไรนัก บวกกับการที่เธอเป็นพนักงานขายประกันของบริษัทแห่งหนึ่ง ทั้งปีทั้งเดือนเธอต้องวิ่งเหนื่อยไปทุกทิศทุกทาง และตามที่จ้าวร่างได้แนะนำไปตั้งแต่เมื่อวาน ว่าผิวพรรณของจะต้องไม่ได้ดีมาก บวกกับที่สูญเสียลูกสาวไปแล้วสีหน้าของเธอจึงจะต้องดูแย่ลงกว่าเดิม ถึงขั้นซีดไปเลยก็ได้