webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

261

บทที่ 261 เพื่อน

หนังที่ได้เข้าชิงรางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมในครั้งนี้มีถึงสิบหกเรื่องเลยทีเดียว แต่แน่นอนว่าสุดท้ายแล้วยังไงรางวัลก็ไม่ใช่ของเจียงเซ่อ แต่ในด้านของรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยม มันก็ตกไปเป็นของหลิวเย่อีกครั้งในเรื่อง ‘ปฏิบัติการผู้พิทักษ์’

และจุดพีคของงานรางวัลหนังในครั้งนี้ นอกจากจะเป็นเรื่องที่หนังเรื่อง ‘ปฏิบัติการผู้พิทักษ์’ ที่สามารถกวาดรางวัลไปมากมายแล้ว เจียงเซ่อเองก็ถือได้ว่าเป็นม้ามืดที่ใหญ่ที่สุดในงานเลยก็ว่าได้

หลังจากที่งานประกาศรางวัลจบลง เจียงเซ่อก็ได้ถูกเหล่าสื่อทั้งหลายกักตัวเอาไว้ ถึงแม้ว่ารางวัลที่เธอได้มาจะเป็นแค่รางวัลนักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม แต่เพราะเธอถูกเรียกชื่อหลายครั้ง แค่นั้นมันก็เพียงพอที่จะเห็นถึงศักยภาพของเธอแล้ว

แต่เฝิงหนานที่ได้รางวัลนักแสดงหน้าใหม่ยอดเยี่ยม กลับมีคนเข้าไปขอสัมภาษณ์หรอมแหรมบางตา แถมคนที่มาขอสัมภาษณ์ก็เป็นคนที่จ้าวจวินฮั่นนัดมาอีกด้วย

หล่อนกัดฟันแน่น พยายามยิ้มออกมา แต่มุมปากยังกระตุกอยู่เลยด้วยซ้ำ ในขณะที่เหล่าช่างภาพกำลังถ่ายรูปให้หล่อนอยู่นั้น ก็ยังมีนักข่าวที่กำลังจับจ้องมองมาพร้อมด้วยคำถามต่างๆ มากมาย

ในคืนนี้หลิวเย่เหมือนได้รับชัยชนะมา จางจิ้งอานเองก็ได้รางวัลมาด้วย หรือแม้แต่เถาเฉินที่นานๆ ทีจะกลับประเทศ และยังมีผู้กำกับหนังที่มีชื่อเสียงสัญชาติอิตาลีอย่างเชี่ยซ่าเหลยเองก็ยังอยู่ในงาน คนที่ถูกกล่าวถึงอีกคนก็คือเจียงเซ่อ และนั่นก็ทำให้นักแสดงหน้าใหม่อย่างเฝิงหนานดูด้อยลงด้วย

ถึงแม้ว่าจะสวมชุดเสื้อผ้าที่เซ็กซี่ดึงดูด หรือมีฐานนะที่ไม่ธรรมดาก็ตาม

เฝิงหนานแอคท่าอยู่หลายท่า และหลังจากที่ช่างถ่ายรูปถ่ายเสร็จเรียบร้อยแล้ว พวกเขาก็รีบขนของตามไปยังที่เถาเฉินยืนอยู่ทันที เฝิงหนานมองไปยังที่เจียงเซ่อยืนอยู่ และตัวหล่อนก็เริ่มสั่นไปหมด

ทั้งๆ ที่รอบๆ ด้านมันดูคึกคักกันไปหมด มันก็ยิ่งเห็นได้ชัดว่าตรงหล่อนมันเงียบเคว้งแค่ไหน หล่อนหลับตาลง ความโดดเด่นของหล่อนโดนเจียงเซ่อกลบไปหมดแล้ว จ้าวจวินฮั่นเดินมาข้างๆ หล่อน เฝิงหนานกำรางวัลเอาไว้ในมือข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างก็กำลังกอดเอาไว้บนอก หล่อนเงยหน้าถาม

“ผ้าคลุมไหล่ล่ะ?”

ไม่รู้ว่าผ้าเอาผ้าคลุมไหล่ไปวางไว้ที่ไหนแล้ว สถานะของทั้งสองคนยังเป็นเพียงแค่คู่หมั้นกัน จะให้คนอื่นมาเห็นถึงภาพไม่ควรไม่ได้ และทั้งตระกูลจ้าวและตระกูลเฝิงยังมีหลายอย่างที่ต้องร่วมมือกัน

จ้าวจวินฮั่นมองดูหล่อนที่สวมชุดวาบหวิวแบบนั้นแล้ว ก็ถอดเสื้อนอกออกมาคลุมให้กับหล่อน แล้วผินหน้าออก

“เดี๋ยวจะมีสำนักข่าวอีกหลายแห่งมาสัมภาษณ์ คุณเองก็จำเอาไว้ว่าต้องยิ้มด้วยเข้าใจไหม”

ตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่ไม่ว่าหล่อนจะทำอะไร ก็ต้องให้เขามาสอนแบบนี้?

คืนนี้ทีทำท่าทางกิริยาที่ไม่ดีออกไป ไม่เพียงแต่จ้าวจวินฮั่นที่อยากจะดุหล่อน เฝิงหนานเองก็กำลังอารมณ์ไม่ดีเหมือนกัน ยิ่งได้ยินเสียงแข็งๆ ของเขา หล่อนเองก็เกิดน้ำโหขึ้นมาไม่น้อย

“เรื่องสัมภาษณ์ช่วยเลื่อนออกไปก่อนเถอะ ฉันต้องการให้คุณหาคนมาเขียนบทความ จากนั้นก็หาบริษัทเน็ตเวิร์ค เขียนว่าการให้รางวัลในครั้งนี้มันไม่ยุติธรรม จากนั้นก็ปล่อยข้อมูลส่วนตัวของเจียงเซ่อซะ”

หล่อนจะได้ว่าเจียงเซ่อว่าไม่ได้มีฐานะชาติตระกูลที่ดีเด่อะไร ตรงจุดนี้สามารถเอามันมาเขียนบทความได้ กดเจียงเซ่อลงไป

จ้าวจวินฮั่นที่ได้ยินแบบนั้นก็เลิกคิ้วขึ้น

“ปล่อยข้อมูลของเจียงเซ่อ แล้วมันจะดีต่อเธอยังไงกัน?”

ในงานหนังภาพยนตร์ครั้งนี้ จ้าวจวินฮั่นเองก็เกิดความหงุดหงิดไม่ต่างกัน ที่จริงครั้งนี้เขาเองก็อยากจะเอารางวัลมาให้เฝิงหนานให้ได้ และรางวัลนั้นก็คือรางวัลนักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม แต่ที่ไหนกัน คงเป็นเพราะเขาเองก็ยังไม่ได้คุ้นเคยกับเส้นทางวงการนี้ดีเท่าไหร่ สุดท้ายเฝิงหนานก็ได้มาแค่รางวัลนักแสดงหน้าใหม่ยอดเยี่ยม เขาเองก็เซ็งอยู่ไม่ใช่น้อย แล้วเฝิงหนานก็ยังไม่ยอมหยุดที่จะก่อเรื่องอีก มันเลยทำให้เขาโมโหอยู่แบบนี้

“คนที่เป็นแบ็คให้เธอ นอกจากเซี่ยเชาฉวินแล้ว ก็ยังมีซื่อจี้หยินเหอ แล้วยังมีอีกคนที่ไม่น่าเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยอีก”

“เพราะงั้น คุณเลยกลัวใช่ไหมล่ะ?” เฝิงหนานเงยหน้ามองเขา แล้วยิ้มเยาะขึ้นมา

“ฉันกับเจียงเซ่อก็เป็นนักแสดงหน้าใหม่ทั้งคู่ คิดว่าโอกาสมีเยอะนักหรือไง ทั้งโฆษณา บทหนัง บทแสดง ล้วนแล้วเป็นสิ่งที่เราต้องแย่งมันมา มันควรเป็นของฉันไม่ใช่นังนั่น”

เพราะงั้นการกดด้านดีๆ ของเจียงเซ่อลงก็ถือว่าจะเป็นผลดีไม่น้อย “เซี่ยเชาฉวินกับซื่อจี้หยินเหอไม่ต้องไปสนหรอก ฉันรู้เบื้องหลังของเจียงเซ่อดี ก่อเรื่องแล้วจะกลัวอะไรกัน ยังมีคุณปู่ของฉันอยู่ทั้งคน!”

ถึงตอนนี้เฝิงจงเหลียงจะไม่ค่อยชอบใจหล่อนนัก แต่ขอแค่หล่อนยังเป็นหลานสาวของเขา ขอแค่หล่อนยังใช้แซ่เฝิง ถึงเขาจะไม่พอใจ แต่ก็ต้องช่วยออกหน้าแทนหล่อนบ้างล่ะ

จ้าวจวินฮั่นเองก็ประกาศตัวแล้วว่าตัวเองไม่ได้เป็นสุภาพบุรุษอะไร ในธุรกิจเอง เพื่อเป้าหมายแล้วไม่ว่าจะวิธีไหนก็ต้องทำ แต่พอมาได้ยินที่สิ่งเฝิงหนานพูดในตอนนี้แล้ว กลับรู้สึกว่ามันน่ารังเกียจเหลือเกิน

“การที่เธอต้องพัฒนาตัวเองขึ้น มันน่าจะสำคัญกว่าการที่เธอไปกดคนอื่นลงอีกนะ วงการนี้มีคนใหม่เกิดขึ้นมามากมาย เธอจะจัดการทั้งหมดได้ยังไง?”

เขาพูดขึ้นแบบนั้น เฝิงหนานยิ้มเยาะออกมา

“ฉันไม่ต้องการให้คุณมาสอนหรอกนะ! วงการนี้ต้องทำตัวยังไง ในใจของฉันเข้าใจมันดี”

วงการบันเทิงเป็นที่แบบไหน โลกก่อนหน้านี้หล่อนก็คลุกคลีกับมันมาตั้งหลายปี หล่อนเห็นมันมามากพอแล้ว แล้วทำไมหล่อนจะต้องให้จ้าวจวินฮั่นมาสอนด้วย?

โลกก่อนหน้านี้หล่อนเองก็เคยอยู่กับเขามาหลายปี แถมยังมีลูกกับเขาตั้งสองคน แต่ทำไมหล่อนไม่เคยเห็น ว่าจ้าวจวินฮั่นจะมีมุมที่บริสุทธิ์แบบนี้ด้วย?

“คุณจะไม่ช่วยฉันก็ช่างเถอะ”

ตั้งแต่ที่มาเกิดใหม่ นี่ก็ถือว่าเป็นครั้งแรกที่เฝิงหนานและเจ้าจวินฮั่นขัดแย้งกันแบบนี้ ทั้งสองคนต่างก็แยกกันไปอย่างไม่สบอารมณ์

ตอนนี้เจียงเซ่อกำลังถือรางวัลที่ได้เอาไว้ หลังจากที่ยืนและปล่อยให้เหล่าสื่อเข้ามาถ่ายรูปเรียบร้อยแล้ว โม่อานฉีก็เข้ามาจากอีกทางเพื่อพาออกไปจากตรงนี้

“เดี๋ยวตอนสี่ทุ่มสี่สิบนาที พี่เซี่ยได้จัดให้เธอสลับเปลี่ยนให้สัมภาษณ์สามรอบนะ แล้วคืนพรุ่งนี้ก็มีงานหนังรอบปฐมทัศน์ของเรื่อง ‘The Occasion of Beiping’ ด้วย เธอเองก็ต้องไปร่วมงานนะ”

เจียงเซ่อพยักหน้า เธอเดินเข้าไปนั่งในรถแล้วดื่มน้ำร้อนที่เตรียมเอาไว้ แต่แล้วกระจกก็โดนเคาะดัง ‘ก๊อก ก๊อก’ สองที โม่อานฉีลดกระจกลง และพบว่าคนที่ยืนอยู่ข้างนอกคือชายต่างชาติที่มีเรือนผมสีน้ำตาลคนหนึ่งยืนอยู่ เขาพูดภาษาอังกฤษพูดออกมา

“สวัสดีครับ ผมคือ Jason เป็นผู้ช่วยของเชี่ยซ่าเหลย ในงานหนังภาพยนตร์เมื่อครู่ เชี่ยซ่าเหลยนัดคุณเอาไว้ใช่ไหมครับ?”

โม่อานฉีเปิดประตูรถออกมา เจียงเซ่อไม่ทันได้นึกถึงเรื่องตอนที่เพิ่งเริ่มงานเลย และไม่คิดเลยว่าเชี่ยซ่าเหลยจะยังจำได้ว่าหลังงานจบจะนัดมาแลกเปลี่ยนช่องทางติดต่อกัน เธอเองก็ลงมาจากรถ โม่อานฉีเองก็หยิบเอาเสื้อขนเป็ดมาให้เธอคลุมใส่ Jason พูดต่อ

“คุณเชี่ยซ่าเหลยสนใจในตัวคุณมากเลยนะครับ เขาบอกว่าคุณศึกษาเรื่องศาสนามาเป็นอย่างดีเลย นิยายที่เขาชื่อชอบที่สุดก็คือเรื่อง ‘นักโทษ’ และกำลังสนใจที่จะนำมาดัดแปลงเป็นบทหนังภาพยนตร์น่ะครับ เพียงแต่ว่านิยายเรื่องนี้ไม่ค่อยได้รับความนิยมสักเท่าไหร่ ดังนั้นเรื่องการเตรียมการจึงไม่ค่อยราบรื่น”

คนชื่อ Jason คนนี้มีจังหวะการพูดที่ค่อยข้างเร็วมากทีเดียว เวลาพูดก็มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง ทั้งศัพท์เฉพาะหลายๆ คำ และเขาก็ชอบที่จะละคำละเสียงด้วย ทำให้โม่อานฉีที่ยืนฟังอยู่ด้วยก็ยังรู้สึกว่ายากไม่น้อย แม้แต่จะเดาก็ยังยาก รู้แค่ว่ากำลังพูดถึงนิยายเรื่อง ‘นักโทษ’ อยู่เท่านั้น

“นิยายเรื่องนี้เขียนเอาไว้ดีมาก แต่เป็นเพราะว่ามันมีเนื้อหาที่เกี่ยวกับเรื่องศาสนา มันไม่ค่อยจะอยู่ในกระแสนิยายทั่วไปสักเท่าไหร่ ดังนั้นเรื่องคนอ่านก็มีจำกัดเหมือนกัน เพราะงั้นต้องขอขอบคุณคุณเชี่ยซ่าเหลยที่ให้ยืมหนังสือเล่มนี้มา”

คำพูดของเจียงเซ่อทำให้ Jason แปลกใจไม่น้อย เขาชะงักไปเล็กน้อย แถมยังแสดงสีหน้าอึ้งสุดๆ แต่ครู่หนึ่งก็เลียริมฝีปาก แล้วยักไหล่ขึ้น จากนั้นก็เปลี่ยนเรื่องคุยทันที

เชี่ยซ่าเหลยยังคงอยู่ที่หลังเวที และกำลังพูดคุยกับคนอื่นๆ อยู่ เขานั่งอยู่ที่โต๊ะ และรอบๆ ข้างก็มีคนอยู่มากมาย และสิ่งที่ทำให้เจียงเซ่อรู้สึกแปลกใจอยู่ไม่น้อย ก็คือเถาเฉินที่เป็นที่ฮือฮาในงานเมื่อครู่นี้ก็อยู่ด้วย

ตอนนี้เถาเฉินคลุมผ้าคลุมไหล่ที่เป็นเฟอร์เอาไว้ และกำลังยืนคุยอยู่เชี่ยซ่าเหลย พอเจียงเซ่อมาถึง เชี่ยซ่าเหลยก็หันไปสนใจเธอทันที และโบกมือให้เธออย่างเป็นกันเอง

“ทางนี้ครับ คุณเจียง”

เจียงเซ่อยิ้มและเดินเข้าไป และเขาก็แนะนำให้กับทุกคน

“คนๆ นี้คือเพื่อนใหม่ของผมครับ เป็นคนที่เก่งมากเลย ในงานหนังภาพยนตร์ครั้งนี้ เธอได้แสดงเป็นตัวหลักถึงสองเรื่องเลย ผมเองก็ดูแล้วล่ะ ถือว่าไม่เลวเลยนะครับ”

เขาชื่นชมขึ้นมา เถาเฉินยิ้มเล็กๆ แล้วหันไป

“คุณลัวซีคงจะไม่รู้สินะคะ ฉันกับคุณเจียงเซ่อ มีผู้จัดการคนเดียวกันด้วย ก่อนหน้านี้ก็เคยได้ติดต่อกับคุณไป”

เชี่ยซ่าเหลยเอียงหน้าแล้วพูดขึ้นยิ้มๆ

“งั้นหรือครับ?”

“ใช่ค่ะ ไม่คิดเลยว่าจะมีวาสนาแบบนี้ ตอนที่อยู่ที่อิตาลี พวกเราไม่ได้เจอคุณแบบนี้เลย แต่พอกลับมาที่ประเทศก็ได้เจอเพราะคุณเจียงเซ่อ”