webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

233

บทที่ 233 วางแผน

บทลั่วเซิ่นในเรื่อง 'Evil' มันไม่ใช่บทที่มีคุณธรรมหรือเป็นบทที่สดใสเลยสักนิด แต่กลับเป็นตัวละครที่ร้ายที่สุดในเรื่อง แต่ตั้งแต่ที่หลิวเย่เข้าสู่วงการนี้เขาก็ได้แต่รับบทคนดีเสมอ เขาจึงมีภาพพจน์ทางด้านบวกอยู่ตลอดเวลา ผู้จัดการของเขาคงจะกังวลว่าถ้าหากรับเล่นเรื่องนี้แล้ว มันจะทำให้เกิดผลกระทบต่อชีวิตการเป็นนักแสดงในอนาคตของเขา

ตอนนี้หลิวเย่เองก็เป็นถึงดาราชายแนวหน้าของประเทศแล้ว จุดยืนของเขาเมื่อเทียบกับชุยซิ่งของซื่อจี้หยินเหอเองก็ดีกว่าไม่น้อย

แถมช่วงนี้ก็เหมือนว่าเขากำลังวางแผนที่จะมุ่งสู่วงการหนังต่างประเทศ ดูจากการที่เขารับเล่นหนัง ‘ปฏิบัติการผู้พิทักษ์’ ของจ้าวจวินฮั่นแล้วก็พอจะดูออกถึงความทะเยอทะยานของเขาได้

บทหนัง ‘Evil’ เองก็ไม่ได้มีชื่อเสียงอะไร อีกทั้งจ้าวร่างเองก็ไม่ได้เป็นผู้กำกับสายนี้มาตั้งแต่แรกแล้ว แถมบทลั่วเซิ่นก็ยังเป็นถึง ‘ปีศาจ’ ของเรื่อง ดังนั้นเขาเลยมัวอ้อยอิ่งไม่ยอมตอบรับคำขอของจ้าวร่างเสียที หรือแม้แต่เซี่ยเชาฉวินเองที่เคยลองนัดคุยกันอยู่หลายครั้ง แต่เขาก็ไม่ได้ตอบตกลงเพียงเพราะเห็นแก่ความรู้จักกันเลยสักนิด

“หรือจะบอกว่า หลิวเย่ปฏิเสธอย่างนั้นหรือคะ?”

กาแฟยังไม่ทันได้มาเสิร์ฟ เจียงเซ่อก็ได้เห็นใบหน้าที่เหมือนจะหมดแรงของจ้าวร่างแล้ว แสดงว่าช่วงนี้เขาคงเครียดกำเรื่องนี้ไม่น้อย เพราะหน้าตาเขาเหมือนคนไม่ได้นอนมาหลายวันอย่างไรอย่างนั้น

“จริงๆ ก็ยังไม่ได้ให้คำตอบที่แน่นอนน่ะ แต่ก็คงจะเป็นแบบนั้นล่ะนะ”

เขายิ้มขื่นขึ้นมา เจียงเซ่อถามต่อ

“แล้วเหตุผลที่หลิวเย่ปฏิเสธล่ะคะ? มันเกี่ยวกับฉันหรือเปล่า?”

เธอนึกขึ้นได้ว่าตอนแรกจ้าวร่างพูดกับเธอว่าอยากจะให้เธอช่วยออกหน้าแทน จ้าวร่างพยักหน้า และพูดออกมาอย่างไม่อ้อมค้อม

“มี!”

พนักงานเดินมาเสิร์ฟกาแฟและของหวานเล็กๆ น้อยๆ เจียงเซ่อหันไปขอบคุณ จากนั้นก็ฟังจ้าวร่างพูดต่อ

“ที่จริงเหตุผลของหลิวเย่มีอยู่สี่ข้อ ข้อแรก เหมือนว่าเขากำลังตั้งใจจะเข้าวงการหนังต่างประเทศแล้ว เลยไม่อยากจะรับงานในประเทศอีก ข้อที่สอง หนังส่วนมากที่เขาจะรับเล่น บทบาทที่ได้ก็มักจะเป็นบทที่มีภาพลักษณ์ดีๆ ทั้งนั้น ข้อสามมันเกี่ยวกับตัวฉันเอง เพราะว่าหนังที่ฉันเคยกำกับมา มันไม่ได้เป็นประเภทหนังแบบเรื่อง ‘Evil’ เขาคงกังวลว่าฉันจะทำหนังแบบนี้ออกมาได้ไม่ดีพอละมั้ง ส่วนข้อสี่ ก็คือเธอ เซ่อเซ่อ และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งในเหตุผลที่ฉันนัดเธอมาเจอ”

ถึงหลิวเย่จะไม่ได้พูดออกมาอย่างชัดเจน แต่เรื่องที่เขาปฏิเสธที่จะเล่นหนัง ‘Evil’ ยังไงมันก็จะต้องเกี่ยวกับเจียงเซ่อแน่ๆ

ตอนนี้กระแสนิยมภายในประเทศของเขาค่อนข้างดีมากทีเดียว จุดยืนก็อยู่เหนือใครๆ ช่วงไม่กี่ปีมานี้ก็เหมือนเขาจะรักษาชื่อเสียงของตัวเองได้อย่างเสมอต้นเสมอปลาย ส่วนหนังที่เขารับเล่น อย่างน้อยบทหนังก็จะต้องผ่านตาพิจารณาถึงสามรอบ ต้องปรึกษาตกลงกับทีมงานก่อน บทที่ไม่ได้การคัดกรองมาก่อนจะไม่รับเล่นเด็ดขาด

ดังนั้นในปีที่ผ่านๆ มานี้ หนังที่มีชื่อของหลิวเย่ ก็เหมือนเป็นเครื่องยืนยันของตัวหนังไปแล้วด้วย ว่ามันจะไม่ใช่ไม่หนังที่มีแต่น้ำไม่มีเนื้อแน่นอน

สำหรับเรื่อง ‘Evil’ ถ้าพูดตรงๆ จากใจแล้ว ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดูมีเอกลักษณ์อยู่ไม่น้อย แต่พอเขาเห็นทีมงานถ่ายทำและคนเขียนบทแล้ว และพอได้รู้ว่านางเอกของเรื่องนี้คือเจียงเซ่อ เขาก็ตัดสินใจที่จะถอยในทันที

ถ้าในหนังเจียงเซ่อเป็นแค่ตัวประกอบละก็ว่าไปอย่าง แต่เธอดันได้บทแสดงที่มีความสำคัญพอๆ กับบทของหลิวเย่อย่างจางยวี่ฉิน นั่นมันทำให้หลิวเย่รู้สึกกังวลเป็นอย่างมาก

ก็ถ้าเจียงเซ่อแสดงได้ไม่ดีพอละก็ ถึงพล็อตหนังเรื่องนี้มันจะดี ทุกอย่างมันก็เหมือนสูญเปล่า

หลิวเย่ทำแสดงหนังมากว่าสิบปี และเขาก็มีประสบการณ์มีฝีมือการแสดงที่สั่งสมมายาวนานจนดีกว่าดาราใหม่แน่ๆ เขารู้ดีว่าบทหนังเรื่องไหนมันดี และรู้ว่าต้องมีนักแสดงที่ดีและเก่งเท่านั้นถึงจะทำให้มันสำเร็จได้

ถ้าในหนังมีเพียงคนเดียวที่โดดเด่นและมีความสามารถละก็ แบบนั้นมันไม่ได้เรียกว่าความสำเร็จหรอกนะ แต่ถ้าหากว่าคนที่จะมีประชันบทด้วยก็มีระดับฝีมือพอๆ กัน แบบนั้นต่างหากถึงจะพูดได้ว่าอยากจะทำยอดขายบัตรหนัง

ถ้าให้พูดสั้นๆ แล้วละก็ เขากังวลว่าฝีมือการแสดงของเจียงเซ่อจะไม่เพียงพอที่จะเล่นคู่กับเขา เขากลัวว่าการแสดงของเจียงเซ่อ มันจะทำให้หนังที่อาจจะดีเรื่องนี้กลายเป็นหนังธรรมดาๆ ทั่วไป

บวกกับผลงานที่ผ่านมาของจ้าวร่างที่มันไม่ใช่ทางนี้ มันอดที่จะทำให้เขารู้สึกกังวลไม่ได้จริงๆ

บางทีถ้าเขาไม่คิดจะรับเล่นจริงๆ เขาก็อาจจะตอบปฏิเสธไปอย่างนุ่มนวลแล้ว

แต่เป็นเพราะว่าจ้าวร่างยังไม่ยอมแพ้ง่ายๆ บทลั่วเซิ่นบทนี้ถ้าได้หลิวเย่มาแสดงแล้วละก็ ทั้งประสบการณ์ที่ผ่านมา ทั้งฝีมือการแสดง คงไม่มีใครเหมาะสมมากไปกว่าเขาอีกแล้ว

พอเจียงเซ่อได้ยินจ้าวร่างพูดแบบนั้น ก็ไม่มีท่าทีว่าจะโกรธหรือไม่พอใจอะไรสักนิด

เพราะว่าเธอเพิ่งจะเข้าวงการ และมันก็เป็นเรื่องที่เธอยังมีประสบการณ์น้อย ถ้าหลิวเย่จะสงสัยในตัวเธอแบบนั้นก็คงไม่แปลกอะไร

ถึงแม้ว่าเธอจะสามารถขอให้เผยอี้ไปกดดันหลิวเย่ได้ ทำให้เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากรับเล่นบทนี้ แต่ถ้าใช่วิธีนี้มาบังคับหลิวเย่ มันก็ดูไม่เหมาะสมสักเท่าไหร่

ยังไงซะตัวหลิวเย่เขาก็คงไม่ยอมอยู่แล้ว ถ้าหากว่าเขารับบทนี้เอาไว้ละก็ เขาก็อาจจะไม่ได้เต็มที่กับการแสดงเลยก็ได้ ถ้าเป็นแบบนั้นหนังเรื่องนี้ก็จะต้องออกมาแค่ไปวัดไปวาได้จริงๆ แน่

ความคิดของจ้าวร่างและความคิดเจียงเซ่อก็ไม่ต่างกันนัก ดังนั้นที่เขานัดเจียงเซ่อมา ก็เพื่อเสนอให้เจียงเซ่อเป็นคนไปคุยกับหลิวเย่นั่นเอง ถือว่าการที่ให้เจียงเซ่อไปพูดเกลี้ยกล่อมหลิวเย่เองมันเป็นความหวังสุดท้ายแล้ว ไม่ใช่การขอยืมอำนาจอิทธิพลมาบังคับให้เปลี่ยนความคิดกัน

“หรือพูดได้อีกอย่างนะ เซ่อเซ่อ เธอต้องทำให้หลิวเย่เห็นถึงความตั้งใจของเธอก่อน”

ก็คือต้องให้หลิวเย่เห็นว่าเธอมีอะไรที่เปลี่ยนไปบ้าง เธอจะต้องพิสูจน์ให้หลิวเย่เห็น ว่าแค่ภายในระยะเวลาสั้นๆ แค่สองปี จากเด็กสาวตัวประกอบเล็กๆ ที่มีบทพูดแค่ว่า ‘ถุย’ ในเรื่อง ‘ปฏิบัติการผู้พิทักษ์’ ในตอนนี้ มีคุณสมบัติมากพอที่จะเล่นหนังกระทบไหล่กับเขาได้แล้ว

“ถ้าจัดการเรื่องยุ่งๆ ช่วงนี้ได้แล้ว ฉันจะลองหาวิธีไปพบหลิวเย่ดูนะคะ ฉันจะลองไปพูดกับเขาเอง คุณสบายใจเถอะค่ะ”

คำพูดของเจียงเซ่อทำให้จ้าวร่างถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก และแสดงสีหน้าที่ปลื้มใจไม่น้อย

“งั้นก็ดีเลย” เธอเข้าในความหมายที่จ้าวร่างพูด อีกทั้งยังไม่แสดงท่าทางอึดอัดใจออกมาสักนิด แถมยังตอบรับเรื่องนี้ไปอย่างเรียบนิ่ง พร้อมกับท่าทางที่ดูมุ่งมั่นไม่น้อยเลย

มีทั้งความมุมานะ ทั้งยังควบคุมตัวเองได้ดีแบบนี้ ถึงแม้ว่ารูปลักษณ์ภายนอกและอายุของเธอมันดูไม่เหมาะกับบท ‘จางยวี่ฉิน’ นัก แต่ทว่ามันก็เป็นเพราะจ้าวร่างมีความประทับใจต่อเธอไม่น้อยเหมือนกัน

พอพูดธุระเรื่องนั้นจบ จ้าวร่างก็ได้พูดถึงบทจางยวี่ฉินในเรื่อง ‘Evil’ ต่อ

“จางยวี่ฉินเป็นคนที่มีบุคลิกค่อนข้างที่จะซับซ้อนมาก เซ่อเซ่อ ถึงแม้หนังจะเริ่มถ่ายปีหน้า แต่เธอคิดว่าจะเตรียมตัวรับมือกับบทนี้ยังไงหรือ เพื่อที่จะให้เข้าถึงบทบาทที่สุด?”

ก่อนที่จะเริ่มมีการถ่ายทำ ทั้งผู้กำกับและนักแสดงต้องมีการพูดคุยแลกเปลี่ยนกันมากขึ้น เพื่อทำความเข้าใจกับตัวบทและตัวละครให้มากที่สุด และถือเป็นการช่วยกระชับมิตรในการทำงานร่วมกันอีกด้วย

เจียงเซ่อเองก็บอกแผนการเขาไปอย่างไม่ปิดบัง

“หลังจากนี้แล้ว ฉันได้คุยกับพี่เชาฉวินเอาไว้เรียบร้อย ว่าจะหยุดไม่รับงานใหม่”

เพราะนอกจากที่เธอต้องการจะไปทำการสำรวจเรือนจำหญิงแล้ว เธอเองก็คิดว่าอยากจะติดต่อกับต่งฉาวผิงที่ทำงานอยู่ในโรงละครใหญ่ของตี้ตูเสียหน่อย อยากจะเข้าไปฝึกซ้อมที่นั่นสักสองสามเดือน ถือว่าเป็นการได้ซ้อมและเพิ่มประสบการณ์ให้ตัวเอง

“เอ๋?”

จ้าวร่างแปลกใจไม่น้อย พร้อมกับสายตาที่มันปิดไม่มิดว่ากำลังชื่นชม “ไม่รับงานหนังซ้อนก็ดีแล้วล่ะ”

เดี๋ยวนี้ดาราที่รับงานซ้อนก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรแล้ว หรือแม้แต่นักแสดงที่ขอลาหยุดเพื่อไปทำงานอื่นก่อนก็เห็นกันอยู่บ่อยๆ มาถ่ายกองนี้แปบหนึ่ง แล้วก็ไปถ่ายกองนู้นแปบหนึ่ง แต่การที่ทำแบบนั้นมันก็เป็นเรื่องยากที่จะทำให้คนอื่นเชื่อว่าผลงานที่ออกมามันจะเป็นผลงานที่ดีจริงๆ

เจียงเซ่อเป็นคนที่สามารถควบคุมตัวเองได้ดี ไม่ได้มีท่าทีโอ้อวดทะนงตนเพียงเพราะแค่มีชื่อเสียงมากขึ้น อีกทั้งยังนิ่งสงบได้อย่างที่เป็นมาตลอด ทั้งยังตั้งอกตั้งใจในการเตรียมตัวเล่นหนัง คนที่มีนิสัยแบบนี้ทำให้จ้าวร่างต้องอดยิ้มชมเชยขึ้นมาไม่ได้

“แล้วเธอคิดว่าจะเตรียมตัวยังไงล่ะ?”

“ครึ่งปีหลังนี้ถึงต้นปีหน้า นอกจากงานที่จำเป็นจริงๆ แล้ว ฉันก็คิดว่าจะไปสำรวจดูที่เรือนจำหญิงค่ะ อยากจะไปลองดูนักโทษที่อยู่ในนั้น แล้วจากนั้นก็จะไปเรียนซ้อมการแสดงที่โรงละครในตี้ตูน่ะค่ะ”

จางยวี่ฉินเองก็ไม่ตัวละครที่เป็นคนดีอะไรนัก เพราะบนตัวของเธอมีบางอย่างที่เปิดเผยออกมาอย่างชัดเจน แต่ก็ยังมีบางอย่างที่ปกปิดเอาไว้ในส่วนลึก มันเป็นความขัดแย้งอยู่ในตัวเอง เพราะความแค้นทำให้เธอกลายเป็นคนเลว และเป็นสิ่งที่นำไปสุดจุดจบในตอนสุดท้าย