webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

294

บทที่ 294 ลองดู

คำพูดของเถาเถาทำให้คนอื่นพากันหยิบมือถือขึ้นมาดู บนแอคเค้าท์ของเจียงเซ่อมีการโพสข่าวแล้วจริงๆ บทความเกี่ยวกับว่าหวังว่าทุกคนจะหยุดการคาดเดาผิดๆ เสียที หลังจากนี้จะออกมาให้คำตอบกับเรื่องนี้ด้วย

หลิวเย่เองก็ออกมาโพสข้อความในทำนองเดียวกันกับเจียงเซ่อ และมันก็สามารถช่วยลดความไม่สบายใจของแฟนคลับทั้งสองฝ่ายลงได้บ้าง และทุกคนต่างก็เฝ้ารอกับคำตอบที่เจียงเซ่อจะออกมาตอบ

หัวหน้าสำนักข่าวขมวดคิ้ว ท่าทางดูกังวลไม่น้อย เพราะเรื่องนี้มันเกี่ยวข้องกับหลิวเย่แล้วด้วย เหมือนเรื่องมันจะใหญ่ขึ้นอีก และเพื่อที่จะได้ข่าวมาของเหล่าสื่อข่าว แน่นอนว่ามันต้องดุเดือดมาก ตั้งแต่ที่สำนักข่าวหลงสิงก่อตั้งขึ้นมา ถึงแม้ว่ามันจะพัฒนามาได้เรื่อยๆ แต่ถ้าเทียบกฎเกณฑ์และต้นทุนกับสำนักข่าวอื่นๆ แล้ว ก็ยังถือว่าห่างไกลพอสมควร

ข่าวนี้จะต้องมีมูลค่ามากแน่ๆ แต่ตอนนี้หัวหน้ายังไม่รู้เลยว่าจะใช้วิธีไหนเพื่อให้ได้มันมา

เขาเคยได้ติดต่อไปที่ซื่อจี้หยินเหอแล้ว ต้องพยายามอย่างมากจนสุดท้ายก็ได้รู้ว่าเซี่ยเชาฉวินกำลังจะให้เจียงเซ่ออกมาให้สัมภาษณ์ แต่สำนักข่าวที่จะได้มีสิทธิ์เข้าไปนั้นมีแค่ห้าสำนักข่าวเท่านั้น

นอกจากสำนักข่าวใหญ่สามสำนักที่เขาพูดถึงไปก่อนหน้านี้แล้ว อีกสองสำนักข่าวนั้นก็จะมาจากการเลือกของเจียงเซ่อเอง

สำนักข่าวหลงสิงไม่ได้ให้กระแสอะไรได้มากมายนัก การที่จะโดนเจียงเซ่อเลือกก็คงเป็นไปได้ยาก หัวหน้าถอนหายใจออกมา แล้วยกมือขึ้นนวดขมับ ท่าทางดูเหนื่อยและเซ็งไม่น้อย

เถาเถากำมือถือเอาไว้ ใบหน้าเต็มไปด้วยความสุข แล้วจู่ๆ ก็มีหญิงสาวคนหนึ่งที่นั่งอยู่ในห้องประชุมเอ่ยขึ้นมา

“ที่หลิวเย่ออกมาพูดแบบนี้ แล้วจะรู้ได้ไงว่าเขาจะไม่โดนบังคับมาอีก?”

เถาเถาเงยหน้าขึ้นมา ก็พบว่าคนที่พูดเมื่อกี้คือติงหรู ผู้ที่มีประสบการณ์มากที่สุดในสำนักงานนี้ ถึงแม้ว่าจะเป็นรุ่นพี่ที่พูดออกมา แต่ทว่าเพราะคำพูดของหล่อนมันเหมือนกำลังพาดพิงถึงเจียงเซ่อ เถาเถาจึงรู้สึกไม่พอใจขึ้นมาทันที

“พี่ติงคะ หลิวเย่เองก็เป็นผู้ใหญ่แล้ว อีกทั้งยังได้รับรางวัลจากงานหนังภาพยนตร์มาสองครั้งติด ถ้ามันเป็นเรื่องที่เขาไม่อยากทำจริงๆ แล้วใครจะไปบังคับเขาได้ล่ะคะ?”

หล่อนเพิ่งเข้ามาทำงานที่นี่ได้ไม่นานเท่าไหร่ และส่วนมากก็จะคอยติดตามและเรียนรู้ขั้นตอนการทำงานมาเรื่อยๆ ที่จริงก็ไม่ได้เป็นคนกล้าพูดกล้าทำอะไรมากมาย ติงหรูเองก็คิดไม่ถึงว่าหล่อนจะกล้ามาตีฝีปากกับตัวเอง พอกำลังจะพูดอะไรกลับ เถาเถาก็เอ่ยขึ้นมาต่อ

“แล้วยังไงวงในเขาก็มีพูดๆ มากันอยู่แล้วว่าหลิวเย่ออาจจะร่วมงานกับเจียงเซ่อ ก่อนหน้านี้พวกเราก็ได้รับข่าวลือนี้กันไม่ใช่หรือ?”

ติงหรูจ้องไปที่หล่อนด้วยสายตาที่ดูเยือกเย็น ก่อนจะดันเก้าอี้ออกเล็กน้อย

“ยอมรับว่าก่อนหน้านี้ก็ได้ยินข่าวลือมาบ้าง ว่าซื่อจี้หยินเหอสนใจที่จะให้เจียงเซ่อเล่นหนังเรื่อง ‘Evil’ กับหลิวเย่ และเรื่องที่ผู้กำกับคือจ้าวร่าง แต่ในตอนนั้น หลิวเย่เองก็ไม่ได้พูดขึ้นมาเพราะตอนนั้นยังไม่คิดจะรับเล่น เรื่องนี้ทุกคนน่าจะรู้กันดี แล้วทำไมตอนนั้นถึงไม่ได้รับงาน แล้วทำไมจู่ๆ ถึงได้เปลี่ยนใจจนกลายเป็นเรื่องขนาดนี้?”

“การรับแสดงหนังสักเรื่องเป็นเรื่องใหญ่ การที่หลิวเย่จะใช้เวลาคิดพิจารณาสักหน่อยมันก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้วนี่คะ” เรื่องนี้ที่เกี่ยวกับไอดอลของตัวเอง เถาเถาเองก็เก็บความหงุดหงิดเอาไว้ไม่ได้เหมือนกัน

“แล้วยังไงพวกเราก็เป็นนักข่าว มันก็ต้องมีการสอบถามก่อน ถึงค่อยปล่อยข่าวที่เป็นความจริงออกไป ไม่ใช่การสุ่มเดาแบบนี้”

คำพูดเธอทำเอาติงหรูโกรธขึ้นมา หล่อนตบโต๊ะดังสนั่น

“จะต้องทำยังไง เรื่องนี้คงไม่ต้องให้หล่อนมาสอนหรอกนะ ฉันอยู่ในวงการนี้มานานกว่าหล่อน แล้วหล่อนมันแค่อะไร?”

ติงหรูลุกขึ้นยืน แล้วพูดเสียงดัง

“ใครมันไม่รู้บ้างว่าหล่อนชอบเจียงเซ่อ คิดอยากจะโต้แย้งแทนเธอ ทำเป็นอยากจะเอาความจริงมาพูด ที่จริงหล่อนเองก็รู้ดีอยู่แล้วว่าเรื่องจริงไม่ได้ต่างอะไรกับสิ่งที่คาดเดาเอาไว้นัก หล่อนจะเอาหลักฐานมาจากไหน? เข้าประชุมแบบนี้ก็ยังจะแอบเล่นมือถือ พนักงานแบบนี้ ก็ไม่รู้ว่ามีคุณสมบัติอะไรที่จะมาเข้าทำงานที่หลงสิงได้!”

ในห้องประชุมเกิดการถกเถียงกันขึ้น ทุกคนต่างก็คิดไม่ถึงว่าติงหรูและเถาเถาจะโต้กันขนาดนี้ และคิดไม่ถึงว่าเถาเถาที่ปกติเป็นคนไม่ค่อยกล้าจะลุกขึ้นมาเถียงกับติงหรูเพียงเพราะเป็นเรื่องของเจียงเซ่อ

ทุกคนพยายามเข้าไปห้าม ใบหน้าของเถาเถาแดงก่ำ นัยน์ตาเต็มไปด้วยหยาดน้ำ แต่กลับกัดฟันแน่นไม่ยอมให้มันไหลลงมา แถมยังเถียงกลับอีกว่า

“ฉัน”

“พอแล้ว!”

สีหน้าของหัวหน้าเคร่งเครียดกว่าเก่า และอดไม่ได้ที่จะโมโหขึ้นมา

“ที่นี่คือห้องประชุม อยากจะทะเลาะกันนักก็ออกไปทะเลาะกันให้พอใจ!”

เขามองไปที่เถาเถาครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยออกมาอย่างไม่ค่อยพอใจนัก

“ขอให้ทุกคนจำเอาไว้ว่าหน้าที่ของตัวเองคืออะไร อย่าเอาไปปะปนกับเรื่องส่วนตัวเด็ดขาด” คำพูดของเขามีความนัย ติงหรูยิ้มเย้ย ส่วนเถาเถากำลังสั่นไปทั้งตัว

คนรอบๆ ต่างก็มีทั้งเห็นใจและสะใจยามมองไปที่หล่อน คำด่าของหัวหน้ายังคงก้องอยู่ในหูราวกับว่าถูกต่อยหนักๆ ลงไปบนใบหน้าของเถาเถาอย่างไรอย่างนั้น หล่อนรู้สึกเหมือนทั้งร่างกายมันเยือกเย็นไปหมด สมุดจดบันทึกและปากกาที่ถืออยู่มันก็สั่นไปหมด

“ครั้งนี้เซี่ยเชาฉวินให้ห้าสำนักข่าวเข้าไปสัมภาษณ์ แต่สามสำนักข่าวแรกถูกเลือกเอาไว้แล้ว โอกาสของเราก็ถือว่ามีน้อย”

หัวหน้ายังคงพูดต่อไป แต่ว่าพูดอะไร เถาเถาก็ฟังแทบไม่รู้เรื่องแล้ว หล่อนรู้สึกว่าภาพมันเลือนรางไปหมด แต่ก็เหมือนมีเสียงของหัวหน้าดังอยู่ข้างๆ หู

“ทุกคนต้องใส่ใจให้มากๆ ว่าครั้งนี้เจียงเซ่อจะเลือกอีกสองสำนักข่าวไหนเข้าไป ถ้าได้ข่าวมาแล้ว ทุกคนก็เริ่มใช้คอนเนคชั่นของตัวเองได้เลย ทำยังไงก็ได้ให้ได้ข่าวมา เพื่อที่จะได้มีข่าวใหม่ลงทันเข้าใจไหม”

นี่ถือว่าเป็นกฎปกติทั่วไปของวงการ ทุกครั้งที่มีข่าวใหญ่ออกมา นักข่าวที่ไม่ได้ลงสนามแต่ก็ยังมีข่าวมาลงได้ทัน ช่วงเวลาแบบนี้คนที่อยู่ในวงการนี้มานานก็จะแสดงให้ได้เห็นอย่างชัดเจน

นักข่าวที่มีคอนเนคชั่นลึกหน่อย ก็จะมีความสัมพันธ์และความสนิทสนมที่ดีกว่าคนอื่นๆ มาก คนอื่นถ่ายรูปอะไรมาได้ หรือไม่ว่าจะได้ข่าวใหม่อะไรมาก็ตาม ก็จะมีการแบ่งปันให้กับเหล่านักข่าวที่ได้ไม่ได้ลงสนามด้วย ส่งให้สักรูปสองรูป แค่นี้ก็มีข่าวมาลงแล้ว

ดังนั้นในสำนักงานข่าวบันเทิงใหญ่ๆ นักข่าวเก่าๆ จึงจะมียอดการทำงานที่ดีกว่านักข่าวรุ่นใหม่มากนอกจากประสบการณ์การทำงานจะเยอะกว่าแล้ว คอนเนคชั่นก็ถือว่าเป็นสิ่งที่เรียกว่าเหลือเฟือเลย

เพราะงั้นในตอนที่เถาเถาและติงหรูเถียงกัน หัวหน้าก็เลือกที่จะเข้าข้างติงหรูอย่างไม่ลังเล และเลือกที่จะดุเถาเถาแทน

ตอนนี้หัวหน้าก็ได้เตรียมพร้อมอย่างถึงที่สุดแล้ว ในขณะที่จะสั่งเลิกประชุม เถาเถาก็สูดหายใจเข้าลึก

“หัวหน้าคะ”

เพราะหล่อนเพิ่งจะถกเถียงกับติงหรูไป พอเถาเถาเอ่ยปากขึ้นมา มันก็ทำให้ทุกคนในห้องประชุมหันไปให้ความสนใจทันที

หล่อนเองก็พยายามจะไม่หันไปมองหน้าคนอื่น ขอบตาของหล่อนดูแดงเล็กน้อย

“ครั้งนี้ให้ฉันลองติดต่อขอสัมภาษณ์เจียงเซ่อได้ไหมคะ? ฉันเคยได้เจอเธออยู่สองครั้ง แล้วเธอก็จำดิฉันได้ค่ะ!”

หล่อนเป็นนักข่าวใหม่ และครั้งก่อนก็เพิ่งได้แสดงความสามารถออกมาโดยการเขียนบทวิจารณ์ถึงหนังเรื่อง ‘The Occasion of Beiping’ ไป แต่ทว่าการประชุมในวันนี้ แม้แต่คุณสมบัติที่จะเข้ามานั่งฟังเฉยๆ ก็ยังไม่มีเลยด้วยซ้ำ

ตามเหตุผลแล้ว หน้าที่สัมภาษณ์ไม่ควรที่จะตกไปอยู่กับหล่อนได้ อย่างมากก็แค่ให้เธอตามไปในฐานะนักข่าวฝึกหัด ที่ตามรุ่นพี่ไปเรียนรู้งานก็เท่านั้นเอง

แต่ที่เถาเถาเอ่ยปากขอในตอนนี้ ก็รู้อยู่แล้วว่าตัวเองกำลังเสี่ยงแค่ไหน หัวหน้าอาจจะไม่ยินยอมเลยก็ได้ คนรอบๆ ต่างก็พากันคิดว่าหล่อนเสียสติกันหมด และมีไม่น้อยที่เข้าใจผิดว่าเป็นเพราะหล่อนเพิ่งทะเลาะกับติงหรูไป และคงอยากจะกู้หน้าตัวเองกลับ ถึงได้ตั้งใจพูดออกมาแบบนั้น

แต่ในตอนนี้เถาเถาไม่สนใจแล้วว่าใครจะคิดอย่างไร เธอก็แค่ไม่ชอบที่จะให้มีคนมาเข้าใจเจียงเซ่อในแบบผิดๆ และเธอเองก็อยากจะเจอกับไอดอลของตัวเอง อยากจะถามให้รู้ชัดถึงเรื่องจริงและเหตุผล อยากจะแสดงความสามารถของตนเองให้มากที่สุด อยากจะช่วยอธิบายให้ทุกคนเข้าใจแทนเจียงเซ่อ

ที่จริงเรื่องที่เจียงเซ่อจะยอมให้หล่อนสัมภาษณ์หรือไม่ ในใจหล่อนเองก็ไม่ได้มั่นใจอะไรนัก ในใจของเจียงเซ่อ หล่อนอาจจะเป็นแค่แฟนคลับที่พอเจอตัวเองก็เอาแต่หน้าแดงและทำตัวไม่ถูก จำชื่อเธอได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะยอมให้โอกาสเธอเข้าไปสัมภาษณ์

แต่ว่าถึงแม้ว่าพอจะรู้อยู่แล้วว่าจะเป็นอย่างไร แต่เถาเถาก็ยังกล้าที่จะจ้องตากับหัวหน้า และเอ่ยปากออกไปแบบนั้น

“ดิฉันเองก็อยากจะลองติดต่อกับเธอดูค่ะ”