webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

299

บทที่ 299 คิดมาก

หนังเรื่อง ‘Revenge’ นั้นมันก็เป็นแค่การทดลองของเฝิงหนานเท่านั้น

ถ้าหากว่าที่ต่งหมิงเซิงถอนทุนออกไปจะมีแค่เรื่อง ‘Revenge’ เรื่องเดียว เฝิงหนานเองก็ไม่คิดที่จะไปเหลียวแลเงินแค่ไม่กี่ล้านนั่นหรอก แต่ในความหมายของจ้าวจวินฮั่น มันเหมือนว่าต่งหมิงเซิงต้องการที่จะถอนทุนออกทั้งหมดรวมถึงไม่คิดที่จะลงทุนในหนังเรื่องต่อไปของหล่อนอีกต่อไปแล้ว แบบนั้นมันก็เป็นปัญหาใหญ่น่ะสิ!

ต่อไปนี้ถ้าจะรับงานหนังอะไร อยากจะแสดงเป็นตัวละครไหน เฝิงหนานเองก็คิดเอาไว้เรียบร้อยแล้ว แต่ถ้าต่งหมิงเซิงถอนทุนออกไปแบบนี้ มันก็ถือว่าส่งผลกระทบต่อหล่อนเป็นอย่างมาก

หล่อนมาเกิดใหม่ได้สองปีแล้ว โลกที่แล้วยังไม่ได้ใช้ชีวิตให้คุ้ม กลับต้องมาตายด้วยน้ำมือของเจียงเซ่อ

หรือพูดได้ว่า เรื่องที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ล้วนแล้วมีเบื้องหน้าเบื้องหลังทั้งสิ้น

หล่อนอยากจะใช้โอกาสนี้ รวบเอาหนังที่ทุกๆ เรื่องที่ทำยอดขายและหนังที่ได้รับคำสรรเสริญมากมายมาไว้ในมือ และอยากจะใช้หนังพวกนี้ ผลักดันให้ตัวเองไปถึงตลาดสากลได้ การลงทุนนี้มันไม่ใช่น้อยๆ เลยจริงๆ

แต่ถ้าหากว่าหลังจากนี้เงินที่จะเอาไปลงทุนมันเริ่มที่จะไม่พอ อย่างเงินที่เธอมีอยู่ในมือตอนนี้ มันก็ไม่พอที่จะถ่ายหนังพวกนั้นแน่นอน

แน่นอนว่าเฝิงหนานเลือกที่จะถ่ายเรื่อง ‘Revenge’ ก่อนก็ได้ รอให้ยอดขายมันได้กลับมามากพอที่จะถ่ายหนังเรื่องอื่นที่หล่อนต้องการต่อได้ก่อน แต่ถ้ามันเป็นแบบนี้ มีหนังตั้งหลายเรื่องที่จะต้องออกฉายภายในปีหน้าและปีต่อไป ผู้กำกับคนอื่นๆ เองก็คงกำลังจะอยู่ในช่วงเริ่มเตรียมตัวกันหมด แต่ตอนนี้หล่อนกลับมาพลาดขาดเงินก่อนที่จะได้ทำอะไร

แล้วแบบนี้หล่อนจะมีหน้าไปอยู่ต่อหน้าคนอื่นได้อย่างไรอีก?

จ้าวจวินฮั่นวางสายไปแล้ว ใบหน้าของเฝิงหนานขรึมลงอย่างน่ากลัว หล่อนพยายามอดกลั้นความโกรธในใจเอาไว้ จากนั้นก็ติดต่อหาต่งหมิงเซิงทันที

หล่อนเองก็เคยได้พบกับต่งหมิงเซิง ความสัมพันธ์ส่วนตัวก็ถือว่าไม่ได้แย่อะไรด้วย แต่ในเวลานี้ที่หล่อนติดต่อหาเขาแล้ว เสียงรอสายก็ดังขึ้นอยู่หลายครั้ง แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าต่งหมิงเซิงจะรับสาย

พอลองโทรไปอีกที ก็เป็นผู้ช่วยของเขาที่รับสาย แล้วอ้างว่าต่งหมิงเซิงกำลังประชุมอยู่ เดี๋ยวประชุมเสร็จแล้วจะติดต่อกลับหาหล่อนเอง

เฝิงหนานโมโหสุดขีด หล่อนตบมือถือลงบนโต๊ะอย่างแรง และหล่อนตัดสินใจว่าจะเข้าไปที่บริษัทหัวโถวของต่งหมิงเซิงด้วยตัวเองเลยเดี๋ยวนี้ ไปถามเขาด้วยตัวเองว่าเพราะอะไร

แต่หล่อนขยับแค่นิดเดียว น้ำยาทาเล็บที่กำลังถูกบรรจงทาลงบนเล็บเท้าของหล่อนนั้น กลับพลิกหกลงบนเท้าของหล่อนทันที หญิงสาวคนนั้นยังไม่ทันจะได้กล่าวขอโทษ เฝิงหนานก็ตวัดมือตบลงไปบนใบหน้าของหล่อนทันที!

วิกฤตของเจียงเซ่อที่เพิ่งจะเริ่มขึ้นมาก่อนหน้านี้ถูกซื่อจี้หยินเหอจัดการไปหมดแล้ว บริษัทได้ออกเงินไปจำนวนหนึ่งกับเรื่องนี้ แต่ในขณะเดียวกันก็ใช้ประโยชน์จากตรงนี้ ทำการโต้ตอบกลับเล็กๆ น้อยๆ อีกด้วย

ทำให้ข่าวที่ว่าเจียงเซ่อและหลิวเย่กำลังจะร่วมงานกันแพร่ออกไป หนังเรื่อง ‘Evil’ ยังไม่ทันที่จะได้เปิดกล้องอย่างเป็นทางการ ก็ได้รับความสนใจจากหลายๆ ฝ่าย

หลายๆ คนต่างก็เริ่มมีความสงสัยในสถานการณ์ของเจียงเซ่อตอนนี้ เพราะว่าเธอออกสื่อน้อยมาก ทางสื่อเองก็เอาเรื่องชีวิตประจำวันส่วนตัวของเธอมาลงได้ไม่มากนัก แต่ว่าสายตาที่จับจ้องตัวเธอก็ไม่ได้ลดน้อยลงเลยสักนิด ก่อนหน้านี้เป็นเพราะว่าหนังเรื่อง ‘The Occasion of Beiping’ ได้รับการตอบรับที่ดี บทโต้วโค่วในเรื่องเองก็ได้เป็นที่พูดถึงกันอยู่ช่วงหนึ่ง จากนั้นก็มีข่าวเรื่องที่เธอกำลังจะร่วมงานกับหลิวเย่ในหนังเรื่องใหม่ออกตามกันมาติดๆ อีก มันเลยยิ่งเรียกความสนใจได้อีกมากมาย

แต่เจียงเซ่อที่กำลังเป็นที่จับตามองของผู้คน กลับไปที่บ้านตระกูลเฝิงตั้งแต่เช้าตรู่ เพื่อที่จะไปเยี่ยมเยียนเฝิงจงเหลียง

เพราะว่าก่อนหน้านี้เขาหกล้ม และเผยอี้ก็ได้พาเธอมาที่บ้านตระกูลเฝิงเป็นครั้งแรก เธอเองก็ใช้ชื่อของเผยอี้ในการมาเยี่ยมเยียน ในทุกๆ ครึ่งเดือนเธอก็มักจะมาหาเฝิงจงเหลียงไม่ได้ขาด

แต่ในหลายๆ ครั้ง เฝิงจงเหลียงกลับไม่ยินยอมที่จะออกมาเจอเธอ

ตอนนี้เจียงเซ่อไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับตระกูลเฝิงแล้ว ถึงแม้ว่าจะมาในนามของเผยอี้ แต่ก็เพราะว่าเป็นแบบนั้น ถึงได้เริ่มรู้สึกว่ามันดูแปลกกว่าเดิม

ตอนที่เจียงเซ่อมา ก็เพิ่งจะแปดโมงครึ่งเองด้วยซ้ำ เฝิงจงเหลียงเองก็ตื่นแล้วเหมือนกัน เขากำลังวุ่นวายอยู่ในสวนดอกไม้ของตนเอง ตอนที่เสี่ยวหลิวเดินเข้ามารายงานเขา เขาก็ถอนหายใจออกมา แล้วพยักหน้าให้

“ให้เธอเข้ามาเถอะ”

เธอถือถุงของบางอย่างเข้ามาด้วย และสวมชุดเสื้อเชิ้ตกางเกงยีนส์ธรรมดาๆ ตอนที่เฝิงจงเหลียงเห็นเธอ ก็พบว่าเธอผอมลงไปมากทีเดียว

เขาขมวดคิ้ว แล้วถามด้วยใบหน้าที่จริงจัง

“ถืออะไรมาด้วยละนั่น?”

เจียงเซ่อมาหลายครั้งแล้ว ถึงแม้ว่าจะไม่ทุกครั้งที่ได้เจอเขา แต่กลับรู้สึกเริ่มคุ้นเคยมากกว่าหลานแท้ๆอีกสองคนเสียอีก พอเฝิงจงเหลียงถามออกไป เธอก็ตอบออกมาอย่างว่าง่าย

“ชุดหนังสือ ‘บันทึกภูมิศาสตร์’ ชุดหนึ่งค่ะ”

เฝิงจงเหลียงชอบอ่านอะไรที่เกี่ยวกับภูมิศาสตร์และอะไรที่เกี่ยวข้องกับเรื่องพวกนี้ ก่อนที่จะมาเกิดใหม่ เธอเองก็สังเกตได้ตั้งแต่ตอนนั้นแล้วว่าเฝิงจงเหลียงชอบที่จะดูรายการโทรทัศน์ที่เกี่ยวกับภูมิศาสตร์ของประเทศ

บันทึกหนังสือชุดนี้เธอสนใจมันมาตั้งนานแล้ว ที่จริงบันทึกหนังสือที่เกี่ยวกับภูมิศาสตร์ของหัวเซี่ยมันมีออกมามากมายหลากสำนักพิมพ์และหลายผู้เขียน แต่ชุดหนังสือ ‘บันทึกภูมิศาสตร์’ ชุดนี้ ไม่ว่าจะเป็นด้านความรู้ทั่วไป และความรู้เฉพาะด้านนั้น มันล้วนแล้วมีความโดดเด่นเป็นพิเศษ เธอต้องใช้เวลาหาอยู่กว่าหลายเดือนกว่าจะหามันเจอ ตอนที่เจอเธอก็รีบซื้อเอาไว้เลยในตอนนั้น เพื่อที่จะนำมันมาให้กับเฝิงจงเหลียง

พอเฝิงจงเหลียงได้ยินว่าของที่เอามาฝากตนก็คือชุดหนังสือ ‘บันทึกภูมิศาสตร์’ นั้น เขาก็ดูนิ่งขรึมไปในทันที

เธอไม่ได้มอบของราคาแพงอะไรมากมายให้กับเขา แต่มันกลับเป็นสิ่งที่ตรงใจเขาพอดีมากกว่า เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจออกมา แต่สุดท้ายก็ยอมให้เสี่ยวหลิวรับของไปเก็บเอาไว้

หลังจากรับของขวัญจากเจียงเซ่อมาแล้ว แน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้ที่เฝิงจงเหลียงจะไม่หาอะไรมาตอบแทนกลับบ้าง เขาชี้นิ้วไปที่ดอกเยว่จี้ที่กำลังผลิบานอย่างสวยงาม

“ก่อนจะกลับไป ก็ตัดมันกลับไปได้เลยนะ”

ตระกูลเฝิงไม่ได้ขาดแคลนเงินทองอะไร อีกทั้งใช่ว่าจะไม่สามารถให้ของที่ล้ำค่ากว่านี้ได้ แต่การที่สามารถทำให้เฝิงจงเหลียงยอมที่จะมอบดอกไม้ที่ปลูกให้ด้วยตัวเอง มันก็ถือว่าเป็นสิ่งตอบแทนที่จริงใจที่สุดของเขาแล้ว

และมันก็ถือว่าเฝิงจงเหลียงเองก็เริ่มที่จะชื่นชอบในตัวเจียงเซ่อขึ้นมาในระดับหนึ่งแล้ว บวกกับที่เจียงเซ่อมอบของขวัญที่ถูกใจเขาด้วยส่วนหนึ่ง

เจียงเซ่อพยักหน้า แล้วกล่าวขอบคุณออกไป ก่อนจะมองกรรไกรที่อยู่ในมือของเฝิงจงเหลียง และกิ่งไม้เล็กๆ บนพื้นที่ถูกตัดทิ้ง ผสมกับดอกไม้ที่บานเต็มที่แล้วก็ถูกตัดออกด้วย

ข้างๆ นั้นมีกระบุงไม่ไผ่ตั้งเอาไว้ เธอรวบผมขึ้น แล้วก้มลงไปเก็บเศษกิ่งไม้ใบไม้เหล่านั้นใส่ในกระบุง เฝิงจงเหลียงที่เห็นการกระทำแบบนั้นของเธอแล้ว ก็ไม่ได้คิดจะห้ามอะไร ในใจก็คิดเหมือนกันว่าร่างกายเธอดูผอมจนน่ากลัวว่าลมพัดมาก็คงปลิว เธอคงทนได้ไม่นานนักหรอก

เขาค่อยๆ ออกแรงเขยิบเท้าไปตัดกิ่งก้านอื่นๆ ต่อ ส่วนเจียงเซ่อก็เดินตามเก็บอยู่ด้านหลังเขา แปลงดอกไม้ไม่ใช่เล็กๆ เลย และเขาก็มักจะมาจัดการมันคนเดียวบ่อยๆ ไม่อยากจะให้ใครมาช่วยทั้งนั้น กว่าจะทำเสร็จทั้งหมดก็ต้องใช้เวลากว่าสามชั่วโมง ในทุกๆ วันจะเห็นภาพแบบนี้ กิ่งไม้และใบไม้ที่ถูกตัดลงทีละนิดๆ และกลีบดอกไม้ที่ผลิบานจนร่วงโรย มันถูกป้อนปุ๋ยอย่างสม่ำเสมอ รดน้ำบ้าง และบางทีก็ต้องมีฉีดยา และเวลาส่วนใหญ่ก็ถูกใช้ไปกับพวกมันนี่เอง

เฝิงจงเหลียงเดินตัดแต่งอยู่นาน จนกระทั่งขามันเริ่มรู้สึกปวดจนเดินไม่ไหว ถึงได้หยุดลง เขาหันหน้าไปมองเจียงเซ่อเล็กน้อย และพบว่าเจียงเซ่อยังเดินตามตนอยู่ด้านหลังเหมือนเดิม และถือกระบุงที่เต็มไปด้วยเศษกิ่งไม้ใบหญ้า

เสี่ยวหลิวยืนถือของอยู่ไกลๆ ดูไม่เหมือนคนที่กำลังช่วยอยู่เลยสักนิด

เธอนั่งยองอยู่บนพื้น และเก็บสิ่งต่างๆ จนสะอาดเรียบร้อย มือคู่นั้นมีเศษใบไม้ใบหญ้าติดเต็มไปหมด ผมที่ถูกรวบขึ้นครึ่งหนึ่ง กับแสงอาทิตย์ยามเช้าที่เริ่มแผดเผา ต้องมานั่งก้มๆ เงยๆ ตามเก็บแบบนี้ก็ดูน่าเหนื่อยอยู่ไม่น้อย

จนรู้สึกได้ถึงสายตาของเฝิงจงเหลียงที่กำลังมองอยู่ เธอถึงเงยหน้าขึ้น ดวงตาคู่นั้นประกายสุกใส เส้นผมหลุดยุ่งเล็กน้อย และใบหน้าก็เริ่มขึ้นสี บนหน้าผากมีเม็ดเหงื่อซึมออกมาด้วย เธอยกมือขึ้นเช็ดมัน แล้วถามขึ้น

“คุณปู่ มีอะไรหรือคะ?”

คำถามประโยคนั้นมันรบกวนใจของเฝิงจงเหลียงไม่น้อย

เธอดูไม่เหมือนเฝิงหนานเลยสักนิด แต่ไม่รู้ว่าทำไมตอนนี้ ตนกลับใจลอย รู้สึกไปว่าเป็นหลานสาวของตนเองที่กำลังนั่งถามอยู่ตรงหน้า การพูด น้ำเสียงและท่าทาง มันเหมือนกับเฝิงหนานไม่มีผิดเพี้ยน สีหน้าของเฝิงจงเหลียงดูหม่นลงอีก

“ไม่มีอะไร”

เขาค่อยๆ เรียกสติตัวเองกลับมา แล้วเตือนตัวเองว่าคงจะคิดมากไปเสียแล้ว เฝิงจงเหลียงกัดกรามแน่น ท่าทางดูเคร่งขรึมไม่น้อย อาจเพราะว่ารู้ตัวขึ้นมาว่าเมื่อกี้ตัวเองใช้น้ำเสียงที่แข็งไปหน่อย จึงพยายามหาเรื่องอื่นมาพูดให้ผ่อนคลายลง

“ทำไมเธอถึงมาเก็บของพวกนี้ล่ะ”