webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

295

บทที่ 295 แฟนคลับ

“เหอะ!” ติงหรูหัวเราะเยาะขึ้นมา ใบหน้าราวกับกำลังเยาะเย้ย เพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ ก็มองไปที่เถาเถาอย่างแปลกใจไม่น้อย

หล่อนรู้ว่าการที่ตัวเองขอออกมาแบบนั้น ถ้าหากว่าเจียงเซ่อปฏิเสธ ในที่ทำงาน อย่าว่าแต่อึดอัดเลย เพื่อร่วมงานอาจจะแอบนินทาหล่อนลับหลังเลยด้วยซ้ำ และคงจะบีบหล่อนให้ออกจากงาน

ซูหมิ่นถอนหายใจออกมา คิ้วขมวดเข้าหากัน เถาเถานั่งอยู่ข้างหลังหล่อน หล่อนขยับเก้าอี้เล็กน้อย แล้วยื่นมือไปตีเถาเถา สื่อให้หล่อนอย่าก่อความวุ่นวายไปมากกว่านี้

“คนตั้งเยอะตั้งแยะแบบนี้ ไม่เห็นจะมีใครกล้าพูดขอไปสัมภาษณ์เองแบบนี้สักคน คิดว่าตัวเองเป็นใครกัน?”

ติงหรูกลอกตามองบน เถาเถาขมวดคิ้ว กำหมัดแน่น

“ดิฉันแค่อยากจะลองดูค่ะ มันอาจจะสำเร็จก็ได้นี่คะ?”

“แล้วถ้ามันไม่สำเร็จล่ะ? เธอเป็นแค่อะไร? แล้วถ้าเกิดอะไรขึ้นเพราะเธอล่ะ ถ้าเกิดหลังจากนี้ซื่อจี้หยินเหอเอารายชื่อสำนักข่าวหลงสิงไว้นอกตารางให้สัมภาษณ์ล่ะ?”

ติงหรูถากถางขึ้นมา หล่อนพูดออกมาฉอดๆ ซูหมิ่นเองก็เห็นว่าเถาเถากำลังกลั้นน้ำตาเอาไว้อยู่ ใบหน้าแดงก่ำราวกับสุดจะทนแล้ว ก็รู้สึกเห็นใจอยู่ไม่น้อย หล่อนตีเถาเถาอีกรอบ เตือนหล่อนว่าอย่าไปเถียงอะไรอีก

“ถ้าหากว่าลองแค่ครั้งเดียว แล้วซื่อจี้หยินเหอเลือกที่จะเอารายชื่อสำนักข่าวหลงสิงออกจากตารางการให้สัมภาษณ์ นั่นก็แปลว่าซื่อจี้หยินเหอไม่ได้ตั้งใจที่จะเชิญพวกเราตั้งแต่แรกอยู่แล้ว”

เถาเถายังคงพยายามคว้าโอกาสมา

“แต่ถ้าหากว่ามันจะเป็นเพราะดิฉันจริงๆ ที่ทำให้ชื่อของสำนักข่าวหลงสิงถูกคัดออกจากรายชื่อที่จะได้รับเชิญ”

หล่อนกัดริมฝีปากแน่น ใบหน้าสื่อว่าจะสู้อย่างถึงที่สุด และตัดสินใจพูดออกมาอย่างจริงจัง

“งั้นหัวหน้าก็ปลดฉันออกได้เลยค่ะ!”

ซูหมิ่นถอนหายใจออกมา ไม่คิดเลยว่าหล่อนจะใจร้อนขนาดนี้

เถาเถาเองก็เข้ามาทำงานในสำนักข่าวหลงสิงมานานแล้ว ทำงานก็ตั้งใจและเชื่อฟังดี แถมยังมีความขยันเสียยิ่งกว่าเด็กสาวคนอื่นๆ อีก

แรกๆ ที่เพิ่งเข้ามาทำงาน เพราะว่าหล่อนยังเป็นแค่พนักงานใหม่ ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ต้องทำ คอยช่วยยกน้ำยกชา เรียนรู้แบบนั้นอยู่กว่าสามเดือนถึงจะมีคุณสมบัติมากพอที่จะได้ตามรุ่นพี่นักข่าวออกไปทำงานนอกสถานที่ เวลาที่ออกไปข้างนอก ก็ต้องคอยช่วยช่างกล้องถือขากล้อง ช่วยยกอุปกรณ์อะไรต่างๆ ด้วย ไม่ว่าจะอะไรหล่อนทำหมด

ไม่ง่ายเลยกว่าที่จะมาถึงตรงนี้ได้ และเพราะครั้งก่อนบทความวิจารณ์ที่แอบเขียนเอาไว้ได้รับความสนใจ อีกทั้งตอนนี้ได้เป็นคนรับผิดชอบโครงการหนึ่งเอาไว้ด้วย เห็นได้ชัดว่าเพิ่งจะได้ทำผลงาน ถ้าเกิดจะมายอมทิ้งหน้าที่การงานตอนนี้ละก็ ความพยายามที่ทำมาทั้งหมดก่อนหน้านี้ก็เท่ากับสูญเปล่าไป

แต่ก็พูดมาจนขนาดนี้แล้ว ติงหรูยังคงยิ้มเยาะอยู่แบบนั้น หัวหน้านั่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็พยักหน้าให้

“งั้นเธอก็ลองดูแล้วกัน โทรไปตอนนี้เลยสิ”

เขาเหล่ตามองแวบหนึ่ง แล้วยื่นเบอร์โทรทั้งของผู้ดูแลซื่อจี้หยินเหอ ผู้ช่วยของเซี่ยเชาฉวินจนไปถึงผู้ช่วยของเจียงเซ่ออย่างโม่อานฉีให้เถาเถาทั้งหมด

ในห้องประชุมเงียบไร้เสียงใดๆ เถาเถาเองก็กดเบอร์หาซื่อจี้หยินเหอก่อน จากนั้นก็กดเปิดลำโพง หลังจากปลายสายรับแล้วหล่อนก็พูดถึงความต้องการที่อยากจะขอ

หลังจากที่วางสายไปแล้ว หล่อนก็โทรไปหาจางฉือผู้ช่วยของเซี่ยเชาฉวินต่อ พอพูดถึงสาเหตุที่ติดต่อไปแล้ว จางฉือเองก็ตอบอย่างเดียวกันว่าหากมีความเป็นไปได้ก็จะรีบติดต่อกลับมา

ตอนนี้ในใจของทุกคนที่อยู่ในห้องรู้ดีแล้ว จากสายทั้งสองสายที่โทรไป ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ตอบปฏิเสธมาตรงๆ แต่การบอกปัดกันแบบนี้ก็ถือว่าชัดเจนอยู่แล้ว

โอกาสสามครั้งยังเหลืออีกหนึ่งครั้ง เถาเถาสูดหายใจเข้าลึก ส่วนติงหรูก็ยังนั่งหัวเราะอยู่แบบนั้น

“หลังจากสายนี้แล้ว เธอยังอยากลองโทรไปหาหลิวเย่อีกสักคนไหมล่ะ?”

เถาเถาไม่สนใจหล่อน และกดโทรหาโม่อานฉีทันที เสียงรอสายดังอยู่หลายครั้ง แต่ก็ไม่มีใครรับเสียที ซูหมิ่นเองก็แอบปาดเหงื่อเย็นแทนเธอ จนมันดังขึ้นประมาณเจ็ดแปดครั้งได้ ในที่สุดปลายสายก็มีเสียงโม่อานฉีดังออกมา

“สวัสดีค่ะ โม่อานฉีค่ะ ไม่ทราบว่าใครคะ?”

“สวัสดีค่ะ ฉันชื่อเถาเถาค่ะ ดิฉันอยากจะขอสัมภาษณ์เจียงเซ่อหน่อยน่ะค่ะ” หัวหน้าที่ยังนั่งอยู่ในห้องประชุมยกมือขึ้นกอดอก ในตอนที่เถาเถาโทรหาปลายสายติดนั้น หล่อนก็รีบเอ่ยสิ่งที่ตัวเองต้องการออกไปทันที เพราะกลัวว่าปลายสายจะรำคาญและปฏิเสธตัวเองเสียก่อน หล่อนพูดต่อ

“ดิฉันเป็นคนของสำนักข่าวหลงสิงค่ะ ดิฉันเคยได้เจอเจียงเซ่อครั้งหนึ่งเมื่อตอนงานปฐมทัศน์ของหนังเรื่อง ‘The Occasion of Beiping’ ดิฉันเคยไปรอเธอที่โรงจอดรถด้วย เธอบอกว่าเธอจำดิฉันได้ค่ะ”

เถาเถาพูดถึงเรื่องนั้นอย่างตื่นเต้น ปลายสายเงียบไปครู่หนึ่ง ช่วงเวลาที่ต้องรอในตอนนี้มันช่างน่าทรมานเหลือเกินในขณะที่รอปลายสายตอบกลับมา แต่ก็กลัวเหมือนกันว่าตอนที่ตอบกลับมาจะเป็นคำปฏิเสธ

เพื่อนร่วมงาน บรรณาธิการและหัวหน้าจนไปถึงติงหรูยังคงนั่งจ้องมาที่หล่อน ทำเอาหล่อนต้องเกร็งไปหมดทั้งตัว

การกระทำของเธอเมื่อครู่ดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เวลาที่พูดเสียงก็ยังสั่น โม่อานฉีเป็นถึงผู้ช่วยของเจียงเซ่อ ไม่รู้ว่าวันนี้หล่อนต้องรับสายคนที่โทรไปขอสัมภาษณ์กี่คนแล้ว หล่อนควรที่จะยอมแพ้ได้แล้ว สายตาของคนทั้งห้องรวมทั้งซูหมิ่นเองต่างก็มองมาอย่างมีความนัย

และมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ ผ่านอีกไม่กี่วิ โม่อานฉีก็ปฏิเสธคำขอของหล่อน

“โอเคค่ะ เอาไว้ถ้ามีโอกาส ดิฉันจะติดต่อไปหาคุณนะคะ”

แล้วปลายสายก็ตัดไปทันที เสียงสัญญาณถูกตัดดังขึ้น และเสียงหัวเราะของติงหรูก็ดังก้องอยู่ในหู

หน้าจอมือถือยังคงสว่างอยู่ เถาเถายื่นมือไปหยิบมันมาเงียบๆ ด้วยท่าทางที่รู้สึกแย่ไม่น้อย

หล่อนไม่ได้เสียใจที่จะต้องเสียงานไป แต่หล่อนแค่รู้สึกเสียใจที่ไม่มีทางช่วยพูดช่วยอธิบายแทนเจียงเซ่อได้เลย

โม่อานฉีวางสายไป แล้วหันไปมองเจียงเซ่อที่นั่งอยู่ข้างๆ ก่อนจะพูดขึ้นมาขำๆ

“พวกนักข่าวเดี๋ยวนี้ เริ่มที่จะฉลาดกันขนาดนี้แล้วเหรอเนี่ย เมื่อกี้มีนักข่าวเล็กๆ ของสำนักข่าวหลงสิงโทรมา บอกว่าชื่อเถาเถา แถมยังพูดอีกว่าเธอจำหล่อนได้ และอยากจะขอสัมภาษณ์เธอ”

หลังจากที่ข่าวเรื่องที่หลิวเย่และเจียงเซ่อกำลังจะร่วมงานกันออกไป มือถือของโม่อานฉีก็มีแต่นักข่าวโทรเข้ามาจนแทบจะระเบิดอยู่แล้ว แค่ในระยะเวลาสั้นๆ เพียงหนึ่งชั่วโมง หล่อนก็ต้องรับไปแล้วสิบกว่าสาย

หล่อนพูดออกมาลอยๆ น้ำเสียงตอนพูดก็ยังติดตลกเลยด้วยซ้ำ ตัวหล่อนไม่ได้สนใจอะไรนัก และมั่นใจว่าเถาเถาต้องเป็นพวกหลอกลวงแน่ๆ แค่พูดหลอกเพื่อที่จะได้สัมภาษณ์เท่านั้นแหละ

แต่เจียงเซ่อกลับเหมือนคิดอะไรอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเธอก็เกิดนึกถึงคนที่ชื่อ ‘เถาเถา’ ขึ้นมา จะต้องเป็นเด็กสาวน่ารักๆ คนนั้นแน่ๆ เหมือนว่าจะเคยเจอกันตอนงานปฐมทัศน์ของ ‘The Occasion of Beiping’ และที่โรงจอดรถของโรงภาพยนตร์ IMAX เหมือนว่าจะเคยถ่ายรูปด้วยกันด้วย

“ฉันจำเธอได้นะคะ”

เจียงเซ่อพยักหน้า โม่อานฉีชะงักไป เจียงเซ่อเองก็วางบทหนังในมือลง

“เธออยากจะมาสัมภาษณ์ฉันเหรอ?”

โม่อานฉีพยักหน้า

ในตอนที่หัวหน้าสำนักข่าวหลงสิงประกาศเลิกประชุมด้วยใบหน้าที่เคร่งขรึม และยังเรียกชื่อเถาเถาให้อยู่ก่อนนั้น ใบหน้าของติงหรูก็เต็มไปด้วยความสะใจ แต่ทันใดนั้นเองหน้าจอมือถือของเถาเถาก็สว่างขึ้น บนหน้าจอนั่นมีหมายเลขเบอร์โทรศัพท์แสดงขึ้นมา

และเบอร์ที่ขึ้นนั้นก็เป็นเบอร์ของโม่อานฉีที่หล่อนเพิ่งโทรไป เถาเถาไม่ทันได้คิดว่าจะต้องเปิดลำโพง หล่อนรีบรับสายแล้วยกขึ้นแนบหูทันที

“สวัสดีค่ะ ดิฉันเถาเถา ใช่ค่ะ สำนักข่าวหลงสิง”

“เจียงเซ่อตกลงที่จะให้ดิฉันเข้าไปสัมภาษณ์หรือคะ?”

เสียงของหล่อนสั่นแล้วสั่นอีก และเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ ขาทั้งสองข้างของเธอมันเบาหวิว ราวกับว่ากำลังเหยียบอยู่บนก้อนเมฆ

“ใช่ค่ะ เซ่อเซ่อจำคุณได้จริงๆ เวลานัดก็คือ”

ในตอนที่ติงหรูและเถาเถาถกเถียงกันในห้องประชุมแล้วหัวหน้าเลือกที่จะสงสัยในตัวหล่อนนั้น หล่อนกลับไม่ได้ร้องไห้ออกมา สายตาของทุกคนจ้องมองหล่อนอย่างสงสัย จนถึงขั้นที่ว่าอึดอัดจนยอมเสี่ยงตกงาน แต่เธอก็ยังกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลลงมาได้ แต่กับตอนนี้ที่โม่อานฉีบอกกับหล่อนว่า ‘เซ่อเซ่อจำคุณได้จริงๆ’ นั้น น้ำตาที่เถาเถากลั้นมาตั้งนานก็ไหลลงมาทันที

“มีปัญหาอะไรหรือเปล่าคะ?”

พอโม่อานฉีถามขึ้นมา หล่อนก็กัดหลังมือตัวเองแน่น พยายามกลั้นเสียงร้องสุดชีวิตแล้วส่ายหัว เงียบไปอยู่ครู่หนึ่งก็เริ่มควบคุมอารมณ์ได้ ถึงตัวจะยังสั่นก็ตาม

“ไม่มีแล้วค่ะ”