webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

241

บทที่ 241 ตั้งเค้า

เรื่องที่ไต้เจียฆ่าคน มันช่างเป็นช่วงเวลาที่น่าสงสารและแสนอัปยศสำหรับหล่อนมากจริงๆ

ในขณะที่หล่อนแนะนำคนอื่นได้เป็นอย่างดี แต่ตัวเองก็เคยคิดอยู่เหมือนกัน และสุดท้ายก็เลือกที่จะเข้าจวี้เฟิงบันเทิง

ไต้เจียเองก็เคยวิเคราะห์สถานการณ์มาก่อน บริษัทค่ายที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในหัวเซี่ย ยังไงมันก็ต้องเป็นซื่อจี้หยินเหออยู่แล้ว รองลงมาอีกนิดหนึ่ง ก็คือหัวซิงและจวี้เฟิงที่พอจะมีทุนมากพอสมควร และมันก็ดีต่อการต่อยอดของตัวหล่อนเอง

แต่สำหรับหัวซิงหล่อนเคยผิดใจกับจ้าวรั่วจวินมาก่อน ถ้าเข้าบริษัทนี้ก็มีสิทธิ์ที่จะโดนกดหัว ชีวิตนี้ก็คงยากที่จะได้โผล่ขึ้นมาจากบริษัท เพราะงั้นหล่อนถึงเลือกจวี้เฟิง

และผู้จัดการส่วนตัวที่เซ็นสัญญากับหล่อนหลังจากที่เข้าบริษัทก็คือคนที่ตายด้วยน้ำมือของหล่อนอย่างจางหัว เพราะว่าหล่อนเป็นคนสวย และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว กับเด็กสาวแบบหล่อน หลังจากที่เข้าจวี้เฟิงบันเทิงไปแล้ว ก็เหมือนกับลูกแกะตัวน้อยที่เพิ่งเข้าไปอยู่ในฝูง

ต้องคอยทำตามสิ่งที่จวี้เฟิงกำหนดในทุกๆ เรื่อง แน่นอนว่าจางหัวก็ต้องให้เธอลองถ่ายวีดิโอดูก่อนสักครั้ง เพื่อที่จะควบคุมหล่อนเอาไว้ในกำมือ

ตอนนั้นหล่อนเพิ่งจะเซ็นสัญญาไป และคงคิดว่าเส้นทางการเป็นดาราของตัวเองจะผ่านไปได้อย่างราบรื่น แต่ในขณะที่กำลังฝันหวาน กลับต้องมาเจอกับเรื่องที่จู่ๆ ก็กระหน่ำเข้ามาแบบนี้ แน่นอนว่าความสิ้นหวังคงกำลังวนเวียนอยู่ในใจของหล่อน

ถ้าหล่อนจะฉีกสัญญา หล่อนก็จะต้องชดเชยเงินจำนวนมากตามในสัญญาการเงิน แต่ถ้าหล่อนถ่ายวีดิโอนั่น ชีวิตทั้งชีวิตของเธอก็คงจะต้องติดอยู่ในโคลนตมตลอดไป ผลที่จะตามมามันเป็นยังไงหล่อนรู้ดี หล่อนไม่ได้ต้องการที่จะยกเลิกสัญญา แต่ก็ไม่ได้ยอมที่จะไม่ได้รับความยุติธรรม และไม่ได้ตัดใจที่จะยอมทิ้งเกียรติของตัวเอง

ดังนั้นในตอนที่จางหัววางแผนที่จะทำมันด้วยตัวเอง ในตอนที่กำลังจะหยามหมิ่นหล่อนนั้น หล่อนก็ได้พลั้งมือฆ่าจางหัวตาย

ตอนนั้นทีมงานในสตูดิโอเองก็ห้ามเอาไว้ไม่ทัน จนกระทั่งตัวหล่อนถอยออกมาจากตรงนั้น จางหัวก็ถูกส่งไปโรงพยาบาล แต่มันก็ไม่ทันแล้ว

ภาพๆ นั้นถูกถ่ายเอาไว้ ต้นสายปลายเหตุของเรื่องก็ถูกตัดออกไป และมันก็กลายเป็นหลักฐานที่ทำให้หล่อนเป็นฆาตกร

และเบื้องบนของจวี้เฟิงเอง ก็มีคนต้องการทำร้ายหล่อน ทำให้หล่อนไม่กล้าที่จะปริปากอะไรออกมาอีก หล่อนจึงโดนตัดสินโทษอย่างรวดเร็ว และถูกส่งตัวไปอยู่ในเรือนจำหญิงที่แถบชานเมืองตะวันตก

เจียงเซ่อรู้สึกแย่พอสมควร กับเด็กสาวที่แสนแข็งแกร่งแบบนั้น กลับต้องมาโดนทำลายลง จนต้องกลายเป็นคนที่เหมือนตายไปแล้วแบบนั้น

“อยากจะให้หล่อนได้ออกมาก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร” ที่จริงการที่หล่อนฆ่าคนในครั้งนี้ก็สามารถเรียกได้ว่าเป็นการป้องกันตัวได้ แต่ทว่าคนเบื้องบนของจวี้เฟิงต้องการที่จะปิดปากหล่อน จึงไม่มีใครกล้าพอที่จะช่วยหล่อนเท่านั้นเอง ขอแค่เก็บกวาดคนเบื้องบนของจวี้เฟิงเสียหน่อย และหาทนายความให้ไต้เจียได้ยื่นอุทธรณ์ ให้หล่อนได้ลดโทษอีกสักนิด ถึงตอนนั้นจากที่ต้องรอลงอาญา ก็อาจจะได้ปล่อยตัวออกจากเรือนจำเลยก็ได้

“ผมจะลองคุยกับโจวเฉิงอู่ดูครับ ขอแค่เขาเป็นคนออกปาก อยากจะให้ใครได้ออกมาก็ไม่ใช่เรื่องยากเลย แต่ว่า......”

เนี่ยต้านพูดถึงตรงนี้ ก็มองเจียงเซ่อแวบหนึ่ง

“ถ้าหล่อนยังอยากจะเป็นดารา อันนี้ก็คงจะเป็นไปไม่ได้แล้ว เพราะจวี้เฟิงคงไม่มีทางที่จะให้เธอกลับมาอยู่ในวงการนี้อีกแน่ๆ และแน่นอนว่าตัวหล่อนเองก็ต้องปิดปากเงียบด้วย”

พ่อของโจวเฉิงอู่นั้นเป็นลูกน้องข้าราชการของตระกูลของเนี่ยต้านมานาน ตอนนั้นที่สามารถกลับมาตั้งตัวเป็นใหญ่ขึ้นมาได้อีกครั้ง ก็ได้กำลังของตระกูลเนี่ยช่วยเอาไว้ด้วย ดังนั้นคำพูดของเนี่ยต้านก็มีความเป็นไปได้สูง ว่าโจวเฉิงอู่จะต้องเห็นแก่หน้าเขาบ้าง

แต่ว่าจริงๆ มันก็เป็นแค่การที่เขาใช้อำนาจและช่วยออกหน้าให้เจียงเซ่อเท่านั้นเอง เขาหันไปหาเผยอี้อีกครั้ง

“พี่อี้ พี่ว่าความคิดผมโอเคป้ะ?”

แต่เผยอี้นั้นยังจำเรื่องที่เขาหลุดปากออกมาได้เป็นอย่างดี เผยอี้ไม่อยากจะสนใจเขาแล้ว หรือแม้แต่อาหารที่จะเอามาเลี้ยงเต่าก็ไม่น่าสนใจอีกต่อไป

เจ้าเต่าสองตัวยังคงว่ายน้ำไปมาอย่างสบายใจไร้กังวล แค่เห็นว่ามีเนื้อชิ้นเล็กๆ ลอยอยู่ในน้ำ พวกมันก็อ้าปากกลืนมันเข้าท้องทันที

ถ้าเขากับเจียงเซ่อเป็นอย่างเต่าสองตัวนั้น ไม่ต้องคิดเรื่องอะไรมากมาย แบบนั้นมันจะดูง่ายขึ้นกว่าเดิมไหมนะ?

หลังจากที่เนี่ยต้านออกมาจากบ้านของเผยอี้แล้ว เผยอี้ก็ค่อยๆ ห่อไหล่ลง จัดๆ คอเสื้อ ตอนที่เดินไป ในใจของเผยอี้เองก็ยังรู้สึกหนักอึ้งไปหมด และคอยคิดว่าจะอธิบายต่อเจียงเซ่อยังไงดี

เจียงเซ่อเองก็ไม่สนใจเขา และเขาเองก็เหมือนลำบากใจที่จะพูด เจียงเซ่อไม่ถามถึงแผนที่ทางตระกูลเผยได้วางเอาไว้หลังวันเกิดเขา และไม่ถามเรื่องที่เขาจะไปกว่างโจวด้วย ตั้งแต่ที่ทั้งสองคนคบกันมา เธอไม่เคยที่จะมีท่าทางเย็นชากับเขาขนาดนี้มาก่อนเลย เธอดูเย็นชาเสียจนเขาเริ่มที่จะไม่มีความมั่นใจใดๆ

หลังจากที่ช้อนเอาเจ้าเต่าสองตัวที่กินอิ่มออกมาจากน้ำเรียบร้อยแล้ว เขาก็เข้าไปล้างมือในห้องครัว มีเพียงกระจกใสกั้นเอาไว้ และเขายังสามารถเห็นเจียงเซ่อที่นั่งอยู่ในห้องรับแขก

ตอนนี้ข้างนอกมืดแล้ว ในห้องรับแขกเปิดเพียงโคมไฟตั้งพื้นตัวหนึ่ง ใต้แสงไฟนั่นคือเจียงเซ่อที่กำลังนั่งก้มหน้าก้มตา เส้นผมที่คล้อยลงมามันบดบังใบหน้าด้านข้างของเธอเอาไว้ ทำให้เห็นสีหน้าได้ไม่ชัดเจนนัก

เขารู้สึกลนขึ้นมา เขายอมที่จะให้เจียงเซ่อตะคอกว่าเขาดังๆ ดีกว่านิ่งเงียบและเย็นชาแบบนี้

“เซ่อเซ่อ”

เขาเดินออกมาจากห้องครัว ก้มหน้าลง เหมือนกับเด็กที่มีความผิดติดตัว ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร และเหมือนต้องคอยระวังอยู่ตลอดเวลา

เจียงเซ่อไม่สนใจเขา ส่วนเขาเองก็ค่อยก้าวเข้าไปหาเธออย่างลังเล จนไปยืนอยู่หลังโซฟาตรงตำแหน่งที่เธอนั่งอยู่พอดี เจียงเซ่อหันตัว หลบหน้าหนีไม่อยากมองหน้าเขา

เขาเองก็รีบเดินอ้อมไปอีกทาง ในใจรู้สึกลนไปหมดแล้ว เขายื่นมือออกไปหวังที่จะประคองใบหน้าของเธอ แต่เธอก็หลบ เหมือนกับว่าแม้แต่มองก็ไม่อยากจะมองอย่างไรอย่างนั้น

เผยอี้คุกเข่าลงข้างๆ เธอ เจียงเซ่อรีบลุกขึ้นทันที เขาเองก็ร้อนรนจนต้องรวบขาเธอแล้วกดเอาไว้ บังคับให้เธอนั่งลงบนโซฟาเหมือนเดิม

“เซ่อเซ่อ ฟังผมก่อนนะ”

เธอไม่พูดอะไร ยกมือขึ้นทัดผมไว้หลังหู สายตายังคงจ้องมองแต่มือของตัวเอง เหมือนว่าจะมองเขาไม่ได้เด็ดขาด

“ในครึ่งปีนี้ ผมได้ลงเรียนรายวิชาไปหมดแล้ว และเตรียมที่จะทำเรื่องขอจบก่อนแล้วด้วย”

พอเขาพูดจบ ทั้งตัวของเจียงเซ่อก็สั่นไปหมด มือที่กำอยู่ก็กำแน่นกว่าเดิม

เพราะครึ่งปีนี้เธอมัวแต่ยุ่งอยู่กับเรื่องของตัวเอง และได้มองข้ามเขาไป แม้แต่เรื่องพวกนี้เธอก็ยังไม่ทันได้สังเกตด้วยซ้ำ แล้วตอนนี้ก็ยังต้องให้เนี่ยต้านเป็นคนเตือนขึ้นมาอีก ถึงได้รู้ว่าหลังวันเกิดเขาแล้ว เขาก็เตรียมตัวจะไปกว่างโจว

แน่นอนว่าเผยอี้เองก็เห็นมือของเจียงเซ่อที่กำลังกำแน่น เขายกมือขึ้นไปจับมือเธอ และพยายามแกะนิ้วเธอออกมา จนได้เห็นว่าตอนนี้ฝ่ามือของเธอมีมีรอยเล็บจิกอย่างชัดเจนแบบนั้นแล้ว เขาก็เจ็บปวดและเสียใจอย่างที่สุด

“ถ้าพี่ไม่พอใจ พี่ก็ระบายใส่ผมเถอะนะ”

เธอไม่เคยสักครั้งที่จะแสดงกิริยาที่ไม่ดีต่อหน้าเขา ราวกับว่าเธอจะสงบและนิ่งเงียบแบบนี้ตลอดไป เวลาที่เจ็บปวดเธอก็จะควบคุมตัวเองได้เสมอ เวลามีความสุขเธอก็จะนิ่งๆ เธอไม่เคยงอนเขา ไม่เคยทะเลาะกันมาก่อน มันทำให้ยากเหลือเกินที่จะมัดใจเธอได้

ตอนนี้เธอกำลังไม่พอใจ แต่ก็ทำเพียงแค่กำหมัดแน่นๆ เท่านั้น ถ้าหากว่าไม่ใช่เพราะเขาเข้าใจเธอ ถ้าหากไม่ใช่เพราะเขาสนใจเธออยู่ตลอดเวลาแล้วละก็ เขาก็คงไม่มีทางที่จะรู้ถึงความรู้สึกจริงๆ ที่เธอกำลังใช้ความนิ่งเงียบมาปิดบังแน่ๆ

“หลังจากที่จบจากมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งแล้ว ผมก็เตรียมตัวที่จะเข้าโรงเรียนทหารที่กว่างโจวแล้ว”

เขาพ่นลมออกมาทีหนึ่ง แล้วพูดสิ่งที่ตัวเองอยากจะพูดออกมาต่อ “หลังวันเกิด ผมก็จะทำเรื่องขอจบก่อน ประมาณหลังวันเกิดพี่ผมก็จะไป”

เธอเองก็ยังไม่พูดอะไรออกมา ภายใต้แสงไฟสลัว ใบหน้าที่แสนงดงามดั่งกับหยกบริสุทธิ์ แต่กลับไร้สีหน้าอารมณ์ใดๆ

เผยอี้ยิ่งร้อนใจเข้าไปอีก แต่ก็ยังพูดออกไปต่อ

“มันเป็นแผนที่ทางตระกูลได้วางไว้ให้ผม ผมว่ามันก็มีเหตุผลเหมือนกัน ตอนนี้สิ่งที่ผมควรจะเรียนจากมหา’ลัย มันก็เป็นสิ่งที่ผมเคยเรียนมาหมดแล้ว......”

เขาบ่นไปบ่นมา เห็นได้ชัดว่ากำลังลน คิดตรงไหนได้ก่อนก็พูดถึงตรงนั้นก่อน

“แต่ว่าโรงเรียนก็มีวันหยุดนะครับ จะกลับมาที่ตี้ตูก็สะดวกอยู่เหมือนกัน......”

“อาอี้ เพราะอย่างนั้น พวกเราจะต้องเลิกกันงั้นหรือ?”

เธอพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเบาหวิว เผยอี้ชะงักไปในทันที จากนั้นก็ยื่นแขนไปรวบกอดเอวเธอทันที พร้อมกับตะโกนขึ้นมาเสียงดังลั่น

“ผมไม่ยอมหรอก!”

ราวกับว่าตอนนี้ต้องใช้แค่เสียงดังเท่านั้น ถึงจะสามารถระบายความร้อนรนและสิ่งที่มันอัดอั้นอยู่ในใจเขาได้