webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

278

บทที่ 278 เข้มงวด

เฝิงหนานแทบจะไม่เหลือแรงที่จะไปเปิดคำวิจารณ์ดูอีกแล้ว หล่อนรีบปิดข่าวไปจนหมด และหล่อนก็เพิ่งรู้ว่าเรื่องมันหนักหนาเกินไปแล้ว

บทคุณหนูเอกุชิในเรื่อง ‘ปฏิบัติการผู้พิทักษ์’ ที่หล่อนแสดงไปนั้นมันเป็นที่ประทับใจของใครหลายๆ คน เลยทำให้ทุกคนรู้สึกประทับใจในภาพลักษณ์ของหล่อนตามไปด้วย พวกคำวิจารณ์ของบริษัทเน็ตเวิร์คทั้งหลายที่หล่อนเชิญมาในตอนนั้น ไม่ว่าจะเปิดอันไหนๆ ก็มีแค่คำชื่นชมชมทั้งนั้น

แต่ว่าถ้าคนพวกนี้ยกหล่อนให้ขึ้นสู่ที่สูงได้ ก็สามารถถีบหล่อนให้ตกลงมาที่ต่ำสุดได้เช่นกัน และนี่ก็ชัดเจนอยู่แล้วว่าเป็นหัวข้อข่าวที่ไม่ได้ส่งผลดีต่อตัวหล่อนนัก คนที่เขามาด่าก็เริ่มเยอะขึ้นด้วย

บนเว็บบอร์ด หลายๆ คนกำลังพูดถึงเฝิงหนานกัน

จะให้อภัยเธอดีมั้ย : ขอโทษที่ต้องพูดอย่างไม่อ้อมค้อมละนะ ในงานหนังภาพยนตร์ เฝิงหนานดูไม่ค่อยสง่าเหมือนเจียงเซ่อเลย หรืออาจเป็นเพราะว่าก่อนหน้านี้มีข่าวเกี่ยวกับว่าเธอเป็นถึงลูกคุณหนูเต็มไปหมด เลยทำให้ฉันคาดหวังกับเธอเอาไว้สูงเกินไปก็ได้ เพราะงั้นตอนที่ได้เห็นว่าเธอไม่ได้เป็นแบบที่คิดเอาไว้จริงๆ แล้ว เลยรู้สึกผิดหวังขนาดนี้

ต้าหวังเจี้ยวหว่อหลายซวิ๋นซาน : ก่อนหน้านี้ ตอนที่ไปออกรายการ ‘คนดังนั่งคุย’ ก็เห็นบอกมาว่าเฝิงหนานจบมาจากมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งนี่ แถมโรงเรียนที่เข้าเรียนตั้งแต่เด็กๆ ก็เป็นโรงเรียนระบบสอนสองภาษาไม่ใช่เหรอ? งั้นก็ต้องใช้ภาษาอังกฤษบ่อยๆ ไม่ใช่เหรอ? ข่าวนี้คงไม่ได้ตั้งใจทำให้เสียชื่อเสียงหรอกใช่ไหม?

ยาสูบน้อย : ไม่สนว่าเธอจะเข้าใจภาษาอังกฤษหรือเปล่า แต่เวลาที่คนอื่นเขากำลังคุยกัน แล้วไปพูดแทรกแบบนี้ มันเป็นการกระทำที่ไม่มีมารยาทเอาเสียเลยนะ ดูเหมือนไม่ใช่ลูกคุณหนูที่ถูกอบรมสั่งสอนมาอย่างดีเลยสักนิด

......

บนอินเทอร์เน็ตยังคงวิจารณ์กันไม่หยุด เฝิงหนานเองก็ไม่กล้าจะเปิดดูมากมาย จึงปิดคอมพิวเตอร์ทันที

หล่อนเองก็ไม่ได้โง่ เรื่องทั้งหมดนี้มันเกิดขึ้นในงานหนังภาพยนตร์เมื่อคืนที่ผ่านมา เมื่อวานไม่มีข่าว วันนี้เพิ่งจะมีออกมา และในบทความข่าวก็ตั้งใจที่จะเหยียบหล่อน หล่อนต้องกำลังโดนเล่นงานอยู่แน่ๆ มีคนตั้งใจสร้างข่าวนี้ขึ้นมา ตั้งใจที่จะทำร้ายหล่อน

ถ้าดูจากในรายละเอียดของข่าวแล้ว คนที่ลงบทความนี้จะเอนเอียงไปทางเจียงเซ่อเป็นหลัก และคนแรกที่หล่อนนึกถึงขึ้นมาก็คือผู้จัดการส่วนตัวของเจียงเซ่ออย่างเซี่ยเชาฉวิน

เธอมีคอนเนคชั่นในวงการอย่างกว้างขวาง แถมยังสนิทกับสื่อใหญ่หลายๆ แห่ง อีกทั้งตัวหล่อนก็ยังเป็นดาราหน้าใหม่ที่เข้าวงการมาพร้อมๆ กับเจียงเซ่อ ทั้งเรื่องทุนและฐานะก็ต้องมีเกี่ยวพันกันอยู่แล้ว ดึงหล่อนให้ต่ำลงเพื่อที่จะยกเจียงเซ่อให้สูงขึ้น มันแน่ชัดอยู่แล้วเพราะมันเป็นวิธีที่พวกดาราในวงการเขาใช้กันบ่อยๆ

พอเฝิงหนานคิดได้อย่างนั้น หล่อนก็เริ่มนั่งไม่ติดเสียแล้ว ตอนนี้เรื่องมันผ่านไปแล้วหลายชั่วโมง ถ้าหากว่าไม่รีบจัดการแล้วละก็ มันจะต้องมีผลกระทบต่อตัวหล่อนอย่างมากแน่ๆ

ที่จ้าวจวินฮั่นโทรมาหาก่อนหน้านี้ ดูท่าเขาเองก็คงจะรู้เรื่องข่าวนี่ตั้งนานแล้ว แต่เขากลับไม่คิดที่จะช่วยหล่อนจัดการมัน แถมยังมีหน้ามาบอกให้หล่อนจัดการเองอีก

“ไอ้ผู้ชายเฮงซวยเอ้ย!”

หล่อนด่าออกมาอย่างเหลืออด ทั้งสองคนต่างก็เคยมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งต่อกัน แต่ตอนนี้ตัวเองกลับเป็นคนไปพูดว่าจะเลิก พอเกิดเรื่องขึ้นแบบนี้จ้าวจวินฮั่นก็เกิดจะเลิกจริงๆ แบบไม่คิดจะมาสนใจหล่อนอีก แถมยังมาใช้คำพูดคุกคามกับหล่อนอีก

โชคดีที่หล่อนยังพอจะมีเกราะป้องกันเหลืออยู่บ้าง ยังดีที่หล่อนไม่เอาความหวังทั้งหมดไปฝากไว้กับจ้าวจวินฮั่น ในตอนที่เจียงหนานบันเทิงก่อตั้งขึ้นมา หล่อนก็ได้เปิดรับสมัครคนของตัวเองเอาไว้กลุ่มหนึ่งด้วย หลังจากวันก่อนที่ตัดสินใจว่าจะเลิกกับจ้าวจวินฮั่น หล่อนก็ได้มองหาผู้จัดการส่วนตัวมาโดยตลอด เพียงแต่ว่ายังไม่เจอคนที่พอจะเข้ากันได้เท่านั้นเอง

และตอนนี้หล่อนคิดว่าจะให้คนของตัวเองช่วยเขียนข่าวขึ้นมาใหม่ เจรจากับพวกสื่อ ว่าให้ลบข่าวพวกนั้นออกไปซะ แต่พอคว้าหามือถือตัวเองแล้ว ก็พบว่าก่อนหน้านี้หลังจากที่คุยกับจ้าวจวินฮั่นเสร็จ ตัวเองก็โมโหโยนมันทิ้งจนหน้าจอแตกไปหมดแล้ว

และกว่าที่เฝิงหนานจะติดต่อกับคนของตัวเองได้และกว่าจะเปลี่ยนมือถือใหม่ มันก็ช้าเกินไปเสียแล้ว

บนโซเชียล คนที่ให้ความสนใจต่อเรื่องนี้ยังคงผลักดันมันให้เป็นที่สนใจไปเรื่อยๆ ถึงแม้ว่าข่าวจะเพิ่งลงไปได้แค่ไม่กี่ชั่วโมง แต่มันก็กลายเป็นเรื่องใหญ่เรื่องดังได้อย่างรวดเร็ว จะมาแก้หรือลบออกไปตอนนี้ก็คงไม่ทันแล้ว และแม้แต่เรื่องในงานหนังภาพยนตร์เมื่อคืนที่ผ่านมา ที่เธอมีท่าทางผิดหวังที่ตนเองไม่ได้รับรางวัลนักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม จนไปถึงภาพตอนที่เธอได้ขึ้นไปรับรางวัลนักแสดงหน้าใหม่ยอดเยี่ยมต่างก็ถูกนำมาลงบนโซเชียลหมดแล้ว ตอนนี้ชาวเน็ตต่างก็มองหล่อนไม่ดี และยอดผู้ติดตามในแอคเค้าท์ส่วนตัวของหล่อน เพียงในระยะเวลาสั้นๆ แค่ชั่วโมงเดียว มันก็ลดลงไปกว่าเกือบแปดแสนคน

เรื่องมันเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายเฝิงหนานก็ต้องออกมาแสดงความคิดเห็นของตัวเองแล้ว

ฝั่งเจียงเซ่อที่ได้รับข่าวจากโม่อานฉี ว่าเฝิงหนานได้นัดเหล่านักข่าว เพื่อที่จะให้สัมภาษณ์แล้วนั้น เผยอี้ก็กุมมือเธอแน่น พลางมองรอยแหวนบนนิ้วที่ตนเองวาดขึ้นมา

เกี่ยวกับเรื่องงานแต่งงาน เรื่องมันก็คงไม่ใช่แค่เขาคุกเข่าหรือเธอพยักหน้าแน่ๆ

หรือถึงแม้ว่าจะมีแหวน แต่ก็ไม่ใช่แค่หาโรงแรมจัดงานแล้วจบ

เธอยังมีสัญญาเป็นแบรนด์ แอมบาสเดอร์ให้กับกังหัว ในอีกสามปีข้างหน้านี้ จะต้องมีเครื่องประดับเพชรเป็นหลักอยู่เสมอ และสัญญาก็มีข้อจำกัดต่อเธอด้วย

ถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่เรื่องยากที่เผยอี้จะทำให้สัญญาของเธอกลายเป็นโมฆะไปเลย แต่อย่างไรเสียมันจะต้องไม่ดีต่อหน้าที่การงานของเธอในอนาคตแน่ๆ

แต่ถ้างานแต่งของทั้งสองคนจะต้องใช้แหวนของกังหัว กับฐานะของทั้งคู่ ยังไงก็ต้องไปถึงที่บริษัทกังหัวที่ฮ่องกงเพื่อวัดขนาด เลือกชนิดเพชร เลือกรูปแบบ และมันก็คงไม่ได้ใช้แค่ระยะเวลาสั้นๆ ก็ทำเสร็จแน่ๆ

นอกจากนี้แล้ว ยังมีชุดเจ้าสาวที่ต้องสั่งทำ มีงานเลี้ยงต้องวางแผนให้ดี แถมยังต้องบอกต่อกับผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายและขั้นตอนต่างๆ ในงานแต่งอีก

เรื่องคนในครอบครัว สำหรับเจียงเซ่อแล้ว เธอคงหวังเป็นอย่างมากที่จะได้รับคำยินยอมจากเฝิงจงเหลียง ไม่ใช่กับพวกครอบครัวตู้นั่น

การขอแต่งงานที่แสนตื่นเต้นได้ผ่านพ้นไปแล้ว เผยอี้ถอนหายใจออกมา ตอนนี้วันลาหยุดของเขามันมีจำกัด และเรื่องพวกนี้ก็คงไม่ใช่ว่าแค่วันสองวันก็เสร็จ

หลังจากที่ทั้งสองคนออกมาจากบ้านตระกูลเฝิงแล้ว ก็พากันแวะหาร้านอาหารเพื่อทานข้าวเช้ากัน เผยอี้ลูบลงไปที่นิ้วมือของเธอ ตอนนี้รอยแหวนที่วาดขึ้นมามันจางลงกว่าตอนแรกๆ แล้ว เขาเม้มปาก และวางแผนเวลาหลังจากกลับมาจากวันหยุดรอบหน้า

“เซ่อเซ่อ ครั้งหน้าผมจะกลับมาอีกทีตอนปลายเดือนมกราคม เอาไว้เราไปวัดขนาดที่ฮ่องกงกัน แล้วสั่งทำแหวนเอาไว้ก่อนดีไหม”

ในใจของเขา การที่เขาขอแต่งงาน และเธอก็ตอบรับเขา นั่นก็ถือว่าเธอเป็นภรรยาของเขาแล้ว เวลาที่เขาพูดอะไร เขาก็เริ่มที่จะจริงจังและหนักแน่นในความรู้สึกมากยิ่งขึ้น

“ส่วนเรื่องงานแต่ง พี่รอผมอีกสองปีนะ”

เขาจุ๊บลงไปบนนิ้วของเธอ วันหยุดของเขามีจำกัด กลับมาครั้งนี้ก็ถือว่าขอลาหยุดล่วงหน้าแล้ว แถมยังมีเวลาแค่วันเดียวด้วยพรุ่งนี้เช้าเขายังต้องออกเดินทางกลับไปที่กว่างโจวทันที เพราะจะขาดเข้าเรียนพรุ่งนี้ไม่ได้เลยเด็ดขาด

เจียงเซ่อพยักหน้า รู้ว่าเขาจะต้องไปขึ้นเครื่องไฟลท์ดึก และเริ่มที่จะกังวลกับการที่ต้องแยกจากกันอีกแล้ว

ช่วงบ่ายเขากลับไปที่บ้านตระกูลเผยอยู่พักหนึ่ง พอช่วงเย็นคนในบ้านตระกูลเผยก็ไปส่งเขาที่สนามบิน ตอนที่เขาโทรศัพท์อยู่ในสนามบิน เจียงเซ่อก็เพิ่งเลิกเรียนเต้นพอดี เขาอยากจะได้ยินเสียงเธอพูดคุยอีกสักนิด

“เรื่องที่บ้านตระกูลเฝิง ผมถามมาให้แล้วนะ ถ้าพี่อยากจะไปละก็ พี่ก็ไปได้เลย ผมพูดกับคุณปู่ของพี่ไว้แล้ว ว่าพี่ไปในนามของผม”

เสียงประกาศในสนามบินดังแทรกเข้ามาในหูของเจียงเซ่อ เหมือนว่าเขาเองก็คงรำคาญ จึงเดินออกมาอีกนิด หาที่ที่ไม่ค่อยมีเสียง

“ผมได้ดูวิดีโอตอนที่พี่รับรางวัลแล้วนะ”

น้ำเสียงเขาเบาลงเล็กน้อย น่าเสียดายที่ตอนนั้นเขายังอยู่ที่โรงเรียน ไม่ทันได้ไปดู “ภรรยาของผมสวยที่สุดในงานแล้ว ถ้าผมเป็นกรรมการนะ รางวัลนางเอกก็ต้องให้พี่อ่ะ”

เผยอี้หัวเราะแซวเจียงเซ่อ แล้วเธอก็ถามขึ้นมาว่าเขาต้องขึ้นเครื่องบินกี่โมง เขาตอบ

“หนึ่งทุ่มห้าสิบครับ”

กว่าจะถึงเวลาเครื่องบินขึ้นก็เหลืออีกประมาณห้าสิบนาที ดีที่เขามีฐานะพิเศษ ตอนที่เดินผ่านจุดตรวจเช็กก็ผ่านไปได้โดยที่ไม่โดยตรวจอะไรมากมาย เขาถอนหายใจออกมา “ทำยังไงดี ยังไม่ทันได้ไปเลย แต่ผมก็คิดถึงพี่ซะแล้ว”

คำพูดของเขาทำเอาหัวใจของเธอมันเต้นแรงขึ้นมาอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เธอตัดสินใจล้มเลิกความคิดที่จะไปอาบน้ำทันที ก่อนจะหันไปตะโกนเรียกโม่อานฉีว่าให้ไปส่งที่สนามบิน ตลอดทางเธอเองก็ไม่ได้วางสายจากเขา ฟังเสียงเผยอี้พูดไปเรื่อยๆ เขาเองก็พูดสิ่งที่ตัวเองชอบและความคิดต่างๆ นาๆ ของตัวเองมาเรื่อยๆ เช่นกัน เขาบอกว่าเขาชอบเธอ บอกว่าคิดถึงเธอ พูดถึงเรื่องราวต่างๆ ตอนที่ไปเรียนที่กว่างโจว และพูดแสดงความดีใจที่เธอได้รับรางวัล

เธอพอจะนึกออกเลยล่ะ ว่าตอนนี้เขาต้องยิ้มหน้าบานเป็นกระด้งอยู่แน่ๆ