webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

284

บทที่ 284 Audition

เจียงเซ่อเองก็สังเกตเห็นว่าเผยอี้กำลังขมวดคิ้ว สวีโจวจี้ยังนั่งถามนู่นนี่อย่างเกรงใจอยู่ข้างๆ นอกจากงานแถลงข่าวเซ็นสัญญาในครั้งนั้นแล้ว นี่ก็ถือว่าเป็นครั้งที่สองที่ได้เจอกับเจ้าของกังหัวคนนี้ แต่เวลานี้ที่เขาอยู่ต่อหน้าเผยอี้ก็ดูนอบน้อมถ่อมตนพอดู

“พี่ผอมลง”

เผยอี้มั่นใจเป็นอย่างมาก ก่อนจะเอื้อมมือไปจับข้อมือเธอขึ้นมา ท่าทางสนิทสนมราวกับว่ารอบๆ ข้างไม่มีใครอยู่สักคน

เธอผอมลงไม่มากเท่าไหร่ ถ้ามองเผินๆ ก็คงจะดูไม่ออก แต่ตัวเลขที่วัดออกมาไม่มีทางหลอกได้ เขารู้สึกไม่สบายใจเลย ส่วนสวีโจวจี้ที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็แสร้งทำเป็นนั่งดูชนิดของเครื่องประดับในมือไปเรื่อยๆ เจียงเซ่อจึงเขยิบเข้าไปใกล้ๆ เผยอี้แล้วกระซิบบอกเขาถึงเรื่องที่ตัวเองจะลดน้ำหนักเพื่อเล่นหนังเรื่องใหม่ ก่อนหน้านี้ไม่ได้บอกเขา ก็เพราะว่ากลัวว่าเขาจะกังวลเปล่าๆ เลยเก็บเป็นความลับเอาไว้

“ถ่ายเรื่อง ‘Evil’ จบแล้ว ฉันก็จะกลับมาขุนตัวเองเหมือนเดิม พี่เชาฉวินหานักโภชนาการไว้ให้ฉันแล้ว ยังไงก็ตามฉันลดความอ้วนด้วยออกกำลังกายด้วย ไม่ทำลายสุขภาพร่างกายแน่นอน ฉันมีลิมิตอยู่น่า”

ยังไงซะที่ก็เป็นเหตุผลที่ฟังดูเข้าใจยากเหมือนกัน เธอจึงกอดแขนเผยอี้ ทำท่าทางเหมือนกำลังออดอ้อนอย่างไรอย่างนั้น

เวลาที่เธออยู่ต่อหน้าเผยอี้ น้อยครั้งที่เธอจะแสดงท่าทางน่ารักแบบนี้ออกมา แต่เธอก็รู้อยู่แล้วว่ายังไงเผยอี้ก็ต้องแพ้เธอที่เป็นแบบนี้

และเพราะว่าเธอสัญญาแล้วว่าจะรีบขุนตัวเองให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม ในขณะเดียวกันมันก็ยังเกี่ยวเนื่องไปถึงเรื่องสัญญาแบรนด์ แอมบาสเดอร์ต่างๆ อีกด้วย ดังนั้น ตอนที่จะยืนยันขนาดนิ้วและข้อมือไป ก็เลือกที่จะใส่เป็นตัวเลขเดิมที่เคยวัดก่อนหน้านี้เอาไว้

ตอนนี้เหมือนว่าเผยอี้จะยังไม่ถูกใจเพชรตัวไหนของกังหัวเลยสักอย่าง สวีโจวจี้เองก็รับปากว่าจะรีบหาอันที่น่าสนใจมาให้ได้ ถ้ามีอันที่เหมาะสมแล้ว จะส่งไปให้ถึงตี้ตูทันที ถึงตอนนั้นก็รอให้ทั้งสองคนเลือกกันอีกที

เทศกาลชุนเจี๋ยผ่านไป เผยอี้ก็กลับโรงเรียนไปแล้ว เจียงเซ่อเองก็เพิ่งจะเข้าสู่เวลาของการลดน้ำหนักแล้วจริงๆ เธอได้ขอลากับทางมหาวิทยาลัยหนึ่งเดือน ตามเวลาที่ละครเวทีเรื่อง ‘HAI TANG QIU’ ได้ทำการแสดงไป สิ่งที่ต้องเรียนรู้ก็เริ่มมีเพียงพอแล้ว ในทุกๆ วันนอกจากที่เธอจะต้องไปออกกำลังกายเพื่อลดน้ำหนัก เธอก็เริ่มที่จะปิดบ้านนั่งดูหนังอาชญากรรมกับโม่อานฉี คอยสังเกตการแสดงของเหล่านักแสดงรุ่นพี่ในหนังแต่ละเรื่อง ทั้งภาษาน้ำเสียงและอารมณ์ที่สื่อออกมา บางทีก็ลองแสดงเองแล้วอัดวีดิโอเอาไว้ดูบ้าง เพื่อแก้ไขและทำออกมาให้ดีที่สุด

กลางเดือนมีนาคม น้ำหนักของเจียงเซ่อก็ลดลงไปอีกห้ากิโลกว่า จนมาถึงตอนนี้ เธอก็เพิ่งได้โทรไปหาจ้าวร่าง เตรียมพร้อมที่จะพบกับหลิวเย่

ปลายสายอย่างจ้าวร่างมีน้ำเสียงที่ดูเซ็งๆ อยู่ไม่น้อย ตอนนี้หลิวเย่เป็นบุคคลที่งานยุ่งไม่มีเวลาสุดๆ เขาอาศัยฝีมือการแสดงที่ล้ำลึกของตัวเอง ในการคว้ารางวัลในงานหนังภาพยนตร์มาสองครั้งติด ทำให้งานในประเทศของเขายิ่งแน่นเข้าไปอีก และบวกกับที่หนังเรื่อง ‘ปฏิบัติการผู้พิทักษ์’ กำลังโด่งดังในต่างประเทศ ทำให้เขากลายเป็นที่สนใจของชาวต่างชาติมากขึ้น

ตอนนี้นอกจากผู้สร้างและนักลงทุนในประเทศที่กำลังสนใจเลือกเขามาเล่นหนังแล้ว บริษัทต่างประเทศที่มีชื่อเสียงหลายๆ แห่งก็กำลังออกมาชื่นชมหลิวเย่กันไม่หยุด

ในตอนแรกที่หลิวเย่ยังไม่ได้รางวัลครั้งที่สอง จ้าวร่างเองก็พูดกับเขาจนปากเปียกปากแฉะแต่หลิวเย่ก็ยังไม่ยอมรับเล่นบทลั่วเซิ่นเรื่อง ‘Evil’ เสียที ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเขาในตอนนี้ที่โด่งดังงานเต็มมือแบบนี้เลย ยิ่งตัวเลือกเยอะขึ้นแบบนี้ จ้าวร่างค่อนข้างมั่นใจเลยว่าเขาไม่มีทางรับเล่นหนังเรื่องนี้แน่ๆ

“ได้ยินมาว่าบริษัทหนังของอเมริกาหลายบริษัทติดต่อเขาไปแล้ว แต่ก็เอาเถอะ เธอจะลองดูก็ได้”

น้ำเสียงของจ้าวร่างดูสิ้นหวังน่าดู หนังเรื่อง ‘Evil’ เป็นบทหนังที่หาได้ยากจริงๆ เขาอยู่ในวงการนี้มาตั้งกี่ปี ถึงแม้ว่าจะถือว่ามีชื่อเสียงอยู่บ้าง รางวัลเล็กใหญ่ในประเทศก็เคยได้มาแล้ว หนังที่เขาได้สร้างไปก็เป็นหนังที่ดีและมียอดขายบัตรที่ไม่เลวด้วย

เวลาที่ใครๆ นึกถึงเขา ก็จำได้แค่ว่าเขาเป็นผู้กำกับที่มี ‘ชื่อเสียง’ และถ่ายหนังมาหลายเรื่อง แต่หนังที่จะมาเป็นเอกลักษณ์ได้จริงๆ หรือหนังที่พอจะพอเอามาเชิดชูฝีมือได้จริงๆ ก็แทบจะไม่มีเลย

จ้าวร่างก็มีความทะเยอทะยานในตัวเอง และคิดเอาไว้ว่าอยากจะใส่อะไรบางอย่างเอาไว้ในหนังด้วย

“ฉันเคยติดต่อหยางป๋อซีไปตั้งหลายครั้งแล้ว และเขาก็บอกปัดกลับมาตลอด เซ่อเซ่อ ถ้าหากว่าเธอจะนัดเจอกับหลิวเย่ คงต้องพึ่งเซี่ยเชาฉวินแล้วล่ะนะ”

หล่อนและหลิวเย่มีช่องทางติดต่อส่วนตัว ถ้าหากให้หล่อนออกหน้า ก็มีโอกาสที่หลิวเย่จะยอมออกมาพบเจียงเซ่อ

เซี่ยเชาฉวินเองทำงานอย่างรวดเร็ว เจียงเซ่อเพิ่งจะพูดเรื่องนี้กับหล่อนไปไม่นานนัก ประมาณสิบห้านาที เธอได้รับโทรศัพท์กลับมาแล้ว

“เซ่อเซ่อ หลิวเย่ตกลงที่จะออกมาพบเธอกับจ้าวร่างแล้วนะ เวลาคือพรุ่งนี้ตอนบ่ายสอง ที่สำนักงานของเขาเอง จะมีเวลาเจรจากันครึ่งชั่วโมง ถึงเวลาแล้วฉันจะไปรับเธอเอง เขาตกลงแค่ว่าจะพบหน้า แต่ไม่ได้ตอบตกลงที่จะรับเล่นหนัง ‘Evil’ ถ้าเธอคิดที่จะเกลี้ยกล่อมเขาละก็ ก็คงต้องพึ่งความสามารถของเธอเองแล้ว”

หล่อนทำได้แค่ให้เจียงเซ่อได้มีโอกาสลองเกลี้ยกล่อมหลิวเย่ดู นอกนั้นก็ต้องพึ่งตัวเจียงเซ่อเองแล้ว

ในตอนที่เซี่ยเชาฉวินมารับเจียงเซ่อ เธอก็เปลี่ยนเป็นใส่กระโปรงพนักงานสีดำ เรือนผมถูกรวบขึ้นไว้บนหัวทั้งหมด เธอไม่ได้แต่งหน้า มีเพียงหน้าสดธรรมดาๆ

เท่านั้น เทียบกับตอนที่เซี่ยเชาฉวินได้เจอเธอในครั้งแรกแล้ว เธอเป็นคนที่ดูให้ความสำคัญและทะนุถนอมตัวเองอยู่ไม่น้อย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรเธอก็ให้ความกับรายละเอียดและเคร่งครัดต่อตัวเองมากๆ นี่ถือว่าเป็นครั้งแรกเลยที่เซี่ยเชาฉวินได้เจอกับเจียงเซ่อที่ปล่อยตัวสบายขนาดนี้

ตลอดทางเซี่ยเชาฉวินก็คอยพูดถึงเรื่องต่างๆ ที่เกี่ยวกับหลิวเย่และสิ่งที่เขาชอบ พูดถึงหนังแต่ละเรื่องที่เขาเคยเล่นมา และที่จริงข้อมูลพวกนี้เจียงเซ่อเองก็หาและจำเอาไว้ขึ้นใจแล้ว แต่ในตอนที่เซี่ยเชาฉวินพูดให้เธอฟังอีกครั้ง เจียงเซ่อก็ยังเป็นผู้ฟังและคอยเอามาเปรียบเทียบกับข้อมูลของตัวเองว่าตรงกันหรือไม่ เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่ตกหล่น

การมาของทั้งสองคนนั้นที่จริงแล้วควรที่จะเป็นความลับ แต่ทว่าทั้งสองคนในตอนนี้ต่างก็เป็นคนที่มีชื่อเสียง ทุกย่างก้าวในชีวิตก็มีนักข่าวคอยจ้องมองตลอด และเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเรื่องวุ่นวายตามหลังมา หลิวเย่จึงนัดพบกันที่สำนักงานของตนเอง

ในตอนที่เจียงเซ่อมาถึง ก็ได้ไปแนะนำตัวกับพนักงานของสำนักงาน จ้าวร่างมาถึงก่อนหน้านี้กว่าสิบนาทีแล้ว และหลิวเย่ก็เข้าไปพบเขาที่ห้องประชุมเมื่อหกนาทีก่อนนี้เอง

พนักงานมองเซี่ยเชาฉวินอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็แอบมองไปที่เจียงเซ่อ เธอยกมือขึ้นเสยผมอย่างมั่นใจ ผิวของเธอขาวราวกับหิมะ และเพราะว่าเธอดูผอมมาก ทำให้เห็นแม้กระทั่งกระดูกและลายเส้นเลือด ก็เป็นเส้นลายไขว้กันไปมา ราวกับงูตัวหนึ่งที่พันรอบมือ หน้าผากและลำคอของเธอเอาไว้ ผอมเหมือนหนังหุ้มกระดูกไม่มีผิด

“คุณหลิวได้แจ้งเอาไว้แล้วค่ะ บอกว่าหากคุณผู้หญิงเซี่ยมาถึงแล้ว ให้คุณและคุณเจียงเซ่อไปที่ห้องรับรองแขกได้เลย”

พนักงานต้อนรับลอบมองเจียงเซ่ออีกครั้ง คงเป็นเพราะว่าช่วงนี้เจียงเซ่อเริ่มมีชื่อเสียงขึ้นมาแล้ว เธอสวย และบุคลิกก็โดดเด่น แต่ในตอนนี้เธอกลับดูผอมลงไปมากๆ ราวกับว่าทั้งตัวเหลือแต่กระดูกแล้วอย่างไรอย่างนั้น

ในใจของหล่อนเอาแต่คิดถึงการมาที่สำนักงานหลิวเย่ของเซี่ยเชาฉวินและเจียงเซ่อ และเดาว่าเจียงเซ่อที่กำลังเริ่มโด่งดังคนนี้กำลังประสบกับความล้มเหลวอะไรหรือเปล่าถึงได้ผอมลงขนาดนี้ ทำให้คนอื่นแทบนึกภาพหญิงสาวแสนสวยที่เธอเคยเป็นไม่ออกเลย

เจียงเซ่อเองก็ไม่สนใจความคิดของคนรอบๆ ข้าง ที่จริงตั้งแต่ครั้งนั้นที่ได้ยินมาจากจ้าวร่างถึงเหตุผลที่หลิวเย่ลังเลที่จะรับเล่นหนัง ‘Evil’ และลังเลที่จะต้องเล่นหนังกับเธอแล้ว เธอจึงคิดที่ทำให้การพบหน้าหลิวเย่ในครั้งแรก กลายเป็นให้หลิวเย่ได้พิจารณาการแสดงของเธอไปเสียเลย

เซี่ยเชาฉวินพูดเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว จะสำเร็จหรือไม่สำเร็จ ก็ขึ้นอยู่กับโอกาสในครั้งนี้แล้ว

ในเมื่อเธอเตรียมตัวและตั้งใจที่จะรับเล่นหนังเรื่อง ‘Evil’ แล้ว เจียงเซ่อเองก็ตั้งใจและพยายามถึงขนาดนี้ ยังไงนักแสดงนำชายก็ต้องได้ที่ดีและโดดเด่นที่สุด เธอเองก็เหมือนกับจ้าวร่าง ที่จะไม่ยอมเสียตัวเลือกที่ดีที่สุดไปง่ายๆ