webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

287

บทที่ 287 มุมานะ

จ้าวร่างรู้สึกสับสนไม่น้อย เจียงเซ่อที่ได้ยินเขาตะโกนว่า ‘คัท’ ก็รีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว เธอสางผมที่ยุ่งเหยิงของตนเอง แล้วนั่งหลังตรง ไม่เหลือเค้าของหญิงสาวที่ดูเหมือนคนเสียสติเพราะความสิ้นหวังจนอยากตายเมื่อครู่นี้เลยสักนิด

“ผู้กำกับจ้าว คุณหลิว คุณหยาง”

เจียงเซ่อยิ้มและยื่นมือไปหาจ้าวร่าง เสียงของเจียงเซ่อเรียกสติของจ้าวร่างกลับคืนมา และเขาก็เกิดอาการตื่นเต้นขึ้นมาอีก

“เซ่อเซ่อ การแสดงเมื่อครู่ของเธอไม่เลวเลยนะ” เขาเขย่าๆ นิ้วมือเจียงเซ่อเล็กน้อย แล้วมองเธอหันไปจับมือกับหลิวเย่

“ที่จริงมันเยี่ยมสุดๆ ไปเลยต่างหาก!”

หลังจากทักทายกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็พากันนั่งลงอย่างเดิม ทั้งหยางป๋อซีและเหล่าพนักงานของสำนักงานหลิวเย่ต่างก็จ้องมองไปที่เจียงเซ่ออย่างสงสัย แต่เจียงเซ่อก็ยังคงทำตัวตามปกติโดยการจัดเสื้อผ้าจัดคอเสื้อให้เข้าที่ ดึงกระโปรงลงและค่อยนั่งลง วาดรอยยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น

“ช่วงที่ผ่านมานี้ ฉันได้ไปเรียนรู้กับอาจารย์หลายๆ ท่านที่โรงละครใหญ่ และได้ดูหนังแนวฆาตกรรมอยู่ประมาณเดือนหนึ่ง และเพื่อบทจางยวี่หูบทนี้ก็ได้ลดน้ำหนักไปแล้วหกกิโลค่ะ”

เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นรูปร่างภายนอก น้ำเสียงหรือท่าทาง เธอก็สามารถแสดงได้อย่างถึงบทบาทแล้ว และฝีมือการแสดงของเธอก็ก้าวหน้าขึ้นเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ

หลิวเย่ที่ได้ยินเจียงเซ่อพูดแบบนั้นแล้ว เขาก็เริ่มที่จะมองเจียงเซ่อในมุมมองใหม่ขึ้น

หลังจากที่เธอผอมลง ความสวยของเธอก็เหมือนจะลดลงไปด้วย เมื่อเทียบกับสาวงามสะพรั่งในเรื่อง ‘The Occasion of Beiping’ แล้ว ก็พูดได้ว่ามันคนละเรื่องกันเลย แต่เจียงเซ่อที่กลายเป็นแบบนี้ก็สามารถทำให้หลิวเย่หันมาสนใจเธอได้

กับดาราสาวที่อายุยังน้อยอย่างเจียงเซ่อ ที่มีทั้งความสวย มีผลงาน มีผู้สนับสนุน และมีอนาคตแบบนี้ ทั้งๆ ที่เธอเพิ่งจะเข้าวงการมาไม่นานแท้ๆ แต่กลับคว้ารางวัลนักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมจากเรื่อง ‘The Occasion of Beiping’ ในงานหนังภาพยนตร์ได้แล้ว นี่มันก็เหมือนว่าเธอเป็นนักแสดงที่ผ่านประสบการณ์มามากมายและได้รับเกียรติยศแล้ว และมันก็มากพอที่จะทำให้เธออยู่ต่อแบบสบายๆ ไปอีกหลายปี อีกทั้งยังมีซื่อจี้หยินเหอเป็นแบค ข้างกายก็มีผู้จัดการส่วนตัวอย่างเซี่ยเชาฉวิน มีรางวัลอยู่ในมือ แถมยังมีความสวย มีโฆษณารวมไปถึงสัญญาหนัง และแค่นั้นก็น่าจะมากพอแล้วด้วยซ้ำ

เรื่อง ‘The Occasion of Beiping’ ที่เธอแสดงไปก็มียอดขายบัตรหนังที่ไม่เลวเลย หนึ่งเดือนที่เข้าฉายไปในประเทศ ก็ถือว่ารักษาระดับมาได้ตลอด แม้แต่กระทั่งค่ายโรงหนังใหญ่ๆ ที่เห็นว่าหนังเรื่องนี้มีกระแสที่ดี ก็รีบพากันเพิ่มรอบฉายหนังและยืดเวลาฉายไปจนถึงต้นเดือนมีนาคมเลยด้วยซ้ำ และยอดขายบัตรหนังทั้งหมดรวมแล้วก็ปาเข้าไปกว่าสองพันสามร้อยล้าน ตัวเลขนี้ก็ถือว่าไม่ต่างไรกับสองพันหกร้อยล้านของ ‘ปฏิบัติการผู้พิทักษ์’ แล้ว

ก่อนอื่นเลยต้องบอกว่าก่อนที่จะมีการถ่ายทำหนังทั้งสองเรื่องนี้ขึ้นมา จางจิ้งอานและหลินซีเหวินผู้กำกับทั้งสองคนนี้มีฐานะและจุดยืนที่ต่างกันมาก ตั้งแต่ช่วงแรกแล้วที่คนในวงการเองก็ยังไม่ค่อยให้ความสนใจกับหนังของหลินซีเหวินนัก

ผลงานของเขามีทั้งให้คนชื่นชมและให้คนด่า หนังเรื่องก่อนๆ ที่เขาถ่ายทำ น้อยนักที่จะมีเรื่องที่ดีที่โดดเด่น แถมตอนที่เริ่มเปิดกล้องหนังเรื่อง ‘The Occasion of Beiping’ ก็ไม่ได้ราบรื่นเสียเท่าไหร่ด้วย และเขาก็ยังใจกล้าที่จะให้เจียงเซ่อรับบทตัวประกอบหญิงที่สำคัญที่สุดอีก หลายๆ คนยังพากันคิดว่าหลินซีเหวินกำลังจะทำลายฐานของตัวเองหรืออย่างไร แต่สถานการณ์ก็พลิกผันเมื่อยอดขายของหนังเรื่อง ‘The Occasion of Beiping’ มันดีมาก ทำเอาหัวโถวที่ได้ถอนทุนคืนไปในตอนแรกถึงกับรู้สึกอับอาย จนแทบไม่รู้ว่าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนเลยด้วยซ้ำ

ที่สำคัญก็คือ ‘The Occasion of Beiping’ ไม่เพียงแต่มีกระแสที่ดีในประเทศเท่านั้น ในต่างประเทศเองก็ถือว่าประสบความสำเร็จไม่น้อยเลย

วันที่สองมกราคมที่ได้เข้าฉายในอเมริกาเหนือไป คำวิจารณ์ในด้านดีๆ ก็ออกมาไม่หยุด สื่อข่าวที่มีชื่อเสียงหลายแห่งต่างก็หยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดถึง แค่ยอดขายบัตรวันแรกก็ได้ไปถึงห้าล้านกว่าเหรียญสหรัฐแล้ว

และภายในหนึ่งอาทิตย์ ยอดขายบัตรของหนังเรื่อง ‘The Occasion of Beiping’ ก็ได้ไปถึงยี่สิบเอ็ดล้าน และคว้าที่หนึ่งภายในหนึ่งอาทิตย์ของอเมริกาเหนือไปเลย

สำหรับหนังภายในประเทศแล้ว ถึงว่าเป็นผลลัพธ์ที่ทำให้ใครหลายๆ คนอึ้งตะลึงไปเลยก็ว่าได้

และหลังจากนั้นระดับของหนังเรื่อง ‘The Occasion of Beiping’ ก็ยังพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายรายได้จากอเมริกาเหนือก็ได้ถึงเก้าสิบเจ็ดล้านเหรียญสหรัฐ ตัวเลขทำให้ผู้ที่เผยแพร่และเหล่านักลงทุนทั้งหลายพากันได้กำไรกันอย่างมหาศาล

จนกระทั่งยอดรวมทั้งหมดของ ‘The Occasion of Beiping’ ในอเมริกาเหนือออกมา ว่ามันได้แซงทะลุ ‘ปฏิบัติการผู้พิทักษ์’ ไปแล้วถึงสิบกว่าล้าน ถึงแม้ว่ายอดภายในประเทศจะแพ้ให้กับ ‘ปฏิบัติการผู้พิทักษ์’ แต่ยอดขายในต่างประเทศกลับดีกว่าเห็นๆ

เจียงเซ่อเองก็เป็นดาราหน้าใหม่ที่เคยตกเป็นที่ถกเถียงกันมาก่อน แต่ตอนนี้เธอกลับประสบความสำเร็จและกลายเป็นนักแสดงหญิงที่มีฝีมืออย่างแท้จริงแล้ว

ไม่ว่าจะข่าวไหนๆ ที่ออกมาก็ล้วนแล้วชื่นชมเธอ ต่างเห็นพ้องต้องกันว่าเธอทั้งมีรูปลักษณ์ที่ดีและความสามารถก็โดดเด่น เธอรับบทแสดงเป็นโต้วโค่วในเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นฝีมือในการแสดงบุคลิกของตัวละครหรือจะเป็นด้านรูปโฉมความสวยก็ตาม เรียกได้ว่าโดดเด่นกว่านางเอกของเรื่องอย่างฟ่านจืออวิ๋นเลยด้วยซ้ำ

นักวิจารณ์ชาวต่างชาติหลายๆ คนก็พากันออกมาชื่นชมในความสวยของเธอ คิดว่าความสวยและบุคลิกของเธอนั้น ล้วนแล้วสามารถเป็นตัวแทนของสาวงามในฝันแห่งยุคโบราณของหัวเซี่ยเลยด้วยซ้ำ

ในสถานการณ์แบบนี้ ทั้งหนังสือพิมพ์นิตยสารจนไปถึงสื่อข่าวต่างๆ ล้วนแล้วมีการกล่าวชื่อของเธอทั้งนั้น และบนแอคเค้าท์ส่วนตัวของเธอบนอินเทอร์เน็ตก็มียอดติดตามสามสิบกว่าล้านคนแล้ว ทั้งๆ ที่เป็นช่วงที่กำลังได้โด่งดังแบบนี้ แต่เธอกลับแทบจะไม่ให้ใครได้มาสืบหรือได้เห็นชีวิตประจำวันของเธอเลยสักนิด

ในช่วงที่ ‘The Occasion of Beiping’ กำลังเข้าฉาย เธอเองก็ไม่ได้ออกมาให้เห็นบ่อยนัก และส่วนมากหลินซีเหวินจะใช้ฟ่านจืออวิ๋นออกโรงมากกว่า พอหนังมันดังขึ้นมา พระนางอย่างฟ่านจืออวิ๋นและซ่งเซี่ยนก็เริ่มมีกิจกรรมในวงการบันเทิงมากขึ้น แต่เธอกลับหายเงียบไปเลย

ถ้าเทียบกับดาราคนอื่นๆ ที่พอได้ดังแล้ว ก็เริ่มที่จะไขว่คว้างานโฆษณาต่างๆ เพื่อสร้างธุรกิจในทันที เรียกว่าแทบจะรับงานทุกอย่าง ทั้งที่เป็นโอกาสที่จะได้เพิ่มชื่อเสียงให้กับตัวเอง แต่เธอกลับไปฝึกซ้อมการแสดงในโรงละครใหญ่แทน

หลิวเย่เองก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดว่าเธอบ้าหรือเปล่า หรือจะพูดว่าเธอกำลังมองการณ์ไกลกว่านั้นดี

เพื่อที่จะแสดงเรื่อง ‘Evil’ เธอก็ไม่แคร์เรื่องรูปลักษณ์หรือผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับตัวเองเลยสักนิด ผอมลงขนาดนี้ จนแทบจะเป็นหนังหุ้มกระดูกอยู่แล้ว มองไม่ออกเลยว่าจริงๆ แล้วสวยแค่ไหน สำหรับเด็กวัยรุ่นคนหนึ่งแล้ว ไม่สิ ต้องพูดว่าสำหรับดาราสาวที่ต้องดูแลรูปร่างแล้ว นี่ถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่คิดจะทำกันเลยด้วยซ้ำ แต่มันก็เป็นสิ่งที่จะมายืนยันว่าเธอตั้งใจกับหนังเรื่องนี้มากแค่ไหน

ทั้งๆ ที่เธอเองก็มีซื่อจี้หยินเหอคอยสนับสนุนอยู่ อีกทั้งยังมีเซี่ยเชาฉวินเป็นผู้จัดการส่วนตัว อีกทั้งยังได้ยินวงในบอกกันมาว่าแฟนหนุ่มของเธอก็ไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไปอีก เธอก็ควรจะเป็นปลาที่เหมือนได้ว่ายอยู่ในน้ำตลอดไม่ควรที่จะมาทำตัวพยายามและขยันเพื่อให้ได้ความสำเร็จเหมือนคนอื่นๆ สิ แต่เธอกลับตรงกันข้ามทุกอย่าง เธอทุ่มเทมากกว่าคนอื่น และตั้งใจพยายามมากกว่าดาราผู้หญิงคนอื่นๆ ด้วย

“คุณหลิว เกี่ยวกับเรื่องหนัง ‘Evil’ เรื่องนี้ ฉันให้ความสำคัญกับมันมาก เพราะงั้นตอนที่ได้บทหนังเรื่องนี้มา ก็เริ่มเตรียมตัวในทันทีเลยค่ะ”

ภาพที่เจียงเซ่อได้จัดเสื้อผ้าและกระโปรงตัวเองให้เรียบร้อยทันทีที่จ้าวร่างตะโกนว่า ‘cut’ นั้นหลิวเย่เองก็ได้เห็นหมดแล้ว และรู้ว่าจริงๆ เธอเองก็เป็นเด็กสาวที่ให้ความสนใจต่อรูปลักษณ์ภายนอกของตัวเอง แต่เพราะรายละเอียดเล็กๆ น้อยเหล่านั้น เพื่อหนังเธอจึงพยายามทำออกมาให้คนดูประทับใจที่สุด

ตาคู่นั้นของเธอจดจ้องไปที่หลิวเย่ อารมณ์ดูสงบนิ่ง

“ฉันรู้นะคะว่าฉันยังเป็นแค่ดาราหน้าใหม่ อีกทั้งไม่ใช่นักเรียนที่เรียนการแสดงมาด้วย ฝีมือการแสดงก็อาจจะยังมีไม่มากพอ แต่ว่าฉันจะตั้งใจและพยายามเรียนรู้มันค่ะ รับรองเลยว่าจะไม่ทำให้คุณผิดหวัง”

เธอไม่ได้คุยโวโอ้อวดอะไร แต่ก็ไม่ได้แสดงความอ่อนข้อออกมาต่อหน้าหลิวเย่เช่นกัน แต่นั่นก็ยิ่งเป็นเครื่องยืนยันต่อหลิวเย่ได้ว่าเธอมีใจที่จะพยายามจริงๆ

“ผู้กำกับจ้าวเองก็มาขอให้ฉันช่วยมาคุยกับคุณอยู่นานแล้ว แต่ที่ผลัดโอกาสเจอหน้ามาจนถึงตอนนี้ ไม่ใช่เพราะฉันประหม่าที่จะมาอยู่ต่อหน้าคุณ แต่ฉันแค่คิดว่าอยากจะให้มันอยู่ในสถานการณ์ที่ดีที่สุดเท่านั้นเองค่ะ”

เจียงเซ่อเข้าใจในความกังวลของหลิวเย่ดี เขาก็แค่ต้องการปกป้องชื่อเสียงของตนเอง กลัวว่าดาราหน้าใหม่จะแสดงได้ไม่ดีพอ และจะทำให้หนังทั้งเรื่องมันเสียเปล่า

“หวังว่าคุณจะช่วยพิจารณาดูอีกสักครั้งนะคะ และหวังว่าฉันจะได้มีโอกาสเรียนรู้การแสดงจากคุณเช่นกัน” พอเธอพูดถึงตรงนี้ ก็ก้มหัวลง “ขอความกรุณาด้วยค่ะ”