webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

246

บทที่ 246 เตรียมพร้อม

เป้าหมายของเจียงเซ่อในตอนนี้คือการรับเล่นหนังเรื่อง ‘Evil’ ดังนั้นละครเพลงและละครที่มันดูสนุกสนานจึงไม่ใช่ทางเลือกของเธอ

สายตาเธอจดจ้องไปที่ตัวบทเรื่อง ‘HAI TANG QIU’ รู้สึกสงสัยนิดหน่อย

“ละครเรื่องนี้เคยแสดงครั้งล่าสุด เมื่อห้าสิบกว่าปีที่แล้วนี่นา”

มันเป็นวรรณกรรมในช่วงสาธารณะรัฐ ช่วงนั้นถือเป็นช่วงของบทละคร แถมยังดึงดูดจนกลายเป็นที่ฮือฮากันพอสมควร

ต่งฉาวผิงมองเจียงเซ่ออย่างแปลกใจ จากนั้นก็ชี้นิ้วออกไป

“ไม่คิดเลยว่าคุณจะรู้จักด้วย”

เพราะหัวเซี่ยเองก็มีดนตรีหลากหลายแขนง หลายปีมานี้การแสดงละครเวทีของโรงละครแห่งชาตินี้ก็ล้วนแล้วเป็นไปตามกาลเวลา ได้รับวัฒนธรรมจากการแสดงละครเวทีของต่างประเทศมาหลากหลายรูปแบบ ทำไห้การแสดงแบบวัฒนธรรมเก่าๆ มันเหมือนถูกทิ้งเอาไว้

ละครเรื่อง ‘HAI TANG QIU’ เป็นบทประพันธ์ที่คุณฉินซือเพ่ยเขียนขึ้นมา ในครั้งแรกที่ถูกเผยแพร่ออกไป มันก็กลายเป็นที่ฮือฮาเป็นอย่างมาก เนื้อเรื่องเล่าถึงไห่ถางชิวนักแสดงละครงิ้วเป็นหลัก เพราะเพลง ‘Susan left Hong Tong County’ ทำให้ได้รับความชื่นชมจากกขุนศึกไม่น้อย จากนั้นก็ได้รู้จักและรักกันกับอนุภรรยาคนที่สามของขุนศึก ในที่สุดโดนขุนศึกกดขี่ ชีวิตต้องระหกระเหินและเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง สุดท้ายก็เลือกที่จะจบชีวิตด้วยการฆ่าตัวตาย

“ช่วงนี้ทางโรงละครเองก็กำลังนำบทละครเรื่องนี้มาเรียบเรียงใหม่เพื่อทำการแสดงอยู่ กำหนดเอาไว้ว่าละครเรื่อง ‘HAI TANG QIU’จะจัดแสดงช่วงเทศกาลชุนเจี๋ย”

ที่จริงการที่มาถึงในยุคปัจจุบันนี้แล้ว การที่จะจัดแสดงละครแนวนี้ ส่วนมากมันก็เหมือนเป็นการหวนรำลึกถึงความรู้สึกที่อยู่ในใจเสียมากกว่า เพื่อเติมเต็มความพึงพอใจให้กับผู้ที่มีอายุ ให้พวกเขาได้รำลึกถึงความทรงจำในตอนนั้น

จนมาถึงวันนี้ เด็กรุ่นใหม่ส่วนมาก อาจจะไม่เคยได้ยินบทประพันธ์เรื่อง ‘HAI TANG QIU’ เรื่องนี้กันเลยด้วยซ้ำ ต่งฉาวผิงคิดไม่ถึงว่าทันทีที่เห็นเจียงเซ่อมองบทละครเรื่องนี้ ก็สามารถบอกถึงช่วงเวลาของหนังเรื่อง ‘HAI TANG QIU’ ขึ้นมาได้ทันที

“พอดีเคยได้ยินผู้ใหญ่ในบ้านพูดถึงกันมาก่อนน่ะค่ะ” เจียงเซ่อตอบออกไปอย่างสบายๆ และไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้อีก จากนั้นก็พูดคุยกับเขาอีกนิดหน่อย แล้วเขาก็พูดถึงคนที่ร่วมทำงานโปรเจ็คละครเวทีเรื่อง ‘HAI TANG QIU’ ขึ้นมา

“เพราะทางโรงละครต้องการที่จะเอาบทสนทนาเพลงเหล่านี้ขึ้นไปอยู่บนเวที ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าคิดหนักอยู่ไม่น้อยเลย หลังจากที่ตกลงกันแล้วว่าจะแปลงบทประพันธ์ ขั้นตอนการเลือกคนมาแสดงนั้น ก็ถือว่าต้องเลือกกันนานพอสมควรเลยครับ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเวลาที่จะเดินเรื่องการแสดงเลย ตั้งแต่ตัวเอกถึงตัวนักแสดงประกบ ไหนจะตัวประกอบอีก ต้องพิจารณากันอยู่นานเลย”

“คุณก็ดูๆ สิ ว่าอยากจะลองเล่นบทไหน? อยากจะเป็นอนุภรรยาคนที่สามหรือไห่ถางชิว?”

ต่งฉาวผิงถามขึ้นยิ้มๆ “เดี๋ยวผมให้พวกเขาลองช่วยคุณดูดีกว่า”

ครั้งก่อนหน้านี้ที่เจียงเซ่อมาฝึกซ้อมการแสดงที่โรงละครนี่ ไม่ว่าจะเป็นบทผู้ชายหรือผู้หญิงก็ลองเล่นมาหมดแล้ว แต่บทส่วนมากที่ลองเล่นจะเป็นตัวเสริมเสียมากกว่า ตอนนั้นเป็นเพราะฉางยวี่หูต้องการให้เธอฝึก เพื่อต้องการให้เธอวาง ‘มาด’ ของตัวเองลง ดังนั้นบทที่เธอลองเล่นส่วนมาก จึงไม่ใช่ตัวละครหลักของเรื่อง

ต่งฉาวผิงเองก็ต้องการที่จะซื้อใจฉางยวี่หู และบวกกับที่รู้ว่าเจียงเซ่อแค่มาศึกษาเท่านั้น ไม่จำเป็นที่จะต้องเคยแสดงละครเวทีมาก่อน ดังนั้นเขาจึงเสนอเป็นพระนางของเรื่อง ‘HAI TANG QIU’ ให้เธอเลือกลอง

เจียงเซ่อมองบทครู่หนึ่ง แล้วยิ้มออกมา

“ฉันคิดว่าน่าจะเป็นบทขุนศึกคนนี้มากกว่าค่ะ มันน่าจะเหมาะกับฉันในตอนนี้มากกว่า”

เธอมองต่งฉาวผิงแวบหนึ่ง

“ตอนนี้ใครเป็นคนแสดงบทขุนศึกหรือคะ”

เธออยากจะแสดงเป็นขุนศึก และนั่นก็ทำให้ต่งฉาวผิงรู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมาก ในเรื่อง ‘HAI TANG QIU’ ขุนศึกเป็นตัวละครที่เลวร้ายที่สุดแล้ว ทั้งอำมหิตและโหดร้าย และคนที่ได้รับเล่นบทนี้ก็คือผู้ที่มีชื่อเสียงและผ่านประสบการณ์มามากมายอย่างเหลียงชุนปอ

“อันนี้ถือว่ายากหน่อยนะครับ”

ต่งฉาวผิงหัวเราะแห้งๆ เหลียงชุนปอเป็นนักแสดงรุ่นเก่า ปีนี้น่าจะมีอายุราวๆ หกสิบกว่าแล้ว ถึงแม้ว่าชื่อเสียงและฐานะจะไม่เทียบเท่ากับฉางยวี่หู แต่ถ้าเป็นเรื่องละครที่มีบทพูดแบบนี้แล้ว ฐานะของเขาก็ถือว่าโดดเด่นพอตัว

เขาเป็นคนที่ค่อนข้างหัวแข็งและแปลกประหลาด บางครั้งเงินของต่งฉาวผิงก็ซื้อเขาไม่ได้ด้วยซ้ำ ครั้งนี้ที่สามารถเชิญเขามาเล่นเป็นขุนศึกในเรื่อง ‘HAI TANG QIU’ ได้สำเร็จ ก็เป็นเพระว่าตัวเขาเองก็มีความชื่นชอบและสนใจเรื่องนี้เป็นพิเศษอยู่แล้ว

และนักแสดงรุ่นเก่าแบบนี้ก็ไม่ค่อยจะฟังสิ่งที่ต่งฉาวผิงพูดสักเท่าไหร่ ถ้าเจียงเซ่ออยากจะให้เขาลองพูดดู บางทีไม่ว่าต่งฉาวผิงจะพูดอะไรเขาก็คงไม่ฟังทั้งนั้น ก็คงต้องพี่งวิธีของตัวเองเท่านั้นแล้ว

“ไม่มีปัญหาคะ ฉันจะไม่ทำให้คุณลำบากแน่นอน”

หลังจากที่พูดคุยกับต่งฉาวผิงเรียบร้อยแล้วว่าจะมาฝึกซ้อม เจียงเซ่อก็ไม่ได้รีบร้อนที่จะเข้าไปในการจัดคิวการแสดงของที่นัดแสดงแต่อย่างใด แต่ทุกๆ วันที่เรียนและซ้อมเต้นเสร็จแล้ว เธอก็เลือกที่จะไปเรือนจำหญิงแทน เพื่อไปสำรวจดูความรู้สึก แววตาและการแสดงออกของนักโทษในแต่ละคน มีบางครั้งก็ได้คุยกันบ้าง พูดถึงช่วงแรกๆ ที่เข้ามาอยู่ที่นี่

ก่อนตกดึกก็ได้แตรียมช่วงเวลาที่จะไปโรงละคร และเพราะจากคำเตือนที่ต่งฉาวผิงพูดเอาไว้ เจียงเซ่อก็เลือกว่าจะสังเกตเหลียงชุนปอก่อน

ทุกครั้งที่เหลียงชุนปอขึ้นเวทีเพื่อแสดง เธอก็จะยืนมองอยู่ข้างล่างเวที มองดูทุกท่าทางการกระทำของเขา มองดูเขาที่สวมบทบาทได้อย่างสมจริง มองดูเขาที่ชื่นชมไห่ถางชิวจนไปถึงมั่วสุรานารีกับนักแสดงหญิงคนอื่นๆ อย่างมีชีวิตชีวา จนสุดท้ายที่ได้รู้ว่าอนุภรรยาคนที่สามของตัวเองและไห่ถางชิวมีความรู้สึกดีๆ ให้กันก็โกรธแค้นสุดๆ จากนั้นก็เข้าสู่ช่วงเวลาของการกดขี่ข่มเหงโดยที่ไม่หวนนึกถึงความรู้สึกในวันวาน เหลียงชุนปอแสดงตัวละครขุนศึกออกมาได้อย่างเย็นชาและโหดเหี้ยมถึงอกถึงใจ รายละเอียดต่างๆ เขาก็เก็บได้ทุกเม็ด แสดงท่าทางและอารมณ์ออกมาได้ดีและเป็นธรรมชาติ ไม่ทำให้คนดูรู้สึกว่ามันไม่สละสลวย

เมื่อลองเทียบกันแล้ว นักแสดงชายที่ได้แสดงเป็นไห่ถางชิว เมื่อต้องแสดงต่อหน้าเหลียงชุนปอแล้วดูกดดันกว่าเดิมอีก หลายครั้งที่ต่งฉาวผิงเดินมาตรวจดูขั้นตอนต่างๆ แล้วต้องขมวดคิ้วออกมา

เจียงเซ่อได้มาสำรวจดูที่โรงละครแห่งนี้ได้ประมาณหนึ่งเดือนกว่าแล้ว และส่วนมากนักแสดงของ ‘HAI TANG QIU’ เองก็เริ่มที่จะคุ้นเคยกับเธอมากแล้ว ละครเวทีเรื่องนี้จะต้องเปิดการแสดงในช่วงเทศกาลชุนเจี๋ย ช่วงนี้การซ้อมก็เลยเคร่งครัดมากๆ ทีมงานนักแสดงเหล่านี้ต่างก็ต้องฝึกซ้อมและแก้ไขจุดที่ยังไม่ดีพอกันจนดึกดื่นสามทุ่มสี่ทุ่มถึงจะเลิก

ปกติแล้วเจียงเซ่อจะมาถึงประมาณหกโมงเย็น บางทีก็อาจจะมาเร็วกว่านัน และอยู่กับทุกคนจนถึงประมาณสี่ทุ่ม

การซ้อมแสดงบนเวที ตอนนี้เหลียงชุนปอที่แสดงเป็นขุนศึกที่กำลังจับได้ว่าอนุภรรยาคนที่สามของตนกำลังมีความรู้สึกที่ดีต่อกันกับไห่ถางชิว เขาโกรธและถือเป็นอย่างมาก จนได้ฆ่าคนใช้คนหนึ่งที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ด้วย

แสงไฟด้านหลังของเวทีสว่างขึ้น ทำให้ได้เห็นท่าทาง และอารมณ์ของเขาที่ออกมาได้อย่างชัดเจน ตอนที่เขาสั่งให้คนตีคนรีบใช้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องให้ตายอยู่นั่น เขากัดฟันแน่น เขาไม่ได้ก้มหน้าลง ไม่แม้แต่กะพริบตา แก้มที่เกร็งทำให้ได้เห็นว่าท่าทางไร้ความรู้สึกนั้นมันปะปนไปด้วยความโกรธ ส่วนการกระทำต่อมาก็คือภาพที่ขุนศึกกำลังด่ากราดแสดงความโมโหออกมา

หลังจากซ้อมฉากนั้นเสร็จแล้ว เหลียงชุนปอก็เดินลงมาพักข้างล่างเวที ทีมงานต่างๆ ก็ยื่นผ้าให้เขาทันที

ในห้องซ้อมนั้นเปิดเครื่องปรับอากาศเอาไว้ ยิ่งคนเยอะเท่าไหร่ ก็ต้องเปิดไฟมากเท่านั้น ภายในห้องนี้ก็ร้อน เขาแสดงไปไม่เท่าไหร่ เหงื่อก็ออกจนจะท่วมตัวอยู่แล้ว

เหลียงชุนปอรับผ้าไปเช็ดหน้าเรียบร้อย แต่จู่ๆ ก็หันหน้าไปถามเจียงเซ่อ

“เสี่ยวเจียง เธอดูมาประมาณเดือนหนึ่งแล้ว พอจะมองอะไรออกบ้างหรือยัง?”

ต่งฉาวผิงเองก็อยู่ด้วย พอได้ยินเขาพูดกับเจียงเซ่อขึ้นมา ก็เกิดความแปลกใจอยู่ไม่น้อย

ตั้งแต่ที่เจียงเซ่อได้เข้ามาดูการซ้อมการแสดงละครเวทีเรื่อง ‘HAI TANG QIU’ แล้ว ทีมงานในโรงละครเองก็เริ่มที่จะคุ้นเคยกับนิสัยใจคอของเธอบ้างแล้ว และนักแสดงส่วนมากก็รู้แล้วว่าเจียงเซ่อแค่มาเรียนรู้หาประสบการณ์เท่านั้น ไม่ได้จะมาแย่งงานใคร ไม่ได้มาแข่งขัน บวกกับที่เธอเป็นลูกศิษย์ของฉางยวี่หูอีก ต่งฉาวผิงก็เลยยิ่งได้สนิทกับเธอมากขึ้น ทำให้หลายๆ คนอยากจะตีสนิทกับเจียงเซ่อให้ได้ แต่กับเหลียงชุนปอที่เป็นนักแสดงรุ่นใหญ่แบบนี้ ท่าทางอารมณ์ก็คงจะเฉยๆ กับสิ่งรอบข้างมากกว่า