webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

267

บทที่ 267 ชื่นชม

ไม่มีการกู่ร้องจนเสียงแหบแห้ง ไม่มีการดิ้นรนสุดชีวิต แต่ผู้คนที่ได้มาเข้าร่วมงานหนังรอบปฐมทัศน์นั้นต่างก็รู้สึกและราวกับได้ยินเสียงความทะนงตนของโต้วโค่วมันแตกสลายลง

ความสิ้นหวังที่โผล่พ้นขึ้นมาจากก้นบึ้งของหัวใจ มันเอ่อล้นออกมาจนแผ่กระจายไปถึงทุกๆ คน

เถาเถาขบริมฝีปากแน่น และเผลอหลับตาลงตามสัญชาตญาณของตัวเอง กับฉากหนึ่งที่แสนเจ็บปวดขนาดนี้ มันเป็นสัญชาตญาณที่อยากจะหนีออกไปจากตรงนี้ให้ได้

หล่อนรู้สึกได้ถึงดวงตาที่ร้อนผ่าว และหยดน้ำตาก็ค่อยๆ ไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ หล่อนหลับตาลง ในวินาทีนี้หล่อนเหมือนรู้สึกว่าตัวเองได้เข้าใจโต้วโค่วแล้ว ถ้าเลือกได้ โต้วโต่วก็คงหวังว่าตัวเองจะสะอาดและบริสุทธิ์ และอยากจะเป็นแบบนั้นตลอดไป

อันจิ่วยวี่แพ้และโดนจับกุม และเป่ยผิงก็อยู่ในมือของเซียวจือแล้ว และสามารถทำลายพวกทหารญี่ปุ่นที่ใช้แผนเจ้าเล่ห์สกปรกได้สำเร็จ โต้วโค่วยังคงอยู่ในบ้านของอันจิ่วยวี่ และรอให้เซียวจือเข้ามา

ตระกูลอันที่แพ้พ่ายไป มันทำให้เซียวจือรู้สึกได้ถึงบางอย่างในใจที่ยากที่จะพูดออกมา แต่เธอก็เป็นเหมือนกับสีสันที่สวยงาม ที่ดึงดูดเอาบรรยากาศที่ดูน่าเศร้าของคฤหาสน์ไปไว้บนใบหน้างดงามนั่น

เธอสวมชุดกี่เพ้าพอดีตัว สัดส่วนร่างกายของเธอมันแพรวพราวเต็มไปด้วยเสน่ห์ ในตอนที่เธอสิ้นใจลงต่อหน้าเซียวจือนั้น ภายในห้องฉายหนังก็มีเสียงสะอื้นเบาๆ ขึ้นมาอยู่หลายครั้ง

ตั้งแต่แรกที่ทุกคนคิดว่าเธอเป็นคนที่สวยจนน่าตะลึง พอถึงกลางเรื่องก็เริ่มที่จะเกลียดเธอ แต่สุดท้ายแล้วก็เกิดความรู้สึกเห็นใจ และตอนนี้ก็รู้สึกสงสารเธอเอามากๆ

เนี่ยต้านถอนหายใจออกมา ตอนแรกเขาคิดว่าถ้ามาดูหนังเรื่องนี้แล้ว อาจจะมานั่งอึดอัดเปล่าๆ ก็ได้

ตั้งแต่ตอนแรกที่ร่วมลงทุนหนัง ‘The Occasion of Beiping’ ไป มันก็เริ่มทำให้ความรู้สึกของเขาที่มีต่อหนังเรื่องนี้ค่อยๆ เปลี่ยนไปและเริ่มที่จะเข้าใจมันมากขึ้นด้วย

และเขาเองก็รู้ว่าเจียงเซ่อเล่นเป็นบทแบบไหนในเรื่อง และรู้ว่าบทแสดงที่เธอได้เป็นตัวละครแบบไหน และตัวละครจะต้องเจอกับอะไรบ้าง

ในตอนที่ได้รับบัตรเชิญให้มาเข้าร่วมงาน จริงๆ ตอนแรกเขาก็คิดว่านี่คงเป็นเรื่องที่ยากไม่น้อย แล้วเขาก็คิดถึงตอนที่ไปดู ‘ปฏิบัติการผู้พิทักษ์’ ขึ้นมา ตอนที่ได้เห็นฉากเฝิงหนานเล่นเป็นตัวละครที่โดนเหยียดหยามฉากนั้นแล้ว ตอนนั้นเขาก็ถือว่าตกใจอยู่ไม่น้อยเลย

เพราะว่าเขาเองก็สนิทกับเฝิงหนานในระดับหนึ่ง แต่พอมาเห็นหล่อนแสดงตัวละครแบบนั้นแล้ว มันก็ยากที่จะมีกะจิตกะใจจะไปดูหนังอีก

เช่นเดียวกันกับเจียงเซ่อที่ได้บทตัวละครคล้ายๆ กัน แต่ว่าความกังวลที่เขาคิดเอาไว้กลับไม่เกิดขึ้นเลย และนอกจากมันจะทำให้เนี่ยต้านเกิดความแปลกใจขึ้นมาได้แล้ว หลินซีเหวินเองก็สามารถควบคุมฉากนี้ออกมาได้เป็นอย่างดี มันดูน่าเวทนาเสียยิ่งกว่าฉากที่เปิดเผยทุกอย่างออกมาให้เห็นเสียอีก และมันก็สร้างความปวดใจให้กับเหล่าคนดูมากกว่า

ในหนัง เซียวจือและโต้วโค่วได้มารู้จักกันที่นี่ พระอาทิตย์ใกล้จะตกแล้ว และการพ่ายแพ้ของตระกูลอัน เป็นเหมือนเป็นการบอกกล่าวเป็นนัยๆ

ในตอนที่ร่างของโต้วโค่วค่อยๆ คล้อยตกลงไป ตอนที่สิ้นลมหายใจอยู่ตรงหน้าเซียวจือแล้ว เนี่ยต้านก็ได้แต่ถอนหายใจออกมา

ทหารปฏิวัติได้รับชัยชนะ พวกเขากู่ร้องด้วยความดีใจ เซียวจือเองก็คงอยากจะยิ้มขึ้นมา แต่ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ถึงคิดถึงช่วงก่อนที่โต้วโค่วจะสิ้นลมไป ที่เธอได้ร้องเพลงขึ้นมาว่า “วาจาว่าร้ายนั้นดั่งเหล็กกล้า ในค่ำคืนฤดูใบไม้ผลิดึกสงัด ใครเล่าหนอจะเวทนาให้ยืมที่ในสวนหลีแม้สักเฟิน ขับขานลำนำแห่งหญิงสาวอย่างเงียบงัน” *เป็นเหมือนบทเพลงบทกลอนในสมัยโบราณ เนื้อหาเกี่ยวกับหญิงสาวคนหนึ่งที่ต้องการออกตามหาความสุขแต่กลับเจอแต่ความทุกข์ที่โถมใส่

ทำนองร้องของเธอฟังดูเศร้าโศกไม่น้อย ตอนที่มีชีวิตอยู่ ก็รู้สึกแต่เพียงว่าเกลียดเธอคนนี้เข้าไส้ แต่พอตายไปแล้ว กลับรู้สึกทั้งรักทั้งแค้นจนแทบแยกกันไม่ออก เขาลอบมองโต้วโค่วครู่หนึ่ง แล้วถอนหายใจออกมา

เสียงดนตรีดังขึ้นมา และทั้งห้องก็ค่อยๆ สว่างขึ้น เถาเถายังตกอยู่ในภวังค์ของฉากหนังเมื่อครู่นี้ เหมือนว่าจะกู่กลับมายากเสียด้วย เนี่ยต้านที่กำลังจะหันไปคุยกับเซี่ยงชิวจี๋แต่ก็เหลือบไปเห็นคนที่นั่งข้างๆตัวเองเสียก่อน เขาตะโกนออกมาด้วยความตกใจ

“เฮ้ยพี่อี้ พี่มาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย?”

เผยอี้สวมกางเกงยีนส์สีฟ้าซีด พร้อมกับคิ้วที่ขมวดเข้าหากัน กับเสื้อไหมพรมสีดำตัวหนึ่งที่ทับด้วย เสื้อคลุมสีน้ำเงินเข้ม มือทั้งสองข้างวางอยู่บนหน้าตักและกำลังมองไปที่หน้าจอฉายหนัง ท่าทางตั้งใจไม่น้อย

“อย่าส่งเสียงดัง!”

หลังจากที่หนังฉายจบแล้ว ซูเพ่ยเอินก็ปรบมือนำขึ้นมาทันที คอนรอบๆ ต่างก็ได้รับความรู้สึกของเขาจึงพากันปรบมือตาม เถาเถารีบเช็ดน้ำตาออกทันที เพราะกลัวว่าช่างกล้องที่ยืนอยู่ข้างๆ จะสังเกตเห็นว่าตัวเองน้ำตาไหลไปเมื่อครู่นี้ แต่ที่ไหนได้ หล่อนหันไปมองดูก็พบว่าช่างกล้องเองก็กำลังเช็ดน้ำตาเหมือนกัน

หล่อนแทบอยากจะหัวเราะออกมา ตอนที่หันหน้ากลับไปที่เดิมยังรู้สึกภูมิใจอยู่เลยด้วยซ้ำ ในตอนที่เสียงปรบมือดังขึ้น เถาเถาเองก็ร่วมปรบด้วยอย่างสุดชีวิต ปรบจนฝ่ามือมันขึ้นสีแดงเถือก

หนังเรื่อง ‘The Occasion of Beiping’ เป็นหนังที่ดีอีกเรื่อง ถึงแม้ว่าจะเป็นหนังที่เล่นเรื่องการต่อต้านสงครามเหมือนกัน แต่หลินซีเหวินกลับถ่ายทำมันออกมาได้อย่างลึกซึ้งและละเอียดอ่อนมากๆ

อาจะเป็นเพราะว่าเขาสื่อมันออกมาจากกลุ่มคน ประเทศ และจากสัจธรรมกระมัง ถึง ‘The Occasion of Beiping’ จะยังเทียบไม่ได้กับเรื่อง ‘ปฏิบัติการผู้พิทักษ์’ แต่เขาก็ได้สร้างหนังที่ดีสุดๆ ขึ้นมาเรื่องหนึ่งแล้ว โหวซีหลิ่งเองก็เป็นคนที่สร้างทุกตัวละครให้มีชีวิตขึ้นมา

ในตอนที่ทำนองดนตรีประกอบหนังที่แสนเศร้าค่อยๆ ดังขึ้นมา เหล่าทีมผู้สร้างก็ยังไม่ได้รีบร้อนที่จะขึ้นเวที ซูเพ่ยเอินเกิดความประหลาดใจไม่น้อย แต่อีกหนึ่งนาทีต่อมา หลังจากที่ตัวหนังสือทั้งหลายบนหน้าจอมันเลื่อนผ่านไปจนหมดแล้ว จู่ๆ ก็มีภาพฉากๆ หนึ่งปรากฏขึ้นมา เป็นหงโต้วที่อยู่ในชุดสีพื้นๆ และยืนอยู่ตรงหน้าหลุมฝังศพของโต้วโค่ว เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา

“ขอโทษนะ”

คำขอโทษที่ไม่มีที่มาที่ไป ทำให้ซูเพ่ยเอินรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที!

คิดไม่ถึงเลยว่าตอนสุดท้ายของหนังเรื่องนี้จะยังมีอะไรมาเซอร์ไพรส์อีก เขาดูเวลาเล็กน้อย หลังจากที่หนังเล่นจบแล้ว จะเหลือเวลาประมาณสี่นาทีสามสิบเจ็ดวินาที และหลินซีเหวินก็ใช้ช่วงเวลานี้ดักซุ่มทำอะไรจริงๆ

ในตอนที่หนังเรื่องนี้ได้นำไปลงชื่อเข้าชิงรางวัล อาจเป็นเพราะเวลา ทำให้เขาพลาดจุดๆ นี้ไป

และนี่ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่นอกเหนือจากความคิดทุกคนมากๆ หงโต้วยังคงขอโทษ แต่แน่นอนว่าคำขอโทษของหล่อนโต้วโค่วคงไม่มีทางได้ยินมันอีก และนี่ก็จะไปสอดคล้องกับตอนที่หล่อนหนีออกมาในตอนนั้น หล่อนอยากจะช่วยโต้วโค่ว แต่ก็ช้าเกินไป หล่อนยังคงเป็นคนที่มาถึงช้าเกินไป หล่อนหนีออกจากหอนางโลม และได้เซียวจือไปครอบครอง และก็ได้แต่เสียใจที่ตนเองไปถึงช้าไป

หลังจากที่ฉากลับถูกปล่อยออกมาเรียบร้อยแล้ว หลินซีเหวินถึงค่อยพาโหวซีหลิ่งและทีมงานนักแสดงบทสำคัญขึ้นเวทีไป หลังจากนั้นนอกจากจะมีการประกาศว่าหลังจากนี้จะมีแจกของที่ระลึกแล้ว ก็ยังได้ร่วมเชิญให้ทุกคนมาร้องเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วยกัน และสุดท้ายก็จบด้วยเสียงปรบมือที่ดังก้องในงาน และนั่นก็ถือว่าครบถ้วนสมบูรณ์แบบแล้ว

หลังจากที่งานจบอย่างเป็นทางการแล้ว เจียงเซ่อก็มองเห็นเผยอี้ที่นั่งอยู่ตรงโซน VIP แล้ว เขาดูผอมลงไปนิดหน่อย แต่ดวงตาและคิ้วคมนั่นดูหนักแน่นและจริงจังกว่าสองเดือนที่แล้วมาก

เขามองไปที่เจียงเซ่อโดยที่สายตาไม่วอกแวกไปทางไหนเลยแม้แต่น้อย ที่จริงคือขี้เกียจที่จะไปสนใจมองคนอื่นๆ แม้จะเพียงนิดก็ตาม

เจียงเซ่อที่เห็นเผยอี้ปรากฏตัวอยู่ในเวลานี้ ก็อดไม่ได้ที่จะยกมุมปากขึ้นมา เผยอี้มองเธอ แล้วยกมือขึ้นทำสัญญาณว่าจะไปรอที่ประตู

และหลังจากที่งานจบลงแล้ว เขาจะรอเธออยู่ที่หลังประตู เจียงเซ่อพยายามเก็บความรู้สึกดีใจที่อยู่ในใจลง และพยักหน้าตอบตกลงอย่างไม่อิดออด จากนั้นก็ละสายตาออกจากตรงนั้นทันที

เหล่าทีมงานคนสำคัญยังต้องมีการให้สัมภาษณ์ต่อ หลินซีเหวินยังมีการแจกของที่ระลึกให้กับเหล่าสื่อมวลชนที่ถูกเชิญมาในงานนี้อีกด้วย

จนกระทั่งยุ่งๆ กันเสร็จแล้ว เวลาก็ล่วงเลยมาถึงเกือบห้าทุ่ม

เถาเถาทั้งรู้สึกตื่นเต้นดีใจ แต่ก็รู้สึกผิดหวังไปพร้อมๆ กัน

ดีใจที่คืนนี้ว่างและตามมางานหนังรอบปฐมทัศน์ของเรื่อง ‘The Occasion of Beiping’ และรู้สึกไม่เสียเปล่าที่อุตส่าห์ไม่มีโอที และได้โอกาสดีๆ นี้มา หนังสนุกมาจริงๆ และเจียงเซ่อที่อยู่ในใจเถาเถาก็ยิ่งถูกยกขึ้นสูงไปอีกขั้นแล้ว

ถ้าหากถามว่าตั้งแต่เริ่มแรกที่หล่อนชอบเจียงเซ่อเพราะอะไร มันก็มาจากการที่เธอดูเป็นคนได้รับการอบรมสั่งสอนและมีมารยาทที่ดี จากการที่เธอเคารพและมีมารยาทกับหล่อน เป็นคนที่น่าชื่นชมสุดๆ หลังจากที่ดูหนังเรื่อง ‘The Occasion of Beiping’ จบแล้ว เถาเถาก็ยิ่งอยากจะชื่นชมเธอเพราะฝีมือการแสดงของเธอด้วย เถาเถาไม่เชื่ออย่างเด็ดขาดว่าจะยังมีใครมาสงสัยในการที่เจียงเซ่อได้รับรางวัลนักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมอีกต่อไปแล้ว

แต่ที่กำลังเสียใจก็เป็นเพราะว่าสำนักข่าวของหลงสิงนั้นมีนักข่าวที่จะไปสัมภาษณ์อยู่แล้ว ถึงแม้ว่าหล่อนจะเคยได้เห็นเจียงเซ่อด้วยตาของตนเองแล้ว แต่หล่อนก็ยังไม่มีโอกาสที่จะได้พูดคุยกับเจียงเซ่อเสียที ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะก้าวเข้าไปหาหญิงสาวในฝันให้ใกล้กว่านี้ ตั้งแต่ที่เริ่มงานจนมาถึงตอนนี้ หล่อนก็มีหน้าที่แค่คอยถือของนู่นนี่ให้กับช่างกล้องเท่านั้น