webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

282

บทที่ 282 ยอมขาด

เซี่ยเชาฉวินมองเจียงเซ่อ จากนั้นก็ดึงเอกสารปึกหนึ่งออกมาจากในกระเป๋าที่หล่อนถือเองตลอดจนมาถึงห้องประชุม

“ความหมายของประธานก็คือ ความสำเร็จของบทโต้วโค่ว ทำให้ตอนนี้ชื่อเสียงของเธอมันเริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้น ต่างประเทศเองก็ให้ความสนใจกับหนังเรื่องนี้อยู่ไม่น้อย ผู้กำกับที่อยู่ในแนวเดียวก็ต่างก็พากันออกมาชื่นชมเธอ เซ่อเซ่อ นี่เป็นเวลาที่เธอจะมีสิทธิ์เลือกหนังด้วยตัวเองแล้วนะ ไม่ใช่เวลาที่หนังจะมาเลือกเธอ เธออยากจะลองดูหน่อยไหมล่ะ?”

หล่อนเลื่อนกองเอกสารไปตรงหน้าเจียงเซ่อ แล้วยกมือขึ้นกอดอก เอนตัวพิงกับเก้าอี้ ท่าทางดูนิ่งๆ แต่ในใจกำลังคิดอะไรมากมาย รอให้เจียงเซ่อตอบกลับ

ที่จริงตอนที่ไปซ้อมการแสดงละครเวทีเรื่อง ‘HAI TANG QIU’ เจียงเซ่อเองก็โดนเหลียงชุนปอกล่าวเตือนมาแล้ว และเดาได้ว่าจะต้องเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น

เจียงเซ่อมองปึกบทหนังตรงหน้า ไม่แม้แต่ยกมือขึ้นเปิดดู บริษัทต้นสังกัดเธอคงกำลังให้เธอพิจารณาเลือกหนังที่เป็นแนวเดียวกันอยู่แน่ๆ มันก็ถือว่ามีเหตุผลอยู่

ตั้งแต่แรกที่เธอเซ็นสัญญากับซื่อจี้หยินเหอก็มีระยะเวลาแค่สองปีเท่านั้น และตอนนี้มันก็ผ่านไปสองปีแล้ว แต่หน้าที่การงานยังอยู่แค่ระดับเริ่มต้น เงินที่ทำให้บริษัทได้ก็ไม่มากพอ

กับดาราที่เซ็นสัญญาเข้าบริษัทพร้อมๆ กันกับเธอ ก็มีหลายคนที่สามารถทำเงินก้อนใหญ่ให้กับบริษัทได้แล้ว เมื่อลองเอามาเทียบกัน นอกจากจะมีแบรนด์กางเกงยีนส์ Adeele ที่เจียงเซ่อเซ็นสัญญาแล้ว อีกอันก็มีแค่เป็นแบรนด์ แอมบาสเดอร์ของ Gang Hua Jewelry เท่านั้น

และการเป็นแบรนด์ แอมบาสเดอร์ให้กับสองแบรนด์นี้ก็มีค่าใช้จ่ายที่สูงไม่น้อย สัญญาแสดงตัวละครหลักก็มีแค่เรื่อง ‘เกี่ยวกับที่ฉันรักเธอ’ เรื่องเดียว ภายในระยะเวลาสองปี ก็ยังถือว่าทำเงินได้น้อยมาก

บริษัทได้ออกค่าใช้จ่ายให้เธอไปมากมาย แต่เธอเพิ่งจะมาเริ่มมีชื่อเสียงจริงๆ ก็ช่วงนี้ แต่การเลือกรับหนังก็ยังไม่ได้เลือกไปส่งๆ ก็ไม่แปลกใจที่ลัวหยิ่นจะยื่นบทหนังมาให้เธอเลือกมากมาย

เธอนั่งนิ่งไม่ขยับ มุมปากของเซี่ยเชาฉวินกระตุกยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย และเก็บมันกลับไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะขมวดคิ้ว

“ไม่อยากดูเหรอ?”

เจียงเซ่อไม่พูดอะไร เซี่ยเชาฉวินจึงยื่นนิ้วมาชี้ที่เอกสาร

“หนังพวกนี้ ทุกๆ เรื่อง ต่างก็มีผู้กำกับที่สามารถทำเงินทำกำไรได้ทั้งนั้น”

หล่อนสุ่มหยิบออกมาเรื่องหนึ่ง แล้วเปิดดูชื่อเรื่อง “เรื่องนี้บริษัทรุ่ยเหอลงทุนด้วย ชื่อเรื่อง ‘Spy’ ขอแค่เธอแสดง ค่าตัวก็จะอยู่ที่ตัวเลขนี้” เซี่ยเชาฉวินยื่นมือออกมา แล้วทำสัญลักษณ์เลข ‘2’

การเสนอค่าตัวของเจียงเซ่อในตอนนี้ เพราเธอได้รางวัลนักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมมา และหนังเรื่อง ‘The Occasion of Beiping’ ที่เธอแสดงก็ประสบความสำเร็จไม่น้อย เพราะฉะนั้นเลข ‘2’ ที่หมายถึงคงไม่มีทางแปลว่าค่าตัวหลักล้านแน่ๆ แต่เป็นยี่สิบล้านต่างหาก

เซี่ยเชาฉวินเองก็คิดว่าเจียงเซ่อต้องเข้าใจตัวเลขที่หล่อนบอกไปแน่ๆ และตัวเลขยี่สิบล้านนี้ก็มากพอที่จะทำให้ดาราหน้าใหม่มึนงงไปได้เลยด้วยซ้ำ

ตั้งแต่ที่เข้าวงการนี้มา เจียงเซ่อก็ถือว่าไม่ได้มีเงินทองอะไรมากมาย ตั้งแต่ที่เข้าวงการมาจนถึงตอนนี้ ทรัพย์สินที่มีอยู่ของเธอก็ติดลบมาโดยตลอด

ถึงแม้ว่าเธอจะได้คบกับแฟนหนุ่มมหาเศรษฐีที่แสนร่ำรวย แต่ระหว่างเจียงเซ่อและเผยอี้ไม่เคยมีเรื่องเงินทองเข้ามาเกี่ยว นอกจากที่เผยอี้ได้ช่วยลงทุนหนัง ‘The Occasion of Beiping’ ให้ ด้านอื่นๆ ในชีวิตประจำวัน เธอก็มีการแบ่งแยกกับเผยอี้เสมอ เงินที่ติดค้างกับทางบริษัทก็ยังอยู่ในบัญชีตัวเอง ไม่มีแม้สักครั้งที่จะให้เผยอี้มาช่วย

ตามเหตุผลแล้ว กับเงินจำนวน ‘มหาศาล’ แบบนี้ควรที่จะทำให้เธอตื่นเต้นไม่น้อย แต่เธอกลับทำแค่มองเซี่ยเชาฉวินเงียบๆ ไม่มีท่าทางตื่นเต้นเลยสักนิดเดียว

“ขอแค่เธอรับแสดง บทของเธอก็สามารถบังคับเวลาให้ถ่ายทำเสร็จภายในสองเดือนนี้ได้ มันเสียเวลาเธอไม่มากนักหรอก แต่ถ้าไม่ชอบเรื่องนี้ ก็ยังมีอีกเรื่อง อย่าง......”

เซี่ยเชาฉวินพูดเรื่องหนึ่งเสร็จ ก็ดันกองเอกสารเข้าไปใกล้เจียงเซ่ออีก เจียงเซ่อทำแค่ยิ้ม เซี่ยเชาฉวินจึงถามขึ้นมา

“ทำไมหรือ? จะไม่รับเลยสักเรื่อง?”

“ใช่ค่ะ”

เจียงเซ่อพยักหน้า เซี่ยเชาฉวินที่ได้ยินเธอตอบแบบนั้น ก็ไม่ได้มีท่าทีโมโหเลยสักนิดเดียว กลับยิ้มขึ้นมาด้วยซ้ำ

“เพราะอะไรกัน?” หล่อนยกมือขึ้นกอดอก แววตาที่มองมาคมกริบ

“รู้สึกว่าค่าตอบแทนมันไม่สูงพอเหรอ? หรือเป็นเพราะว่ายังมีเผยอี้อยู่ เลยคิดว่าตัวเองไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงินทอง เพราะงั้นเธอถึงไม่สนใจเรื่องค่าตอบแทน?”

“เปล่าค่ะ ค่าตอบแทนมันสูงมาก และฉันเองก็ยังมีปัญหาเรื่องเงิน”

เจียงเซ่อค่อยๆ ยกมือขึ้นเปิดบทหนังที่เซี่ยเชาฉวินดันมาให้ตรงหน้า “แต่แค่ว่าตอนนี้ฉันยังไม่คิดที่จะรับแสดงหนังแนวๆ เดียวกันเท่านั้นเองค่ะ”

“The Occasion of Beiping” มีเพียงแค่เรื่องเดียว และไม่ใช่ว่าทุกเรื่องเป็นเรื่องที่โหวซีหลิ่งแต่งขึ้นมา ตอนนั้นที่เธอตัดสินใจเลือกแสดง ‘The Occasion of Beiping’ ก็เป็นเพียงเพราะบทตัวละครโต้วโค่วมันเป็นที่ประทับใจของเธอ

เธอกำลังขาดแคลนเงินจริงๆ แต่ถ้าหากว่าเธอจะต้องมารับบทตัวละครคล้ายๆ กันเพื่อที่จะทำเงินละก็ ต่อไปก็คงยากที่จะพัฒนาตัวเอง

ไม่ใช่ว่าเธอไม่ขัดสนเรื่องเงินทอง ตอนที่ได้เห็นตัวเลขค่าตอบแทนที่จะได้ก็ใช่ว่าจะไม่สนใจ แต่ตัวเธอเองก็รู้ดีที่สุด เพราะว่าเธอได้ปัดข้อเสนอเรื่องเพิ่มค่าตัวของหลินซีเหวินไปเมื่อตอนนั้นและเลือกที่จะแสดงเป็น ‘โต้วโค่ว’ แทน เธอถึงได้มีโอกาสให้เลือกมากขึ้นอย่างในวันนี้

ถ้าในวันนี้เธอมัวแต่สนใจกับผลประโยชน์ที่อยู่ตรงหน้า มันก็อาจจะเป็นการวางยาให้กับทางเดินในอนาคตของเธอเองก็ได้

“แล้วเพราะอะไรกันล่ะ?”

ตอนที่เซี่ยเชาฉวินถามประโยคนั้นขึ้นมา เจียงเซ่อก็สังเกตเห็นได้ถึงความหวังเล็กๆ ในแววตาของหล่อน

“พี่เชาฉวิน ทั้งในบริษัทและในแวดวงการงานของพี่ พี่ถือเป็นคนที่มีชื่อเสียงมาก แถมยังมีคุณเถาเฉินที่ตอนี้ได้เป็นดาราสาวแนวหน้าของประเทศไปแล้วอีก กับฐานะและพาวเวอร์ในตัวของพี่ ทำไมตอนแรกพี่ถึงไม่รับดาราคนอื่นมาเป็นดาราในสังกัดตัวเองให้เยอะกว่านี้ ทำไมพี่ถึงเลือกที่จะรับเถาเฉินแค่คนเดียวคะ?” ในใจของทุกคนคงจะรู้เหตุผลกันอยู่แล้ว ก็แค่ยอมขาดดีกว่าจะให้มีมาก ดังนั้นจะยอมที่จะใจจดใจจ่ออยู่กับแค่สิ่งๆเดียวก็พอแล้ว

กับฐานะและพาวเวอร์ของเซี่ยเชาฉวิน ถ้าหากแค่อยากจะทำเงิน หล่อนก็สามารถที่จะรับดาราเข้ามาในสังกัดตัวเองเยอะกว่านี้ก็ได้ และรายได้ของหล่อนอาจจะได้เยอะกว่าในตอนนี้ด้วยซ้ำ แต่หล่อนก็ไม่ทำ หล่อนเลือกแค่เถาเฉินคนเดียว และทั้งสองคนก็เป็นคนประเภทเดียวกัน คือมีเป้าหมายในอนาคต ชอบที่จะไล่ไขว่คว้า ไม่เห็นแก่ผลประโยชน์ที่มากองอยู่ตรงหน้าถึงได้ประสบความสำเร็จอย่างในวันนี้

สิ่งที่ทั้งสองคนให้ความสำคัญคืออนาคตข้างหน้า ไม่ใช่การแสวงหาสิ่งที่อยู่ตรงหน้า เพราะสิ่งที่ตามหามันอยู่ไกลกว่านั้นมาก

นี่ก็ถือเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่เจียงเซ่อคิดในตอนที่เห็นว่าในสัญญาระบุเอาไว้ว่าเซี่ยเชาฉวินเป็นผู้จัดการส่วนตัวของเธอ และเป็นเหตุผลที่เธอยอมถอยให้หนึ่งก้าว

เซี่ยเชาฉวินที่ฟังเธอพูดประโยคนั้นจนจบแล้ว ใบหน้าของหล่อนก็เผยรอยยิ้มออกมา เธอพยักหน้าเข้าใจอย่างรวดเร็ว ก่อนจะกวาดของที่อยู่บนโต๊ะออกไป

“ถ้าอย่างนั้นเราก็มาคุยเรื่อง ‘Evil’ กัน ครั้งก่อนเธอบอกว่าจะขอลดความอ้วนสักเจ็ดกิโล ฉันได้ไปเจรจากับทาง Adeele และ Gang Hua Jewelry เอาไว้ให้แล้ว งานทั้งหมดจะรอให้เธอถ่ายหนังให้เสร็จเรียบร้อยก่อน และฉันก็หานักโภชนาการมาให้เธอแล้ว เดี๋ยวหลังจากนี้หล่อนคงจะติดต่อเธอไปเอง”

เจียงเซ่อปฏิเสธบทแสดงที่ได้ค่าตัวสูงไปแล้ว และเซี่ยเชาฉวินก็ไม่ได้โกรธ ท่าทางของหล่อนยังเผยความโล่งอกและพอใจออกมาด้วยซ้ำ

“จ้าวร่างทางนั้นก็ยังมาเร่งฉันอยู่นะ เห็นบอกว่าเธอยังไม่ลงมือทำอะไรสักที ถามว่าเมื่อไหร่เธอจะไปคุยกับหลิวเย่?” หล่อนกางแขนยักไหล่ ราวกับว่ากำลังพูดเรื่องล้อเล่นอยู่

“ในงานหนังภาพยนตร์หลิวเย่ได้รับรางวัลถึงสองครั้งติดกันแบบนี้ คนทำหนังมากมายยังรอที่จะพบตัวเขาอยู่ ไม่ใช่แค่เพียงบริษัทลงทุนภายในประเทศเท่านั้นที่กำลังจ้องเขา บริษัทลงทุนที่มีชื่อเสียงของต่างประเทศเองก็กำลังจ้องเขาเหมือนกัน จ้าวร่างกลัวว่าจะพลาดโอกาสนี้ไป”

ครั้งก่อนที่เจียงเซ่อได้รับเล่นเป็นนางเอกเรื่อง ‘เกี่ยวกับที่ฉันรักเธอ’ นอกจากซื่อจี้หยินเหอจะเป็นฝ่ายลงแรงช่วยแล้ว ตัวผู้กำกับอย่างจ้าวร่างเองก็ถือว่าออกแรงไปไม่น้อย ถึงสามารถเตะจ้าวรั่วจวินออกจากทีมไปได้

ส่วนเหตุผลที่ทางซื่อจี้หยินเหอเอาไว้เกลี้ยกล่อมเขานั้น นอกจากจะมีเรื่อง ‘Evil’ แล้ว ก็ยังมีสัญญาคำพูดของเซี่ยเชาฉวินที่ว่าจะช่วยพูดกับหลิวเย่ให้เขามาแสดงเป็นพระเอกให้ได้อีก