webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

232

บทที่ 232 กลางวันแสกๆ

นอกจากจะมีคนที่แสดงเป็นพระเอกนางเอกที่ได้รับประโยชน์ทางด้านชื่อเสียงมากขึ้นแล้ว อีกคนที่เหมือนว่าจะเป็นประเด็นร้อนไม่แพ้กันก็คือเฝิงหนาน เพราะชาติกำเนิดของหล่อนทำให้ได้กลายเป็นประโยคพาดหัวข่าวอยู่หลายครั้งทีเดียว ไม่แม้แต่เรื่องที่ว่าเฝิงจงเหลียงเคยเป็นคนๆ หนึ่งที่เข้าร่วมกองทหารปฏิวัติก็ถูกขุดขึ้นมาเช่นกัน

บทคุณหนูเอกุชิที่เธอแสดงทำให้ได้รับความเห็นใจมากมาย และเริ่มที่จะมีแฟนคลับขึ้นมาเรื่อยๆ ด้วยเช่นกัน และเหมือนว่าหล่อนก็เริ่มกระตือรือร้นที่จะหางานเป็นพรีเซนเตอร์

บ้านพักตากอากาศที่โม่อานฉีได้เช่าไว้ให้กับเจียงเซ่อ ห้องหนึ่งได้ถูกทำให้เป็นห้องซ้อมเต้นแล้ว และเซี่ยเชาฉวินได้เป็นคนหาครูสอนมาให้เธอเอง ช่วงนี้ถ้ามีเวลาว่างเมื่อไหร่ก็ต้องซ้อมตลอด

ตอนนี้เจียงเซ่อใกล้จะอายุสิบเก้าแล้ว ที่จริงก็ถือว่าเลยวัยเหมาะสมที่จะมาเรียนเต้นแบบนี้ และจริงๆแล้วเจียงเซ่อเองก็ไม่เคยมีพื้นฐานทางด้านนี้มาก่อน และแน่นอนว่าครอบครัวตู้คงไม่มีทางที่จะเจียดเงินมาให้เธอเรียนเต้นหรอก

ดังนั้นทำให้ตอนที่เรียนก็ถือว่าลำบากพอตัว ช่วงนี้ก็ยังเรียนแค่ท่าเบสิคอยู่ ทุกๆ วันที่ต้องซ้อมเป็นเวลาหนึ่งช่วงโมงครึ่ง พอได้กลับมาถึงบ้านเจียงเซ่อก็แทบจะยกแขนยกขาไม่ไหวแล้ว

เธอได้เริ่มเรียนและซ้อมมาหลายวันแล้ว เวลาที่ให้ฉีกขาก็ถือว่าทำได้ดีขึ้นมาก เธอพยายามทนเจ็บ แต่ก็ยังเหลืออีกนิดที่มันยังลงไม่ได้ เซี่ยเชาฉวินจึงบอกให้ครูสอนเต้นกดขาเธอลงไป เหงื่อบนหน้าผากของเจียงเซ่อไหลซึมออกมา แต่เธอก็ยังคงอดทนความเจ็บเอาไว้อยู่อย่างนั้น จนสุดท้ายเธอก็สามารถฉีกขาจนมันตรงได้

โม่อานฉีถือเสื้อเอาไว้และนั่งลงอยู่ข้างๆ มองดูใบหน้าของเธอที่มันเริ่มจะซีดขาว ไอ้ความเจ็บที่เป็นอยู่ตอนนี้แทบไม่ต้องอธิบายเลย ตอนนี้หล่อนรู้สึกทั้งเห็นใจและรู้สึกอิจฉาปนๆ กันไป

เจียงเซ่อเป็นคนที่มีความอดทนสูง คนที่จะมาเรียนเต้นแบบนี้ กระดูกจะต้องอ่อนเหมือนเด็ก แต่ตัวเธอเองก็ถือว่าก้าวหน้าเร็วมาก ที่เพิ่งจะเรียนมาได้ไม่กี่วัน ก็ฉีกขาได้ตรงแบบนี้แล้ว

ครูสอนเต้นยังคงเหยียบขาเธอเอาไว้ เธอเองก็กัดฟันอดทนแน่น ไม่กล้าที่จะร้องออกมาสักแอะเดียว เธอต้องอดทนอยู่ท่านี้ให้ได้ถึงห้านาที แต่ตอนนี้เพิ่งจะผ่านไปได้แค่สองนาทีเอง ตอนนี้เจียงเซ่อคิดว่าเหงื่อของเธอมันไหลจนเหมือนเปียกฝนอยู่แล้ว

มือถือของโม่อานฉีดังขึ้นมา พอหล่อนรับสายแล้วก็หันหน้ากลับมา ครูสอนเต้นบอกอนุญาตให้พักได้ หล่อนยกขาที่เหยียบเจียงเซ่ออยู่ออก และปล่อยให้โม่อานฉีและเจียงเซ่อคุยกันสองคน

พอหล่อนออกไปแล้ว เจียงเซ่อกลับยังไม่มีท่าว่าจะลุกขึ้นมา แถมยังกัดฟันอดทนอยู่อย่างนั้น

“พักสักหน่อยก่อนไหม?”

โม่อานฉีดึงกระดาษทิชชู่มาซับเหงื่อบนหน้าให้เธอ แววตาเผยความสงสารออกมา

เจียงเซ่อส่ายหน้า ต้องเต็มที่กับการฝึกซ้อมถึงจะทำสิ่งต่างๆ ได้ดี ข้อนี้เจียงเซ่อรู้ดี และเธอก็พอจะเข้าใจว่าทำไมเซี่ยเชาฉวินถึงได้วางแผนให้เธอเรียนพื้นฐานการเต้นเอาไว้ในปีนี้

ยิ่งเธอเป็นสิ่งต่างๆ มากเท่าไหร่ การรับเล่นหนังในอนาคตก็จะกว้างมากยิ่งขึ้น และมันก็เป็นผลดีต่อตัวเธอเอง

ยอมที่จะลำบากในวันนี้ ยอมที่จะเสียเหงื่อต่อการฝึกซ้อม เพราะในอนาคตเธอจะต้องได้ใช้ประโยชน์จากมันแน่นอน

ในปีนี้งานของเธอมีไม่เยอะนัก ชื่อเสียงที่มีก็ถือว่ายังไม่เพียงพอ ไม่ว่าจะเป็น ‘99 Love Letter’ หรือจะเป็นเรื่องที่เพิ่งเข้าฉายไปอย่าง ‘ปฏิบัติการผู้พิทักษ์’ บทที่เธอได้เล่นมันก็ไม่ใช่บทที่สำคัญอะไรนัก

ปีหน้าต่างหากที่จะเป็นปีที่สำคัญของเธอ นอกจากจะเป็นหนังที่จะเข้าฉายในช่วงต้นปีอย่าง ‘The Occasion of Beiping’ แล้ว กลางปีก็ยังมีหนังเรื่อง ‘เกี่ยวกับที่ฉันรักเธอ’ ที่จะเข้าฉายอีก ถึงตอนนั้นแล้วงานเธอก็คงจะมีเข้ามาเรื่อยๆ แน่นอน

“ใครโทรมาหรือคะ?”

เธอกลั้นความเจ็บเอาไว้แล้วถามออกไป พอโม่อานฉีรับสายแล้วก็มองมาหาเธอเป็นระยะๆ แสดงว่าต้องเป็นสายของเธอแน่ๆ

“ผู้กำกับจ้าวโทรมาน่ะ บอกว่าขอนัดเจอเธอพรุ่งนี่ตอนเช้า”

ตั้งแต่ที่โม่อานฉีได้เป็นผู้ช่วยของเจียงเซ่อ หล่อนก็ได้จำตารางเรียนของเจียงเซ่อได้อย่างขึ้นใจ พรุ่งนี้เช้าเธอไม่มีเรียน ส่วนเวลาซ้อมก็เป็นช่วงบ่าย หล่อนหยิบมือถือขึ้นมา แล้วจดสถานที่นัดเอาไว้ เจียงเซ่อเองก็พยักหน้า

จ้าวร่างนัดเจอเธอแบบนี้ คงจะคุยเกี่ยวกับเรื่องการถ่ายทำ ‘Evil’ แน่ๆ

สำหรับหนังเรื่องนี้นั้น จ้าวร่างเองก็ดูจะมีใจที่กระตือรือร้นไม่น้อย ตอนนี้เขาคงจะตัดสินใจแน่ชัดแล้วว่าจะให้บทนางอกกับเธอ ส่วนพระเอกนั้นจะเป็นหลิวเย่หรือเปล่าก็คงต้องดูอีกที ตอนเซ็นสัญญาก็คงต้องพิจาณาดีๆ เสียแล้ว

ถ้าคุยและตกลงไปได้อย่างราบรื่น ก็จะเข้าสู่การเตรียมพร้อมการถ่ายทำ ถ้าหากว่าทุกอย่างผ่านไปได้อย่างราบรื่น ก็ไม่แน่ว่าอาจจะได้เข้าฉายปีถัดไปจากปีหน้าเลยก็ได้

“ตั๋วเครื่องบินไปฮ่องกงวันที่ยี่สิบเจ็ดนี้ฉันเตรียมเอาไว้เรียบร้อยแล้วนะ ส่วนวันกลับคือวันที่ยี่สิบเก้า พี่เซี่ยบอกว่า กำลังคุยเรื่องที่จะให้เธอถ่ายกางเกงยีนส์แบบอื่นๆ ของ Adeele อยู่ ดูเหมือนจะมีแววสำเร็จสูงเลยล่ะ”

ตามที่หนังเรื่อง ‘ปฏิบัติการผู้พิทักษ์’ ได้กลายเป็นหนังยอดฮิตไปแล้ว อีกทั้งยังเป็นเพราะบทวิจารณ์ของซูเพ่ยเอินในวันนั้น เซี่ยเชาฉวินจึงใช้โอกาสนี้ให้คนเขียนข้อความขึ้นมา หยิบยืมคำพูดของซูเพ่ยเอิน อีกทั้งยังแอบปล่อยข่าวเล็กๆ น้อยๆ ที่เจียงเซ่อได้ทำงานร่วมกันกับกังหัว ทำให้ช่วงนี้ชื่อเสียงของเธอก็เพิ่มขึ้นมาก ในขณะเดียวกันก็ยังสามารถเพิ่มยอดขายกางเกงยีนส์ของ Adeele ได้ด้วย และเพราะจุดๆ นี้ เซี่ยเชาฉวินจึงมีความมั่นใจอย่างมาก ว่าจะสามารถทำให้เจียงเซ่อได้กลายเป็นแบรนด์ แอมบาสเดอร์กางเกงยีนส์ชนิดอื่นของ Adeele

การที่จะดูว่าคนๆ นั้นสามารถเป็นแบรนด์ แอมบาสเดอร์ที่ดีได้หรือเปล่า เธอจะสามารถเพิ่มยอดขายให้ได้จริงๆ ไหม งั้นยอดขายที่เพิ่มขึ้นสูงของเกงเกงยีนส์ Adeele ที่เจียงเซ่อได้ถ่ายโฆษณาไปก็ถือว่าเป็นการเพิ่มความมั่นใจอีกอย่างหนึ่งแล้ว ช่วงนี้ก็ถือว่ามีแบรนด์สินค้าหลายแบรนด์ได้ติดต่อเข้ามาหาเซี่ยเชาฉวิน ว่าอยากจะทำงานแล้วด้วย แต่เซี่ยเชาฉวินก็ปฏิเสธไปจนหมด

เจียงเซ่อและจ้าวร่างนัดกันตอนเก้าโมงเช้า สถานที่นัดเจอกันไม่ใช่ที่สำนักงานของจ้าวร่าง แต่กลับนัดเจอกันในร้านกาแฟแห่งหนึ่งแทน ตอนที่เจียงเซ่อมาถึง จ้าวร่างก็นั่งรอเธออยู่ก่อนแล้ว

“ขอโทษที่ทำให้รอนานนะคะ”

พนักงานช่วงดึงเก้าอี้ออกมาให้เธอ เจียงเซ่อนั่งเรียบร้อยแล้วก็กล่าวขอโทษออกไป จ้าวร่างส่ายหน้า

“ฉันมาเร็วเองแหละ”

ตอนนี้กว่าจะถึงเวลานัดจริงๆ อีกสิบห้านาที แต่การมาเร็วของเจียงเซ่อทำให้จ้าวร่างที่คิ้วขมวดเข้าหากันคลายออกในทันที

เพราะเขารู้สึกประทับใจในตัวเจียงเซ่อมาก ไม่ว่าจะตอนที่ถ่ายหนังเรื่อง ‘99 Love Letter’ ที่เจียงเซ่อยังเป็นแค่ดาราหน้าใหม่ หรือจะตอนนี้ที่ถึงจะเซ็นสัญญากับซื่อจี้หยินเหอแล้ว อีกทั้งยังได้ผู้จัดการมือทองอย่างเซี่ยเชาฉวินมาดูแลอีก แถมคนที่คนหนุนหลังก็มีอิทธิพลไม่น้อย แต่นิสัยและบุคลิกของเธอก็ยังเป็นเหมือนเดิม

ตอนที่ทั้งสองได้ร่วมงานกันในหนังเรื่อง ‘เกี่ยวกับที่ฉันรักเธอ’ เธอก็มีความรับผิดชอบและรอบคอบ ต่อการทำงาน อีกทั้งยังรู้จักอดทนต่อความลำบากอีก

จ้าวร่างเองก็ทำงานในวงการนี้มานานหลายปี เขาได้รู้จักกับดารามากมายที่ตอนแรกก็ดูตั้งอกตั้งใจดี แต่พอหลังๆ ก็หลายเป็นพวกเย่อหยิ่งลำพองตนไปเสีย เพราะงั้นเขาถึงได้ชอบเจียงเซ่อเป็นพิเศษ

ดังนั้นถึงแม้ว่ายอดขายบัตรหนังของ ‘99 Love Letter’ มันจะเสียทีไป อีกทั้งยังโดนคนในวงการเยาะเย้ยทับถมมาบ้าง แต่เขาก็ไม่คิดที่จะโกรธเจียงเซ่อเลยสักนิด กลับกันหลังจากที่ถ่ายทำเรื่อง ‘เกี่ยวกับที่ฉันรักเธอ’ เสร็จแล้ว เขาก็ยังชอบนัดเจียงเซ่อออกมาคุยๆ กันเรื่องบทหนังอีกด้วย

“มีอะไรหรือเปล่าคะผู้กำกับจ้าว?”

เจียงเซ่อสั่งกาแฟไปแก้วหนึ่ง พอพนักงานเดินออกไปแล้ว เธอถึงได้ค่อยเอ่ยถามขึ้นจ้าวร่างถึงสาเหตุที่นัดเจอเธอขึ้นมา จ้าวร่างที่ได้ยินเธอถามแบบนั้น ก็ตอบออกไปด้วยรอยยิ้มฝืนๆ

“เซ่อเซ่อ มีเรื่องๆ หนึ่ง ที่ฉันอยากจะให้เธอช่วยเสียหน่อยน่ะนะ”

“ตอนนี้หนังเรื่อง ‘Evil’ จะมีการกำหนดนักแสดงในแต่ละบทบาทแล้ว ตอนแรกบทลั่วเซิ่นที่กำหนดเอาไว้ เธอก็รู้ใช่ไหมว่าฉันกำลังเล็งๆ หลิวเย่เอาไว้ ก็หวังว่าเขาจะเล่นบทนี้”

ตั้งแต่ตอนแรกเซี่ยเชาฉวินเองก็พูดถึงเรื่องนี้แล้ว มันเลยทำให้จ้าวร่างตัดสินใจที่จะเปลี่ยนนางเอกของเรื่อง ‘เกี่ยวกับที่ฉันรักเธอ’ อย่างไม่ลังเลเลย

เซี่ยเชาฉวินเองก็คลุกคลีอยู่กับวงการนี้มาตั้งหลายปี กับหลิวเย่เองก็พอจะมีการพูดคุยอยู่บ้าง ที่จริงเรื่องนี้ก็มีเธอออกหน้าให้อยู่แล้ว ถ้าอย่างนั้นมันก็ต้องแน่นอนแล้วสิ

“แต่เหมือนว่าทางหลิวเย่จะไม่ตอบอะไรกลับมาเลยน่ะสิ”

พอจ้าวร่างพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา เขาก็ยกมือขึ้นลูบหน้าตัวเองอย่างเครียดๆ “เมื่อวันก่อนฉันติดต่อไปด้วยตัวเองเลย แต่ผู้จัดการของเขาเหมือนจะปฏิเสธกลายๆ แล้ว”