webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

254

บทที่ 254 เรืองรอง

ครั้งนี้เจียงเซ่อโชคดีที่ได้เป็นแบรนด์ แอมบาสเดอร์ของกังหัว และกังหัวเองก็ไม่ได้มองข้ามเธอเพียงเพราะว่าเธอเป็นแค่นักแสดงหน้าใหม่ อีกทั้งตอนที่มีการถ่ายโฆษณาก็ได้ลงทุนไปอย่างมหาศาล อีกทั้งยังเชิญช่างภาพชาวฝรั่งเศสที่มีชื่อเสียงอย่าง Basile มาเลยด้วยซ้ำ และตอนที่ภาพที่เสร็จสมบูรณ์แบบถูกปล่อยออกมา ในวันที่ Gang Hua Jewelry ได้จัดงานแถลงการณ์เซ็นสัญญาขึ้น และภาพโปสเตอร์ของเธอก็ถูกนำไปขึ้นทุกๆ ประเทศที่มีร้าน Gang Hua Jewelry

ยิ่งภาพขาวดำชุดนั้น นอกจากจะสามารถดึงดูดคนในประเทศได้เป็นอย่างดี จนสามารถขายเครื่องประดับคอลเลคชั่นใหม่อย่างชุดแห่งความฝันได้แล้ว มันก็ยังสามารถเรียกเสียงฮือฮาจากต่างชาติได้ด้วย

ผลจากการที่กล้าถ่ายเครื่องเพชรออกมาเป็นภาพขาวดำ ทำให้เหล่าสื่อต่างๆ ของต่างประเทศพากันวิจารณ์ไม่หยุด คิดว่า Basile เป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ และเพราะงานโฆษณาของ Gang Hua Jewelry มันประสบความสำเร็จ แน่นอนว่ามันต้องมีผลดีต่อตัวเจียงเซ่อด้วย

ดังนั้นถึงแม้ว่าเฝิงหนานจะได้มีชื่อเข้าชิงเพราะได้อิทธิพลจากการเล่นหนัง ‘ปฏิบัติการผู้พิทักษ์’ ตอนที่หล่อนมาถึง ก็มีสื่อต่างประเทศหลายกลุ่มที่จำหล่อนได้ แต่พอเจียงเซ่อมาถึงแล้ว และมั่นใจว่านั่นก็คือเจียงเซ่อจริงๆ ความสนใจทั้งหมดจึงตกไปอยู่ที่เธอแทน

“ตอนนี้เธอเป็นที่รู้จักและโดดเด่นมากในปารีส คราวหลังทำอะไรจะต้องระวัง อย่างเผลอลืมตัวทำท่าทางไม่เหมาะเด็ดขาด”

เจียงเซ่อยืนอยู่ข้างนอกปล่อยให้คนถ่ายรูปอยู่พักหนึ่ง พอเข้ามาแล้ว เซี่ยเชาฉวินก็ถือกระติกใส่น้ำร้อนขึ้นมา เสียบหลอดลงไปแล้วยื่นไปที่ปากของเจียงเซ่อ หลังจากที่ให้เธอดื่มน้ำเรียบร้อยแล้ว ก็เข้าไปกระซิบข้างๆ หูเธอ

“อย่าให้มีคนถ่ายรูปตอนเผลอเด็ดขาดล่ะ”

เซี่ยเชาฉวินมองไปที่เฝิงหนานที่กำลังยืนคุยกับใครบางคน แต่ก็เบนสายตากลับมาอย่างรวดเร็ว

“ถ้าเป็นสื่อในประเทศก็ยังพอแก้ได้ แต่ถ้าเป็นกล้องของสื่อนอกมันจะยุ่งยากมากนะ”

การเดินพรมแดงของงานหนังภาพยนตร์เริ่มขึ้นตั้งแต่หนึ่งทุ่ม และเสร็จสิ้นตอนสี่ทุ่ม รวมเวลาทั้งหมดคือสามชั่วโมง แต่ตัวเจียงเซ่อก็ยังต้องรักษาท่าทางเอาไว้ไม่ให้เกิดข้อผิดพลาด ไม่อย่างนั้นในหมู่สื่อนักข่าวมหาศาลแบบนี้ ถ้าโดนแอบถ่ายในมุมไม่ดีละก็จะยุ่งยากเสียเปล่าๆ

เจียงเซ่อพยักหน้า เซี่ยเชาฉวินยื่นผ้าคลุมไหล่ให้เธอคลุม พูดคุยกันอีกเล็กน้อย ก็เริ่มมีคนเดินเข้ามาทักทายเซี่ยเชาฉวินแล้ว

ในงานที่ใหญ่ขนาดนี้ แน่นอนว่าต้องมีคนที่รู้จักกับเซี่ยเชาฉวินมากมาย และหล่อนก็พาเจียงเซ่อไปทำความรู้จักกับเหล่าคนที่สนิทด้วย หลังจากที่ได้พบเจอทำความรู้จักกับคนต่างๆ แล้ว เจียงเซ่อยืนอยู่ครู่หนึ่ง ก็ได้ยินเสียงจ้าวร่างเรียกเธอมาจากด้านหลัง

จ้าวร่างสวมชุดสูทสีน้ำเงินเข้ม และเหมือนว่ากำลังยืนคุยกับร่างสูงอย่างหลิวเย่อยู่ด้วย ตอนที่เขาตะโกนเรียกเจียงเซ่อขึ้นมา เซี่ยเชาฉวินก็ขอตัวจากคนที่คุยด้วยอยู่ แล้วเดินไปพร้อมกับเจียงเซ่อทันที

“เซ่อเซ่อ นี่คือหลิวเย่”

และจ้าวร่างก็แนะนำเจียงเซ่อให้กับหลิวเย่ได้รู้จัก จากนั้นก็มองไปที่เซี่ยเชาฉวิน

“ส่วนเชาฉวินฉันคงไม่ต้องแนะนำแล้วสินะ พวกเธอสนิทกันอยู่แล้วนี่”

ที่จริงทั้งสองคนก็เคยเจอหน้ากันมาก่อนแล้ว แต่ว่าเจอกันในกองถ่ายหนัง ‘ปฏิบัติการผู้พิทักษ์’ ตอนนั้นหลิวเย่มาดูการถ่ายทำในวันนั้นพร้อมกับจางจิ้งอาน เขาไม่ได้แสดงตัวอะไรมากมาย และไม่ค่อยจะพูดอะไรด้วย

ตอนนั้นเขาเป็นพระเอกของเรื่อง ตำแหน่งในวงการบันเทิงก็ถือว่าสูง แต่เจียงเซ่อเป็นเพียงแค่นักแสดงหน้าใหม่ที่เพิ่งเข้าวงการบันเทิงมา และตอนนั้นเธอก็ได้แสดงเป็นแค่นักแสดงประกอบ ผ่านมานานขนาดนั้น เจียงเซ่อก็ไม่รู้ว่าเขาจะยังจำเธอได้หรือเปล่า แต่แน่นอนว่าเธอคงไม่พูดเรื่องนี้ขึ้นมาเพื่อทำให้เหมือนว่ารู้จักกันหรอก แต่ทำเป็นว่านี่เป็นครั้งแรกที่ได้เจอหลิวเย่เสียเอง เธอยื่นมือออกไปจับมือกับหลิวเย่

“ที่จริง คุณเจียงกับผมเราเคยเจอกันมาก่อนครับ”

หลิวเย่ยักไหล่ แล้วหันไปมองจ้าวร่าง “ตอนที่พวกเราถ่ายหนัง ‘ปฏิบัติการผู้พิทักษ์’ ด้วยกัน”

เซี่ยเชาฉวินเลิกคิ้วขึ้น เจียงเซ่อยิ้มขึ้นมา

“ฉันนึกว่าคุณลืมไปแล้วเสียอีก”

“การแสดงของคุณเจียงในตอนนั้นมันดึงดูดผมมากเลยนะครับ” เขาค่อยๆ ยกยิ้มมุมปากขึ้นมา ปีนี้หลิวเย่อายุราวๆ สามสิบปีแล้ว แต่เป็นเพราะว่าได้ดูแลตัวเองเป็นอย่างดี มองดูแบบนี้แล้วก็นึกว่าอายุยี่สิบสี่ยี่สิบห้าเสียอีก บุคลิกส่วนตัวของเขามีเอกลักษณ์มากๆ เรือนผมของเขาถูกหวีเรียบไปด้านหลังอย่างเรียบร้อย ท่วงท่าของเขาดูงดงามและกระฉับกระเฉง

ที่จริงใบหน้าของเจียงเซ่อมันยังติดตรึงอยู่ในความทรงจำของเขา ถึงแม้ว่ายังไงในวงการนี้ก็มีผู้หญิงสวยๆ มากมาย แต่เจียงเซ่อเป็นเหมือนกับหิมะน้ำแข็ง เหมือนกับความสวยที่ปล่อยออกมาแค่เก้าแต่กลับได้ผลสุดๆ เธอตั้งใจและมีความอดทนไม่น้อยในตอนที่เข้าฉาก ฝีมือการแสดงก็ถือว่ามีพรสวรรค์ ถึงแม้ว่าจะเป็นแค่บทตัวประกอบ แต่เธอก็ตั้งใจเล่นดี ถือว่ามีพลังดีมาก

หลังจากที่ถ่ายฉากที่เฉินจวงเสร็จแล้ว เจียงเซ่อก็ทิ้งความประทับใจไว้ให้เขาเป็นอย่างมาก และหลังจากที่เจียงเซ่อมีข่าวไม่ลงรอยกับกับจูพ่านหลังจากที่เล่นหนัง ‘99 Love Letter’ ด้วยกันแล้ว รูปของเจียงเซ่อก็ได้ลงในข่าว ที่จริงหลิวเย่ก็ยังจำเธอได้

“ตอนนั้นแค่มองก็เป็นที่สนใจของผู้กำกับจางแล้วล่ะครับ เขาคิดว่าเธอเหมาะสมกับบทบทหนึ่งในหนัง และเธอก็ทำมันออกมาได้ดีจริงๆ ด้วย”

หลิวเย่ชมขึ้นมา จ้าวร่างก็พูดขึ้นเล่นๆ

“อย่างนี้นี่เอง งั้นหลิวเย่ เรื่องที่บอกให้ลองพิจารณาเรื่อง ‘Evil’ ดู ลองให้โอกาสหน่อยดีไหม”

เขาล้วงมือข้างหนึ่งไว้ในกระเป๋ากางเกง พอได้ยินจ้าวร่างพูดขึ้นมาอย่างนั้นแล้วก็หัวเราะออกมา

“ถ้ามีโอกาสได้ร่วมงาน ก็คงจะได้ร่วมงานกันแน่ๆ แต่ว่าตารางงานของผม เป็นหน้าที่ของป๋อซีในการจัดการ เอาไว้ผู้กำกับจ้าวลองติดต่อกับเขาดูก็ได้ครับ”

แน่นอนว่าคำพูดบอกปัดอย่างมีมารยาทแบบนั้นจ้าวร่างเองก็พอจะฟังออก ถึงแม้ว่าในใจของเขาจะรู้สึกแย่ที่หลิวเย่ยังไม่ยอมตกลงเสียที แต่เขาก็รู้อยู่แล้วว่าโอกาสที่จะพูดให้เขาตอบตกลงตอนนี้มันก็มีไม่มากนักหรอก ดังนั้นจึงเปลี่ยนหัวข้อคุยเสียเลย และไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาอีก

พูดคุยกันอยู่สักพัก ก็มีคนเรียกหลิวเย่มาจากอีกด้าน เขาหันมาพูดว่า ‘ขอตัวก่อนนะครับ’ อย่างนอบน้อม หันไปอีกทีก็เจอเป็นผู้จัดการของเขาที่กำลังเดินตรงมาทางนี้อย่างเบื่อหน่าย หลักจากทักทายกันเรียบร้อยแล้ว หยางป๋อซีก็ดึงหลิวเย่ไปอีกด้าน และพูดอะไรบางอย่างกับเขาด้วยเสียงเบา พลางให้เขามองไปอีกทาง

เซี่ยเชาฉวินมองไปตามที่หยางป๋อซีมองไป ก็พบว่าเป็นเฝิงหนานที่กำลังยืนอยู่ข้างๆ จางจิ้งอานและคนอีกกลุ่มหนึ่ง จ้าวร่างถามขึ้น

“สีหน้าของหยางป๋อซีดูไม่ค่อยดีเลยนะ เธอว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น?”

“ไม่จำเป็นต้องเดาหรอกค่ะ”

เซี่ยเชาฉวินยกข้อมือขึ้นดูนาฬิกา ตอนนี้เข็มบอกเวลาชี้ไปที่เลขหกแล้ว เดี๋ยวอีกชั่วโมงหนึ่ง ก็จะถึงเวลาที่ทุกคนจะต้องเข้างานแล้ว แต่สีหน้าผู้จัดการส่วนตัวของหลิวเย่ดูแย่มาก แถมยังมองไปที่เฝิงหนานบ่อยๆด้วย แล้วยังจะต้องให้เดาอะไรอีกงั้นหรือ?

ตอนนี้สื่อจากสำนักข่าวต่างๆ เริ่มถือบัตรเชิญเดินเข้าไปในงานแล้ว เจียงเซ่อเองก็ได้รับมือกับเหล่านักข่าวที่เข้ามาสัมภาษณ์แล้ว ถ่ายรูปไปอีกหลายรูป จนเวลาเดินมาถึงหกโมงครึ่ง

หลังจากจบการเดินพรมแดงไป เธอก็เดินไปพร้อมกับจ้าวร่าง ทั้งสองข้างเต็มไปด้วยนักข่าวที่ถือกล้อง ข้างหน้าเองก็มีช่างภาพด้วยเช่นกัน แสงไฟส่องลงมายังเจียงเซ่อที่คล้องแขนจ้าวร่าง ค่อยๆ เดินเข้ามาในงาน นักข่าวกลุ่มหนึ่งกรูเข้าไปหา และถามถึงหนังเรื่อง ‘เกี่ยวกับที่ฉันรักเธอ’ ของจ้าวร่าง ตอนนี้หนังเรื่องนี้ยังไม่ได้เข้าฉาย แต่ที่จ้าวร่างปรากฏตัวในงานหนังภาพยนตร์ในคืนนี้ แสดงว่าเขาเองก็หวังจะใช้หนังเรื่องนี้ในการชิงรางวัลเหมือนกัน ส่วนเจียงเซ่อที่ถึงแม้จะเป็นนางเอกของเรื่อง แต่เธอเพิ่งจะเข้าวงการมาได้ไม่นาน อีกทั้งการพูดถึงก็มีไม่มาก ที่ดูจะดังที่สุดก็คงเป็นที่เธอได้เป็นแบรนด์ แอมบาสเดอร์ของ Gang Hua Jewelry

ดังนั้นนักข่าวจึงปล่อยเธอไปเร็วมาก และเปลี่ยนไปสนใจที่จ้าวร่างแทน

เจียงเซ่อเดินเข้ามาในงานโม่อานฉีก็รออยู่ในงานนานแล้ว พอเห็นว่าเธอเข้ามา ก็เดินเข้าไปจับมือเธอแล้วพูดขึ้น

“เซ่อเซ่อ ที่นั่งของเธอถูกจัดไว้อยู่ตรงที่นั่งผู้กำกับหลินแน่ะ”

ครั้งนี้เจียงเซ่อมีโอกาสที่จะได้รับรางวัลจากหนัง ‘The Occasion of Beiping’ และเซี่ยเชาฉวินเองก็พยายามเป็นอย่างมากที่จะให้เธอได้รางวัลนักแสดงสมทบหญิงดีเด่น ดังนั้นตอนที่จัดตำแหน่งที่นั่ง จึงจัดให้เธอนั่งอยู่แถวๆ หลินซีเหวิน

โม่อานฉีพยุงเจียงเซ่อเดินเข้าไปใกล้ พลางพูดเบาๆ กับเจียงเซ่อไปด้วย

“เมื่อกี้ตอนที่อยู่ข้างนอกเหมือนจะเห็นหยางป๋อซีมีปากเสียงกับคนของเจียงหนานบันเทิงด้วยล่ะ ได้ยินมาว่าเจียงหนานบันเทิงถือโอกาสที่ตัวเองเป็นหุ้นส่วนในการลงทุน ให้หลิวเย่เดินพรมแดงคู่กับเฝิงหนาน แต่เหมือนว่าหลิวเย่จะปฏิเสธ”

เรื่องนี้เหมือนว่าจะวุ่นวายไม่น้อย ตอนนี้เหมือนว่าจะรู้กันหลายคนแล้ว แถมยังเอามาพูดลับหลังกันใหญ่