webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

271

บทที่ 271 ประเมินต่ำไป

ตัวหนังสือยังสามารถแสดงและสื่ออกมาได้แบบนี้อีกด้วย ไม่ต้องใช้มุขอะไรมาสร้างเป็นหัวข้อ ไม่ต้องพยายามคิดคำอะไรเพื่อไปดึงดูดให้คนสนใจ

แต่เป็นการพูดความรู้สึกของตัวเองออกมาตรงๆ โดยผ่านเสน่ห์ของตัวหนังสือ และค่อยๆ กลายเป็นบทความให้ได้อ่านกัน

ตามบทวิจารณ์ที่ซูเพ่ยเอินได้เขียนลง เถาเถาก็ได้ลองนึกถึงฉากต่างๆ ของโต้วโค่วในหนัง ตอนที่เก็บซ่อนน้ำตาเอาไว้ ตอนที่เธอดูละครงิ้วพร้อมกับรอยยิ้ม ตอนที่ขมวดคิ้วกลัดกลุ้มและเศร้าโศก ตอนที่เธอหัวเราะเบิกบานหรือตอนโกรธเกรี้ยว ตอนที่เธอยอมโดนแม่เล้าเฆี่ยนตีเพราะไม่ยอมก้มหัวให้ และตอนก่อนที่เธอจะสิ้นใจ เธอเรียกชื่อเซียวจือออกมา จนทำให้เจ้าตัวถึงกับตกใจก้าวเท้าหนี พร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยความตกตะลึง ผู้หญิงที่ถูกมองว่า ‘ชั่วร้าย’ กลับกลายเป็นเด็กสาวที่แกล้งอีกฝ่ายได้สำเร็จ และหัวเราะออกมาอย่างไร้เดียงสา

เหมือนหล่อนได้รับพลังจากคำวิจารณ์หนังจากซูเพ่ยเอิน พอหวนนึกถึงฉากต่างๆ ในหนังแล้ว ก็เริ่มมีสิ่งต่างๆ มากมายที่อยากจะพูดเกี่ยวกับมัน เหมือนมีความคิดบางอย่างผุดขึ้นมา พอมองไปรอบๆ และเห็นว่าไม่มีใครสนใจอยู่นั้น หล่อนก็แอบเปิดโปรแกรมพิมพ์เอกสารขึ้นมา และเขียนความรู้สึกที่มีอยู่ในใจลงไป

“ตัวละครโต้วโค่วได้สร้างความประทับใจให้ฉันเป็นอย่างมาก ตั้งแต่ฉากที่เปิดตัวออกมาอย่างงดงาม และความร้ายกาจที่ทำเอาฉันตกตะลึงไปไม่น้อย เวทนาต่อสิ่งที่เธอต้องพบเจอ และรู้สึกพีคขึ้นมาอีกในการปิดบังครั้งสุดท้ายของเธอ”

พอเถาเถาเขียนเสร็จ หล่อนก็ถอนหายใจออกมา ซูหมิ่นที่อยู่ข้างๆ ยื่นมือมาตบที่โต๊ะของหล่อน

“เถาจื่อ งานที่มอบหมายไปเสร็จแล้วหรือยัง!”

เถาเถาตกใจสะดุ้งโหยง แล้วรีบพยักหน้าตอบทันที

“เสร็จแล้วค่ะๆ”

ซูหมิ่นที่เห็นท่าทางลนลานของหล่อนแล้ว ก็ได้แต่ส่ายหัว

“เสร็จแล้วก็ส่งให้ฉันสิ หัวหน้ากองบก.เขาจะเอาแล้วนะ”

เถาเถารีบเซฟไฟล์ที่พิมพ์เอาไว้ในโฟลเดอร์ จากนั้นก็ส่งให้ซูหมิ่นทางอีเมล์ไปพร้อมๆ กับไฟล์งาน จากนั้นหล่อนก็รีบเก็บของแล้วออกจากที่ทำงานทันที แต่ก็รู้สึกสังหรณ์ใจขึ้นมาแปลกๆ

วันนี้อาจจะเป็นเพราะอินกับหนังมากไปก็ได้ เพราะพอกลับไปถึงบ้านอาบน้ำอาบท่าเสร็จก็เกือบจะตีสามแล้ว แต่หล่อนก็ยังนอนไม่หลับเสียที

พรุ่งนี้ตอนเก้าโมงเช้ายังต้องลุกไปเข้างานอีก หล่อนพลิกตัวไปมาสองสามรอบ สุดท้ายหล่อนก็รู้สึกว่าต้องมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นแน่ๆ หล่อนรีบลุกออกจากเตียงไปเปิดคอมพิวเตอร์ จากนั้นก็ค้นหาคำว่า ‘The Occasion of Beiping’ ทันที

บนเว็บข้อมูลหนัง หลังจากที่หนังเรื่อง ‘The Occasion of Beiping’ รอบเที่ยงคืนจบลงแล้ว คะแนนความพึงพอใจจากตอนแรกที่อยู่แค่ที่ 49% นั้น ในตอนนี้กระโดดขึ้นมาถึง 56% แล้ว และจากคอมเม้นท์ที่มีแค่สามพันกว่าข้อความ ตอนนี้ก็กระโดดมาถึงประมานหนึ่งหมื่นกว่า

คนที่ได้ดูหนังรอบแรกไป ต่างก็พากันเข้ามาชื่นชมกันไม่หยุดปาก

บนเว็บไซต์ของสือไต้ผิงซัวและบนเว็บไซต์หนังในตอนนี้ ก็เริ่มมีกลุ่มคนที่มีผู้ติดตามสูงๆ กับนักวิจารณ์หนังเข้ามาพูดถึงความรู้สึกของตัวเองกัน

นักวิจารณ์หลิวผิ่นป๋อได้เขียนประโยคชื่นชมเจียงเซ่อเอาไว้ว่า เธอใช้ความสวยในเรื่อง ‘99 Love Letter’ มัดใจเหล่าคนดูได้อยู่หมัด และได้พิสูจน์ฝีมือการแสดงของตัวเองผ่านบทโต้วโค่วในเรื่อง 'The Occasion of Beiping' แล้ว

ใต้คำวิจารณ์ของเขา นอกจากจะยังมีเหล่าคนที่ยังไม่ได้ดูหนังเข้ามาตั้งข้อสงสัยว่ามันคือเรื่องจริงหรือเขาแค่สร้างเรื่องจอมปลอมขึ้นมาประจบเท่านั้นหรือเปล่า แต่ก็ยังมีอีกหลายๆ คนที่ได้ดูหนังเรื่องนี้แล้วพากันมาเห็นด้วยเป็นอย่างมาก

เช้านี้มีสุรา : ที่จริงหนังเรื่องนี้ เห็นว่าผู้หญิงสวยดีก็เลยไปลองดู แต่เหมือนว่าจะผิดจากที่ตัวเองคาดไปหน่อย เพราะหนังถือว่าไม่เลวเลย

มองต้นหลิวผ่านแม้น้ำที่กั้นขวาง: ฉันเข้าใจมาตลอดว่าเจียงเซ่อคงจะเล่นเป็นโต้วโค่วไม่ได้ ตอนที่จองบัตรหนังรอบแรกของ ‘The Occasion of Beiping’ ไป ความตั้งใจคืออยากจะไปจับผิดเท่านั้นเอง เพราะว่าบทคุณหนูเอกุชิที่เฝิงหนานเล่นในเรื่อง ‘ปฏิบัติการผู้พิทักษ์’ มันทำให้ฉันประทับใจมาก ก่อนหน้านี้ ฉันก็คิดมากตลอดว่ารางวัลนักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมในงานหนังภาพยนตร์นั้น การที่หล่อนแพ้ให้เจียงเซ่อไปมันช่างไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย คิดว่าเป็นเพราะกรรมการลำเอียง คิดว่างานหนังภาพยนตร์ต้องเกิดข้อผิดพลาดอะไรแน่ๆ แต่พอดู ‘The Occasion of Beiping’ จบแล้ว ฉันก็คิดว่าฉันติดค้างคำขอโทษต่อเจียงเซ่อเสียแล้ว เธอไม่ได้ ‘แสดง’ เป็นโต้วโค่วจริงๆ เพราะว่าตั้งแต่เริ่มจนจบ ทั้งเรื่องที่ได้ดูไปนั้น ทำให้ฉันคิดว่าเธอนั่นแหละคือโต้วโค่ว เพราะมันไม่มีอะไรที่จะเชื่อมต่อกับเจียงเซ่อได้เลย ในงานหนังภาพยนตร์ที่เพิ่งผ่านไป การที่เธอได้รับรางวัลนักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมนั้น ถือว่าเป็นเรื่องที่ถูกต้องที่สุดแล้ว!

ลมโชยผ่านต้นหยางหลิว : เซียวจือไม่คู่ควรกับโต้วโค่วเลยจริงๆ!

การตามจีบของเสียวเสี่ยวป๋าย: ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ทั้งๆ ที่เซียวจือและหงโต้วเป็นตัวหลักของเรื่องนี้ แต่ฉันกลับรู้สึกรักโต้วโค่วมากกว่าอีก อาจารย์ซูเพ่ยเอินเองก็พูดเอาไว้ได้ดีมากๆ การแสดงของเจียงเซ่อ ทำให้ตัวละครโต้วโค่วจากปลายปากกาของโหวซีหลิ่งนั้นมีชีวิตขึ้นมาจริงๆ

ชาวเน็ตหลายคนที่เคยไม่เห็นด้วยกับการที่เจียงเซ่อมารับเล่นบทนี้ ต่างก็ได้รับการพิสูจน์ตัวเองที่แข็งแกร่งของเจียงเซ่อแล้ว และถูกซัดกลับไปอย่างยับเยิน

ชาวเน็ตมากมายที่เคยมาตั้งข้อสงสัยต่อเจียงเซ่อและนำเธอไปเปรียบเทียบกับเฝิงหนาน เจียงเซ่อเองก็ไม่เคยโต้ตอบ แต่เลือกที่จะใช้ผลงาน ใช้ฝีมือการแสดงมาพูดแทน ทำให้คนที่เคยสงสัยต่อการที่เธอได้รางวัลนักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมไป กลับมาเชื่อมั่นและมองว่ามันถูกต้องแล้วแทน

ภายในระยะเวลาสั้นๆ ประมาณสองชั่วโมงบนแอคเค้าท์ส่วนตัวต่างๆ ของเธอ เริ่มมีคนเข้ามาติดตามเธอกว่าหนึ่งแสนคน และตอนนี้ก็เพิ่มขึ้นมาถึงหนึ่งล้านหกแสนคนแล้ว

และตามที่หนังจะได้ฉายไปเรื่อยๆ หลังจากนี้ ตัวเลขพวกนี้ก็จะเพิ่มขึ้นอีกเรื่อยๆ

เถาเถาที่เห็นแบบนั้นแล้ว ก็เกิดดีใจขึ้นมากว่าเดิม หล่อนก็อยากจะค้นหาข่าวๆ ใหม่ของ ‘The Occasion of Beiping’ ที่เกี่ยวกับเจียงเซ่อต่ออยู่หรอก แต่จู่ๆ มือถือมันก็ดังขึ้นมาเสียอย่างนั้น

ชื่อซูหมิ่นเด่นหราอยู่บนหน้าจอมือถือ ตอนนี้มันตีสามกว่าแล้ว เถาเถาหยิบมือถือขึ้นมารับสาย ซูหมิ่นกรอกเสียงถามขึ้นมาทันที

“เถาจื่อ ไฟล์เวิร์ดที่เธอส่งมาให้ฉันก่อนหน้านี้ มันมีข้อความวิจารณ์ที่เธอเขียนเองด้วยหรือเปล่า?”

แล้วเถาเถาก็นึกขึ้นมาได้ หน้าของเธอตึงไปในทันที ว่าแล้วทำไมถึงได้รู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆ ในที่สุดตัวเองก็นึกออก ว่าหลังจากที่ตัวเองอ่านบทวิจารณ์ของซูเพ่ยเอินจบแล้ว หล่อนก็เกิดมีคำพูดที่อยากจะพูดออกมาจากใจ เลยแอบเขียนความรู้สึกเกี่ยวกับหนังเรื่อง ‘The Occasion of Beiping’ ลงไป เพราะว่าตอนนั้นกลัวจะมีคนมาเห็นเข้า บวกกับซูหมิ่นเองก็เร่งหล่อน เพราะงั้นตอนที่ส่งงานไปให้ซูหมิ่น ก็กดส่งของตัวเองไปด้วยเสียอย่างนั้น

“ขอโทษนะคะ พี่ซู”

นี่มันเป็นความผิดของหล่อนเอง การที่จะเป็นนักข่าวของสำนักข่าวหลงสิง ทุกๆ วันเหล่าลูกน้องจะต้องจัดการกับเรื่องต่างๆ ได้เป็นอย่างดี แล้วมาพบว่าเพื่อนร่วมงานที่ทำโอทีด้วยกันมาทำงานผิดพลาดแบบนี้ ถ้าส่งงานไปแล้วจะต้องถูกด่าว่าสะเพร่าไม่รอบคอบแน่ๆ

“ส่งงานให้ทางกองบรรณาธิการไปแล้ว หัวหน้ากองบรรณาธิการบอกว่าก็ใช้ได้เลยนี่”

เถาเถายังคิดไม่ออกด้วยซ้ำว่าจะขอโทษยังไงดี แต่ซูหมิ่นก็พูดออกมาเสียก่อน

“หัวหน้าหองบรรณาธิการบอกว่าให้เธอช่วยเกลาบทวิจารณ์ให้ดูดีกว่านี้อีกนิดนึง ใส่เป็นในนามของทางสำนักข่าวหลงสิง แล้วจะนำไปใส่ในคอลัมน์พิเศษของข่าวในวันพรุ่งนี้ เอาไปใส่ไว้ในช่วงสุดท้าย”

เถาเถากำลังตกตะลึงกับข่าวที่ได้ยินเป็นอย่างมาก ซูหมิ่นยังพูดต่อ

“โอกาสดีๆ แบบนี้เธอต้องคว้าเอาไว้ให้ดีๆ รู้ไหม ต้นฉบับต้องใช้ในวันพรุ่งนี้ อย่าส่งมาช้าอีกล่ะ!”

สายก็วางไปแล้ว แต่เถาเถายังคงมึนงงอยู่เลย ตอนนี้หล่อนยังเป็นแค่นักข่าวฝึกงานด้วยซ้ำ ไม่ได้สัมภาษณ์เดี่ยว ไม่ได้เป็นคนเขียนต้นฉบับข้อมูล แม้แต่โต๊ะทำงานก็ยังเป็นของรุ่นพี่คนก่อนๆ อีก หลังจากตามไปสัมภาษณ์ก็ยังต้องเอาต้นฉบับมาแก้มาตรวจสอบเรียบเรียงให้ดีก่อนที่จะส่ง แถมยังต้องผ่านกองบรรณาธิการก่อนถึงจะลงข่าวได้

คิดไม่ถึงเลยว่าความไม่ได้ตั้งใจของตัวเองในคืนนี้ กลับได้รับความสำคัญจากหัวหน้ากองบรรณาธิการเสียอย่างนั้น ผ่านไปหลายนาที เถาเถากำมือถือตัวเองแน่น จากนั้นก็กระโดดโลดเต้นอย่างดีใจไปทั่วห้อง

คำชื่นชมต่อหนังเรื่อง ‘The Occasion of Beiping’ เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว การฉายหนังในรอบแรกผ่านไปและคำวิจารณ์ในด้านที่ดีก็เพิ่มขึ้น รวมไปถึงเหล่านักวิจารณ์ที่มีชื่อเสียงต่างก็พากันออกมายืนยัน ที่สำคัญที่สุดก็คือซูเพ่ยเอินที่ปล่อยบทวิจารณ์หนังยาวๆ มาตั้งแต่ช่วงเที่ยงคืน ทำในบนอินเทอร์เน็ตเริ่มให้ความสนใจต่อหนังเรื่อง ‘The Occasion of Beiping’ มากขึ้นกว่าเดิมด้วย

โรงหนังใหญ่ทั่วประเทศที่เห็นสถานการณ์แบบนี้แล้ว ก็พากันเพิ่มรอบหนังกันอีก จากตอนแรกที่รอบหนังมีถึง 28% นั้น ก็เพิ่มขึ้นมาถึง 31% แล้ว และตัวเลขนี้ก็คงจะทำให้ตัวเลขยอดขายบัตรหนังเป็นไปตามที่คาดหวังเอาไว้ และก็คงจะเพิ่มขึ้นอีกเรื่อยๆ แน่