webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

273

บทที่ 273 แหวน

เจียงเซ่อยื่นมือออกไป แล้วนอนคว่ำลงบนโซฟา เงยหน้ามองเขาด้วยใบหน้ายิ้มๆ

เผยอี้ร้อนรนจนขอบตาแดงผ่าว วิ่งวุ่นไปทั่วเพื่อหาเสื้อผ้ามาใส่

“เดี๋ยวผมไปซื้อมาเลย”

ข้างนอกนั่นยังไม่สว่างดี แถมตอนนี้ก็ยังไม่เจ็ดโมงเลยด้วยซ้ำ แต่ก็มีหลายร้านค้าในตี้ตูที่เปิดเช้าอยู่บ้าง แต่ถึงเผยอี้จะไปสั่งให้เขาเปิดร้านตั้งแต่เช้าแบบนั้น กว่าจะกลับมาเธอก็คงจะเปลี่ยนใจไปแล้ว

เผยอี้ที่กำลังใส่เสื้อผ้าอยู่ชะงักไป กลอกตาไปรอบๆ ก่อนจะเดินไปเปิดสวิตซ์ไฟห้องหนังสือขึ้น แล้วไปนั่งคุกเข่าอยู่หน้าเจียงเซ่อ

“เซ่อเซ่อ ขอแต่งงานจำเป็นต้องใช้แหวนจริงๆ เหรอ?”

สีหน้าของเขาดูอ้อนวอนไม่น้อย ทำท่าทำทางกระเง้ากระงอดต่อเธออยู่แบบนั้น

“เอาไว้คราวหลังผมค่อยเอามาให้อีกรอบได้ไหม? ถ้ากลับมาใหม่อีกรอบ พี่จะเปลี่ยนใจหรือเปล่า?”

เวลาที่เขาพูด มันเต็มไปด้วยความกลัว พูดจบก็ลุกขึ้นยืน แล้วเดินไปเดินมาอยู่ในห้องหนังสือ ตัวเขาสูงมาก หลังจากที่แยกกันถึงสองเดือน ก็ไม่รู้ว่าเจียงเซ่อเข้าใจผิดไปเองหรือเปล่า ว่าเขาดูผอมลงกว่าเดิมไปเล็กน้อย แต่ก็ดูสูงขึ้นอีกด้วย

ท่ามกลางแสงไฟเงาของเขาทอดยาวออกมา มันแผ่ปกคลุมอยู่บนตัวของเธอด้วย

สายตาของเผยอี้จดจ้องไปที่โต๊ะอ่านหนังสือ ด้านหลังโต๊ะนั่นคือชั้นหนังสือหลังหนึ่ง บนชั้นนั้นเรียงรายไปด้วยหนังสือเล่มต่างๆ ที่เฝิงหนานเคยอ่านและชื่นชอบ และทุกๆ เล่มก็ถูกเก็บรักษาเป็นอย่างดี

บนโต๊ะนั่นมีกล่องปากกาตั้งเอาไว้ ตาของเผยอี้เป็นประกายขึ้นมาทันที

เขาเดินเข้าไปหยิบปากกาแท่งหนึ่งออกมาจากกล่อง เลียริมฝีปากอย่างประหม่า จากนั้นก็ไปนั่งขัดสมาธิอยู่หน้าเจียงเซ่อ เธอยังยื่นมือค้างเอาไว้ นิ้วเรียวขาวสวยดูนุ่มนวลไม่น้อย

เขาเปิดฝาปากกาออก ตอนที่เขาคว้ามือเธอเอาไว้ เขาเองก็จับเอาไว้แน่นพอสมควร ฝ่ามือของเขามันอุ่น แต่ปลายนิ้วของเขากลับเย็นเฉียบ แถมยังสั่นเล็กๆ ด้วย ดูท่าทางจะตื่นเต้นไม่น้อย

“เซ่อเซ่อ ขอเป็นวาดแหวนเอาไว้ก่อนได้ไหม ทำสัญลักษณ์เอาไว้ก่อนนะ?”

ตอนที่เขาถามออกมา เขาก็ไม่กล้าที่จะเปิดเปลือกตามองเธอตรงๆ เลยด้วยซ้ำ เอาแต่เลียริมฝีปากตัวเอง แล้ววาดขีดสองขีดลงบนมือของตัวเองก่อน มั่นใจแล้วว่าปลายปากกาจะไม่ทำให้เธอต้องเจ็บและมันก็ออกสีดีแล้วนั้น เขาถึงได้กระชับปากกาให้แน่นขึ้น หายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะจรดปากกาลงบนนิ้วของเจียงเซ่อ สีหน้าท่าทางของเขามันดูตั้งใจมากๆ จนเหมือนกับกำลังศรัทธราต่อมันมากๆ ริมฝีปากเม้มเข้าหากันแน่น ตั้งอกตั้งใจวาดแหวนบนนิ้วของเธอ ใจจดใจจ่อต่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

ปลายปากกาที่กำลังขีดเขียนไปมาอยู่บนนิ้วของเธอมันเย็นเล็กน้อย เธอจ้องมองไปยังพื้นที่ว่างบนนิ้วนางของเธอที่ตอนนี้ถูกวาดทับด้วยแหวนวงหนึ่งแล้ว เขาจับปากกาแน่น แล้วยิ้มให้กับมือเธออยู่อย่างนั้น ทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้วว่าเป็นแหวนที่วาดขึ้นมา แต่เขากลับคิดว่าพอมันมาอยู่บนนิ้วของเธอแล้ว มันก็ดูสวยยิ่งกว่าเครื่องประดับชิ้นงามเป็นไหนๆ

เขาก้มลงเป่ารอยหมึกที่ยังไม่แห้งดี พอแห้งแล้วก็สอดประสานนิ้วของเธอเอาไว้แน่น

“เซ่อเซ่อ ผมวาดให้อันหนึ่งก่อนนะ ไว้คราวหน้าจะมาชดเชยให้ใหม่ ดีไหมครับ?” เพราะเขากลัวว่าเธอจะปฏิเสธ เลยพูดจ้อไม่หยุด

“ถึงตอนนั้นจะสั่งทำแบบที่พี่ชอบ อันนี้ถือว่าเป็นตัวแทนไปก่อนนะ”

เขาดึงมือที่จับกันแน่นขึ้นมาแนบหน้า มืออีกข้างที่ถือปากกาเอาไว้ก็ยื่นไปตรงหน้าเธอ เขากะพริบตาปริบๆ ตอนที่ช้อนตาขึ้นมามองเธอนั้น ดวงตาคมของเขาเหมือนถูกแต่งแต้มด้วยน้ำหมึก สีดำและสีขาวแบ่งกันอย่างชัดเจน เต็มไปด้วยความรอคอยและตื่นเต้น กลัวว่าเธอจะปฏิเสธ แต่ก็ยังมีความหวังที่ว่าเธอจะตอบตกลงคำขอร้องของตัวเอง

ที่จริงถึงแม้ว่าเธอจะตอบออกมาหรือไม่ก็ตาม ในใจของเผยอี้ก็ไม่ได้มีความมั่นใจอยู่ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ที่เขายื่นปากกาไปตรงหน้าเจียงเซ่อ ก็เหมือนกับลองเล่นกับหัวใจ และรอให้เธอตอบกลับมาเพียงเท่านั้น

เขาไม่รู้เลย ว่าตอนนี้เขาดูน่ารักขนาดไหน ความตั้งใจของเขามันเข้ามาในใจของเจียงเซ่อแล้ว และมันก็สำคัญกว่าเครื่องประดับเพชรเลอค่าเป็นไหนๆ

ชุดสวยๆ และเครื่องประดับสำหรับเธอนั้น เธอเห็นมันมามากพอแล้ว และเธอก็เคยมีมันด้วย และมันก็ไม่ได้ดูวิเศษอะไรอีก แต่ท่าทางของเขาตอนที่เอาปากกามาเขียนให้เธอ แค่นั้นมันก็ทำให้ใจมันอ่อนยวบยาบแล้ว

“ก็ได้”

เธอยกมือรับปากกามา แล้วพยักหน้าให้

เผยอี้จากที่ตอนแรกอกก็สั่น ขวัญก็แขวนอยู่นั้น พอได้ยินตอนที่เจียงเซ่อตอบกลับมา เขาก็รู้สึกเหมือนว่าหัวใจของตัวเองมันไม่เป็นจังหวะเสียแล้ว

ตอนที่เธอพยักหน้าตกลง หัวใจที่อยู่ในอกของเขาก็เหมือนค่อยๆ เต้นขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง จนมันดัง ‘ตึกๆๆ’ เสียงเต้นมันดังจนขนาดที่ว่าแทบจะหลุดออกมาให้ได้ เขาถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเฮือกหนึ่ง จากนั้นก็หันไปจูบลงบนมือของเธอที่เขาจับไว้อยู่ ต้องทำแค่แบบนี้เท่านั้น จึงจะสามารถหลุดออกจากอาการตื่นเต้นนี่ได้สักที

รูปแหวนที่ถูกวาดขึ้นมาเขาทะนุถนอมดูแล้วดูอีกเป็นอย่างดี ฝ่ามือกำเข้าหากันแน่น เอาแต่จ้องมันอยู่นาน แม้แต่ตาก็ไม่กะพริบเลยด้วยซ้ำ ท่าทางจะมีความสุขไม่น้อยเลยจริงๆ

ตอนนี้ข้างนอกเริ่มที่จะสว่างขึ้นแล้ว นั่งคุยตรงนั้นกันอยู่ครู่หนึ่ง จนเวลาเดินมาถึงตอนเจ็ดโมงเช้า เจียงเซ่อกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้อง แล้วปล่อยให้เขานั่งยิ้มอยู่คนเดียวในห้องหนังสือ

ถึงแม้ว่าข้างนอกมันจะเต็มไปด้วยหิมะที่ตกลงมา แต่ในใจของเผยอี้ในตอนนี้กลับคิดถึงเรื่องอะไรมากมาย

ตอนนี้เขารู้สึกดีใจและมีความสุขจนอยากจะแบ่งปันเรื่องนี้ให้กับคนอื่นด้วย เขาหยิบมือถือขึ้นมา และติดต่อหาเนี่ยต้าน แต่ปลายสายอย่างเนี่ยต้านยังไม่ตื่น หลังจากที่ต่อสายได้แล้ว เนี่ยต้านก็ด่ามาซะยืดยาว แต่ตอนนี้เผยอี้ก็ไม่คิดอะไรมากนัก

คำด่าทอของเนี่ยต้าน มันกลับกลายเป็นคำชมที่เต็มไปด้วยความอิจฉา เขาแอบมองไปข้างนอกเล็กน้อย เพราะกลัวว่าเจียงเซ่อจะมาเห็นท่าทางเหมือนเด็กของตัวเอง

“อาต้าน ฉันขอเจียงเซ่อแต่งงานแล้วนะ”

ปลายสายอย่างเนี่ยต้านที่โดนคนปลุกก่อกวนแต่เช้าก็ยังอารมณ์ไม่เข้าร่องเข้ารอยนัก เขาฉีกยิ้มแล้วพูดต่อ

“เซ่อเซ่อตอบตกลงแล้วนะ เห็นแหวนของฉันไหม? ฉันส่งข้อความไปให้ดูแล้ว แค่รูปวาดเหรอ? แค่รูปวาดแล้วมันจะทำไม? นี่ภรรยาของฉันเป็นคนวาดให้เลยนะ......”

เขาวางสายไปอย่างอารมณ์ดี คิดไปคิดมาก็ยังสงบลงไม่ได้เสียที เลยโทรไปหาเฉิงหรูหนิงอีก เจียงเซ่อที่เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วก็เดินออกมา เขาก็ยังนอนแผ่คุยโทรศัพท์อยู่บนโซฟาโดยที่หน้าก็ยังไม่ล้างฟันก็ยังไม่ได้แปรง ท่าทางเหมือนคนมีความสุขมากอย่างไรอย่างนั้น

“อาอี้ เจ็ดโมงครึ่งแล้วนะ”

เธอเตือนเขาขึ้นมา

เดี๋ยวเธอจะไปหาเฝิงจงเหลียงอีก พอขาได้ยินเจียงเซ่อตะโกนขึ้นมาอย่างนั้นแล้ว ก็รีบตอบออกไปทันที

“ครับ จะไปเดี๋ยวนี้เลย”

“ครับ~ จะไปเดี๋ยวนี้เลย” ปลายสายอย่างเซี่ยงชิวจี๋ที่โดนโทรปลุกแต่เช้าก็พูดตามเผยอี้อย่างไม่มีสตินัก เผยอี้เองก็ใจกว้างพอที่จะไม่ไปใส่ใจเขา และคิดเอาว่าอีกฝ่ายแค่กำลังอิจฉาตัวเองเท่านั้น

“เอาเถอะ ไม่คุยกับแกแล้ว วันนี้ฉันยังมีเรื่องต้องทำอีกเยอะ”

เขาวางสายไป และเพิ่งจะได้ลุกขึ้นออกจากโซฟาเสียที ตอนล้างหน้าแปรงฟันก็ยังมัวแต่กลัวว่าจะไปลบ ‘แหวน’ บนนิ้วออกอีก เลยต้องระมัดระวังสุดๆ

บ้านของเฝิงจงเหลียงอยู่ทางใต้ของตี้ตู และมันก็อยู่ไม่ไกลจากที่พักของเผยอี้นัก ขับรถไปก็ใช้เวลาแค่ประมาณครึ่งชั่วโมงเท่านั้น ส่วนทางเหนือของตี้ตูก็คงไม่ต้องพูดถึงแล้ว เพราะมันเป็นบ้านที่ถึงมีเงินก็ซื้อไม่ได้ แต่ทางใต้จะเป็นที่ของเหล่าคนรวยและมีชื่อเสียงอยู่กัน ก่อนที่จะมาเกิดใหม่เจียงเซ่อก็คุ้นเคยกับที่นี่มากๆ แต่พอมาเกิดใหม่แล้ว เธอก็แทบจะไม่ได้กลับมาที่นี่อีกเลย และไม่เคยคิดเลยด้วยซ้ำว่าวันหนึ่งที่แค่เธอจะกลับบ้านของ ‘ตัวเอง’ ก็ยังต้องให้เผยอี้เป็นคนพาไป

พอเธอคิดถึงตรงนี้ เธอก็เผลอจับมือของเผยอี้แน่น

ตอนที่ทั้งสองคนมาถึง เวลาก็ยังไม่ถึงเก้าโมงเช้าเลยด้วยซ้ำ เฝิงจงเหลียงเองก็เป็นคนตื่นเช้ามาโดยตลอด พอขับรถเข้ามาในบ้านตระกูลเฝิงแล้ว เผยอี้ก็ส่งกุญแจรถให้กับผู้ดูแลบ้านตระกูลเฝิงไปทันที ตอนที่จูงมือเจียงเซ่อเดินเข้าไป เฝิงจงเหลียงก็ค้ำตัวกับไม้เท้า ยืนรอทั้งสองคนอยู่ที่หน้าประตูอยู่ครู่หนึ่งแล้ว

ตั้งแต่ที่ได้ยินรปภ.ที่หน้าประตูแจ้งเข้ามาว่าพวกเขามาที่นี่ เขาก็ลุกขึ้นมายืนรอตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว

เมื่อคืนฝนตก ถึงแม้ว่าเช้านี้ฝนจะหยุดตกไปแล้ว แต่อากาศก็ยังคงเย็นเหมือนเดิม เขาสวมชุดจงซานสีเทาอยู่ข้างใน และสวมทับด้วยเสื้อคลุมขนแกะอีกชั้น เขายังดูเนี้ยบเหมือนเดิม เอวและหลังก็ยังยืดตรงสง่า และท่าทางก็ยังเหมือนกับตอนที่เจอกันที่บ้านตระกูลเผย สีหน้าท่าทางดูเข้มงวดเอาจริงเอาจัง

แต่สิ่งที่เจียงเซ่อพบก็คือ ในหนึ่งปีที่ไม่ได้พบเจอกัน คุณปู่ของเธอดูผอมลงไปมากเหลือเกิน และเขาก็ดูแก่ลงมากด้วย