webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

279

บทที่ 279 เสนอแนะ

แต่ทว่าในขณะที่รถติดไปได้ครึ่งทาง เจียงเซ่อก็ได้ยินเสียงประกาศของสนามบินว่าเที่ยวบินที่จะไปกว่างโจวกำลังจะขึ้นแล้วดังเข้ามาในมือถือ แต่เธอยังไปไม่ถึงเลยด้วยซ้ำ

ตอนที่โม่อานฉีมาส่งเธอกลับมาที่บ้าน ในบ้านมันช่างเงียบเหงาจนน่าโหวงใจ เธอเปิดสวิตซ์ไฟขึ้น ในกล่องแก้วใสที่ตั้งอยู่ในห้องรับแขก มีเสียงเต่าน้อยสองตัวกำลังปีนป่ายไปมา

อีกมุมหนึ่งของห้องรับแขกมีถ้วยรางวัลทูตสวรรค์ที่กำลังสยายปีกออกอย่างสวยงามตั้งเอาไว้ และนั่นก็เป็นรางวัลนักแสดงสมทบหญิงยอดยี่ยมที่เธอได้มันมา และมันก็เป็นรางวัลแรก ที่เธอได้มาหลังจากเข้าวงการบันเทิง ที่จริงมันควรที่จะเก็บอยู่ในกล่อง แต่ไม่รู้ว่าเผยอี้ไปหาแล้วเอามันออกมาตั้งเอาไว้แบบนนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่

ตอนนี้เขาคงจะอยู่บนเครื่องบินแล้ว ทั้งๆ ที่ตัวคนก็ไปแล้ว แต่กลับทิ้งร่องรอยมากมายเอาไว้ในบ้าน

สำหรับหัวข้อข่าวที่กำลังส่งผลเสียต่อเฝิงหนาน หล่อนเองก็มีการโต้ตอบอย่างรวดเร็ว หล่อนรีบรับสัมภาษณ์จากเหล่านักข่าวในทันที และวันถัดมาเจียงเซ่อก็ได้เห็นข่าวเกี่ยวกับที่หล่อนออกมาให้สัมภาษณ์

เกี่ยวกับเรื่องที่ตัวหล่อนเกดพูดแทรกบทสนทนาขึ้นมานั้น หล่อนก็สามารถพูดหลบหลีกกลบเกลื่อนไปได้อย่างดี หล่อนเลี่ยงที่จะไม่ตอบ เห็นได้ชัดว่ารู้ว่าเรื่องไม่มีมารยาทแบบนี้ ยิ่งไปพูดถึง ก็ยิ่งเหมือนเป็นการแก้ตัว

ในตอนที่นักข่าวถามหล่อน ว่าทำไมตอนที่เหล่ากรรมการชาวต่างชาติกำลังพูดคุยกัน หล่อนถึงเลือกใช้ภาษาหัวเซี่ยแทนที่จะเป็นภาษาอังกฤษ เฝิงหนานตอบว่า

“ฉันคิดว่า ฉันเป็นคนหัวเซี่ย เป็นส่วนหนึ่งของหัวเซี่ย ไม่ว่าจะที่ไหนเมื่อไหร่ ก็ควรที่จะใช้ภาษาบ้านเกิดเมืองนอนของตัวเองค่ะ ไม่จำเป็นเลยที่จะต้องมาพูดภาษาอังกฤษแบบนั้น”

คำตอบของหล่อนเน้นหนักไปที่ตัวเองกำลังยืนอยู่บนแผ่นดินหัวเซี่ย การที่ได้ใช้ภาษาของชาติตัวเองถือว่าเป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจมากกว่า

เฝิงหนานพูดถึงคุณปู่ของตัวเองที่เคยเข้าร่วมกลุ่มทหารปฏิวัติมาก่อน และเคยเข้าร่วมหน่วยป้องกันรักษาประเทศ ใช้ความดีความชอบและวีรกรรมที่สร้างมา และหล่อนก็บอกว่าตัวเองเป็นคนหัวเซี่ย การที่ได้พูดภาษาหัวเซี่ยก็เป็นอะไรที่น่าภาคภูมิใจ

การตอบคำถามแบบนี้ก็ไม่ได้ดูยอดเยี่ยมอะไร แต่เป็นเพราะเอ่ยถึงฐานะของเฝิงจงเหลียง ทำให้ชาวเน็ตหลายๆ กลุ่มเกิดความประทับใจขึ้นมาได้ ชาวเน็ตที่กำลังว่ากล่าวเธอเริ่มยุติการโต้ตอบ และเฝิงหนานก็ถือว่ารอดพ้นไปจากวิกฤตนี้ไปได้แล้ว

แต่นั่นก็ยิ่งทำให้เจียงเซ่อรู้สึกสงสัยในตัวตนของเฝิงหนานมากขึ้นอีก ก่อนหน้านี้ที่เผยอี้ไปสืบเรื่องของจวี้เฟิงบันเทิงมาให้ ตอนแรกเจียงเซ่อคิดว่าบางทีเฝิงหนานอาจจะเป็นหนึ่งในดาราสาวที่เคยถูกเอารัดเอาเปรียบในจวี้เฟิงบันเทิง และคงจะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับจ้าวจวินฮั่นด้วย ไม่อย่างนั้นหลังจากที่หล่อนได้มาเกิดใหม่ คงไม่มีท่าทางสนิทสนมกับจ้าวจวินฮั่นได้ขนาดนั้นแน่ๆ แต่หลังจากที่เผยอี้สืบมาให้แล้ว กลับไม่พบอะไรเลยสักอย่าง

ดาราสาวที่เคยโดยจวี้เฟิงบันเทิงเอารัดเอาเปรียบมีมากมายหลายคน แต่คนที่มีส่วนพัวพันกับจ้าวจวินฮั่นนั้นแทบจะไม่มีเลย

จ้าวจวินฮั่นไปเรียนอยู่ที่เมืองนอกมาหลายปี ตอนที่เรียนอยู่เขาก็มีผู้หญิงมากมาย แต่ตัวเขาก็รู้จักขอบเขตของตัวเอง เพราะเขาแทบจะไม่ให้เกิดปัญหาวุ่นวายขึ้นเลย ช่วงเวลาที่เขาอยู่ที่ต่างประเทศ แฟนสาวส่วนมากของเขาก็เป็นเด็กสาวกับนักเรียนชาวต่างชาติทั้งหมด ไม่มีมาพัวพันกับดาราภายในประเทศเลยสักครั้ง

นอกจากนี้แล้ว เป็นเพราะว่าเฝิงหนานดูมีเจตนาร้ายกับเธอแปลกๆ เผยอี้เองก็เคยตรวจสอบประวัติของ ‘เจียงเซ่อ’ มาแล้ว แต่ตัวเธอก็ไม่เคยไปมีเรื่องผิดใจกับใครมาก่อน ถึงแม้ว่าจะวาดฝันมาตลอดว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แต่ในพื้นฐานความเป็นจริงของเจียงเซ่อในก่อนที่จะมาเกิดใหม่แล้ว ‘เจียงเซ่อ’ คนเดิมก็ไม่ได้มีส่วนยุ่งเกี่ยวหรือมีคนรู้จักที่อยู่ในวงการบันเทิงเลยสักคน อย่างมากก็แค่พูดถึงเรื่องวงการบันเทิงทั่วๆ ไปเท่านั้น

คนที่มีเจตนาร้ายต่อ ‘เธอ’ จะต้องเป็นคนที่รู้เบื้องหน้าเบื้องหลังของจวี้เฟิงบันเทิง ต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับจ้าวจวินฮั่นมาก่อน และรู้จักกฎเกณฑ์ของวงการบันเทิงเป็นอย่างดี

เจียงเซ่อเกิดนึกถึงสิ่งที่เซี่ยเชาฉวินเคยพูดขึ้นมาเอาไว้ ว่าหนังเรื่อง ‘Evil’ และเรื่อง ‘เกี่ยวกับที่ฉันรักเธอ’ ที่เธอได้รับเล่นเอาไว้นั้น ต่างก็เป็นเรื่องที่เฝิงหนานคิดจะแย่งชิงมันไป และทั้งๆ ที่ ‘ปฏิบัติการผู้พิทักษ์’ ยังไม่ทันได้เริ่มถ่าย เฝิงหนานก็ชิงลงทุนไปก่อนแล้ว หลังจากนั้นที่ ‘ปฏิบัติการผู้พิทักษ์’ ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก นั่นก็ทำให้เจียงเซ่อรู้สึกสงสัยอยู่เหมือนกัน หรือเป็นเพราะว่าเฝิงหนานรู้เรื่องพวกนี้อยู่ก่อนแล้วกันแน่ว่ามันจะเป็นอย่างไรต่อไป

ถ้าหากว่าเรื่องพวกนี้เคยเกิดขึ้นก่อนที่จะมาเกิดใหม่ แน่นอนว่าเธอก็ต้องสงสัยแล้วว่าเฝิงหนานอาจเป็นใครที่ไม่ใช่คนในยุคนี้ อาจเป็นไปได้ ว่าหล่อนย้อนมาจากอนาคต

ช่วงนี้เธอก็หยุดไปที่เรือนจำหญิงแล้ว แต่ก่อนที่เธอจะไปเรียน ก็ได้โทรไปหาโม่อานฉี ว่าให้ช่วยเตรียมหนังที่เกี่ยวกับอาชญากรรมการทำผิดกฎหมายเอาไว้ให้เธอ เพื่อที่จะเอาไว้เรียนรู้เป็นแบบอย่าง

ช่วงเย็นก่อนหน้านี้ที่เธอมักจะไปซ้อมการแสดงที่โรงละครใหญ่อยู่เป็นประจำนั้น หลายวันที่ผ่านมานี้มีเรื่องให้ต้องเสียเวลาตลอด และเธอก็ไม่ได้ไปที่นั่นมาสามวันติดกันแล้ว ตอนที่เธอมาที่นี่อีกรอบหนึ่ง คนที่อยู่ในโรงละครต่างมีท่าทางแปลกใจกันไม่น้อย ดูท่าคงไม่คิดว่าเธอจะมาที่นี่อีกแหงๆ

เพราะเธอได้รับรางวัลในงานหนังภาพยนตร์แล้ว และหนังที่เธอเพิ่งถ่ายไป ก็ยังเป็นหนังที่ได้รับรายได้มหาศาลอย่าง ‘The Occasion of Beiping’ ที่กำลังเข้าฉายอยู่ในตอนนี้อีกด้วย แต่ท่าทางของเธอก็ดูไม่ได้มีอะไรผิดแปลกไปจากเดิมเลยสักนิด เวลาที่เข้ามาซ้อมกับคนอื่นๆ ในทีมนักแสดง เธอก็ยังมีท่าทีเหมือนเดิม ทำให้หลายๆ คนที่คิดว่าเธออาจจะกลายคนหลงระเริงโอ้อวดตนสบายใจไปได้มากทีเดียว

ช่วงพักซ้อม เหลียงชุนปอพูดกับเจียงเซ่อด้วยรอยยิ้ม

“หนังเรื่อง ‘The Occasion of Beiping’ ที่เธอแสดงฉันได้ดูแล้วล่ะ ไม่เลวเลยนะ ซูเพ่ยเอินเองก็วิจารณ์เธอเอาไว้สูงด้วยนี่”

พอเธอได้รับคำชื่นชมแบบนั้นแล้ว ก็ไม่ได้มีท่าทีหลังระเริงตน และมันก็ทำให้เหลียงชุนปอมองเธอดียิ่งขึ้นไปอีก

“แต่ว่านะเซ่อเซ่อ ฉันคิดว่าการที่ตัวละครตัวนี้ประสบความสำเร็จ มันก็ยังไม่ใช่ตัวที่จะมาแสดงถึงความสามารถและฝีมือการแสดงทั้งหมดของเธอหรอกนะ”

ผู้ชมคนดูต่างก็พากันชื่นชมตัวละครโต้วโค่ว ในสายตาของเหลียงชุนปอแล้ว ส่วนใหญ่มันก็เป็นแค่การชื่นชมในบทหนังเพียงเท่านั้น

โหวซีหลิ่งมีความเข้าข้างบทตัวประกอบหญิงอยู่ไม่น้อย ความรักระหว่างเซียวจือและนางเอกในเรื่อง ‘The Occasion of Beiping’ อย่างหงโต้วที่ทั้งมีความอดทนและกล้าหาญ มีจิตใจที่ดีแต่ก็ไม่ด้อยสติปัญญานั้น ถือว่าเป็นสิ่งที่มีเงื่อนไขพร้อมอยู่แล้ว แต่นางเอกที่มีคาแรคเตอร์แบบนี้มันก็มีอยู่ทั่วๆ ไปอยู่แล้ว

ตามที่วงการหนังภาพยนตร์มันคึกคักและเจริญขึ้นเรื่อยๆ นั้น นางเอกในหนังส่วนมากก็มักจะมีลักษณะนิสัยคล้ายๆ กับหงโต้วไปเสียหมด ทำให้คนดูมองแวบแรกก็พอจะคาดเดาได้และเริ่มเบื่อกันแล้ว

กลับกันกับตัวละครประกอบแบบโต้วโค่ว คาแรคเตอร์ของเธอ พอลองเทียบกันแล้วก็ถือว่ามีความลึกซึ้งซับซ้อนยิ่งกว่าหงโต้วเสียอีก

เกิดมาในตระกูลที่สูงส่ง แต่กลับต้องมาพบเจอกับสิ่งเลวร้าย ต้องคลาดกันกับคู่หมั้น สุดท้ายก็ลงเรือลำเดียวกันกับอันจิ่วยวี่

เหล่าคนดูที่กำลังเห็นใจและรู้สึกเวทนา กลับต้องมาตื่นตระหนกไปกับความร้ายกาจของเธอ โหวซีหลิ่งค่อยๆ ดึงมันออกมาทีละขั้นๆ ค่อยๆ ขัดฝนตัวละครโต้วโค่วตัวนี้ออกมาเรื่อยๆ หรือพูดได้เลยว่าตัวละครแบบนี้ ถ้าหากว่าฝีมือการแสดงไม่ถึงแล้วละก็ ถึงผู้กำกับหรือบทหนังมันจะออกมาดีแค่ไหน ก็คงยากที่จะแสดงออกมาได้สำเร็จ

แต่สิ่งที่เจียงเซ่อโชคดี นั่นก็คือเธอมีบุคลิกที่โดดเด่นและแตกต่าง

อารมณ์และความรู้สึกของเหลียงชุนปอหลังจากที่ได้ดูหนังจบนั้น ก็ไม่ได้ต่างไปกับซูเพ่ยเอินเลย แต่เขามีคำพูดที่ตรงและคมคายกว่าซูเพ่ยเอินมาก

“เซ่อเซ่อ ฉันคิดว่าแทนที่จะบอกว่าเธอแสดงเป็นโต้วโค่วนั้น น่าจะพูดว่า เธอได้แสดงเป็นหญิงสาวในยุคสมัยสาธารณะรัฐที่มีจิตใจดีงามมากกว่านะ”

และคงเป็นเพราะว่าหลินซีเหวินเลือกที่จะคัดคนด้วยตัวเอง ดังนั้นในบทของเธอจึงไม่มีการพูดจาคำหวานเลยสักนิดเดียว

สิ่งที่เหลียงชุนปอจะพูดก็คือ ดาราสาวในปัจจุบัน ส่วนมากที่สวมใส่ชุดกี่เพ้าออกมาแล้วก็แทบจะมองไม่เห็นถึงเสน่ห์เลยด้วยซ้ำ กลับกันเมื่อเจียงเซ่อสวมชุดกี่เพ้า กลับให้ความรู้สึกเป็นเหมือนหญิงสาวที่แสนสง่างามท่ามกลางหมอกฝนเจียงหนาน ฉากแรกที่เธอปรากฏตัวในหนัง เพียงแวบเดียวก็สามารถเรียกสายตาจากคนดูได้แล้ว

ผลดีแบบนี้ทำให้เธอสามารถเป็นส่วนหนึ่งของหนังได้อย่างง่ายดาย คนส่วนมากที่ได้เรียนรู้จากการดูหนังเรื่อง ‘The Occasion of Beiping’ นั้น คือเจียงเซ่อไม่ได้ทิ้งร่องรอยความเป็นตัวเองเอาไว้เลย ราวกับว่าเธอนั่นแหละที่เป็นโต้วโค่ว

แต่ผลเสียก็คือ เหลียงชุนปอกลัวว่าชื่อเสียงจากเรื่อง ‘The Occasion of Beiping’ จะมาบดบังตัวละครที่เธอจะแสดงในอนาคตไปเสียหมด

“โต้วโค่วประสบความสำเร็จ นอกจากจะเป็นความชำนาญของผู้กำกับ และความเก่งกาจจากปลายปากกาของโหวซีหลิ่งแล้ว แน่นอนว่ามันเป็นเพราะตัวเธอด้วย แต่ฉันคิดว่า บุคลิกภายนอกของเธอนี่แหละที่ทำให้มันสำเร็จไปกว่า 40% แล้ว”

ในตอนที่เหลียงชุนปอพูดออกมาแบบนั้น เขาก็มองไปที่ตาของเจียงเซ่อ แววตาเธอนิ่งสงบ ทั้งๆ ที่โดนเขาแสดงความคิดเห็นและวิจารณ์ตรงไปตรงมาแบบนี้ กลับไม่มีท่าทางว่าจะไม่พอใจออกมาเลยสักนิด เหลียงชุนปอจึงยิ้มออกมาอย่างมีความนัยมากขึ้น

“เซ่อเซ่อ ผลที่มันออกมาเป็นแบบนี้ ตามที่เธอได้ใช้หนังเรื่องนี้ในการได้รางวัลมา ตามที่หนังเรื่องนี้ได้ออกฉายไป และได้รับยอดขายบัตรที่ดี ต่อไปก็คงจะมีผู้กำกับหรือนักลงทุนหลายๆ กลุ่ม ที่อยากจะมาลงทุนกับหนังแนวๆ เดียวกัน แล้วเชิญเธอให้ไปแสดงบทเหล่านั้น”

เขาพูดถึงตรงนี้ เจียงเซ่อก็เข้าใจความหมายในทันที