webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

256

บทที่ 256 ผิดดินฟ้าอากาศ

คำศัพท์ที่เกี่ยวกับศาสนามากมายทำเอาเฝิงหนานต้องขมวดคิ้ว หล่อนทนไม่ไหวจนต้องหันไปถามจ้าวจวินฮั่น

“จวินฮั่น พวกเขาคุยอะไรกัน?”

จ้าวจวินฮั่นหลุบตามองเฝิงหนานอยู่ครู่ใหญ่ แววตาของเขาเผยความแปลกใจออกมา มองจนเฝิงหนานรู้สึกกลัวขึ้นมา

เธอเป็นถึงคุณหนูตระกูลเฝิงที่แสนร่ำรวย ได้ยินมาว่าเธออยู่กับเฝิงจงเหลียงมาตั้งแต่เด็กๆ ได้รับการศึกษาขั้นสูง นอกจากภาษาหัวเซี่ยและภาษากวางตุ้งแล้ว ภาษาอังกฤษก็น่าจะเป็นภาษาที่เธอคุ้นเคยที่สุด โรงเรียนที่เธออยู่ตั้งแต่เด็กจนถึงช่วงมอปลาย ก็น่าจะเป็นโรงเรียนที่สอนด้วยภาษาอังกฤษด้วยซ้ำ

ถึงตอนนี้มันจะเป็นพวกศัพท์ที่เห็นได้น้อยอย่างศัพท์ที่เกี่ยวกับศาสนา แต่ไม่มีทางที่เธอจะฟังมันไม่ออกทั้งหมด แต่ทำไมเฝิงหนานกลับถามมาเหมือนว่าไม่เข้าใจในสิ่งที่คนเหล่านั้นพูดกันเลยแม้แต่น้อย?

คุณหนูที่มีชื่อเสียงในแวดวงต่างประเทศอย่างเฝิงหนาน ถึงจะไม่ใช่หญิงสาวที่มีชื่อเสียง แต่ก็ไม่ควรที่จะเป็นคนไร้ประโยชน์แบบนี้ หรือว่าที่จริงแล้วที่เคยได้ยินมาว่าเป็นสาวสวยที่แสนเก่ง ก็เป็นแค่สิ่งที่คนนอกเขาชมกัน?

“คุณจะมองฉันทำไมเนี่ย? ก็ที่พวกเขากำลังพูดคุยกัน มันไม่ค่อยคุ้นหูเท่านั้นเอง”

พอเฝิงหนานโดนจ้าวจวินฮั่นมองแบบนั้น ก็เริ่มรู้สึกหวั่นๆ ในใจขึ้นมา รู้ว่าเขาต้องสงสัยอยู่แน่ๆ เลยแสร้งทำเป็นพาลโมโหขึ้นมา

“ถึงตั้งแต่ตอนเด็กๆ ฉันจะเคยเรียนภาษาอังกฤษมา แต่มันก็มีบางคำที่มันไม่คุ้นหู พอเข้ามหาวิทยาลัยก็เลือกเรียนอักษรศาสตร์โดยเฉพาะ คุณนั่นแหละ ไปเรียนที่เมืองนอกมาตั้งแต่เด็กๆ ไม่ใช่หรือ?”

เธอทำท่าทางจริงจัง จ้าวจวินฮั่นที่ได้ยินหล่อนพูดแบบนั้น ความฉงนสนเท่ห์ที่มีอยู่ในใจก็ค่อยๆอันตรธานหายไป แต่ก็พอจะดูออกแล้วว่าภาษาอังกฤษของเฝิงหนานคงไม่เท่าไหร่จริงๆ

จู่ๆ เขาก็รู้สึกขึ้นมาว่าหญิงสาวคนนี้ไม่มีอะไรน่าสนใจเลยสักนิด นอกจากฐานะที่ดีและรูปร่างหน้าตาที่มีเสน่ห์ของหล่อนแล้ว ทั้งโลกทัศน์ และบุคลิกของหล่อนก็เทียบไม่ได้กับประวัติฐานะเลยสักนิด ทั้งสิ่งที่ทำและคำพูดต่างๆ ก็มักจะต้องมีอะไรให้แปลกใจอยู่เสมอ เขาเริ่มคิดเลยด้วยซ้ำว่าการคิดที่จะแต่งงานกับคนตระกูลนี้มันเร็วไปหรือเปล่า

“เธอพูดถึงพวกเรื่องของที่เกี่ยวกับศาสนาคริสต์น่ะ แล้วก็พูดถึงเรื่องจอกศักดิ์สิทธิ์”

ทั้งเรื่องที่เกี่ยวกับศาสนาคริสต์และเรื่องถ้วยรางวัล เฝิงหนานเองก็ไม่ได้รู้อะไรมาตั้งแต่แรกแล้ว แต่ตอนนี้หล่อนก็พอจะดูออกว่าเจียงเซ่อกำลังกลายเป็นจุดสนใจของทุกคน

หล่อนจะเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้ กรรมการชาวต่างชาติทั้งสิบคน นอกจากผู้กำกับชาวอิตาลีอย่างเชี่ยซ่าเหลยที่ยังไม่เข้ามางานแล้ว ก็เหมือนว่าทั้งหมดจะไปยืนพูดคุยอยู่กับเจียงเซ่อกันหมดเลย ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป งานหนังภาพยนตร์ครั้งนี้ ถึงแม้ว่ารางวัลนักแสดงสมทบหญิงดีเด่นจะตกเป็นของหล่อนละก็ แต่ความดีความชอบคงตกไปอยู่ที่เจียงเซ่อทั้งหมดแน่ๆ!

“จอกศักดิ์สิทธิ์อะไรกัน?”

เฝิงหนานถามออกไปอย่างอดรนทนไม่ได้ จ้าวจวินฮั่นเริ่มรำคาญใจ เขาพยายามเก็บอาการหงุดหงิดของตัวเอง แล้วหันไปถ่ายทอดสิ่งที่เจียงเซ่อพูดให้เฝิงหนานฟัง

“ในคำสอนของศาสนา ว่ากันว่าก่อนวันที่พระเยซูจะโดนทรมานท่านได้ทานอาหารมื้อค่ำและได้ใช้แก้วใบหนึ่ง ในตอนที่พระเยซูโดนทรมาน แก้วใบนั้นก็ถูกนำมารองหยดเลือดของท่านด้วย”

เขาหยุดไปครู่หนึ่ง และฟังสิ่งที่เจียงเซ่อกำลังพูด

“ในเบื้องต้นตามนิยายของเหล่านักเขียน ต่างก็มีคนที่นำเสนอความคิดเห็นที่แปลกใหม่และแตกต่างกันออกไป”

ตอนนี้ซีเอ่อกำลังหลงใหลกับหัวข้อสนทนานี้แล้ว เขายืนฟังในสิ่งที่เจียงเซ่อกำลังพูดอย่างสนอกสนใจ ยิ่งพอได้ยินเจียงเซ่อพูดขึ้นแบบนั้น เขาก็รีบพูดเร่งเร้าทันที

“เอ๋? ความคิดเห็นแบบไหนงั้นหรือ?”

“เมื่อหลายพันปีก่อน จอกศักดิ์สิทธิ์นั้นได้หายสาบสูญไปแล้ว ยุคหลังๆ มาทำให้มีนักเขียนมากมายที่นำมันมาเป็นส่วนหนึ่งของการประพันธ์ และคิดว่า ในตอนที่พระเยซูได้ทานมื้อค่ำกับเหล่าลูกศิษย์ของตนเป็นครั้งสุดท้ายนั้น ได้เอาขนมปังและเหล้าองุ่นมอบให้กับลูกศิษย์ทุกคนและกล่าวว่านั่นคือกายและโลหิตของตน ดังนั้นในบทประพันธ์ของนักเขียนหลายๆ คน จะมีการแสดงความคิดเห็นที่น่าสนใจอย่าง คิดว่าจอกศักดิ์สิทธิ์อาจจะไม่ใช่แก้วก็ได้ อาจจะเป็นสิ่งอื่นมากกว่า แบบนี้น่ะค่ะ”

เฝิงหนานที่ฟังจ้าวจวินฮั่นพูดให้ฟังถึงตรงนี้ ก็เริ่มทนไม่ไหวแล้ว หล่อนยิ้มเยาะแล้วพูดขึ้น

“เธอมีหลักฐานหรือเปล่า?”

หล่อนพูดขึ้นเป็นภาษาหัวเซี่ย คณะกรรมการที่เป็นชาวต่างชาติไม่มีใครฟังหล่อนออก แต่แน่นอนว่าล่ามแปลที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็ช่วยแปลคำพูดให้กับทุกคนได้ฟัง

เจียงเซ่อมองเฝิงหนานแวบหนึ่ง

“ในนวนิยายของ แดน บราว์ เขาเคยเขียนถึงการคาดเดาที่ดิฉันเพิ่งกล่าวไปเมื่อครู่นี้ และยังมีนวนิยายเรื่อง ‘นักโทษ’ ของชาวอิตาลี ที่เคยได้กล่าวถึงการคาดเดานี้ด้วยเหมือนกันค่ะ พวกเขาคิดว่าอาการมื้อค่ำมื้อนั้น ทั้งขนมปังและเหล้าองุ่นถูกนำมาแทนร่างกายและโลหิต ส่วนจอกศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกกล่าวถึง ก็อาจจะหมายถึงกะโหลกศีรษะของพระเยซูนั่นเอง”

เธอหยิบยกถึงนิยายออกมาหลายเรื่อง และนั่นก็ทำให้ซีเอ่อพยักหน้าเห็นด้วย

สามารถหานวนิยายมาเป็นหลักฐานให้กับทฤษฎีให้กับตัวเองได้ แถมยังพูดถึงหลายเรื่องด้วย แสดงให้เห็นได้ชัดว่าเธอทำการบ้านมาอย่างดี และทำให้ได้รู้ว่าเธอได้เคยอ่านหนังสือของเหล่านักเขียนแนวนี้มาเหมือนกัน และคงอ่านบทความต่างๆ มาไม่น้อย ไม่ได้ดัดจริตทำเป็นรู้ไปเรื่อย

ในตอนที่เจียงเซ่อพูดชื่อหนังสือ ‘นักโทษ’ ขึ้นมานั้น ไม่เพียงแค่ซีเอ่อ เพราะแม้แต่ที่หลังเวทีนั่น ชายต่างชาติวัยกลางคนที่สวมชุดสูทสีกรมท่าก็ถึงกับต้องเงยหน้าขึ้นมาด้วยซ้ำ ใบหน้าแสดงความแปลกใจออกมา

“ ‘นักโทษ’ งั้นหรือ?”

ในตอนที่ชายวัยกลางคนคนนั้นเดินเข้ามา ซีเอ่อก็หันหน้าไปมอง พร้อมกับทักทายเขาขึ้น

“เชี่ยซ่าเหลย คุณมาได้ตรงจังหวะพอดีเลยนะ!”

ในตอนที่เขาตะโกนชื่อ ‘เชี่ยซ่าเหลย’ ขึ้นมา เฝิงหนานเม้มปากตัวเองแน่น พร้อมๆ กับมือที่กำหมัดแนบลงบนข้างขาตัวเอง พยายามที่จะควบคุมความตื่นเต้นที่อยู่ในใจ

แน่นอนว่าหล่อนเองก็จำเชี่ยซ่าเหลยได้ ในอีกสามปีหลังจากนี้ หลังเรื่อง‘The Second Coming of Jesus Christ’ จะถูกถ่ายทำขึ้น โดยผู้กำกับคนหนึ่งที่มีฝีมือขั้นเทพ เป็นผู้กำกับใหญ่ที่มีชื่อเสียงและอิทธิพลไปทั่วโลก และคนๆ นั้นก็ยืนอยู่ตรงหน้าหล่อนนี่เอง คนที่ยืนอยู่ใกล้หล่อนขนาดนี้

ในตอนที่หนังเรื่อง ‘The Second Coming of Jesus Christ’ นั้นกำลังเริ่มถ่ายทำ เหล่านักลงทุนต่างก็แทบจะไม่สนใจกับหนังเรื่องนี้เลยสักนิด แต่เขาเองก็ยังยืนยันที่จะพุ่งชนต่ออุปสรรคเหล่านั้น เขาแบกความกดดันที่ได้รับมาจนถ่ายหนังเรื่องนี้จนจบ จนกระทั่งเมื่อหนังได้เข้าฉาย หนังก็สามารถทำยอดขายได้มากกว่าสองพันล้านเหรียญดอลล่าร์สหรัฐ! แถมยังเป็นการทำลายยอดสถิติเก่ามากมาย เชี่ยซ่าเหลยจึงใช้โอกาสจากตรงจุดนี้ ก้าวเข้าสู่การเป็นผู้กำกับมือฉมังในใจของใครหลายๆ คน ไม่มีใครเทียบเขาได้!

และที่เฝิงหนานยืดหยัดที่จะเล่นหนัง ‘ปฏิบัติการผู้พิทักษ์’ ให้ได้ ก็เพื่อที่มาเข้าร่วมในงานหนังภาพยนตร์ และเพื่อให้เขามาที่นี่

ดูๆ แล้วเขาน่าจะอายุราวๆ สามสิบเจ็ดสามสิบแปด การแต่งกายดูภูมิฐานและสง่าผ่าเผย รูปร่างติดผอม และเครื่องหน้าที่สมบูรณ์แบบ

เขาที่อยู่ในชุดสูทสีกรมท่านั่นดูไม่ธรรมดาเลย ตอนนี้เขากำลังทักทายกับซีเอ่ออย่างสนิทสนม ดูก็รู้ว่าทั้งสองเป็นเพื่อนกัน

หลังจากนั้นซีเอ่อก็แนะนำให้กับเจียงเซ่อได้รู้จัก มีซีเอ่อคอยแนะนำให้อย่างเต็มใจแบบนี้ เจียงเซ่อจึงสามารถทำความรู้จักและพูดคุยกับผู้กำกับอายุน้อยแต่ประสบความสำเร็จสูงได้อย่างราบรื่น

“เมื่อครู่นี้ผมได้ยินคุณผู้หญิงพูดถึงนิยายเรื่อง ‘นักโทษ’ ขึ้นมา คุณเองก็เคยได้อ่านนิยายเรื่องนี้ด้วยหรือครับ?”

เชี่ยซ่าเหลยยิ้มผ่านสายตา และตอนที่กอดทักทายกับเจียงเซ่อเขาก็ทำตัวมีมารยาทสมกับเป็นคนดัง เพียงแค่เดี๋ยวเดียวก็ปล่อยเธอออกแล้ว

ในข้อมูลครั้งนี้ ข้อมูลของเชี่ยซาเหลยถือว่ามีเยอะมากจริงๆ เพราะว่าเขาเป็นถึงผู้กำกับ บวกกับที่เซี่ยเชาฉวินเองก็บอกให้สนใจเขาเป็นพิเศษ เพื่อเวลาที่ซื่อจี้หยินเหอรวบรวมทุนอีกครั้ง จะได้เป็นที่สนใจของเขาด้วย

อย่างเช่นการที่เขาชอบไวน์ ทุกงานของเขาที่ประสบความสำเร็จ การศึกษาจนรวมไปถึงพื้นฐานครอบครัวของเขาเธอรู้มันทั้งหมดแล้ว แต่สิ่งที่เจียงเซ่อยังไม่รู้ ก็คือผู้กำกับชาวอิตาลีคนนี้ก็เคยอ่านนิยายเรื่อง ‘นักโทษ’ ด้วยเช่นกัน นี่มันช่างน่าแปลกใจและตื่นเต้นไม่น้อย

“ใช่ค่ะ พอดีได้เจอหนังสือนิยายเล่มนั้นที่ห้องสมุดของโรงเรียนพอดี เขียนออกมาได้ยอดเยี่ยมมากจริงๆ ผู้แต่งได้นำยุคสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยามาเป็นพื้นหลังของผลงานวรรณกรรมชิ้นนี้ อีกทั้งยังได้สอดแทรกศาสนาเข้าไปในเนื้อเรื่อง โดยมีตัวเอกที่ต้องประสบกับเรื่องราวมากมายเป็นตัวดำเนินเรื่อง เป็นงานบทประพันธ์ที่โดดเด่นมากจริงๆ ค่ะ”

ทักประโยคของเจียงเซ่อ ทำให้รอยยิ้มในดวงตาของเชี่ยซ่าเหลยมันยิ่งลึกซึ้งมากกว่าเดิม จนกระทั่งเธอพูดจบ เธอก็ยกมือขึ้นอย่างเสียดาย

“น่าเสียดายที่ตอนนั้นฉันได้อ่านแค่ฉบับภาษาอังกฤษไม่ได้อ่านต้นฉบับของอิตาลี เพราะการแปลมันอาจจะมีบางสิ่งที่ตกหล่นไปก็ได้นี่คะ” เธอเว้นเล็กน้อย “ฉันเองก็ดูข้างหลังของหนังสือแล้วด้วย เห็นว่านิยายเล่มนี้จะไม่มีการตีพิมพ์แล้ว หลังจากที่ยอดขายการตีพิมพ์ครั้งแรกหมดไป ก็ไม่มีการพิมพ์ใหม่อีก ต้นฉบับของนิยายเรื่องนี้ต้องถูกเก็บรักษาเอาไว้อย่างดีแน่ๆ ตอนนี้คงน้อยนักที่จะขายต่อ”