webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

240

บทที่ 240 ลมฝน

เจียงเซ่อนึกถึงวันนั้นที่บอกให้เผยอี้ไปลองตรวจสอบที่จวี้เฟิงบันเทิงดู และนึกถึงที่ไต้เจียพูดถึงเรื่อง ‘รับเล่นหนัง’ นั่น

ไต้เจียในตอนนั้นที่เคยมีชีวิตชีวากลับต้องค่อยๆ มากลายเป็นคนที่โดนใบหน้าเรียบเฉยเข้าครอบงำ แค่เพียงระยะเวลาครึ่งปีสั้นๆ หล่อนก็มีสภาพเหมือนแก่ลงไปสิบปี

ชีวิตที่ต้องอยู่ในห้องขังมันช่างดูน่าเบื่อและจืดชืด ต้องตื่นตอนตีห้าทุกวัน ได้ล้างหน้าบ้วนปากแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้น นานๆ ครั้งถึงจะได้อาบน้ำจริงๆ จังๆ สักที ทุกอย่างล้วนมีกฎเกณฑ์และข้อบังคับ ในทุกๆ วันไต้เจียจะต้องทำงานเยอะมาก หล่อนต้องเริ่มทำงานตั้งแต่ตอนเจ็ดโมงเช้า และยาวจนดึกดื่นมืดค่ำ โดยเฉพาะตอนที่หล่อนเพิ่งเข้าไปอยู่ที่นั่น หล่อนเองก็เคยโดนนักโทษที่อยู่ในห้องขังเดียวกันทำร้ายร่างกายด้วย อารมณ์และท่าทางของหล่อนถึงได้ดูอึมครึมแบบนั้น

เธอนึกถึงเรื่องที่เธอได้เจอไต้เจียที่สถานที่ถ่ายทำอีกครั้ง เด็กสาวที่เคยเตือนเธอว่าให้ระวังเหยาเสียงเอาไว้ หญิงสาวเตือนเธอว่าอย่างรับบุหรี่จากคนที่ไม่รู้จักมักจี่กันมาก่อน ดั่งดอกเยว่จี้ที่สวยสดงดงาม แต่กลับต้องมาเจอลมพายุร้ายที่ซัดกระหน่ำลงมาเสียจนต้องมาอยู่ในสภาพแบบนี้

เธอถอนหายใจออกมายาวเหยียด “ไต้เจียน่ะ......”

“เซ่อเซ่อ เพื่อนเธอคนนั้น หล่อนฆ่าคนจริงๆ นั่นแหละ”

ในบ้านของเผยอี้ เมื่อเจียงเซ่อกลับไปถึงก็เล่าเรื่องไต้เจียให้ฟังทันที เผยอี้เองก็เรียกให้เนี่ยต้านมาหาทันที และเขาก็ได้สืบเรื่องนี้จนรู้ที่มาที่ไปแน่ชัดแล้วด้วย

“แต่ว่าเหมือนคนๆ นั้นจะโดนฆ่าตายที่สตูดิโอถ่ายภาพน่ะ คนที่เจอก็เยอะอยู่ แถมช่างภาพยังถ่ายรูปเก็บเอาไว้ด้วย เพราะงั้นวันที่ไปขึ้นศาล หล่อนเองก็ไม่มีคนคอยช่วย เลยถูกตัดสินความผิดทันที”

นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เนี่ยต้านมาที่บ้านของเผยอี้ เขาเดินไปรินน้ำดื่มเองอย่างเคยชิน

“สิ่งที่หล่อนเจอในตอนนั้น ไม่มีแม้แต่คนเข้าข้าง อยากจะออกมาจากที่นั่นก็คงไม่ง่าย ตามขั้นตอนของศาลโดยปกติแล้ว อาจจะใช้เวลาสิบเจ็ดสิบแปดปีเชียวล่ะ”

ที่จริงคำตัดสินโทษของไต้เจียคือรอลงอาญาประหารชีวิต นี่ถือว่าผู้พิพากษาได้ให้ความเมตตามากแล้ว ไม่งั้นกรณีของหล่อน อาจจะโดนตัดสิน ณ ตอนนั้นไปเลยก็ได้

หลังจากที่ได้รับคำตัดสินว่ารอลงอาญาแล้ว ก็ได้ถูกส่งตัวเป็นผู้ต้องขังที่เรือนจำสองปี เพื่อดูความประพฤติของหล่อน ดูจากคะแนนการทำงานข้างในนั่นเอง

ทุกๆ ปีในเรือนจำจะมีงานมาให้รับผิดชอบมากมายมหาศาล และจะจัดสรรไปให้กับนักโทษทุกๆ คน ห้องขังทุกห้องจะต้องทำงานนี้ที่ได้รับให้เสร็จภายในทุกๆ ปี ถึงจะได้รับคำชมที่ดี

แต่ในกลุ่มนักโทษนั้น การให้คะแนนในแต่ละวันนั้น ไม่ได้เป็นการให้ตัวเลขแต่อย่างใด แต่จะเป็นการให้ตัวอักษรในการแบ่งระดับอย่าง A, B, C และ D ไต้เจียถือว่าเป็นคนเดียวที่มารอลงอาญา แค่สองปีแต่ก็ได้ถึงระดับ A แล้ว และระยะเวลาการรอลงอาญาของหล่อนก็อาจจะได้เปลี่ยนเป็นแค่จำคุกตลอดชีวิตแทนโทษประหารก็ได้ หลังจากนั้นไปอีกเรื่อยๆ หล่อนก็อาจจะสามารถเปลี่ยนจากจำคุกตลอดชีวิต ให้กลายเป็นได้ลดโทษลงอีก

แต่ไม่ว่าจะลดลงด้วยวิธีไหน ถึงแม้ว่าไต้เจียจะทำตัวดี แต่หล่อนก็ยังคงต้องนั่งอยู่ในนั้นไปอีกหลายสิบปี

ก็อย่างที่เนี่ยต้านพูดถ้าไม่มีคนช่วยหล่อนเลย ก็คงจะมีสักวันที่หล่อนได้ออกมาจากที่นั่น แต่มันก็คงจะสายเกินไป

หล่อนถูกส่งตัวเข้าไปตอนอายุยี่สิบเอ็ดปี ถ้าออกมาแล้ว ตอนนั้นหล่อนก็คงใกล้จะสี่สิบ กับเด็กสาวที่เคยมีรูปโฉมงดงาม มันดูโหดร้ายไม่น้อยเลย

“หล่อนมีความเกี่ยวข้องยังไงกับพี่เหรอ?”

เนี่ยต้านดื่มน้ำเข้าไปอึกหนึ่ง แล้วถามขึ้นอย่างสงสัย

เผยอี้เองก็กำลังจับเนื้อกุ้งที่หั่นมาเรียบร้อยแล้ว ป้อนเจ้าเต่าสองตัวที่อยู่ในตู้ปลา

เจียงเซ่อเองก็มักจะยื่นนิ้วไปเขี่ยกระดองมันเล่น กับภาพในบ้านที่แสนกลมกลืนเข้ากันแบบนี้ มันทำให้เนี่ยต้านรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นส่วนเกินอย่างบอกไม่ถูก

เผยอี้ตัดผมสั้นแล้ว ช่วงนี้ก็เที่ยวน้อยลงด้วย เหล่าพี่น้องเองก็พอจะรู้สถานการณ์ชีวิตช่วงนี้ของเขาอยู่เหมือนกัน แต่ก็ทำได้แค่ถอนหายใจล่ะนะ

“พี่อี้ หลังวันเกิดพี่แล้ว พี่จะจะล่วงหน้าไปกว่างโจวก่อนเลยใช่หรือเปล่า?”

พอเขาพูดจบ เผยอี้ที่กำลังจับมีดหั่นเนื้อกุ้งอยู่ก็ชะงักไปทันที สายตาเย็นเยือกมองไปที่เนี่ยต้าน ท่าทางเหมือนอยากจะเอามีดเฉือนเขาสักทีสองทีอย่างไรอย่างนั้น เนี่ยต้านนี่สั่นไปทั้งตัว

“ไปกว่างโจวเหรอ?”

เจียงเซ่อชะงักไป สายตาจ้องมองไปที่เผยอี้ และเนี่ยต้านก็รู้ได้ทันทีว่าตัวเองพลาดไปแล้ว จึงได้แต่ทำท่าตบปากตัวเองไปสองที อยู่ดีไม่ว่าดี ทำไมจู่ๆ ถึงได้พูดเรื่องนี้ออกมากันนะ นี่มันยิ่งกว่าตอนที่พูดเรื่องไต้เจียกับเจียงเซ่อเสียอีก!

เนี่ยต้านเริ่มนั่งไม่ติด ตอนนี้สายตาของเผยอี้เหมือนมีดคมๆ ที่กำลังค่อยๆ เฉือนลงมาบนตัวเขาจนเจ็บไปหมด เขาเองก็รู้สึกผิดที่พูดเรื่องนั้นขึ้นมา ดูๆ แล้วเจียงเซ่อคงยังไม่รู้ว่าเผยอี้จะต้องไปกว่างโจวสินะ

“อืม”

เผยอี้ชะงักสิ่งที่กำลังทำ แล้วพยักหน้ารับ ก่อนจะเลิกสิ่งที่ทำอยู่ทันที

“ก็ว่าจะบอกพี่อยู่เหมือนกัน”

วันเกิดอายุครบยี่สิบปีของเขาใกล้จะมาถึงแล้ว ก็อยู่ในช่วงเดือนตุลาคมนี่แหละ จู่ๆ เจียงเซ่อก็รู้สึกแย่ขึ้นมาทันที อาจเป็นเพราะว่าเธอคุ้นชินกับการมีเผยอี้มาก่อกวนตัวเองแล้วก็ได้ แต่ก็ไม่คิดมาก่อนว่าเขาจะมีเรื่องที่ปิดบังอยู่

เธอไม่รู้ว่าช่วงนี้ตัวเองมัวแต่ยุ่งอยู่กับงานหรือเปล่า และมันก็อาจจะทำให้เธอเผลอละเลยเผยอี้ไป หรือว่าในใจของเผยอี้เองก็มีเรื่องบางอย่างกันนะ เรื่องที่เขาจะไปกว่างโจว ถ้าวันนี้เนี่ยต้านไม่พูดขึ้นมา เธอก็อาจจะไม่ได้รู้แม้แต่ตอนที่เขาไปเลยด้วยซ้ำ

แต่จากที่เนี่ยต้านถามเขาขึ้นมา ก็รู้ได้ทันทีว่ามันไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาไป มิน่าล่ะช่วงนี้เขาถึงได้ดูเปลี่ยนไปนัก ช่วงเดือนกรกฎาคมที่เขาออกจากตี้ตูไป กลับมาอีกทีผมสีทองของเขาก็ถูกโกนออกไปแล้ว ส่วนครั้งก่อนที่เธอไปงานแถลงของ Gang Hua Jewelry ที่ฮ่องกง เขาก็ไม่ได้ไปด้วย แค่บอกว่าที่บ้านเผยมีธุระนิดหน่อย

เขาเปลี่ยนไปขนาดนี้ เธอเองก็น่าจะสังเกตเห็นได้ตั้งนานแล้วสิ มันจะต้องมีเหตุผลอะไรแน่ๆ

ในใจเธอกำลังคิดหนัก ใบหน้าเรียบนิ่งไม่แสดงความรู้สึกใดๆ

เนี่ยต้านเองก็เริ่มจะรู้สึกถึงบรรยากาศที่เริ่มเปลี่ยนไปแล้ว เผยอี้จับมีดแน่น ริมฝีปากเม้มเข้าหากัน และจ้องมองไปที่เจียงเซ่อ เจียงเซ่อก้มหน้าลง ด้วยท่าทางนิ่งเงียบ เหมือนทั้งสองคนต้องมีเรื่องอะไรกันแน่ๆ

เขาเพิ่งจะไปเปิดโปงเรื่องที่เผยอี้กำลังปกปิดเจียงเซ่อ ตอนนี้เนี่ยต้านรู้สึกผิดจนอยากจะตายให้ได้ ถ้ารู้ว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นละก็ วันนี้ที่เผยอี้เรียกเขาให้มาหา เขาก็จะเอาไอ้เฉิงหรูหนิงมาด้วย

เรื่องที่เผยอี้จะไปกว่างโจว พวกพี่น้องในกลุ่มก็รู้กันหมด ถ้าไอ้เฉิงหรูหนิงมาละก็ ไอ้คำถามนั้นก็คงจะเป็นของมัน และความผิดนี้ก็จะไม่ใช่ของเขาแล้ว

“อะ ฮ่ะ ฮ่ะ”

เนี่ยต้านหัวเราะแห้งๆ ในใจก็กำลังพยายามหาทางขอตัวออกจากตรงนี้

“จริงสิ พี่สะใภ้ คนแซ่ไต้คนนี้ เขาเกี่ยวข้องกับพี่ยังไงเหรอ? ถ้าเกี่ยวข้องแบบธรรมดาทั่วๆ ไป แค่เป็นคนรู้จักกันละก็ เขาผมจะลองไปพูดดู ว่าให้อยู่ในนั้นแต่สิบปีแปดปีพอ แล้วก็ให้หล่อนได้ออกมาก่อน แต่ถ้ามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันละก็ ก็คงต้องใส่ใจเป็นพิเศษละนะครับ”

คนที่เธอผิดใจด้วยคือจวี้เฟิงบันเทิง แต่คนเบื้องบนของจวี้เฟิงบันเทิงนั้น ถ้าอยากจะทำให้ไต้เจียได้ออกมา ก็ต้องมีการยืมชื่อกันหน่อย เพื่อเป็นการสานสัมพันธ์ที่ดีไปในตัว

เจียงเซ่อพยายามเก็บความรู้สึกในใจเอาไว้ และพยายามยิ้มออกมา

“หล่อนเป็นเพื่อนของฉันน่ะ ตอนที่ฉันได้รับเล่น ‘ฝันที่เป็นจริง’ ก็ต้องยกความดีความชอบให้กับหล่อนที่มาเตือน”

แค่เจียงเซ่อพูดแบบนั้น เนี่ยต้านก็พอจะเดาสิ่งที่อยู่ในใจเธอได้แล้ว จึงพูดขึ้นอย่างสบายๆ

“งั้นก็ยังไม่ถือว่าไม่มีวิธีเลย ใช่ไหมครับ พี่อี้?”

เขาพยายามทำดีโดยการหันไปยิ้มให้เผยอี้ แต่สายตาของเผยอี้ที่มองกลับมากลับเย็นเยือก เห็นได้ชัดว่าเขายังไม่หายโกรธเรื่องคำถามเมื่อกี้นี้

“คนที่เธอฆ่าถึงแม้จะอยู่ในสตูดิโอก็เถอะ แต่มันต้องมีเหตุผลอะไรแน่ๆ”

เนี่ยต้านลูบๆ จมูกตัวเอง แล้วก็นั่งลงที่เดิมอย่างอึดอึด เพราะพยายามหลบสายตาของเผยอี้ด้วย เขากอดอกแน่น

“เซ่อเซ่อ ในวงการบันเทิงก็มีเรื่องบางเรื่อง ที่พูดออกมาชัดๆ ไม่ได้น่ะนะ”

เขาพูดขึ้นอย่างคลุมเครือ

“ไม่ใช่ว่าผู้จัดการส่วนตัวของทุกบริษัท จะยึดมั่นในความเป็นธรรมหรอกนะ การดูและศิลปินในปกครองของตัวเองก็มีหลายแบบ พี่พอจะเข้าใจในสิ่งที่ผมพูดไหมครับ?”

เรื่องแบบนี้ไม่จำเป็นต้องให้เขาพูดด้วยซ้ำ ตอนนั้นที่เผยอี้สืบเรื่องจวี้เฟิงบันเทิงมา ก็เคยได้คุยเรื่องนี้กับเจียงเซ่อแล้ว

เจียงเซ่อพยักหน้า และไม่ได้มองไปที่เผยอี้อีก

“ฉันเข้าใจดี”