webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

266

บทที่ 266 Beiping

เนื้อเรื่องของหนังเริ่มขึ้นในที่สุด ฉากหนังที่แสนสง่าจนน่าตะลึงใจในเรื่อง ‘The Occasion of Beiping’ ที่ได้นำไปประกอบในการเข้าชิงรางวัลนักแสดงสมทบยอดเยี่ยมในงานหนังภาพยนตร์นั้นก็ได้ปรากฏออกมาเสียที ทำให้คนที่เคยได้เข้าร่วมงานหนังและภาพยนตร์ที่อยู่ในห้องฉายหนัง IMAX นี้ต่างก็พากันตกตะลึง

“รู้ว่าทุกครั้งที่คุณผู้หญิงมาที่นี่ ต้องอยากดูการแสดงของกว่างเต๋อโหลว เราจึงตระเตรียมเอาไว้ครับ”

ชายหนุ่มที่พูดอยู่ไม่ได้โผล่หน้าออกมา ในฉากมีเพียงม่านฝนละเอียดที่โปรยปรายลงมา กับคนที่มายืนประจบประแจงข้างๆ โต้วโค่ว

ทุกครั้งที่รองเท้าส้นสูงกระทบกับพื้นหิน มันก็จะเกิดเสียงขึ้นมาเป็นจังหวะ ทุกๆ ก้าวที่เธอเหยียบลงไป หยดน้ำเล็กๆ ก็จะกระเด็นขึ้น มันให้อารมณ์เหมือนกับกวี เสียงพูดของเธอที่นุ่มนวล ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเสียงบรรยากาศรอบข้างหรือเปล่า ที่ทำให้ดูเยือกเย็นได้

พนักงานต้อนรับของโรงงิ้วนำทางเธอไปนั่งยังที่ประจำ บริเวณนั้นไม่มีผู้คนอื่น และมีคนคอยกางร่มให้แล้ว เพื่อไม่ให้โต๊ะและเก้าอี้มันเปียกและยังอยู่ในสภาพเรียบร้อยเหมือนเดิม

หลินซีเหวินได้ให้การถ่ายแบบลองเทคในการถ่ายทอดออกมา เสียงดนตรีที่บรรเลงอย่างเชื่องช้านุ่มนวล สามารถทำให้เหล่าผู้ชมคล้อยตามได้อย่างดี

จนกระทั่งเข้ามาข้างใน โต้วโค่วเก็บร่มลง เผยใบหน้าที่สะอาดบริสุทธิ์ราวกับดอกบัว และสีหน้าที่ไม่ได้แสดงออกอะไรมากมาย ไม่มีรอยยิ้ม ดวงตาลู่ลง และม้วนผมขึ้นแบบง่ายๆ

ไม่มีเครื่องประดับระยิบระยับ ไม่มีชุดจีนแบบหรูหราอลังการ เธอสวมแค่เพียงกี่เพ้าธรรมดาๆ อีกทั้งแทบจะมองไม่ออกว่าเธอแต่งหน้า

เธอเป็นเหมือนหญิงสาวในวังที่อยู่ในหนังสือตามตำนาน ทุกท่วงท่าโดดเด่นออกมาเสมอ

เถาเถาถึงแม้ว่าจะรู้อยู่แล้วว่าบทโต้วโค่วคือเจียงเซ่อ แต่ตอนนี้หล่อนกลับรู้สึกว่าผู้หญิงที่เห็นอยู่ตรงหน้าช่างแตกต่างกับภาพเจียงเซ่อในบทก่อนๆ ที่หล่อนจำได้เหลือเกิน เหมือนกับว่าเธอเป็นโต้วโค่วจริงๆ เหมือนกับว่าเป็นเรื่องจริงที่กำลังอยู่ตรงหน้าหล่อน

ในงานหนังรอบปฐมทัศน์ เหล่าคนดูที่ได้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของโต้วโค่วแล้ว ต่างก็ต้องเผลออุทานชมความสวยออกมา

ภายนอกช่างดูเพลิดเพลิน แต่ข้างในกลับเห็นความว่างเปล่า

ตอนที่ซูเพ่ยเอินเห็นฉากนี้ เขาก็พยักหน้า ใบหน้ามีรอยยิ้ม

เปิดฉากมาแค่ไม่กี่นาที หลินซีเหวินก็สามารถใช้เทคนิคต่างๆ ในการทำให้มันน่าสนใจได้อย่างดีมากทีเดียว กับจิตใจของคน กับเทคนิคการตัดต่อที่แตกต่างกัน

มุมกล้องการถ่ายของเขาแสดงถึงจิตใจของผู้ชม เขาสามารถควบคุมบรรยากาศได้อย่างดี จากฉากเปิดที่น่าตื่นเต้นและเหมือนหมดหนทาง นอกจากฉากที่เซียวจือกำลังวิ่งหนีจากความตายแล้ว เขายังได้ใช้มุมกล้องที่ต่างกันออกไปในการนำเสนออีกด้วย

จนกระทั้งโต้วโค่วเปิดเผยตัวออกมา ไม่ว่าจะเป็นมุมใกล้หรือไกล หรือแม้แต่มุมโคลสอัพก็ยังมีสิ่งที่น่าสนใจ แค่นี้ก็ถือว่ายืนยันในฝีมือของหลินซีเหวินได้แล้วว่าเขาสามารถทำเรื่องนี้ออกมาได้ดีแค่ไหน

ซูเพ่ยเอินถึงกับรู้สึกว่า หนังเรื่อง ‘The Occasion of Beiping’ ของหลินซีเหวิน เป็นหนังที่ถูกประเมินค่าต่ำไปเสียหน่อย ครั้งนี้ไม่ได้รางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยมมา มันไม่ใช่เพราะว่าเขาไม่มีความพยายามมากพอ แต่แค่เป็นเพราะว่างานหนังภาพยนตร์ครั้งนี้ หนังดีๆ เรื่องอื่นก็มีไม่น้อยเช่นกัน

ถึงแม้ว่าจะเป็นครั้งที่สองที่ได้ดู ‘The Occasion of Beiping’ แต่ซูเพ่ยเอินก็ยังรู้สึกอินไปกับมัน เจียงเซ่อที่แสดงเป็นโต้วโค่ว สำหรับเขาแล้ว สิ่งที่เป็นไปได้ยากที่สุด ไม่ใช่ว่าเธอแสดงได้ดีมากขนาดไหน แต่เป็นการที่บทของเธอนั้น มันไม่มีที่จะให้ติเลยต่างหากเล่า

ราวกับว่าเจียงเซ่อก็คือโต้วโค่ว ไม่เหลือเค้าโครงความเป็นตัวเธออยู่เลยสักนิด นี่คือสิ่งที่เป็นไปได้ยากที่สุด และมันก็ถือเป็นหนึ่งในเหตุผล ที่ทำให้ซูเพ่ยเอินเลือกที่จะลงใบโหวตรางวัลนักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมให้กับเธอ

โต้วโค่วไม่ใช่บทสาวสังคมอย่างที่ใครๆ คิดกัน ในตอนที่เธอปรากฏตัวออกมา มันเป็นฉากที่อยู่ท่ามกลางหมอกฝนสีเทา ในตอนที่ถ่ายทำ ได้ใช้ดรายไอซ์มาทำเป็นหมอก บวกกับฝนที่สาดลงมา ก็สามารถขับให้เห็นเป็นเหมือนละอองฝนที่ดูเยือกเย็นได้แล้ว

หลินซีเหวินได้ทำให้ทุกคนรู้สึกว่าโต้วโค่วเป็นดั่งหยดน้ำค้างอันบริสุทธิ์ก่อน ดึงมันออกมาในตั้งแต่แรก ให้ซึมลึกเข้าไปในหัวใจ เพราะงั้นหลังจากนั้นแล้ว หลังจากที่ดูละครงิ้วเสร็จแล้ว คนรับใช้ก็ได้มาบอกกับเธอ ว่าเซียวจือที่จับได้หนีไปได้แล้ว และนั่นก็ทำให้ทุกคนคิดได้ขึ้นมาทันที ว่าฉากแรกก่อนหน้านี้ ที่เซียวจือต้องวิ่งหนีจนตรอกอย่างนั้นก็เพราะเธอนั่นเอง

วินาทีนั้นท่าทางของเธอเปลี่ยนไปในทันที และนั่นก็ทำให้ทุกคนรู้สึกตกใจไม่น้อย และแทบไม่อยากจะเชื่อเลยด้วยซ้ำ

เธอลุกขึ้นยืน ท่าทางอารมณ์ที่ดูเจ็บปวดเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นความเย็นชา น้ำเสียงที่ไม่มีความลังเลก็สั่งออกไปทันทีว่าให้ไปตามจับเซียวจือมา ซูเพ่ยเอินที่ดูมาแล้วถึงสองครั้ง ก็ยังสัมผัสได้ถึงความน่าสนใจของมัน

การออกฉากของโต้วโค่วมันดีมากจริงๆ เพราะงั้นหลังจากนั้น หนังก็ถูกถ่ายทอดไปอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ได้เห็นตอนที่เธอกำลังนั่งหัวเราะระเริงคลอไปกับเสียงก่นด่า ในตอนที่ ไปมาหาสู่ในกลุ่มผู้ชาย ก็ทำให้คนรู้สึกเวทนาขึ้นมาในใจ

รู้ว่าเธอเป็นผู้หญิงของอันจิ่วยวี่ รู้ว่าเธอช่วยอันจิ่วยวี่จับตัวเซียวจือมา แต่ก็ทำให้เหล่าคนดูรู้สึกเหมือนพลอยเม็ดหนึ่งที่เปื้อนฝุ่นจนสกปรก

เธอสามารถแสดงบทหญิงสาวที่แสนซับซ้อนของโหวซีหลิ่งออกมาได้ และมีเอกลักษณ์เฉพาะของตัวเธอเอง

ซูเพ่ยเอินได้ยินมาว่า คนที่หลินซีเหวินเล็งเอาไว้คนแรกคือเย่หยิงเฟย หลังจากนั้นซูเพ่ยเอินเองก็ยังไปตรวจสอบจากคนของเย่หยิงเฟยด้วยตัวเองด้วย

เขาเคยคิดว่า ถ้าหากว่าเย่หยิงเฟยมาแสดงเป็นโต้วโค่วละก็ มันจะออกมาเป็นแบบไหนกันนะ แต่เขาเชื่อได้เลย ว่าถ้าเย่หยิงเฟยแสดงเป็นโต้วโค่วก็อาจจะสามารถสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับเป่ยผิงก็ได้ และคงจะสามารถแสดงถึงความรู้สึกที่เต็มไปด้วยเสน่ห์และความสวยงามของผู้หญิงของอันจิ่วยวี่ออกมาได้เช่นกัน แต่คงยากที่จะแสดงถึงอารมณ์จริงๆ ของผู้หญิงคนนี้

เจียงเซ่อไม่ได้แสดงความเย้ายวนของโต้วโค่วออกมา แต่เธอได้ใส่ความเย้ายวนเหล่านั้น ลงไปในตอนที่จับเซียวจือได้แล้ว ทุกครั้งที่จับเซียวจือได้เหมือนแมวจับหนูมาเล่น ไม่สนใจใยดี

ประตูห้องฉายหนังค่อยๆ ถูกเปิดออก เงาของคนๆ หนึ่งปรากฏอยู่ตรงด้านหนึ่งของประตู แต่เป็นเพราะว่าตอนนี้เหล่าผู้ชมเหมือนถูกดูดให้เข้าไปอยู่ในหนังแล้ว จึงไม่มีใครได้ทันสังเกต

ตอนนี้ทุกคนล้วนแล้วประทับใจต่อความรักชาติอย่างจริงใจของเซียวจือ และรู้สึกประทับใจต่อการเจอกันและได้รู้จักกันของเขาและหงโต้ว ตามที่เหล่าตัวละครหลักเริ่มทยอยออกฉากกันมา อันจิ่วยวี่ที่แสนชั่วร้ายและเจ้าเล่ห์ ทหารญี่ปุ่นที่มีความทะเยอทะยาน ค่อยๆ ค่อยๆ ปรากฏตัวออกมาให้ได้เห็น

คนที่เพิ่งเข้ามาในห้องฉายหนังค่อยๆ เดินเข้าไปนั่งตรงโซน VIP เงียบๆ ตอนที่เขานั่งลง แม้แต่คนข้างๆก็ยังไม่หันไปมองเขาเลยด้วยซ้ำ

ตอนนี้เนื้อเรื่องได้เข้าถึงจุดไคลแม็กซ์แล้ว ความร้ายกาจของโต้วโค่วถูกซ่อนเอาไว้ภายใต้รูปโฉมที่แสนสวย ตัวละครที่เปลี่ยนไปเป็นเลวสุดขั้วทำให้คนดูรู้สึกเหมือนโดนกระทบจิตใจอย่างรุนแรง

การกระทำของของเธอทำให้ทุกคนต่างก็ต้องกัดฟันกันอย่างโกรธเกลียด หลายครั้งที่หาเรื่องให้เซียวจือ และหลายครั้งที่ทำให้เซียวจือเกือบตาย

ก็เพราะว่าคำพูดที่ไม่ทันได้ระวังของเขาประโยคหนึ่ง เธอช่วยอันจิ่วยวี่กำจัดศัตรูอย่างเซียวจือ ในหัวของหลายๆ คนเริ่มมีคำนิยามว่านี่คือคนสวยที่ใจดำอำมหิต

คนที่เคยเป็นดี กลับต้องมากลายเป็นพวกเดียวกับพวกคนชั่ว ทำให้คนรู้สึกเสียดายแต่ก็ได้แต่ถอนหายใจ

จนมาถึงตอนนี้ มันก็เพียงพอที่จะทำให้หลายๆ คนเริ่มที่จะสงสัยและประหลาดใจในตัวโต้วโค่วขึ้นมาอีกครั้ง และหลินซีเหวินก็เริ่มเปิดโลกของเธอออกมา

เพียงแค่ทุกคนรู้ว่าเธอเป็นถึงลูกคุณหนูในชาติตระกูลที่ดี และครอบครัวเกิดประสบเคราะห์กรรมที่เกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิด คนในครอบครัวไม่เหลือ บ้านเองก็เช่นกัน จึงออกตามหาคู่หมั้นของตนเอง และเจอเข้ากับพวกคนป่าเถื่อน หลังจากที่ระหกระเหินไปได้สักพัก ก็มีคนไม่น้อยที่เริ่มปิดตาเพราะทนดูไม่ได้

เธอนอนอยู่บนรถม้า ในตอนที่คลาดกันกับเซียวจือนั้น เนี่ยต้านถึงกับสบถออกมาว่าไอ้เลวเอ้ย

เธอถูกแม่เล้ากักขังตัวเอาไว้ ในตอนที่ชายหนุ่มอัปลักษณ์เดินเข้าไปในห้องขังนั้น ถึงแม้ว่ากล้องจะไม่ได้จับภาพ แต่มันก็ยังสามารถทำให้รู้สึกยากเกินที่จะรับได้อยู่ดี

ในตอนนี้ หลายๆ คนต่างก็รู้สึกว่าหลินซีเหวินเองก็โหดร้ายไม่ใช่น้อย

ตั้งแต่ตอนแรกโต้วโค่วออกมาได้สวยมากจริงๆ ทั้งสวยทั้งสง่าขนาดนั้น ราวกับยังไม่เคยได้เปรอะเปื้อนฝุ่นแต่อย่างใด แล้วพอมาดูตอนที่เธอถูกกระทำแล้ว ถึงทำให้ทุกคนได้รับรู้ถึงความโหดร้ายของโลกนี้

ไม่มีอะไรแย่ไปกว่าการเห็นสิ่งที่สวยและสมบูรณ์พร้อม มาโดนทำลายจนพินาศย่อยยับจนน่าเจ็บปวดใจแบบนี้

เช่นเดียวกับคนที่ถูกเหยียดหยาม อย่างคุณหนูเอกุชิในเรื่อง ‘ปฏิบัติการผู้พิทักษ์’ เสียงกรีดร้องที่บาดลงบนหัวใจจนเจ็บปวด แต่โต้วโค่วเป็นเหมือนกับฝักถั่ว ไม่มีน้ำหล่อเลี้ยง และค่อยๆ เปลี่ยนแปลง ค่อยๆ ดำดิ่งลงสู่กลางทะเลสาบ