webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

268

บทที่ 268 ไอดอล

หลายๆ คนที่เก็บข้อมูลได้เพียงพอแล้วก็พากันกลับไป หล่อนมองดูช่างกล้องเล็กน้อย จากนั้นก็หันไปมองที่นักข่าวที่ต้องไปสัมภาษณ์ สุดท้ายก็ไม่สามารถหักห้ามความปรารถนาที่มีได้ จึงพูดออกไปเบาๆ

“พี่ซูคะ”

หล่อนถือพวกอุปกรณ์อะไรต่างๆ เอาไว้ พลางถามออกไป

“เดี๋ยวตอนที่เราไปขึ้นรถกันแล้ว ฉันขอตามกลับไปที่บริษัทช้าหน่อยได้ไหมคะ?”

ซูหมิ่นยังไม่ทันได้เข้าใจอะไร เถาเถาก็เริ่มขอร้องขึ้นมา

“ฉันชอบเจียงเซ่อมากเลย เธอเป็นเหมือนไอดอลของฉัน เมื่อกี้ฉันลองไปสอบถามมาแล้วนะคะ เดี๋ยวพวกนักแสดงจะออกมาจากทางประตูฉุกเฉินที่สามเพื่อไปที่โรงจอดรถ ฉันอยากจะไปขอลายเซ็นแล้วขอเธอถ่ายรูปเสียหน่อยน่ะค่ะ”

หล่อนยกมือขึ้นประกอบกันทั้งสิบนิ้ว ใบหน้าเต็มไปด้วยคำขอร้อง

“ขอร้องล่ะนะคะ”

เวลาที่เถาเถาอยู่ที่สำนักงานหลงสิง เรื่องที่หล่อนชื่นชอบเจียงเซ่อ ไม่ว่าจะเพื่อนร่วมงานคนไหนก็รู้ทั้งนั้น และก็รู้ว่าครั้งนี้ที่หล่อนจะขอมาให้ได้ก็เพราะว่ามันเป็นโอกาสที่จะได้ใกล้ชิดกับไอดอลของตัวเอง ก็ถือว่าขอร้องอ้อนวอนมานานพอสมควร สุดท้ายก็ยอมงดโอทีไปสองเดือนเพื่อมาที่งานนี้

แต่ทว่าตอนที่อยู่ในงานหล่อนกลับยังไม่ทันได้สัมผัสหรือได้มีโอกาสพูดคุยกับเจียงเซ่อเลยสักนิดเดียว แล้วตอนนี้ก็กำลังจะกลับแล้วด้วย และหล่อนก็คิดว่าคำขอร้องนี้คงจะไม่มากเกินไปเท่าไหร่

ซูหมิ่นยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู แล้วเคาะๆ นิ้วลงไป

“กลับไปที่บริษัทก่อนเที่ยงคืนล่ะ ยังมีข้อมูลอีกหลายจุดที่ต้องจัดเรียงให้ดี ต้องมั่นใจว่าพรุ่งนี้เช้าจะมีข่าวลง”

เถาเถากระโดดดีใจขึ้นมา และตอบกลับไปด้วยใบหน้าที่ดีใจสุดๆ

“รับรองได้เลยคะ!”

และคนของสำนักข่าวหลงสิงก็กลับกันไปก่อนแล้ว และเถาเถาก็ได้ไปยืนรออยู่ตรงหน้าประตูฉุกเฉินที่สามตามที่ไปสอบถามจากทีมงานเรียบร้อย หล่อนสะพายกระเป๋าเป้ใบหนึ่ง แม้แต่ลิฟต์ก็ยังไม่กล้าที่จะเข้า จึงเลือกที่จะเดินลงมาโดยใช้บันไดแทน

ในโรงจอดรถไม่มีฮีตเตอร์ หล่อนสวมชุดตัวใหญ่สีชมพู แต่ก็ยังรู้สึกได้ถึงความหนาว แต่ในใจกลับรู้สึกร้อนรนสุดๆ

หล่อนเริ่มคิดถึงคำพูดที่จะใช้พูดกับเจียงเซ่อ ทวนคำถามที่อยากถาม และเอาแต่คิดว่าจะเริ่มพูดอย่างไรเพื่อบอกว่าชอบเธอมากแค่ไหน จะต้องพูดยังไงเพื่อบอกถึงความรู้สึกของตัวเองออกมา แถมยังอยากจะได้ลายเซ็นกับถ่ายรูปด้วยกันอีก

ยิ่งคิดก็ยิ่งตื่นเต้น ตอนนี้ลิฟต์เริ่มลงมาที่โรงจอดรถแล้ว เสียง ‘ติ๊ง’ ดังขึ้น ประตูลิฟต์เปิดออก และมีคนกลุ่มหนึ่งเดินออกมาจากห้องโดยสาร และเถาเถาก็เห็นแล้วว่าในกลุ่มคนนั้นมีเจียงเซ่ออยู่ด้วย

ความสูงของเธอทำให้เวลาที่อยู่ท่ามกลางกลุ่มคน เธอก็เป็นเหมือนดั่งสวรรค์ที่อยู่เหนือขึ้นไป

เจียงเซ่อลบเมคอัพบนหน้าไปแล้ว ผมยาวดำสวยที่ยาวถึงเอวถูกปล่อยสยายไปด้านหลัง มันดูนุ่มลื่นไม่น้อยเลย

เธออยู่ในชุดที่ดูเรียบง่ายสุดๆ แต่ก็ยังทำให้รู้สึกได้ถึงบุคลิกที่โดดเด่นจนมองข้ามไม่ได้

ความกล้าที่สะสมมาก่อนหน้านี้ พอแค่ได้เห็นเจียงเซ่อ ความกล้าที่มีอยู่ก็ถดถอยไปเกือบครึ่ง เถาเถาก้าวไปข้างหน้าอย่างกล้าๆ กลัวๆ แล้วร้องเรียกออกไปเบาๆ

“เจียงเซ่อ” ตอนที่เรียกเจียงเซ่อออกไป มือทั้งสองข้างของหล่อนก็บีบกันอยู่ตรงหน้าท้อง ตัวก็สั่นไปหมดทำให้น้ำเสียงที่เปล่งออกมามันสั่นไปด้วย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะรออยู่ตรงนั้นนานเกินไปจนแข็ง หรือเป็นเพราะว่าตื่นเต้นมาไปแล้วกันแน่ และรอให้เจียงเซ่อตอบกลับมา

คนกลุ่มนั้นที่พูดคุยกันอยู่ก็หยุดบทสนทนาทันที ฟ่านจืออวิ๋นมองเถาเถาเล็กน้อย จากนั้นก็หันไปมองที่เจียงเซ่อ ดูจากสถานการณ์แล้ว คงจะเป็นแฟนคลับที่มาดักรอแน่ๆ

บอกไม่ถูกว่ามันคือความอิจฉาทั้งหมดหรือเปล่า แต่ฟ่านจืออวิ๋นยังคงสามารถรักษาภาพลักษณ์ที่ควรจะเป็นเอาไว้ได้ เจียงเซ่อมองดูสถานการณ์นี้แล้ว จึงบอกลาต่อทุกคนไปย่างมีมารยาท หลังจากที่โหวซีหลิ่งและคนอื่นๆ เดินไปกันแล้ว แฟนคลับที่ยืนอยู่ตรงหน้าก็เริ่มตื่นเต้นจนทำตัวไม่ถูกเสียแล้ว ตอนที่พูดออกมาก็เริ่มติดๆ ขัดๆ ไปเสียอย่างนั้น

“ดิฉันดู ‘The Occasion of Beiping’ แล้วค่ะ ชอบที่คุณแสดงเป็นโต้วโค่วมากเลย”

เถาเถากำสายสะพายกระเป๋าเป้ไว้แน่นทั้งสองข้าง และเริ่มที่จะพยายามเก็บความตื่นเต้นและความกดดันของตัวเองลงหลังจากที่ได้เจอกับไอดอล

“ดิฉันคือ เอ่อ” หล่อนเลื่อนมือไปแตะบนหน้าอกของตนเองเพื่อที่จะหยิบป้ายชื่อของสำนักข่าวขึ้นมา แต่กลับพบว่ามันว่างเปล่า แล้วนึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านี้ตัวเองถอดมันเก็บไปแล้ว

หล่อนเหลือบไปเห็นโม่อานฉีที่ยืนอยู่ข้างๆ เจียงเซ่อและกำลังมองมาอย่างระแวดระวัง หล่อนรีบรื้อกระเป๋าของตัวเองทันที แต่เจียงเซ่อก็ยิ้มขึ้นมาก่อน

“คุณเป็นนักข่าวของสำนักข่าวหลงสิง ที่ชื่อเถาเถาใช่ไหมคะ?”

เถาเถาที่กำลังค้นกระเป๋าอยู่ชะงักไปในทันที หล่อนเงยหน้าขึ้น และถามออกไปอย่างไม่อยากจะเชื่อ

“คุณยังจำดิฉันได้ด้วยหรือคะ?”

ดวงตาคู่นั้นของเธอมันดูกลมโต มีประกายชุ่มชื้นเล็กๆ ดูน่ารักสุดๆ ไปเลย

เจียงเซ่อพยักหน้า เธอจำเถาเถาได้จริงๆ ตอนนั้นเป็นงานเปิดกล้องของหนังเรื่อง ‘The Occasion of Beiping’ และมีนักข่าวของสำนักข่าวหลงสิงคนหนึ่งที่ถามคำถามได้เฉียบคมมากๆ แต่ก็เหมือนโดนเธอตอกหน้ากลับไปเสียอย่างนั้น พอมาถึงช่วงให้สัมภาษณ์หลังงานจบ ก็กลายเป็นนักข่าวที่ดูตื่นเต้นอีกคนมาสัมภาษณ์แทน

ในวินาทีที่เธอยืนยันว่าจำหล่อนได้จริงๆ นั้น เถาเถาก็ยกมือขึ้นปิดปากตัวเองทันที ขอบตามันเหมือนมีน้ำสีใสคลอขึ้นมา ตอนนี้หล่อนรู้สึกตื้นตันจนแทบจะพูดอะไรไม่ออกแล้ว ใจมันเริ่มลอย ในหูของหล่อนมันได้ยินแม้กระทั่งเสียงใจเต้นดัง ‘ตึกๆๆ’ เท้าทั้งสองข้างค่อยๆ เหยียบก้าวไปข้างหน้าสองก้าวอย่างไม่เป็นธรรมชาติ และพูดออกมาด้วยน้ำเสียงติดๆ ขัดๆ

“ดิฉันคิดไม่ถึงเลย ว่าคุณจะยังจำฉันได้”

เถาเถาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าเจียงเซ่อจะยังจำตนเองได้ หล่อนยังสูดหายใจเข้าลึกๆ อีกหลายครั้ง มือทั้งสองข้างคอยพัดลมใส่หน้าตัวเองไม่หยุด เพราะคิดว่ามันน่าจะช่วยให้ตัวเองใจเย็นลงบ้าง

“ครั้งที่แล้ว ดิฉัน เอ่อ ในงานเปิดกล้องของหนังเรื่อง ‘The Occasion of Beiping’ ดิฉันเป็นคนสัมภาษณ์คุณเองค่ะ” หล่อนรู้สึกภูมิใจ แต่ก็รู้สึกท้อแท้ด้วย

“แต่ว่าดิฉันยังเป็นแค่นักข่าวใหม่ เลยทำออกมาได้ไม่ค่อยดีนัก”

การรายงานสัมภาษณ์ครั้งที่แล้ว ทางหัวหน้ากองบรรณาธิการบอกว่ายังไม่ค่อยดีเท่าไหร่ และสุดท้ายมันก็ไม่ได้นำถูกไปใช้ ไม่ว่ากี่ครั้งที่เถาเถาคิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาทีไร ก็ต้องรู้สึกเสียใจทุกที

“ทุกๆ คนล้วนแล้วพัฒนามาจากการเป็นคนที่เพิ่งเริ่มทำ ในงานเปิดกล้อง ‘The Occasion of Beiping’ฉันเองก็เป็นแค่ดาราหน้าใหม่เหมือนกัน การที่ได้ให้สัมภาษณ์เดี่ยวแบบนั้น ก็คือว่าเป็นครั้งแรกเหมือนกันค่ะ”

คำพูดของเจียงเซ่อทำเอาเถาเถาทึ่งไปไม่น้อย ไม่ว่าจะกี่ปีผ่านไป หล่อนก็จะยังจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโรงจอดรถใต้โรงหนัง IMAX นี้ได้ ไอดอลของหล่อนกำลังปลอบใจหล่อนจริงๆ และยังช่วยดับความตื่นเต้นและความลนลานที่มีให้ด้วย

เธอไม่ได้ถือว่าเถาเถาเป็นแค่นักข่าวใหม่ แล้วพูดด้วยสองสามคำเสร็จไล่ไปอะไรแบบนั้น และไม่มีการมาพูดโอ้อวดตนเองเพื่อให้ดูอยู่สูงกว่าใครๆ

ในโรงจอดรถที่มีไฟสลัว เธอเซ็นลายเซ็นให้หล่อนอย่างเต็มใจ และตอบตกลงที่จะถ่ายรูปด้วยกัน แม้ว่าเธอจะไม่ได้แต่งหน้า และไม่ได้แต่งตัวสวยเลยก็ตาม

ทั้งๆ ที่เธอก็รู้ว่าหล่อนเป็นนักข่าว แต่กลับไม่มีการเลี่ยงคำขอที่จะถ่ายรูปด้วย และไม่มีบอกว่าอย่าเอารูปหน้าสดของเธอไปลงข่าว

ถึงแม้ว่าหลังจากนี้อีกหลายปี เถาเถาจะได้กดเซฟเก็บรูปของเจียงเซ่อไปมากแค่ไหน หรือว่าจะมีรูปสวยๆ ของเธอเก็บไว้เยอะขนาดไหนก็ตาม แต่ในใจของหล่อนนั้น รูปที่ทั้งสองคนถ่ายด้วยกันในโรงจอดรถที่มีแสงไม่พอนี่แหละ ที่ได้เป็นรูปถ่ายความทรงจำที่มีค่าที่สุด รู้สึกเหมือนว่าเจียงเซ่อในรูปนี้ มีแค่คนเดียวและไม่สามารถหาคนไหนได้อีก

ความสวยงามที่จริงใจแบบนั้น มันมาจากข้างในและสื่อออกมา ไม่ใช่ขึ้นอยู่กับเสื้อผ้าสวยๆ หรูๆ หรือการแต่งหน้าอะไรแบบนั้น แต่เป็นการที่แสดงออกย่างเหมาะสม บวกกับบุคลิกท่าทางที่ดูสุขุมเยือกเย็น

หลังจากที่ออกมาโรงจอดรถแล้ว เถาเถาก็ยังรู้สึกมึนงงอยู่เลนด้วยซ้ำ ที่จริงหล่อนอายุมากกว่าเจียงเซ่อในระดับหนึ่ง แต่เวลาที่อยู่ต่อหน้าเจียงเซ่อ กลับแสดงท่าทางออกมาราวกับเด็กๆ ที่เก็บอารมณ์ไม่เป็น

พอกลับไปถึงที่สำนักงานบริษัท รุ่นพี่ที่ยังนั่งทำโอทีอยู่พูดว่าเหมือนหล่อนไม่ได้ไปเจอกับดารามาเลย แต่เหมือนกับคนที่เพิ่งจะพบกับคนรักมามากกว่า

ซูหมิ่นถามออกไปอย่างแปลกใจ

“เจียงเซ่อเป็นไงบ้างล่ะ พอเป็นช่วงเวลาส่วนตัวนิสัยยังดีอยู่หรือเปล่า?”

เถาเถาขบริมฝีปากแน่น และตอบออกไปอย่างตั้งใจ

“พี่ซู ฉันชอบเธอมากขึ้นไปอีกขั้นแล้ว!”

บนอินเทอร์เน็ตมักจะชอบเอาเจียงเซ่อและเฝิงหนานที่เข้าวงการพร้อมกันมาเปรียบเทียบกัน และทั้งสองคนก็ได้แสดงหนังเรื่องเดียวกันอย่างเรื่อง ‘ปฏิบัติการผู้พิทักษ์’ แถมยังเรียนในมหาลัยเดียวกัน และต่างก็เป็นคนที่ยอดเยี่ยม ในบรรดาดาราหน้าใหม่ ต่างก็เป็นดาราสาวที่เต็มไปด้วยความสามารถด้านการแสดง

ได้ยินมาว่าเฝิงหนานเกิดมาในตระกูลที่ไม่เลวเลย เป็นถึงคุณหนูมหาเศรษฐี และจุดๆ นี้ก็ดูจะแข็งแกร่งกว่าเจียงเซ่อมาก

แต่ในมุมมองของเถาเถานั้น หล่อนไม่รู้จริงๆ ว่าคุณหนูผู้แสนร่ำรวยคนนั้นเป็นคนอย่างไรกันแน่ แต่ในใจของหล่อนนั้น คนที่อ่อนโยนอ่อนหวาน ควรจะต้องเป็นแบบเจียงเซ่อ บอกอย่างจริงใจว่าตัวเองก็ยังเป็นแค่ดาราหน้าใหม่ และยิ้มจนเธอถ่ายรูปคู่เสร็จแล้ว และก้มหน้าก้มตาเซ็นลายเซ็นลงในไดอารี่ของหล่อน ไม่มีการทำชุ่ยๆ และยังแสดงตัวตนที่แท้จริงออกมาต่อหน้าหล่อนด้วย