webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

297

บทที่ 297 สัมภาษณ์พิเศษ

ก่อนที่เถาเถาจะมาที่นี่ หัวหน้าเองก็มีท่าทางกังวลว่าเจียงเซ่อจะทำเฉไฉ กลัวว่าเธอจะไม่ตอบเรื่องที่ ‘บีบบังคับ’ ให้หลิวเย่มาร่วมเล่นหนังด้วยกัน อีกทั้งยังมีการสอนเถาเถามาด้วยว่าจะต้องพูดอย่างไร และจะต้องถามแต่คำถามที่จะทำข่าวได้เท่านั้น

แต่พอมาถึงที่นี่แล้ว ไม่ว่าจะวิธีไหนก็ไม่ได้ใช้ หนึ่งคือเพราะหล่อนได้เจอกับไอดอลเลยตื่นเต้น จนลืมสิ่งที่หัวหน้ากำชับเอาไว้มาเสียหมด

สองก็คือเพราะเจียงเซ่อมีการวางตัวดีมาก เรียกได้ว่าไม่ต้อง ‘ไล่ถาม’ ก็ได้คำตอบมาแล้ว

เธอกำลังร่วมงานกับหลิวเย่ในหนังเรื่องใหม่จริงๆ และหนังเรื่องใหม่ก็กำลังอยู่ในขั้นตอนเตรียมพร้อม และยอดทุนที่ต้องใช้ก็ถึงตามเป้าที่วางไว้แล้วด้วย

เถาเถาไม่ได้ถามเจียงเซ่อว่าเธอพูดเกลี้ยกล่อมหลิวเย่ได้อย่างไร พอหล่อนเห็นเจียงเซ่อผอมลงเป็นกองแบบนี้ และรู้ว่าเป็นการเตรียมตัวสำหรับหนังเรื่องใหม่แล้วด้วย ในใจของหล่อนก็พอจะเข้าใจอะไรๆ แล้ว

ยี่สิบนาทีผ่านไปอย่างรวดเร็ว สำหรับเถาเถาแล้ว แค่ในระยะเวลาสั้นๆ ยี่สิบนาทีนั้น มันก็เหมือนกับได้อยู่ในความฝันเลย

หล่อนรู้สึกเสียใจนิดหน่อย แล้วก็รู้สึกเสียดายด้วย แต่ว่าก็ยื้อเวลาไว้มากกว่านี้ไม่ได้แล้ว เจียงเซ่อยังต้องให้สัมภาษณ์อีกหนึ่งสำนักข่าว พอโม่อานฉีเริ่มยกข้อมือขึ้นมาดูบ่อยๆ เถาเถาก็รู้แล้วว่าจะหมดเวลา

หลังจากที่โม่อานฉีเดินมาส่งหล่อนออกจากนอกห้องแล้ว หล่อนก็จัดการกับเครื่องบันทึกเสียงอย่างระมัดระวัง เพราะมันเป็นสิ่งที่หล่อนจะต้องเอามันไปเขียนตัวข่าวต่อ และนี่มันก็เป็นการสัมภาษณ์เดี่ยวครั้งแรกระหว่างหล่อนกับเจียงเซ่อ มันจึงมีความหมายกับหล่อนขึ้นมาอีกขั้น

พอกลับไปที่สำนักงานแล้ว เพื่อนร่วมงานที่นั่งทำงานอยู่ต่างก็มองมาที่หล่อนด้วยสายตาอิจฉา และหลังจากที่หัวหน้ารู้ว่าเธอถามคำถามตรงตามที่ต้องการมาได้ทุกข้อแล้ว ก็ตัดสินใจให้หล่อนรับหน้าที่เขียนบทความข่าวนี้ทันที

มีรุ่นพี่นักข่าวหลายคนที่เคยได้แค่เห็นแต่ไม่เคยได้เข้าไปพูดคุยทักทาย ต่างก็โทรมาเพื่อให้หล่อนเล่าถึงความรู้สึกที่ได้ไปสัมภาษณ์ทันที

แผนกการจัดการข่าวในสำนักงานหลงสิงในตอนนี้ เถาเถาเองก็ไม่ปกปิดตัวตนว่าเป็นแฟนคลับของเจียงเซ่อ อีกทั้งยังเขียนลงบนตัวข่าวที่นำไปลงอีกด้วย

‘ความผูกพันระหว่างฉันและเจียงเซ่อ มันเริ่มขึ้นตั้งแต่งานเปิดกล้องของหนังเรื่อง ‘The Occasion of Beiping’ เพราะว่ามันเป็นเหตุบังเอิญ ทำให้ได้มีโอกาสสัมภาษณ์เจียงเซ่อเป็นครั้งแรก และมันก็ทำให้เธอจดจำฉันได้’

‘ตอนนั้นฉันเพิ่งจะเข้ามาทำงาน และได้ตามรุ่นพี่ไปลงสนาม ฉันพูดอะไรก็ติดขัดไปหมดทุกอย่างเลย แม้แต่จะพูดเปิดก็ยังพูดได้ไม่ดี ตอนนั้นในใจของฉันคิดว่าต้องแย่แล้วแน่ๆ แต่เจียงเซ่อกลับมีท่าทีตอบกลับอย่างเหนือความคาดหมายไม่น้อย หลังจากจบงานเปิดกล้อง ‘The Occasion of Beiping’ แล้ว ฉันก็เก็บความประทับใจเอาไว้ไม่ไหว เลยแอบตามเธอไปบ้าง แต่เธอกลับจำฉันได้จริงๆ’

หล่อนตั้งใจพิมพ์แต่ละคำลงไปบนเนื้อหาข่าวเป็นอย่างมาก ‘ทั้งวันฉันเอาแต่ตามข่าวของเธอ รู้สึกแทบเป็นคนบ้าเพราะเธอ และไม่คิดเลยว่าจะได้ผลตอบแทนกลับมาแบบนี้ ในตอนที่เธอเรียกชื่อของฉันออกมา มันก็เหมือนกับมีดอกไม้ไฟระเบิดอยู่ข้างในใจฉัน’

‘ตอนนี้มีคอมเม้นท์ที่เกี่ยวกับเธอมากมาย และฉันเองก็มีโอกาสได้เป็นคนไปสัมภาษณ์กับเจียงเซ่อเป็นการส่วนตัวด้วย ในขณะที่ฉันรู้สึกกระวนกระวายกับการสัมภาษณ์เพราะตัวเองเป็นแค่นักข่าวใหม่อยู่นั้น เธอก็มีท่าทีที่ผ่อนคลาย แล้วก็พูดออกมาว่าเธอเองก็เป็นนักแสดงหน้าใหม่เหมือนกัน พอถามถึงเรื่องที่ได้ร่วมงานกับหลิวเย่ เธอก็ตอบกลับมาอย่างสงบและจริงใจ ว่าตอนนี้เธอและหลิวเย่กำลังจะร่วมงานในหนังเรื่องใหม่จริงๆ’

‘ฉันไม่ได้ถึงรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องที่เธอและหลิวเย่กำลังจะร่วมงานกันเท่าไหร่ เพราะว่าความรู้สึกที่ฉันได้เจอเธอในวินาทีนั้น มันก็มีหลายคำถามที่ไม่จำเป็นต้องถามอีกต่อไปแล้ว เพื่อหนังเรื่องนี้ เธอตั้งใจเตรียมตัวมาเกือบหนึ่งปี พอรู้ว่าจุดไหนของตัวเองที่อ่อนอยู่ เธอก็ไม่คิดที่จะเลี่ยงมันแถมยังรีบเรียนรู้เพิ่มเติมอีก เธอไม่หวั่นเกรงต่อสิ่งที่เธอยังอ่อน อีกทั้งยังตั้งใจที่จะเอาชนะตัวเอง พึ่งพาบทหญิงในฝันในเรื่อง ‘99 Love Letter’ ที่ทุกคนตกตะลึงกัน แต่ก็ไม่ได้คิดจะพึ่งความงามรูปลักษณ์ภายนอกเพื่อปิดบังอะไรจากวงการนี้’

‘หนังเรื่อง ‘The Occasion of Beiping’ เป็นเรื่องที่เธอแสดงเป็นโต้วโค่ว และมันก็สามารถแสดงออกมาให้ทุกคนได้รู้ทันทีหลังจากที่ได้เห็นเธอในครั้งแรก แต่การมุ่งหาความก้าวหน้าของเธอก็ไม่ได้หยุดอยู่แค่นี้’

‘เพื่อที่จะร่วมงานกับหลิวเย่ในหนังเรื่องใหม่ เธอทุ่มแรงกายแรงใจอย่างมุมานะ ตอนที่พวกเราเจอกัน ฉันก็แทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเองเลย เพราะเธอเปลี่ยนไปมากจริงๆ ราวกับว่าเป็นคนใหม่เลย นอกจากหน้าตาและบุคลิกที่ยังเหมือนเดิม สีหน้าอารมณ์ที่ดูเด็ดเดี่ยวและมั่นคงนั่นก็ยังเหมือนเดิม ราวกับว่ามีเธอสองคนอยู่ในร่างเดียวกันอย่างไรอย่างนั้น’

‘ในตอนที่ได้พูดคุยกัน เธอก็ได้อธิบายมาอย่างชัดเจนว่ากำลังอยู่ในช่วงเตรียมตัวกับการถ่ายหนังเรื่องใหม่และต้องการให้มันเป็นไปอย่างเงียบๆ เธอใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการฝึกซ้อมในแต่ละวัน เธอรู้ว่าฝีมือการแสดงของตัวเองยังไม่เพียงพอ จึงตั้งใจแน่วแน่ว่าจะไปฝึกซ้อมการแสดงที่โรงละครใหญ่ เธอฝึกซ้อมมันในทุกๆวัน ทำสิ่งเดิมซ้ำๆ อยู่แบบนั้น และสุดท้ายความเด็ดเดี่ยวและความไม่ย่อท้อของเธอก็สามารถเอาชนะใจผู้ชนะของวงการหนังได้ และตกลงตอบรับว่าจะร่วมงานหนังกับเธอ’

‘เขียนมาถึงตรงนี้แล้ว ฉันเองก็ต้องเริ่มคำว่า ‘ไอดอล’ ใหม่อีกสักครั้งเหมือนกัน’

‘ในตอนแรก คำว่า ‘ไอดอล’ สำหรับฉันนั้น ก็เป็นคนคนที่มีรูปลักษณ์ภายนอกดูดีและมีบุคลิกที่ดี แต่พอได้ลองพูดคุยกับเจียงเซ่อดูแค่สั้นๆ แบบนี้แล้ว ฉันกลับรู้สึกว่า ไม่ควรจะมองคำว่า ‘ไอดอล’ แค่ตื้นๆ อีกต่อไป’

‘เพราะมันก็เหมือนกับเจียงเซ่อ มีความพยายาม อดทนต่ออุปสรรค อีกทั้งยังรู้จักแสวงหาความก้าวหน้าไปอย่างมีชีวิตชีวา เป็นเหมือนแบบอย่าง ที่ทำให้ฉันอยากจะทำแบบเธอให้ได้’

‘นอกจากรูปลักษณ์ภายนอกที่สวยสง่าแล้ว มีนิสัยที่เด็ดเดี่ยวและหนักแน่น มีใจที่กระตือรือร้น อีกทั้งมีความเรียบง่ายที่หาได้อยาก อย่างในเวลาที่เริ่มมีชื่อเสียงขึ้นมาแบบนี้แล้ว

มีข้อความวิพากษ์วิจารณ์มากมายบนอินเทอร์เน็ต ราวกับว่าเจียงเซ่อเป็นพวกที่ไม่มีความรับผิดชอบ เธอเป็นคนวงใน แต่กลับมองว่าเธอเป็นพวกคนนอกอย่างไรอย่างนั้น’

‘ก่อนที่จะได้เข้าไปสัมภาษณ์ ตัวฉันเองก็รู้สึกไม่สงบเลยสักนิด รู้สึกอกสั่นขวัญหายไปหมด แต่พอได้เข้าไปสัมภาษณ์แล้ว ฉันก็กลับพบว่ามันไม่ได้น่ากังวลอย่างที่คิดเอาไว้เลยสักนิด เหมือนรู้อยู่แล้วว่าจะต้องเป็นอย่างไร เมื่อไหร่ที่หนังเข้าฉาย จะต้องมีการถกเถียงกันอีกแน่ๆ’

เถาเถาเรียบเรียงสำนวนเนื้อหา พอเขียนบทสัมภาษณ์เสร็จแล้ว หล่อนก็นั่งอ่านมันอีกรอบหนึ่ง และรู้สึกพึงพอใจมากๆ

หล่อนยังคงเสียบหูฟังฟังสิ่งที่ตัวเองได้พูดคุยกับเจียงเซ่ออยู่แบบนั้น มันเป็นเสียงอัดแค่ยี่สิบนาทีสั้นๆ แต่หล่อนก็ยังย้อนไปย้อนมาเพื่อฟังบทสนทนาของทั้งสองคนอยู่เกือบชั่วโมง

“เถาจื่อ ได้ยินไหมเนี่ย?”

ซูหมิ่นที่นั่งอยู่โต๊ะข้างๆ ตีเธอทีหนึ่ง เถาเถารีบดึงหูฟังออกด้วยใบหน้าแดงก่ำ แล้วเอ่ยขึ้นเสียงเบา

“พี่ซู”

หล่อนชอบเจียงเซ่อมากจริงๆ ยิ่งได้รู้จักเธอมากเท่าไหร่ และยิ่งได้สัมผัสกับเธอมากขึ้นเท่าไหร่ ก็เป็นเหมือนอย่างบทสัมภาษณ์ที่หล่อนเขียนลงไป หล่อนรู้สึกหลงรักเจียงเซ่อยิ่งกว่าเดิมเสียอีก

เสียงของเจียงเซ่อในเครื่องอัดเสียงดังขึ้นสม่ำเสมอ เธอมีกล่องเสียงที่สุดยอดมากๆ พอฟังแล้วเหมือนกับมีละอองฝนสาดลงมาให้ชุ่มช่ำ ราวกับว่าไม่มีเรื่องอะไรที่ทำให้เธอร้อนรนได้เลย ความนิ่งที่มีนั่น ทำให้เถาเถาคิดว่าการสัมภาษณ์มันก็ไม่ได้แย่อะไร ยิ่งมาฟังเสียงที่อัดเอาไว้แบบนี้ก็ยิ่งรู้สึกดีเข้าไปอีก

ตอนนี้หล่อนฟังเสียงที่อัดเอาไว้ไปกว่าเจ็ดแปดรอบแล้ว ซูหมิ่นส่ายหน้า

“หัวหน้าเรียกเธอแน่ะ ถามว่าเธอเขียนบทสัมภาษณ์เสร็จหรือยัง”

เถาเถาได้ยินแบบนั้น ก็รีบส่งบทสัมภาษณ์ที่ทำเสร็จแล้วไปในอีเมลหัวหน้าทันที

ตอนที่เธอไปสัมภาษณ์ต่อหน้า มันอาจจะดูไปได้ไม่ค่อยสวยนัก แต่ว่าบทสัมภาษณ์ที่เขียนออกมาเพื่อที่จะนำไปลงข่าวนั้นถือว่ามีเสน่ห์ไม่น้อย สามารถเห็นความสามารถของหล่อนผ่านตัวหนังสือเหล่านี้ได้เลย

ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะหล่อนเองก็ชอบเจียงเซ่อด้วยหรือเปล่า เพราะหล่อนสามารถอธิบายถึงรูปลักษณ์ของเจียงเซ่อ ผ่านตัวหนังสือออกมาได้อย่างเฉียบแหลมมากๆ และพอส่งบทสัมภาษณ์นี้ไปแล้วก็แทบจะไม่มีจุดไหนที่ต้องแก้ไขเลยด้วยซ้ำ หลังจากที่บทสัมภาษณ์ที่เถาเถาเป็นคนเขียนถูกลงข่าวไปแล้ว เพียงแค่ในเวลาสามสิบนาที ก็มีคนแชร์ข่าวของหล่อนไปแล้วกว่าสองหมื่นครั้ง!

อาจจะเป็นเพราะว่ามันมีข่าวที่ไม่ดีเกี่ยวกับหลิวเย่และเจียงเซ่อมาตลอดทั้งวัน จึงทำให้ข่าวที่เพิ่งลงไปได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก และมีคนจำได้ด้วยว่าคนที่เขียนข่าวนี้ก็คือเถาเถา

เหล่าชาวเน็ตทั้งหลายต่างก็พากันเข้ามาคอมเม้นท์อีกครั้ง นี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่ที่สำนักข่าวหลงสิงก่อตั้งมา แล้วมีชาวเน็ตเข้ามาให้ความสนใจกับเว็บเพจมากขนาดนี้

และเพียงแปบเดียวเถาเถาก็กลายเป็นคนที่ฮอตที่สุดในสำนักข่าวแล้ว หัวหน้าเองก็ยังออกปากชมหล่อนในที่ประชุมเลยด้วยซ้ำ แต่สิ่งที่ทำให้หล่อนมีความสุขที่สุด ไมใช่เรื่องที่โดนหัวหน้าชมเชย และไม่ใช่การที่หัวหน้าเลื่อนตำแหน่งและเพิ่มเงินเดือนให้ แต่เป็นเพราะชาวเน็ตหลากหลายคนที่เข้ามาทิ้งคอมเม้นท์เอาไว้ต่างหาก : พอได้อ่านผ่านตัวหนังสือของคุณ ก็เหมือนได้รู้จักเจียงเซ่อในมุมใหม่ๆ และเริ่มที่จะคิดถึงความหมายของคำว่า ‘ไอดอล’ ใหม่เสียบ้างแล้ว และฉันเองก็รอคอยหนังใหม่ของเจียงเซ่อด้วย แล้วก็หวังว่าเจียงเซ่อในหนังเรื่องใหม่จะเปลี่ยนแปลงไปตามที่คุณบอกเอาไว้จริงๆ นะคะ