webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

263

บทที่ 263 จบกัน

คำพูดนั้นของเจียงเซ่อทำให้หลายๆ คนต้องหลุดยิ้มหัวเราะออกมา และก็ได้เริ่มสู่กันสัมภาษณ์อย่างเป็นทางการทันที

ในขณะที่พูดถามกัน ก็มีหลายคำถามที่เกี่ยวกับเรื่องที่เธอเข้ามาในวงการและได้เจอเรื่องราวต่างๆ รวมไปถึงเรื่องงาน ชีวิต และความรัก

อาจจะเป็นเพราะว่ากลัวว่าเธอจะเผลอพูดอะไรผิดๆ ออกไป ก็มีบ้างที่เซี่ยเชาฉวินจะเข้ามาแทรก แต่เจียงเซ่อเองก็วางตัวได้ดี สิ่งที่ควรพูดก็ไม่ขาดตกบกพร่อง ส่วนเรื่องที่ไม่ควรพูด เธอก็ไม่แม้แต่จะเปิดปากออกมา

บุคลิกของเธอเต็มไปด้วยความนอบน้อมและจริงใจ ไม่มีท่าทางกิริยาโอ้อวด หลังจากที่พูดถึงเรื่องทั่วๆ ไปเรียบร้อยแล้ว ในที่สุดก็ได้มาถามถึงหนังสองเรื่องที่ทำให้เธอได้เข้าชิงในคืนนี้ นักข่าวเองก็คงจะรู้อยู่แล้วว่าแบคของเจียงเซ่อเป็นยังไง อะไรที่ถามไม่ได้ก็ไม่ถาม เพราะงั้นการสัมภาษณ์จึงผ่านไปได้อย่างรวดเร็ว

จนกระทั่งการให้สัมภาษณ์จบลง ทั้งสองฝ่ายต่างก็มีความประทับใจต่อกันพอสมควร เจียงเซ่อยังทำตามคำขอของเหล่านักข่าว ว่าให้ช่วยโพสท่าเพื่อจะเก็บรูปไป เลยเกินเวลามาเล็กน้อย

ในระหว่างที่เปลี่ยนเสื้อผ้าไปสองชุด ก็เห็นแล้วว่ายังมีสำนักข่าวอีกสองสำนักกำลังรออยู่ จนกระทั่งการให้สัมภาษณ์ทั้งหมดจบลง เวลาก็ล่วงเลยมาเกือบจะตีหนึ่งแล้ว

เธอเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วออกมาจากสถานที่ให้สัมภาษณ์ทันที ข้างนอกกำลังฝนตก โม่อานฉียื่นกระเป๋าของเจ้าตัวให้ และเซี่ยเชาฉวินก็กำลังพูดถึงตารางงานในวันพรุ่งนี้ให้กับเธออยู่

“พรุ่งนี้ตอนห้าโมงเย็น ที่โรงภาพยนตร์ IMAX งานหนังรอบปฐมทัศน์เรื่อง ‘The Occasion of Beiping’ จะจัดขึ้นที่นั่น ส่วนบัตรแขกรับเชิญเดี๋ยวฉันจะเอาให้อีกที”

เจียงเซ่อพยักหน้า เธอสวมชุดคลุม และอุ้มรางวัลขึ้นรถไป จากนั้นก็หยิบมือถือออกมา พอปลดล็อกเรียบร้อยแล้ว จู่ๆ เธอก็กลับรู้สึกว่าไม่รู้จะทำยังไงกับมันดี

เธอมองไปยังถ้วยรางวัลที่อยู่ในอ้อมกอด ถึงแม้ว่ารางวัลนี้มันจะได้มาเพราะซื่อจี้หยินเหอและเซี่ยเชาฉวินด้วยแล้ว แต่ไม่ว่ายังไงมันก็ต้องเป็นเพราะความพยายามของตัวเธอด้วยนั่นแหละนะ

ในตอนที่ถ่ายหนังเรื่อง ‘The Occasion of Beiping’ เธอต้องอดทนลำบากแค่ไหนกว่าจะสำเร็จ และมันก็แลกมาด้วยผลในวันนี้ แต่ตอนนี้เธอกลับไม่สามารถรู้สึกดีใจได้เลย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร

เซี่ยเชาฉวินไม่ได้ตามทั้งสองคนมาด้วย แต่ว่าหล่อนขับรถกลับไปเอง โม่อานฉีสังเกตเห็นเจียงเซ่อที่นั่งซึมๆ อยู่แบบนั้น เธอที่ถูกห่อตัวด้วยผ้าคลุมผืนหนา เหมือนกับว่าเธอกำลังเหม่อมองถ้วยรางวัลอยู่ด้วย

“เซ่อเซ่อ”

โม่อานฉีขับรถพลาง และแบ่งสมาธิไปสนใจที่เธอพลาง

“เป็นอะไรไป? ได้รางวัลแล้ว ไม่ดีใจหรือ?”

รางวัลนักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมรางวัลนี้ มันถือว่าเป็นเครื่องยืนยันในตัวเจียงเซ่อ ไม่รู้ว่าในงานคืนนี้มีใครบ้างที่อิจฉาและริษยาเธออยู่ เพราะแม้แต่นางเอกของเรื่อง ‘The Occasion of Beiping’ อย่างฟ่านจืออวิ๋นเองก็ยังเก็บสีหน้าเอาไว้ไม่มิด แต่ตอนนี้เจียงเซ่อกลับดูไม่ค่อยจะดีใจอะไรนัก

“ฉันแค่กำลังคิดว่า จะเอาเรื่องดีๆ แบบนี้ ไปแบ่งให้ใครรับรู้ดีน่ะค่ะ”

เธอก้มหน้าลง และลูบลงไปบนหน้าจอมือถือที่มีเบอร์ของเผยอี้อยู่หลายที และก็ดึงมันกลับเสียทุกครั้งไป

เขายังอยู่ที่โรงเรียน และสองเดือนกว่าแล้วที่ทั้งสองคนไม่ได้เจอหน้าและพูดคุยกันเลย การติดต่อครั้งสุดท้ายก็เป็นเมื่อตอนเดือนตุลาคมที่แล้วนู่น

โม่อานฉีไม่ค่อยเข้าใจความรู้นั้นสักเท่าไหร่ เธอไม่ค่อยมีเพื่อน มีญาติพี่น้องแต่ก็เหมือนไม่มี

ตั้งแต่ที่มาเกิดใหม่ คนในบ้านครอบครัวตู้ไม่ค่อยจะสนิทกับเจียงเซ่อสักเท่าไหร่ และครอบครัวเดิมของเธอก็คงจะจำเธอไม่ได้แล้ว ครั้งก่อนที่อยู่บ้านตระกูลเผย ทั้งๆ ที่เธอนั่งอยู่ตรงหน้าเฝิงจงเหลียง เธอรู้ว่าคนตรงหน้าเธอคือญาติผู้ใหญ่ที่สนิทมากที่สุด แต่เขากลับจำไม่ได้และไม่รู้เลยว่าเธอคือใคร

คนที่รู้จักเธอ เข้าใจเธอ และชอบเธอมากที่สุดอย่างเผยอี้ก็คงยังอยู่ที่กว่างโจว ผ่านไปสองเดือนแล้ว ไม่มีแม้แต่เสียงให้ได้ยินกัน

คงเป็นเพราะว่างานหนังภาพยนตร์ในค่ำคืนนี้มันคึกคักเกินไป ทำให้ตอนนี้มันดูเงียบงันไปหมด และมันก็ทำให้เกิดความรู้สึกว่ากำลังโดดเดี่ยวแค่ไหน

เธอพูดจบ ก็อยากจะยิ้มขึ้นมาบ้าง แต่สุดท้ายก็เก็บรางวัลเข้าไปอยู่ในกล่องเหมือนเดิม ก่อนจะมองไปที่กระจกมองหลังรถ และพบว่าโม่อานฉีกำลังมองมาด้วยสายตาเป็นห่วงไม่น้อย เจียงเซ่อยิ้มขึ้น

“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ไปกันเถอะ”

เฝิงหนานยังมีความคิดที่จะเล่นข่าวเจียงเซ่อ อยากจะกดความโดดเด่นของเธอลงให้ได้ แต่ยังไม่ทันทีหล่อนจะได้ลงมืออะไร หัวข้อข่าวของเช้าวันใหม่ก็ขึ้นมาก่อนเสียแล้ว

หัวข้อข่าวต่างๆ ที่พาดกันในวันนี้ต่างเป็นเรื่องงานหนังภาพยนตร์ในเมื่อคืน นอกจากจะมีเรื่องที่เถาเฉินกลับเข้ามาในประเทศแล้ว ก็ยังมีข่าวที่ว่าหลิวเย่ที่ได้รับรางวัลใหญ่จากเรื่อง ‘ปฏิบัติการผู้พิทักษ์’ และมันก็มีข่าวของเจียงเซ่อที่ดูน่าโดดเด่นมากๆ อีกด้วย

เธอถูกเรียกชื่อถึงสี่ครั้ง และหนังอีกสองเรื่องที่ยังไม่ได้ออกฉายแต่ก็ดังแล้วด้วยซ้ำ

นอกจากจะมีหลายๆ คนสงสัยเรื่องที่อาจะมีการใช้เส้นสายในการแลกตำแหน่งมา ก็ยังมีคนเริ่มแปลกใจกับหนังเรื่อง ‘The Occasion of Beiping’ อีกด้วย

พรุ่งนี้จะเป็นวันเข้าฉายวันแรกของหนังเรื่อง ‘The Occasion of Beiping’ และยอดการจองตั๋วล่วงหน้าก็ถูกจองจนเต็มแล้ว!

และเพราะว่าเจียงเซ่อได้ใช้บทโต้วโค่วในเรื่อง ‘The Occasion of Beiping’ ในการชิงรางวัลนักแสงดสมทบยอดเยี่ยมแล้ว โรงภาพยนตร์กว่าห้าสิบเครือทั่วประเทศก็ได้จัดฉายเรื่องนี้ไปกว่า 28% ยอดการจองบัตรล่วงหน้าเป็นอะไรที่ดีไม่น้อย ตั้งแต่ตีหนึ่งของวันที่หนึ่งเดือนมกราคมที่เริ่มเปิดจำหน่าย จนกระทั่งตั๋วหนังของวันที่สองเองก็ตาม และตั๋วหนังก็ถูกขายถึงสามร้อยล้านกว่าแล้ว

แต่สิ่งที่ทำให้เฝิงหนานรู้สึกโมโหมากที่สุดไม่ใช่เรื่องนี้ เพราะนอกจากเรื่อง ‘The Occasion of Beiping’ ที่ดังขึ้นมาแล้ว บทเว็บเพจของสำนักข่าวหัวเซี่ยจือซวิ้น เจียงเซ่อคนเดียวก็ได้พื้นที่เขียนข่าวมากกว่าสามบรรทัดด้วย

นอกจากที่เธอจะถูกเรียกชื่อ และได้รางวัลนักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมไป ภาพตอนที่เธอเดินพรมแดงเองก็ถูกถ่ายเอามาด้วย ภาพช่วงที่ให้สัมภาษณ์ ก็ยังมีบทความชื่นชมเธอใหญ่โตอีก

ทั้งในเวยป๋อหรือแม้กระทั่งตามเว็บเพจต่างๆ ชื่อของเจียงเซ่อก็ถูกค้นหาจนกลายเป็นประเด็นฮอตสุดๆ บนเว็บหัวเซี่ยจือซวิ้นนั้น ข่าวของเฝิงหนานถูกปัดตกมาอยู่ข้างล่างแทน และมีคำประกอบแค่หนึ่งบรรทัดว่า คุณหนูเอกุชิคว้ารางวัลนักแสดงหน้าใหม่ ลูกคุณหนูในงานหนังภาพยนตร์***

หล่อนกดเข้าไปดู บนนั้นมีรูปของเธอหลายๆ รูปรวมกัน และมันก็มีหลายรูปที่ถูกถ่ายในมุมดูโป๊ตรงโน้นตรงนี้ และมีอีกสองรูปที่เป็นรูปตอนที่หล่อนได้รับรางวัลนักแสดงหน้าใหม่ยอดเยี่ยม ใบหน้าที่ดูไม่ค่อยมีความสุขนั่น ก็โดนถ่ายเอาไว้ด้วยเช่นกัน

ภาพถ่ายที่ถ่ายตอนไม่ได้ตั้งใจทั่วไป น้อยมากที่มันจะออกมาเป็นรูปที่ดี ถ้าพูดตามเหตุผลแล้ว ถ้ารูปถ่ายเหล่านี้ถูกนำมาไว้บนข่าวแล้วละก็ ก็จะต้องมีคนคอยตามจัดการให้หล่อนแน่นอน และเปลี่ยนเป็นรูปอื่นที่ดีกว่านี้แทน

แต่ทว่าเมื่อคืนหลังจากที่หล่อนถกเถียงกับจ้าวจิวนฮั่นแล้ว จ้าวจวินฮั่นก็ไม่ได้หันไปสนใจพวกสื่อที่เข้ามาทักทายอีกเลย ข่าวพวกนี้จึงไม่ได้ถูกกำจัดไป โชคดีที่รูปบนหน้าหนังสือพิมพ์มันเล็ก และตอนนี้ก็คงจะสายเกินไปแล้ว คนที่เห็นก็คงมีไม่น้อยแล้วเช่นกัน

เฝิงหนานพยายามกดความโมโหเอาไว้ และโทรไปหาจ้าวจวินฮั่น แต่เขาก็ไม่รับ พอเขาตัดสาย เฝิงหนานก็โทรไปอีกครั้ง เบอร์โทรเบอร์นี้อาจจะเข้าบัญชีดำแล้วก็ได้ หล่อนจึงเปลี่ยนเป็นอีกเครื่องและโทรไป แต่เขาก็ปิดมือถือใส่ทันที และหล่อนก็ยังตามโทรไปถึงเบอร์บ้าน และเบอร์บริษัทของเขาด้วย เขากระชากเสียงใส่ทันที

“เฝิงหนาน เธอจะบ้าไปแล้วหรือไง?”

ประมาณครึ่งชั่วโมงได้ ในที่สุดจ้าวจวินฮั่นก็ทนไม่ไหว โทรกลับไปหาหล่อนเสียเอง

ในใจของหล่อนรู้สึกพอใจที่ได้ก่อกวนเขา ทั้งสองคนทะเลาะกันผ่านมือถือไปรอบหนึ่ง และเฝิงหนานก็คิดว่าหล่อนคงจะร่วมมือกับจ้าวจวินฮั่นไม่ได้อีกต่อไปแล้ว

วันถัดมาในตอนที่เจียงเซ่อกำลังไปที่โรงภาพยนตร์ IMAX โม่อานฉีก็กระซิบกับเธอเบาๆ

“วงในเขากำลังพูดกันว่า เจียงหนานบันเทิงกำลังจะยุบแล้ว”

การกระทำของเฝิงหนาน มันปกปิดความไวของพวกหมาดมกลิ่นไม่ได้หรอก ยิ่งไม่ต้องพูดเลยว่าหล่อนไม่ได้จงใจปิดตั้งแต่แรกอยู่แล้ว

หล่อนกำลังลองบีบจ้าวจวินฮั่นให้ออกจากเจียงหนานบันเทิง ในตอนแรกที่ก่อตั้งเจียงหนานบันเทิงขึ้นมา ตัวหล่อนเองก็ได้ออกทุนไปกว่าห้าล้าน ส่วนจ้าวจวินฮั่นเองก็ไม่ได้ออกอะไรมากมาย หุ้นส่วนที่มีอยู่ก็น้อย และใจของเขาก็ยังอยู่ที่ Changhe Pictures co., Ltd ของตัวเอง

เรื่องมันวุ่นวายจนโกลาหลขนาดนี้ แถมยังกระจายข่าวออกไปอย่างรวดเร็ว เจียงเซ่อขมวดคิ้ว โม่อานฉีพูดต่อ

“มีคนกำลังเดาว่า หรือเป็นเพราะการแต่งงานเกี่ยวดองกันระหว่างตระกูลเฝิงและตระกูลจ้าวกำลังล่ม?”