webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

272

บทที่ 272 ขอแต่งงาน

เจียงเซ่อตื่นเช้ามาก แต่เมื่อคืนเธอก็แทบจะไม่ได้นอนเลยด้วยซ้ำ ตั้งแต่ที่เผยอี้บอกว่าจะพาเธอกลับไปที่บ้านตระกูลเฝิงเพื่อไปเยี่ยมเฝิงจงเหลียงแล้ว เธอก็ได้แต่นอนพลิกตัวไปมาทั้งคืน ใกล้ๆ ประมาณตีสามถึงได้ผล็อยหลับไป

แต่นอนก็นอนไม่ได้สนิทใจ เธอฝันถึงเรื่องหลายเรื่อง ฝันถึงตอนที่ตัวเองเป็นเด็ก ฝันตอนที่อยู่ฮ่องกง ฝันว่าตัวเองกลับไปอยู่ที่บ้านตระกูลเฝิง

ตอนที่ลืมตาขึ้นมา เธอก็คว้าเอามือถือที่อยู่บนตู้หัวเตียงมาเปิดดู และพบว่าเพิ่งจะประมาณหกโมงเท่านั้น

แค่เปิดมือถือขึ้นมา เสียงแจ้งเตือนข้อความเข้าก็ดังขึ้นมาติดต่อกันถึงสองสามครั้ง มีข้อความจากหลินซีเหวินที่ส่งมาเกี่ยวกับสถานการณ์ของ ‘The Occasion of Beiping’ ในตอนนี้ และมียอดสถิติจองหนังจากเซี่ยเชาฉวิน เธอลูบหน้าตัวเอง ก่อนจะลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินไปล้างหน้าแปรงฟัน พอเก็บของอะไรเรียบร้อยแล้ว ออกมาก็พบว่าเผยอี้ยังคงนอนหลับอยู่อย่างเดิม

เวลาที่เธอนอนก็มักจะชอบปิดประตูห้องเอาไว้ กลับกันประตูห้องนอนเขาก็แทบจะไม่ปิดเลยด้วยซ้ำ ส่วนเก้าอี้ธรรมดาที่เคยตั้งอยู่ในห้องหนังสือก็ถูกเปลี่ยนเป็นโซฟาขนาดคนนอนได้ตัวหนึ่ง แต่ตอนเขานอนก็ยังต้องขดตัวอยู่ดี

ตอนที่เจียงเซ่อเดินเข้าไป ภายในห้องเงียบสงบ ถึงแม้ว่าม่านในห้องจะไม่ได้ถูกเปิด แต่เมื่อคืนก็มีฝนตกตลอดทั้งคืน ไม่มีแสงดาวไม่มีแสงของพระจันทร์ ทำให้ในห้องมันมืดสนิท

ผ้าห่มขนสัตว์ที่คลุมตัวเขาอยู่ตกลงไปกองอยู่บนพื้นพรม ขาทั้งสองข้างพาดวางอยู่บนที่วางแขนของโซฟา ท่าทางการนอนดูน่าสงสารอยู่ไม่น้อยเลย

เจียงเซ่อรู้สึกว่าใจมันอ่อนยวบยาบเสียอย่างนั้น เธอหยิบผ้าห่มขึ้นมาแต่ยังไม่ทันจะได้ห่มคืนให้ด้วยซ้ำ คนที่ควรจะนอนอยู่กลับยื่นแขนมาโอบขาเธอเอาไว้เสียอย่างนั้น จากนั้นก็รวบตัวเธอให้มาอยู่บนตัวเขา

เจียงเซ่อตกใจสะดุ้ง พอกำลังจะดิ้นหนี แต่เผยอี้กลับพลิกตัว ขยับจนเหลือที่พอที่จะวางตัวเจียงเซ่อลง กักขังเธอเอาไว้บนโซฟากับตัวเอง โอบล้อมเอาไว้อย่างแน่นหนา

ในห้องเปิดฮีตเตอร์เอาไว้ เธอสวมใส่แค่ชุดนอนผ้าฝ้ายบางๆ เท่านั้น และเขาก็ไม่ได้ใส่เสื้อนอนอีก พอต้องมาแนบติดกับตัวเขาแบบนี้แล้ว ให้ความรู้สึกเหมือนอุณหภูมิจากร่างกายของเขาโอบล้อมเธอเอาไว้ เธออยากจะดิ้นออกจริงๆ

“อย่าเพิ่งขยับ”

น้ำเสียงของเผยอี้แหบพร่า “ผมจะตกแล้ว”

ที่จริงโซฟามันก็เล็กอยู่แล้ว นอนคนเดียวก็แค่พอนอนได้ แต่พอมานอนเพิ่มอีกคน มันก็ถือว่าแน่นเกินไป

เผยอี้ขยับเบียดเข้าไปอีกนิด เจียงเซ่อก็ยิ่งโดนเบียดแน่นเช่นกัน แม้แต่ที่จะให้หลบก็ไม่มีด้วยซ้ำ ขาของเขาก่ายอยู่บนเอวของเธอ และแขนที่โอบกอดอยู่บนเอวคอดนั่นก็ยิ่งเพิ่มแรงจนแน่น ลมหายใจมันผิดจังหวะไปหมดแล้ว

“ทำไมตื่นเช้าจังเลยครับ?”

เวลาที่พูดออกมา มือของเขาก็อดไม่ได้ที่จะซุกซนไปบนแผ่นหลังของเธอ สัมผัสกับส่วนเว้าส่วนโค้งที่แสนนิ่มนวลและอ่อนช้อยของหญิงสาว

ปลายนิ้วของเขาค่อยๆ ลองเลิกชายเสื้อขึ้นมา แล้วแตะลูบลงไปบนผิวเนื้อเนียนบริเวณเอวเว้า เธอดิ้นหนี แต่ก็โดนมือของเขากระชับให้เข้าไปใกล้อีก

ตัวของเธอผอมแต่ก็ไม่ใช่พวกหนังหุ้มกระดูก ยามที่ได้ลูบลงไปก็เต็มไม้เต็มมือและนุ่มหยุ่นติดมือ เธอเป็นผู้หญิงคนเดียวที่เขาอยากจะเลี้ยงเอาไว้ข้างๆ กายตั้งแต่เด็ก และเป็นผู้หญิงคนเดียวที่เขาคิดที่จะแต่งงานด้วยเมื่อโตขึ้น

เขาเคยเห็นตอนที่เธอเป็นเด็กสาววัยรุ่น ได้เห็นเธอที่ค่อยๆ เติบโตขึ้นเรื่อยๆ เธอเคยเกือบจะหนีหลุดออกจากมือเขาไปแล้ว เธอโดนคนอื่นจ้องตาเป็นมัน แต่ตอนนี้เธอกำลังดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมกอดของเขาเอง

พอได้คิดถึงเรื่องราวต่างๆ ที่โหมซัดเข้ามาในตอนนั้นแล้ว ขอบตาของเขามันก็เริ่มจะแดงขึ้นมา ร่างทั้งร่างของเธอค่อยๆ ถูกยกขึ้น เธอโดนจูบลงมาด้วยความมึนงง แต่สุดท้ายก็เป็นเผยอี้เองที่หักห้ามใจแล้วกลิ้งตัวลงจากโซฟาไป เสียงร่างคนทั้งร่างกระทบพื้นดัง ‘ปึก’ แถมยังรู้สึกว่าไฟในตัวที่ตัวเองจุดขึ้นมาเองมันไม่มีท่าว่าจะดับลงง่ายๆ เสียด้วย

เขาลูบหน้าตัวเอง แล้วลุกนั่งขึ้นมา พร้อมกับเอื้อมไปจับมือเจียงเซ่อแน่น พร้อมกับเอ่ยขอร้องเธอออกไปอย่างนอบน้อมและจริงใจ

“เซ่อเซ่อ พวกเราแต่งงานกันก่อนดีไหม?”

เธอนอนอยู่บนโซฟา เรือนผมสีดำหนุนอยู่บนหมอน เธอพ่นลมหายใจออกมาเล็กๆ ท่ามกลางความมืด ก่อนจะยื่นมือไปลูบใบหน้าของเขา

เขาเองก็ยกมือขึ้นไปจับมือที่แสนอ่อนนุ่มของเธอ มันนุ่มราวกับไม่มีกระดูก และสอดประสานแน่นทุกๆนิ้วของเขา

ถ้าเทียบกับเมื่อก่อนแล้ว มือของเขามันดูเติบโตขึ้นกว่าที่เคย และดูมีพลังมากขึ้นกว่าที่เคย เธอนึกถึงเมื่อคืนขึ้นมา เรื่องที่เขาได้ยินข่าวว่าเฝิงจงเหลียงหกล้มบาดเจ็บ เลยรีบจองตั๋วกลับมาที่ตี้ตู เพื่อมาอยู่ข้างๆ เธอ คอยจับมือเธอ ให้กำลังใจแก่เธอ

เธอนึกถึงตอนที่ตัวเองได้รับรางวัลนักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม และอยากจะบอกข่าวนี้กับเขาเป็นคนแรก

ทั้งสองคนเติบโตเป็นเพื่อนเป็นพี่เป็นน้องมาด้วยกัน เธอเองก็เห็นเขาที่ค่อยๆ เติบโตขึ้น

เผยอี้ที่เอ่ยขอแต่งงานมาในคราวแรก เจียงเซ่อก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เขาเองก็มีท่าทีผิดหวัง

ที่จริงเขาเองก็ขอแต่งงานมาหลายครั้งแล้ว และทุกครั้งก็ไม่ได้รับคำตอบจากเธอ นิสัยของเธอเป็นอย่างไรเขารู้ดี เธอเป็นคนที่ทำอะไรช้าๆ เธอเป็นคนใจเย็นและไม่ชอบอะไรที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน เธอเคยชินกับการใช้ชีวิตแบบนี้ และคงไม่เคยคิดที่จะมาเปลี่ยนสถานะของเราทั้งสองคนที่เป็นอยู่ด้วย

เขาเองก็ยังเด็ก ตอนนี้ยังเรียนอยู่ ยังไม่จบเลยด้วยซ้ำ แล้วจะมาแต่งงานกับเธอได้อย่างไรกัน?

เผยอี้เข้าใจเรื่องพวกนี้เป็นอย่างดี แต่อย่างไรเขาก็ยังอยากที่จะพูดขอแต่งงานออกไป และมันก็ยังแบกความหวังเล็กๆ ออกไปด้วยทุกครั้ง

“เซ่อเซ่อ แต่งงานกับผมเถอะนะ ผมจะดีกับพี่ ผมจะรักพี่ จะปกป้องพี่เอง.....”

เขาอยากจะบอกกับเธอว่าเขาชอบเธอมากแค่ไหน แต่พอพูดไปได้ครึ่งหนึ่ง ก็เกิดนึกถึงคำพูดของคุณปู่เผยขึ้นมาเสียอย่างนั้น ตอนนี้งานเขาก็ไม่มีทำ ชื่อเสียงก็ยังได้แค่นี้ แต่เธอที่หลังจากเข้าวงการบันเทิงแล้ว เธอก็อาศัยจากสิ่งที่เธอทำ จนได้รับรางวัลจากงานหนังภาพยนตร์มาแล้วด้วยซ้ำ

ตอนนี้ตัวเขาเองก็ยังเรียนไม่จบ แถมยังอยู่ที่อื่นที่ห่างไกล สิ่งที่เขาจะสัญญาออกมา แน่นอนว่าในตอนนี้เขาไม่สามารถทำมันได้ แล้วจะมีอะไรไปขอเธอแต่งงาน?

เขาเองก็ไม่อยากจะมาเร่งให้เจียงเซ่อแต่งงานกับเขาแบบนี้ กับเขาสภาพตอนนี้ ที่แม้แต่จะกลับตี้ตูก็ต้องรอเป็นวันหยุด ที่ถึงแม้ว่าเธอจะตอบตกลงว่าจะแต่งกับเขา แต่แม้แต่เวลาที่จะเตรียมการเรื่องานแต่งก็ยังไม่มีเลย และนี่มันก็ไม่ใช่สิ่งที่ตัวเองคิดเอาไว้ด้วย

ในใจของเขา เธอจะต้องมีอะไรที่ดีกว่าคนอื่น เขายินยอมที่จะเป็นฝ่ายเสียเปรียบ แต่ไม่มีทางยินยอมที่จะให้เธอเสียเปรียบ ถ้าหากว่าได้แต่งงานกันจริงๆ เขาก็อยากจะประกาศให้คนได้รู้ทั้งโลกไปเลย ไม่ใช่เงียบๆแบบนี้ ไม่ใช่การเข้าพิธีแต่งงานง่ายๆ แบบนี้

เขาเคยได้เห็นตอนที่เธอถ่ายโฆษณาให้กับกังหัว เธอสวมเป็นชุดราตรีสีขาว และสวมผ้าคลุมหน้าเจ้าสาว มันเหมือนกับภาพในฝันของเขา ภาพตอนที่เธอสวมชุดเจ้าสาวแต่งงานด้วยกัน

แต่เขาก็อยากจะคว้าเธอมากอดเอาไว้แน่นๆ อีก ความรู้สึกแบบนั้นมันช่างขัดแย้งกันสิ้นดี พูดออกไปแค่ไม่กี่คำ เขาก็ต้องถอนหายใจออกมา และไม่พูดอะไรอีก

เจียงเซ่อรออยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็เห็นว่าเขาไม่พูดอะไรออกมาอีก เขาก้มหน้าลงท่ามกลางความมืด เขาแบมือของเธอออก แล้วเอาคางไปวางบนนั้นแทน

ผ่านไปแค่คืนเดียวไรหนวดของเขาก็เริ่มขึ้นแล้ว ตอนที่มันทิ่มลงบนมือของเธอ มันก็เหมือนเป็นสิ่งย้ำเตือนเธอขึ้นมา ว่าเขานั้นโตแล้ว

“ช่างมันเถอะ ยังไม่ต้องแต่งหรอก”

ความคิดที่มันกำลังพัวพันอุตลุดอยู่ในใจของเขาเจียงเซ่อเองก็สัมผัสถึงมันได้ เธอเปลี่ยนมานั่งในท่าทางที่สะดวกขึ้น และมองเผยอี้ที่นั่งนิ่งๆ อยู่บนพื้น ทั้งสองคนประสานตากัน แววตาของเขาเหมือนมีไฟแรงกล้า ที่แม้แต่แสงมืดยามค่ำคืนก็ไม่สามารถขวางกั้นเขาได้

แล้วจู่ๆ เธอก็เอ่ยขึ้นมา

“นายมีแหวนหรือเปล่า?”

“เอ๋?”

เผยอี้เงยหน้าขึ้น ท่าทางเหมือนยังตามไม่ทันอย่างไรอย่างนั้น

เจียงเซ่อค่อยๆ ยกยิ้มมุมปากขึ้น น้อยครั้งที่เธอจะทำเรื่องต่างๆ ที่ออกไปจากนอกกรอบของตัวเอง เธอมักจะอยู่ในแบบแผนเสมอ แต่ครั้งนี้กลับอยากจะทำให้เผยอี้ตื่นเต้นเสียอย่างนั้น

“มีแหวนหรือเปล่า? อาอี้ นายจะขอฉันแต่งงาน จะต้องมีแหวนนะรู้ไหม”

เธอยิ้มขึ้นมา มองเผยอี้ที่มีท่าทางตกตะลึงและยังกู่ตัวเองไม่กลับแบบนั้น

เขานิ่งตะลึงไม่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะเข้าใจขึ้นมาว่าเธอพูดอะไร เขากระโดดโลดขึ้นมาอย่างตื่นเต้นดีใจ

“แหวน แหวน”

เขาท่องมันไปมา แล้วหันรีหันขวางอยู่กับที่ จากนั้นก็ยกมือขึ้นตบหน้าผากตัวเอง เขาไม่มีแหวนเสียหน่อย