webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

283

บทที่ 283 ดีกว่าจะให้มีมาก

จนมาถึงวันนี้ หนังเรื่อง ‘เกี่ยวกับที่ฉันรักเธอ’ ก็ปิดกล้องไปตั้งนานแล้ว อีกทั้งยังได้มีรายการเข้าร่วมชิงรางวัลในงานหนังภาพยนตร์ที่ผ่านไปอีก แต่เรื่องที่ทางซื่อจี้หยินเหอได้ไปตอบตกลงกับเจ้าร่างเอาไว้ นอกจากจะมีเรื่องที่เขาจะเข้ามาเป็นคนกำกับหนังเรื่อง ‘Evil’ แล้ว ทางหลิวเย่เองก็เหมือนว่าไม่มีท่าทีที่จะยอมแสดงเรื่องนี้เพียงเพราะรู้จักกันกับเซี่ยเชาฉวิน

จ้าวร่างจึงกังวล เขาเคยนัดเจียงเซ่อออกมาพูดคุยกันแล้ว และหวังว่าเธอจะเป็นคนไปคุยเรื่องนี้กับหลิวเย่ให้

ใช่ว่าเซี่ยเชาฉวินจะไม่มีทางอื่นที่จะจัดการเรื่องนี้ ถ้าหากว่าสุดท้ายแล้วหลิวเย่ไม่ยอมรับเล่นหนัง ‘Evil’ จริงๆ แล้วละก็ หล่อนก็สามารถเกลี้ยกล่อมจ้าวร่าง ให้เขาเปลี่ยนตัวนักแสดงแทน ในซื่อจี้หยินเหอ จ้าวร่างเองก็เคยร่วมงานกับชุยซิ่งมาแล้ว และเขาก็สามารถร่วมงานกับเจียงเซ่อได้

แต่ทว่าเซี่ยเชาฉวินไม่ได้คิดที่จะทำอย่างนั้น หล่อนชื่นชมที่เจียงเซ่อยังคงมีความตั้งใจในเรื่องราวและสิ่งต่างๆ ตรงหน้าได้อย่างไม่ลดละ เธอเองก็เดินตามเป้าหมายที่หล่อนวางเอาไว้ให้เสมอมา และนั่นก็เป็นสิ่งที่คล้ายกับตัวหล่อนเอง หล่อนรู้สึกว่าตัวหล่อนเชื่อใจเจียงเซ่อได้ และสัมผัสได้ว่าเธอสามารถพูดเกลี้ยกล่อมหลิวเย่ให้มาเล่นหนังเรื่องนี้ได้

“ยังไม่รีบน่ะค่ะ”

จ้าวร่างดูร้อนรนมากจริงๆ แต่เจียงเซ่อกลับยังใจเย็นไม่ร้อนรนอะไร

เธอรู้ว่าหลังจากที่กำหนดตัวนักแสดงของเรื่องแล้ว ก็จะต้องเริ่มดึงดูดนักลงทุนเข้ามา คนสร้างหนังจะต้องรับผิดชอบเรื่องการสำรวจตลาด และยืนยันต่อตัวนักแสดงและสิ่งต่างๆ ที่จะต้องใช้ในหนัง ถ้าหากว่าทุนไม่เพียงพอละก็ การถ่ายทำก็จะต้องหยุดลง

จ้าวร่างเชิญเจียงเซ่อไปทานข้าวอยู่หลายครั้ง และได้บอกอย่างชัดเจนว่าตนเองตั้งใจที่จะเริ่มถ่ายทำภายในปีนี้เขาได้จัดการเคลียร์งานในตางรางเรียบร้อยแล้ว และจะให้ตั้งใจต่อการถ่ายหนังเรื่อง ‘Evil’ เท่านั้น

“ฉันชอบที่จะให้มีการเตรียมพร้อม เมื่อเรื่องมันมาอยู่ตรงหน้าแล้ว จะได้ไม่ต้องลนลานให้มากมาย”

เธอยิ้มๆ แล้วหลุบตาลง ซ่อนความรู้สึกที่จะต้องทำให้ได้เอาไว้

“ถ้าเตรียมพร้อมเรียบร้อยแล้ว ฉันจะเป็นคนนัดหลิวเย่ออกมาคุยเองค่ะ แต่ถึงตอนนั้นแล้วคงจะต้องให้พี่เชาฉวินช่วยสักหน่อย”

นักโภชนาการที่เซี่ยเชาฉวินหาเอาไว้ให้เจียงเซ่อก็ติดต่อมากาเธออย่างรวดเร็ว ที่จริงแล้วสัดส่วนร่างกายน้ำหนักและส่วนสูงของเธอก็ถือว่าเหมาะสมแล้ว ถ้าหากว่าจะให้ผอมลงกว่านี้อีก มันจะกลายเป็นว่าไม่สวยเอา

นักโภชนาการแซ่ฮวาง เป็นหญิงสาวอายุราวๆ สี่สิบต้นๆ หล่อนไม่ค่อยจะเข้าใจต่อความคิดของเจียงเซ่อที่อยากจะลดความอ้วนมากนัก และสุดท้ายหล่อนก็เข้าใจแค่ว่าที่ดาราสาวในวงการบันเทิงกอยากจะผอมเพื่อให้สวยเป็นแค่ความคิดประหลาดก็เท่านั้น

อาหารที่ต้องกินในทุกๆ วัน เจียงเซ่อเองก็เริ่มตั้งใจที่จะควบคุมตัวเองอยู่แล้ว บวกกับที่เซี่ยเชาฉวินได้จัดหาโค้ชฟิตเนสเอาไว้ให้เธอ เพื่อมาสอนเธอออกกำลังกายด้วย

เวลาของเธอเวลาของเธอเริ่มเหมือนถูกบีบเข้ามาอีกครั้ง การออกกำลังกายอย่างหนักในระยะเวลาสั้นๆ ไม่อาจทำให้เธอเห็นผลได้อย่างชัดเจนนัก น้ำหนักของเธอในตอนแรกมันพอดีอยู่แล้ว ถึงแม้ว่าจะออกกำลังกายทุกวัน แต่ในช่วงที่สอบปลายภาคเสร็จ และเผยอี้ก็กลับมาช่วงปลายเดือนมกราคม เธอก็เพิ่งจะลดไปได้แค่สามกิโลเท่านั้น

พอเผยอี้กลับมา เขาก็พาเจียงเซ่อไปกังหัวที่ฮ่องกงเพื่อวัดขนาดนิ้ว และเตรียมที่จะทำแหวน

เธอเป็นแบรนด์ แอมบาสเดอร์ของกังหัว และเผยอี้เองก็มีฐานะที่ไม่เหมือนคนอื่นๆ การมาฮ่องกงครั้งนี้ แม้แต่สวีโจวจี้เองก็ยังแปลกใจไม่น้อย

เขากับถึงต้องเป็นคนพาช่างออกแบบเครื่องประดับมาที่บริษัทด้วยตัวเอง และรออยู่แล้วกว่าครึ่งชั่วโมง

เขาเดาถึงการมาที่ฮ่องกงครั้งนี้ของทายาทตระกูลเผย ถึงแม้ว่าลูกน้องจะบอกมาแล้วว่าเผยอี้มาเพื่อสั่งทำแหวน แต่เขาก็ยังไม่ปักใจเชื่อทั้งหมด

ในวงการบันเทิงมีหญิงสวยชายหล่อตั้งมากมาย แน่นอนว่ามันต้องเป็นที่น่าดึงดูดเป็นที่น่าสนใจ การที่เผยอี้และเจียงเซ่อคบกันมันก็ไม่ใช่เรื่องที่แปลกใหม่อะไร แต่ถ้าถึงขนาดคบจริงจังจนถึงขั้นคิดที่จะทำแหวนแต่งงานแบบนี้แล้ว มันก็ทำให้สวีโจวจี้รู้สึกตะลึงไม่น้อย

ถึงแม้ว่าเหตุการณ์ครั้งก่อนที่ลูกชายของตนได้ไปแกล้งขอเบอร์เจียงเซ่อ แล้วก็โดนเผยอี้ซัดจนหมอบขนาดนั้นก็ตาม แต่สวีโจวจี้ก็คิดไม่ถึงว่าเผยอี้จะจริงจังขนาดนี้ ตอนนั้นเขายังคิดแค่ว่าทายาทตระกูลเผยคนนี้ ก็แค่ไม่ชอบใจที่ของเล่นของตัวเองโดนคนจ้อง แต่ที่ไหนได้ กลับจริงจังถึงขึ้นนี้แล้ว

ตอนที่เขาโอบเจียงเซ่อเดินเข้ามา นั่นก็เป็นครั้งแรกที่สวีโจวจี้ได้พบกับทายาทตระกูลเผย

เจียงเซ่อรูปร่างสูง แต่พอเดินมาพร้อมกับทายาทคนนี้แล้ว เธอก็เหมือนกลายเป็นลูกนกไปเลย ความสูงของเธอพอดีกับปลายคางของเขา ถ้ามองจากภายนอกแล้ว ทั้งสองคนก็ถือว่าเหมาะสมกันมาก

เขาสวมเสื้อสเวตเตอร์คอ V สีเทา ท่อนล่างเป็นกางเกงยีนส์ และสวมรองเท้าบู้ททหาร พร้อมกับแว่นดำที่อยู่บนใบหน้า และเรือนผมที่ถูกตัดจนสั้น ช่างแตกต่างกับที่ได้ยินจากปากของสวีป่ายซิงอย่างสิ้นเชิง

เป็นเพราะว่าการมาฮ่องกงในครั้งนี้เป็นการมาแบบส่วนตัว บวกกับที่ได้ข่าวว่าทายาทคนนี้ได้เข้าโรงเรียนทหาร และฐานะของเขาในตอนนี้ก็ถือว่าเป็นทหารคนหนึ่งแล้ว ตอนที่เขาเข้าในในฮ่องกงก็คงจะเลือกใช้วิธีพิเศษ ดังนั้นจึงไม่มีใครรู้เรื่องนี้ เห็นได้ชัดว่ามันต้องเก็บเอาไว้เป็นความลับ หลังจากที่เข้ามาแล้วก็มีคนเชิญเข้าไปในห้องแขกพิเศษในทันที และได้กล่าวถึงการมาของตัวเองอย่างไม่รีรออะไร

และเขาก็บอกว่าจะทำแหวนจริงๆ ในตอนที่สวีโจวจี้ได้ยินคำยืนยันจากปากของเผยอี้ ว่าเขาต้องการสั่งทำแหวนคู่หนึ่งนั้น มันก็ทำให้เกิดอาการดีใจเป็นบ้าเป็นหลังจนแทบจะปิดเอาไว้ไม่อยู่

ไม่กี่ปีมานี้กังหัวเติบโตพัฒนาขึ้นอย่างดี แบรนด์เครื่องประดับหรูหราอื่นๆ ของต่างประเทศจะไม่กล่าวถึง แต่ถ้าเป็นแบรนด์เครื่องประดับภายในประเทศแล้วละก็ กังหัวเองก็ไม่เป็นสองรองใคร

ถ้าหากว่ามีวันหนึ่ง ที่หลานชายของนายท่านตระกูลเผยแต่งงาน และเลือกที่จะสวมแหวนที่กังหัวทำขึ้นมาแล้วละก็ สำหรับ Gang Hua Jewelry แล้ว มันก็เหมือนเป็นโอกาสที่เรียกได้ว่าพันปีจะพบสักครั้ง

สวีโจวจี้พอจะเดาออกได้เลย ถ้าเรื่องนี้มันเป็นจริงขึ้นมา ผลประโยชน์ต่างๆ ที่กังหัวจะได้รับยังไม่ต้องพูดถึง ที่สำคัญคือเกียรติยศและชื่อเสียงที่แม้ว่าจะร้องขอก็ยังยากจะได้มานั่น

และตอนนี้เขาก็นึกถึงเรื่องที่สวีป่ายซิงลูกชายของตนเองถูกซัดขึ้นมา และนึกถึงคำพูดของเซี่ยเชาฉวินที่เคยโทรมาบอกให้รับเจียงเซ่อเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์

วันนั้นเซี่ยเชาฉวินบอกว่า เรื่องแย่ๆ อาจจะกลายเป็นเรื่องดีก็ได้ ตอนนั้นสวีโจวจี้ยังเกรงต่อฐานะของเผยอี้ และต้องกล้ำกลืนอดทนที่ลูกชายตัวเองโดนทำร้าย เขาถึงได้คัดค้านคำพูดของเซี่ยเชาฉวินออกไป แต่วันนี้คำพูดของหล่อนกลับกลายเป็นความจริง เรื่องแย่ๆ ในวันนั้น มันกลับกลายมาเป็นเรื่องราวดีๆ ในวันนี้แล้ว

ถ้าไม่มีวันที่สวีป่ายซิงโดนซัดวันนั้นแล้วละก็ ก็คงไม่มีวันที่เจียงเซ่อจะกลายมาเป็นแบรนด์ แอมบาสเดอร์ของกังหัวไปได้ และคงไม่มีวันที่เผยอี้จะพาเจียงเซ่อมาสั่งทำแหวนอย่างในวันนี้ด้วย

แล้วสวีโจวจี้ก็นึกถึงเรื่องที่ทางกังหัวได้เซ็นสัญญากับเจียงเซ่อเป็นระยะเวลาสามปีขึ้นมา และเขาก็พอจะนึกได้ว่าทำไมทั้งสองคนถึงเลือกที่จะมาทำแหวนกับกังหัว

ตอนนั้นที่เขาเซ็นสัญญากับเจียงเซ่อก็ยังรู้สึกไม่อยากจะยอมรับเลยด้วยซ้ำ แต่ในวันนี้กลับต้องชื่นชมการมองการไกลของเซี่ยเชาฉวิน ช่างเป็นคนที่มีสายตาหลักแหลมเสียจริง แถมยังรู้สึกเสียใจนิดหน่อยที่วันนั้นมัวแต่พาลโมโหไปหมด เลยได้เซ็นสัญญากับเจียงเซ่อแค่ไม่กี่ปี

“รูปแบบของแหวน กับขนาดของเพชร คุณชายเผยอยากจะให้มันออกมาแบบไหนเป็นพิเศษไหมครับ?”

คนที่รับหน้าที่วัดขนาดนิ้วจับวัดอยู่สองสามรอบเพื่อความแม่ยำและมั่นใจ สวีโจวจี้มีท่าทางระมัดระวังเป็นอย่างมาก กับผู้ทรงอิทธิพลของแวดวงเครื่องประดับในฮ่องกง ในตอนนี้ที่อยู่ต่อหน้าเผยอี้ กลับต้องนั่งปั้นรอยยิ้ม และนั่งเพียงครึ่งของโซฟา ท่าทางเคารพต่อคนตรงหน้าไม่น้อยเลย

เผยอี้ไม่ได้สนใจเขา แต่กลับให้ความสนใจไปที่เจียงเซ่อเพียงคนเดียว มีแค่บางครั้งเท่านั้นที่ตอบกลับเจ้าของกิจการเครื่องประดับออกไปแค่ไม่กี่ประโยค

เขาเห็นผลการวัดขนาดของเจียงเซ่อแล้ว นอกจากเส้นรอบนิ้ว ก็ยังได้ให้วัดขนาดข้อมือของเธอด้วย และพอตัวเลขออกมา คิ้วของเขาก็ขมวดเข้าหากันในทันที

เขาว่าเขาเคยวัดขนาดรอบนิ้วของเจียงเซ่อมาแล้ว ตั้งแต่วันนั้นที่เธอตกลงที่จะแต่งงานกับเขา เขาก็จดจำตัวเลขเอาไว้มาโดยตลอด และมั่นใจว่าไม่ได้จำผิดด้วย ขนาดนิ้วของเธอเท่าไหร่ เขารู้ดีอยู่แก่ใจ และถึงแม้ว่ามันจะเปลี่ยนแปลงไปแค่เล็กๆ น้อยๆ เขาก็สังเกตเห็นได้ว่ามีบางอย่างแปลกไป

เหมือนว่าเธอจะผอมลง