webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

280

บทที่ 280 ความหวังดี

เหลียงชุนปอเป็นห่วงว่าเจียงเซ่อจะมัวหลงอยู่กับผลประโยชน์ตรงนี้ ถือโอกาสที่เห็น ‘The Occasion of Beiping’ ประสบความสำเร็จ เลยอยากจะกล่าวเตือนเธอเอาไว้เสียหน่อย

เรื่องแบบนี้ในวงการบันเทิง เหลียงชุนปอเห็นมามากพอแล้ว มีนักแสดงหลายคนที่โด่งดังในคาแรคเตอร์ใดคาแรคเตอร์หนึ่ง แต่นานเข้าบทๆ นั้นมันก็เกินกว่าคำว่าประสบความสำเร็จ กลายเป็นผลงานอันยิ่งใหญ่ที่ทุกคนต่างจดจำ แต่ในขณะเดียวกันมันก็กลายเป็นเครื่องจองจำ มันอาจจะทำให้ เส้นทางการแสดงของเจียงเซ่อถูกจำกัดเอาไว้ ทำให้เธอได้เล่นเพียงแค่บทที่คล้ายๆ กันแบบนั้นตลอดไป แบบนั้นมันก็เหมือนกับว่าถูกทำลายไปทั้งชีวิต

จริงๆ เขาไม่ได้ต้องการที่จะบอกว่าการแสดงของเจียงเซ่อในเรื่อง ‘The Occasion of Beiping’ มันไม่ดี เขาแค่กลัวว่าเจียงเซ่อจะมัวตกอยู่ในท่ามกลางเสียงปรบมือเพียงเพราะบทโต้วโค่วจนดึงตัวเองไม่ขึ้นก็เท่านั้น

ช่วงนี้ที่ได้พูดคุยกันมากขึ้น ทำให้เหลียงชุนปอรู้สึกชอบเจียงเซ่อมากขึ้นกว่าเดิมด้วย เธอมีความสงบนิ่ง มีความตั้งใจสูงและรู้จะแสวงหาความก้าวหน้าในแบบที่เด็กสาวรุ่นราวคราวเดียวกันไม่ค่อยจะมี แถมเธอยังเป็นคนที่ฉลาดมากๆ ด้วย แต่ไม่เป็นคนที่โอ้อวดความฉลาดของตัวเอง รู้ว่าตัวเองมีจุดไหนที่ยังไม่เพียงพอ และไม่คิดที่จะหลีกหนีมันด้วย กลับกันเธอเลือกที่จะเรียนรู้สิ่งนั้นอย่างตั้งใจ

ฉางยวี่หูรับเธอเป็นลูกศิษย์แบบที่ไม่เคยทำกับใครมาก่อน และนั่นก็ใช่ว่าไม่มีเหตุผลด้วย

เธอมีความกล้าหาญที่แม้จะเจออุปสรรคอะไรเธอก็ไม่เคยคิดจะล่าถอย จากการที่เธอจะต้องถ่ายหนังเรื่องต่อไป เธอหมั่นมาฝึกซ้อมการแสดงที่โรงละครอย่างตั้งใจ เธอเลือกบทที่ไม่มีอะไรตรงกับเธอเลยสักอย่างอย่างบทขุนศึก

เธอไม่กลัวที่จะโดนคนอื่นหัวเราะเยาะ ตอนที่ซ้อมแสดงก็ถือว่าปล่อยออกมาเยอะทีเดียว ดูแล้วยังมีความตั้งใจมากกว่านักแสดงเด็กรุ่นใหม่ในโรงละครเสียอีก

จากที่เขาไม่ได้ตอบรับว่าจะช่วยสอนช่วยชี้แนะให้เธอ เธอก็ไม่ทำตัวว่าตนนั้นฉลาดเพื่อที่จะดึงเขาไปให้ได้ ทำแค่คอยมานั่งดูนั่งจำวิธีการเท่านั้น

ทุกๆ การกระทำของเธอทำให้เหลียงชุนปอเริ่มชอบเธอมากขึ้น พอได้รู้ว่าเธอไม่ใช่ประเภทยอมรับความกดดันไม่ได้แล้ว วันนี้เขาถึงได้พูดออกไปแบบนั้น

พอเขาพูดจบ เจียงเซ่อก็พยักหน้า คงจะเข้าใจสิ่งที่เขาแฝงอยู่ในคำพูดแล้วเป็นแน่

“อาจารย์เหลียง ฉันเข้าใจดีค่ะ โปรดวางใจเถอะนะคะ” เธอยิ้มออกมา

“สิ่งที่อาจารย์พูดมา ฉันเองก็เคยคิดเอาไว้เหมือนกันค่ะ แต่ว่าไม่ได้กลัวว่าจะโดนกำหนดคาแรคเตอร์ให้ออกมาเป็นแบบนั้น แต่แค่ตอนนี้ในมือของฉันมีบทหนังเรื่องหนึ่งอยู่แล้ว จึงไม่มีเวลามากพอที่จะไปสนใจหนังเรื่องอื่นอีก หรือถ้าหากว่าฉันได้รับหนังเรื่องอื่นหลังจากที่ถ่าย ‘Evil’ เสร็จ แล้วฉันจะต้องได้รับบทที่คล้ายคลึงกัน ยังไงมันก็จะต้องมี ‘โต้วโค่ว’ อีกคน ที่เป็น ‘อาจารย์โหว’ อีกคนเขียนขึ้นมา”

ใช่ว่าเธอจะไม่ต้องการเงินในตอนนี้ แต่แค่ว่าเรื่องเงินมันไม่ใช่ประเด็นสำคัญที่สุดของเธอ การที่เข้ามาในวงการนี้ ก็ไม่ใช่เพียงเพราะมาหาเงิน

“เธอเข้าใจก็ดีแล้วล่ะ ฉันพูดแบบนี้ เธอจะไม่พอใจกันหรือเปล่า?” เหลียงชุนปอถามปนหัวเราะ เจียงเซ่อส่ายหน้า

ที่จริงเขาจะไม่มาทำตัวเป็นคนไม่ดีก็ได้ จะไม่มาพูดมากแบบนี้ก็ได้ แต่ที่เขามาพูดกับเธอแบบนี้ มันก็ดูเป็นเรื่องที่น่าดีใจเสียยิ่งกว่าได้รางวัลสรรเสริญนั่นอีก

“อะไรดี อะไรไม่ดีฉันแยกแยะได้ค่ะ อาจารย์เหลียง ต้องขอบคุณอาจารย์มากๆ นะคะ”

ที่เหลียงชุนปอแนะนำไป และพอเห็นว่าเธอเข้าใจจริงๆ แล้ว เขาก็ไม่พูดอะไรให้มากความอีก จากนั้นก็เปลี่ยนเรื่องไปคุยเกี่ยวกับหนัง ‘Evil’ แทน เจียงเซ่อหยิบน้ำแร่ขึ้นมา เปิดฝาออกแล้วยื่นให้เหลียงชุนปอ แล้วเอ่ยขึ้น

“ฉันตั้งใจเอาไว้ว่าหลังปีใหม่ จะลดความอ้วนน่ะค่ะ ที่อาจารย์พูดเอาไว้ครั้งก่อนถือว่ามีเหตุผลมากๆเลย”

การเป็นอาจารย์ให้ใคร สิ่งที่จะทำให้รู้สึกว่าตนเองทำสำเร็จนั้น ก็คือการที่ชี้แนะลูกศิษย์ไป แล้วลูกศิษย์ตอบสนองในทันที ต้องฟังสิ่งที่สอนไป และตั้งใจทำมันให้ดี

ถึงคำพูดนั้นของเจียงเซ่อเหมือนจะแค่พูดออกมาลอยๆ แต่เหลียงชุนปอก็พอจะสังเกตได้ว่าเธอมีท่าทีต่อหนังเรื่องใหม่อย่างไร และเธอก็มีความตั้งใจมากๆ

วันนั้นเขาได้เอ่ยขึ้นถึงตัวละครจางยวี่ฉินในเรื่อง ‘Evil’ ที่เป็นฝ่ายถูกกระทำอย่างโหดร้าย เพราะว่าตัวละครตัวนี้เป็นคนรูปร่างผอม ร่างกายดูไม่มีเรี่ยวไม่มีแรง เขาแค่เอ่ยเตือนไปลอยๆ เหลียงชุนปอที่พอพูดออกไปแล้วก็แทบจะจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเคยพูด คิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะจำเก็บไปคิดได้ขนาดนี้

ฝีมือการแสดงของเธอก้าวหน้าขึ้น ตอนที่เธอแสดงเป็นขุนศึกใน ‘HAI TANG QIU’ นั้น ยิ่งเธอแสดงมากเท่าไหร่ก็ยิ่งออกมาดี ทั้งแววตา น้ำเสียงล้วนแล้วถึงอารมณ์มากขึ้น เธอสื่อความรู้สึกออกมาได้ไม่เลวเลย เวลาพูดบท การออกเสียงจังหวะจะโคนก็มีพลังมากๆ กับบทจางยวี่ฉินที่เธอได้รับ เห็นได้ชัดว่าเธอทุ่มเทกับมันมากแค่ไหน

ถ้าพึ่งสิ่งพวกนี้ เธอก็ถือว่าอยู่เหนือกว่าดาราเด็กสาวคนอื่นๆ ในวงการแล้ว

อย่างไรก็ตามเธอเองก็เป็นถึงลูกศิษย์ของฉางยวี่หู เซ็นสัญญากับบริษัทซื่อจี้หยินเหอ และผู้บริหารของซื่อจี้หยินเหออย่างลัวหยิ่นมีความสัมพันธ์ยังไงกับฉางยวี่หู เหลียงชุนปอเองก็รู้ดี

คุณสมบัติของเธอ กับการที่จะแสดงบทจางยวี่ฉิน ถึงเธอจะไม่ไปลดความอ้วน ไม่ทำออกมาให้มันละเอียด ก็คงไม่มีใครมาตำหนิ มาขอให้เธอทำแบบนั้นหรอก แต่เป็นเธอเองนั่นแหละที่ไม่ผ่อนปรนต่อตัวเอง และมันก็เป็นอีกสิ่งที่ทำให้เหลียงชุนปอรู้สึกประทับใจในตัวเธอ

ตอนนี้เขาเหมือนเริ่มจะเข้าใจแล้ว ว่าเวลาที่ซูเพ่ยเอินเขียนบทความวิจารณ์ การชื่นชมผ่านดาราหน้าใหม่คนหนึ่ง มองผ่านไปเห็นว่าในอนาคตกำลังจะมีดวงดาวดวงใหม่ขึ้นมาในวงการหนังภาพยนตร์ของหัวเซี่ยมันเป็นอย่างไร

ในวงการนี้ นักแสดงชายที่ดีก็มีไม่น้อย ไกลๆ คงไม่ต้องพูดถึง ดูใกล้ๆ อย่างในงานหนังภาพยนตร์ครั้งนี้ คนที่ได้รับรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมไปอย่างหลิวเย่ และนั่นแหละคือการมีชื่อเสียงโด่งดังที่ตรงกับความเป็นจริง

ถ้ามองไปอีกก้าวหนึ่ง นักแสดงชายที่ได้สร้างประวิติศาสตร์ชื่อเสียงเอาไว้ทั้งในและนอกประเทศนั้นมีมากมาย แต่ถ้านำมาเปรียบเทียบกันแล้ว นักแสดงหญิงก็ถือว่ายังมีน้อยมาก ส่วนพวกกลุ่มนักแสดงไอดอลที่ดังๆ คงไม่ต้องพูดถึง คนที่ทำให้ผู้ชมสามารถจดจำได้โดยการพูดถึงผลงานนั้น มันก็มีน้อยเต็มที

ถ้าหากว่าเจียงเซ่อสามารถรักษาความตั้งใจแบบนี้ของตัวเองไปได้เรื่อยๆ ไม่หลงโดนวงการนี้มอมเมา หรือถ้าหลงทางแล้วสามารถดึงตัวเองกลับมาได้ เส้นทางนี้ของเธอ ก็อาจจะไปได้ไกลเสียยิ่งกว่าที่เหลียงชุนปอคิดเอาไว้ก็ได้

กว่าจะเลิกซ้อมการแสดงเสร็จ เวลาก็เดินมาถึงสี่ทุ่มกว่าแล้ว

ละครเรื่อง ‘HAI TANG QIU’ ใกล้จะถึงวันขึ้นแสดงจริงแล้ว ผู้ดูแลโรงละครอย่างต่งฉาวผิงเองก็เริ่มเคร่งครัดมากขึ้น ภารกิจหน้าที่ของเจียงเซ่อในทุกๆ วันก็ถือว่าไม่ผ่อนหนักผ่อนเบาแม้แต่น้อย ในทุกๆ วันนอกจากที่เธอจะต้องแบ่งเวลาส่วนมากไปกับการเข้าเรียนปกติแล้ว เธอก็ยังต้องไปเรียนเต้นและซ้อมการแสดงต่อ

โม่อานฉีขึ้นรถมาพร้อมเธอ พอเห็นสภาพเธอที่ดูเหนื่อยล้าแล้ว ก็เกิดเป็นห่วงขึ้นมาไม่ได้

“หนังที่เธอต้องการ ฉันรวบรวมมาให้แล้วยี่สิบกว่าเรื่อง ส่งไปให้แล้วในอีเมล์ ก่อนหน้านี้คุณเซี่ยโทรมา บอกว่าพรุ่งนี้ให้เธอแวะไปที่บริษัทเสียหน่อย เห็นบอกว่ามีเรื่องต้องคุยกันน่ะ”

เจียงเซ่อพิงศีรษะลงบนหน้าต่าง เอ่ยถามขึ้นอย่างเซื่องซึม

“กี่โมงคะ?”

“แปดโมงเช้า”

พอหล่อนตอบออกมา เจียงเซ่อก็รับคำ ถือเป็นการจำเรื่องนี้เอาไว้เรียบร้อยแล้ว

ในบริษัทซื่อจี้หยินเหอ พอเจียงเซ่อปรากฏตัว ก็เรียกความสนใจจากผู้คนและทำให้เกิดความวุ่นวายได้ไม่น้อย

ตามกฎของบริษัท พนักงานจะโดนห้ามไม่ให้เข้าไปสร้างความวุ่นวายกับดาราในสังกัดบริษัทอยู่แล้ว แต่เป็นเพราะว่าช่วงนี้หนังเรื่อง ‘The Occasion of Beiping’ เป็นที่นิยมมากๆ หลายๆ คนที่พอเห็นเจียงเซ่อเดินเข้ามา ก็เก็บสีหน้าอาการตื่นเต้นเอาไว้ไม่ไหว

พนักงานสาวๆ ที่อยู่หน้าลิฟต์นั่นหลังจากที่เห็นเจียงเซ่อเดินเข้ามาแล้ว เรื่องที่ใครจะออกมาต้อนรับเธอ ก็ยังเกิดการแก่งแย่งกันอยู่ครู่หนึ่ง

สุดท้ายก็มีพนักงานสาวโครงหน้ากลมคนหนึ่งวิ่งเข้ามา เจียงเซ่อมองไปที่ป้ายชื่อบนอกของหล่อน บนนั้นเขียนเอาไว้ว่า ‘โจวเมี่ยว’ สองคำ

“คุณเจียง คุณเซี่ยมารอคุณอยู่ก่อนหน้านี้แล้วค่ะ บอกว่าให้คุณตามขึ้นไปที่ห้องประชุมชั้นที่ยี่สิบหกได้เลยค่ะ”

หล่อนกระตือรือร้นในการพาเจียงเซ่อเข้าไปในลิฟต์มาก และจ้องมองเจียงเซ่ออย่างใจลอย

ไม่บ่อยนักที่เจียงเซ่อจะเข้ามาที่บริษัท แต่นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่โจวเมี่ยวได้เห็นเจียงเซ่อ แต่ทุกครั้งที่ได้เจอเธอ ก็ต้องรู้สึกตะลึงในความสวยของเธอทุกครั้งไป เธอม้วนผมขึ้นเป็นช่อด้านบน สวมรองเท้าบูทส้นเตี้ยสีดำ คู่กันกับกางเกงยีนส์ขาเดปของแบรนด์ Adeele ท่อนบนที่ถึงแม้จะสวมเสื้อขนเป็ดตัวหนา แต่ก็ไม่สามารถปกปิดรูปร่างอันสวยงามของเธอได้เลย

หรืออาจจะเป็นเพราะว่าตัวเธอสูง บวกกับที่เธอใส่รองเท้ามีส้น เลยยิ่งทำให้เธอดูสง่ามากขึ้น

ในตอนที่ทั้งสองคนขึ้นลิฟต์ไป โจวเมี่ยวก็ยังแอบลอบมองเธออยู่ ก็พบว่าเจียงเซ่อเองก็กำลังก้มมองเธอเช่นกัน หล่อนชะงักไปเล็กน้อย แต่ถัดมาก็ได้ยินเสียงเจียงเตือนขึ้น

“ยังไม่ได้แตะบัตรค่ะ”

“อ่า”

หญิงสาวหน้าขึ้นสี ก่อนจะรีบหันไปหยิบบัตรขึ้นมาอย่างลนลาน จากนั้นก็รีบแตะมันลงไปตรงที่แสกนบัตร แล้วกดเลขชั้นที่จะขึ้นไปทันที

โม่อานฉีได้แต่ยืนยิ้มอยู่อีกมุม โจวเมี่ยวยังหน้าแดงหูแดงไปหมด ท่าทางลุกลี้ลุกลน

“คุณเจียงคะ หนังเรื่อง ‘The Occasion of Beiping’ ที่คุณแสดงสนุกมากเลยค่ะ”