webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

231

บทที่ 231 ฟ้าผ่า

ในหนังเรื่อง ‘ปฏิบัติการผู้พิทักษ์’ เฝิงหนานคิดว่าการที่ตัวเองเลือกที่จะเล่นเป็นคุณหนูเอกุชินั้น ไม่ว่าจะเป็นชาติกำเนิด หรือฐานะ หรือเหตุการณ์อันเลวร้ายที่ต้องเจอหลังจากนั้น มันน่าจะควรเป็นบทที่ให้ความรู้สึกได้ลึกยิ่งกว่าบทตัวประกอบของเจียงเซ่อไม่ใช่หรือ

เธอมันก็แค่บทที่ไม่มีอะไรน่าสนใจเลยสักนิด แม้แต่ชื่อในหนังเธอก็ยังไม่ทีด้วยซ้ำ ก็แค่บท ‘สาวรับใช้’ ตัวหนึ่งในหนัง มันมีอะไรดีไปกว่าหล่อนกัน?

เฝิงหนานพยายามรถงับความโกรธเอาไว้ แล้วอ่านบทวิจารณ์ของซูเพ่ยเอินจนจบ ในใจมีแต่ไฟสุมทรวงจนพูดไม่ออก

นานมาแล้วที่ซูเพ่ยเอินไม่ได้เขียนบทวิจารณ์หนัง การที่จู่ๆ ตอนนี้ก็มีบทวิจารณ์ของเขาออกมา ความสนใจของคนดูหลายๆ คนกลับไปโฟกัสที่เจียงเซ่อแทน ทำให้เจียงเซ่อกลายเป็นประเด็นร้อนบนอินเทอร์เน็ตไปแล้ว

ในสถานการณ์แบบนี้ นอกจากมันจะทำให้เฝิงหนานเกิดความตื่นตัวแล้ว มันยังทำให้หล่อนไม่พอใจมากๆ ด้วย และในขณะเดียวกัน มันก็ยิ่งเพิ่มความสงสัยที่มีว่าเจียงเซ่อเองก็มาเกิดใหม่เหมือนกันหรือเปล่า

เพราะว่าหล่อนเคยได้ใช้ชีวิตก่อนหน้านี้มาแล้ว ทำให้หล่อนรู้ว่าสุดท้ายแล้วผลลัพธ์ของหนังเรื่อง ‘ปฏิบัติการผู้พิทักษ์’ จะออกมาดี แต่ถ้าเจียงเซ่อไม่ได้มาเกิดใหม่ แล้วทำไมเธอถึงได้อยากที่จะเข้าวงการหนัง และยอมที่จะเป็นแค่ตัวประกอบล่ะ หรือว่าแค่อยากจะได้เล่นสักบทในหนังอย่างนั้นหรือ?

“ฉันสงสัยว่าซูเพ่ยเอินคงจะโดนซื้อไปแล้วแหงๆ ถึงได้ตั้งใจปล่อยบทวิจารณ์ออกมาแบบนี้”

เฝิงหนานกัดริมฝีปากแน่น แล้วดันจ้าวจวินฮั่นออกด้วยท่าทางหงุดหงิด “คุณพอจะมีวิธีที่จะทำให้บทความของซูเพ่ยเอินหายไปไหม?”

จ้าวจวินฮั่นหัวเราะออกมา แววตาที่มองมาแสดงออกอย่างชัดเจนว่ากำลังเหน็บแนม

“จะแก้มันงั้นหรือ?”

เขายกมือขึ้นจัดเนคไทและปกคอเสื้อตัวเอง “คุณล้อเล่นหรือเปล่า?”

หนังใหม่ของกู้เจียเอ่อครั้งที่แล้ว ก็เป็นเพราะไปตัดฉากของเจียงเซ่อออก สุดท้ายตัวหนัง ‘ฝันที่เป็นจริง’ ก็ไม่ได้ผ่านการพิจารณาเสียที และเกือบที่จะไม่ได้เข้าฉายด้วย

ได้ยินมาว่าตอนนั้นกู้เจียเอ่อลงทุนโทรไปขอความช่วยเหลือเองเลยด้วยซ้ำ สุดท้ายหนังถึงได้เข้าฉายตามระยะเวลาที่กำหนดเอาไว้ แค่นี้ก็เห็นได้ชัดแล้ว ว่าคนที่คอยหนุนหลังเจียงเซ่ออยู่ต้องไม่ใช่คนที่ควรเข้าไปยุ่งด้วยแน่ๆ

ถึงแม้ว่าจ้าวจวินฮั่นจะมีเงินพออยู่แล้ว แต่เขาก็รู้จักการชั่งน้ำหนักความสำคัญ

ยังไม่ต้องพูดถึงเลยว่าซูเพ่ยเอินจะพอเจรจาคบหาได้หรือเปล่า แต่ถึงแม้จะพูดคุยกันได้ แต่ในสถานการณ์ที่ดุเดือดแบบนี้ จ้าวจวินฮั่นเองก็คงไม่มีทางที่จะกล้าไปหาเรื่องคนจนซวยหรอก

“คุณอย่าเอาแต่พะวงถึงดาราหน้าใหม่คนนี้จะได้ไหม ช่วยมองอะไรให้มันไกลกว่านี้หน่อยเถอะ” เขายื่นมือไปแตะใบหน้าของเฝิงหนาน ท่าทางกึ่งเหมือนกำลังปลอบโยน

“อย่าเที่ยวไปก่อความวุ่นวาย มันจะเสียเรื่องเปล่าๆ”

ตอนที่เขาพูดแบบนั้นออกมา มันทำให้เฝิงหนานคิดไปถึงเรื่องในอดีต

ตอนนั้นหล่อนกำลังประกาศต่อเจียงเซ่อว่าต้องมีใครสักคนตายส่วนอีกคนจะได้อยู่ต่อ ตอนนั้นจ้าวจวินฮั่นก็พูดกับหล่อนแบบนี้ เขาขมวดคิ้ว ใบหน้าเหมือนกำลังหงุดหงิดใจ และพูดบางอย่างที่ทำให้เธอต้องเหม่อมองไปไกล “แค่มีลูกชายให้ผมก็พอ”

พอคิดถึงเรื่องอดีตขึ้นมา มันก็ทำให้มือของเฝิงหนานมันค่อยๆ จิกแน่นลงไปบนขาตัวเอง อย่าไปพะวงกับเจียงเซ่องั้นเหรอ เขาพูดประโยคนั้นออกมาอย่างง่ายๆ โดยที่ไม่รู้เลยว่าหล่อนต้องเคยเจอกับเรื่องอะไรมาบ้าง

หน้าอกของเธอขยับขึ้นลงด้วยจังหวะที่เร็วขึ้น ขอบตาแดงก่ำ พลางนึกถึงเรื่องเมื่อตอนที่อยู่บนเรือยอร์ชที่ฮ่องกงขึ้นมา ภาพของเผยอี้ที่ทุบตีคนอย่างโหดร้าย คิดถึงว่าบางทีเจียงเซ่อเองก็อาจจะมาเกิดใหม่เหมือนกัน ความเกลียดชังเหล่านั้นเธอพยายามอดทนมาโดยตลอด จนมันระเบิดออกมาแล้วก็ยังต้องปกปิดมันเอาไว้

สุภาพชนแก้แค้นสิบปีก็ยังไม่สาย

ถ้าหากเป็นเป็นอย่างที่หล่อนคิดเอาไว้จริงๆ ถ้าเจียงเซ่อเองก็มาเกิดใหม่ งั้นอดีตตัวเธอเป็นยังไง ก็คงจะรู้ดีอยู่แก่ใจอยู่แล้ว

ถึงเธอแสดงแต่ก็ไม่รู้ว่าจะแสดงได้ถึงเมื่อไหร่ รอให้เธอเผยธาตุแท้ออกมาก่อนเถอะ รอวันที่เธอโดนเผยอี้เขี่ยทิ้ง หล่อนจะลงมือตอนนั้นก็ยังไม่สาย

แต่น้ำเสียงแบบนั้นเฝิงหนานฟังมันไม่ลงอีกแล้ว

“ซื่อจี้หยินเหอ คุณได้ข่าวอะไรจากทางนั้นบ้างไหม? เซี่ยเชาฉวินกับเจียงเซ่อแตกคอกันหรือเปล่า?”

“แตกคอกันหรือ? ไม่เห็นเคยได้ยิน”

เจ้าจวินฮั่นยักไหล่ เฝิงหนานรู้สึกไม่อยากจะเชื่อขึ้นมา

“เป็นไปได้ยังไง? ที่ฮ่องกงตอนนั้น เผยอี้ทุบตีลูกที่ลูกน้องของเซี่ยเชาฉวินจนน่วมเลยนี่ แถมอาการสาหัสมากด้วย เห็นบอกว่าถึงกับต้องหามเข้าโรงพยาบาลด้วยซ้ำ”

ตระกูลสวีและตระกูลเซี่ยเกี่ยวดองกัน เซี่ยเชาฉวินและสวีป่ายซิงจึงเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน และการที่สวีป่ายซิงโดยเผยอี้ทำร้ายแบบนั้น แถมยังเป็นเพราะเจียงเซ่ออีก แล้วเซี่ยเชาฉวินยังไม่ถอนสัญญากับเจียงเซ่ออย่างนั้นหรือ?

“สวีป่ายซิง? ตระกูลสวีน่ะหรือ?” จ้าวจวินฮั่นนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง เฝิงหนานพยักหน้า

หล่อนไม่ทันได้สังเกตว่าตอนนี้สีหน้าของจ้าวจวินฮั่นมันจริงจังแค่ไหน ตระกูลสวีถือว่าอยู่ในฐานะตัวแปรสำคัญของฮ่องกง แล้วการที่ผู้สืบทอดรุ่นต่อไปของตระกูลโดนแฟนหนุ่มของเจียงเซ่อทำร้าย แต่ก็ไม่เห็นว่าตระกูลสวีจะมีท่าทีตอบโต้กลับ และยอมที่จะกล้ำกลืนความเจ็บช้ำเอาไว้แทนแบบนี้ จ้าวจวินฮั่นก็พอจะเดาได้แล้วว่าเผยอี้เป็นบุคคลที่ค่อนข้างสำคัญทีเดียว จึงอดไม่ได้ที่จะถามออกไป

“เขาเป็นใครกันแน่?”

ก่อนที่จะมาเกิดใหม่ เฝิงหนานเองก็เคยอยู่ข้างกายจ้าวจวินฮั่นมานานหลายปี ดังนั้นหล่อนจึงรู้นิสัยเขาดีอยู่แล้ว

ตอนนั้นเพื่อที่จะแต่งงานเข้าตระกูลจ้าว หล่อนจึงต้องฝืนใจประจบ ตั้งใจและระมัดระวังและพยายามทำให้จ้าวจวินฮั่นรักหล่อน แล้วทำไมตอนนี้หล่อนถึงจะดูไม่ออกว่าจ้าวจวินฮั่นเองก็กำลังทำเป็นประจบเอาใจเพื่อซื้อใจเธอ

“คุณไม่ต้องสนใจว่าเขาเป็นใครหรอก!” หล่อนไม่ได้พูดถึงว่าเผยอี้เป็นใคร แต่ก่อนหล่อนคิดว่าจ้าวจวินฮั่นน่ะ ทั้งสง่า หน้าตาดีและมีความสามารถ แต่ตอนนี้เธอกลับคิดว่าเขาเป็นผู้ชายที่น่ารังเกียจที่สุด

“สวีป่ายซิงโดนทำร้าย ฉันไม่เชื่อหรอกว่าตระกูลสวีจะไม่ขอให้คุณนายเซี่ยไปกดดันเซี่ยเชาฉวิน ที่คุณหาความเคลื่อนไหวอะไรไม่ได้สักอย่าง เป็นเพราะคุณมันไร้ความสามารถหรือเปล่า?”

ตั้งแต่เมื่อก่อนหล่อนไม่เคยใช้คำพูดและน้ำเสียงแบบนี้กับเขาเลยสักนิด จ้าวจวินฮั่นที่ได้ยินอย่างนั้น ก็หัวเราะเยาะออกมา

“กดดันงั้นเหรอ? คุณกำลังล้อเล่นกับผมหรือยังไง? เจียงเซ่อได้เป็นแบรนด์ แอมบาสเดอร์ให้กับ Gang Hua Jewelry ทั้งสองฝ่ายร่วมมือกันเป็นอย่างดี แล้วเซี่ยเชาฉวินจะมาถอนสัญญาทำไม?”

คำพูดเหล่านั้นของจ้าวจวินฮั่น มันเหมือนดั่งฟ้าที่ผ่าลงมาตอนกลางวันแสกๆ! เฝิงหนานที่ได้ยินอย่างนั้น หล่อนก็ต้องตะโกนออกมาอย่างควบคุมตัวเองไม่อยู่

“เป็นไปไม่ได้!”

“แล้วทำไมมันจะเป็นไปไม่ได้?”

จ้าวจวินฮั่นมองดูหล่อนที่ใบหน้าซีดเผือด เหมือนว่ากำลังโดนอะไรกระทบกระเทือนอย่างหนัก ไม่มีแม้แต่สีหน้าที่คอยถากถาง

“ไม่กี่วันก่อนพ่อของผมไปฮ่องกงมา ตอนที่กำลังเจรจาทำธุรกิจร่วมกันกับเฝิงชินหลุนก็ได้ยินเรื่องพวกนั้นเข้า เห็นบอกว่าทั้งสองฝ่ายต่างก็ให้ความร่วมมือกันดี แถมระยะเวลาการร่วมมือก็อาจจะได้ยืดเวลาออกไปให้นานกว่าเดิมด้วย”

เขามองดูเฝิงหนานที่หน้าซีดเผือดกว่าเดิม พร้อมกับริมฝีปากที่ถูกฟันขาวกัดแน่น

“เรื่องที่คุณยังไม่รู้ยังมีอีกมาก และมันก็ไม่ใช่ว่าคุณจะสามารถควบคุมไปได้ทุกเรื่องหรอกนะ แล้วก็ยังไงก็ช่วยลดเอาเรื่องพวกนี้มันคุยกับผมให้น้อยลงหน่อยเถอะ เพราะผมไม่ใช่คนรับใช้ของคุณ”

หล่อนกัดฟันแน่น พยายามอย่างยิ่งที่จะกดความรู้สึกเกลียดชังให้มันลงไป

เรื่องราวทุกอย่างมันไม่ได้เป็นไปตามอย่างที่หล่อนคาดการณ์เอาไว้เสียแล้ว เผยอี้ที่ทำร้ายสวีป่ายซิงเพราะเจียงเซ่อ แต่สุดท้ายก็ไม่โดนเซี่ยเชาฉวินที่เป็นผู้จัดการส่วนตัวยกเลิกสัญญาทิ้ง กลับกันยังให้เจียงเซ่อได้เป็นแบรนด์ แอมบาสเดอร์ของ Gang Hua Jewelry อีก

งั้นไอ้การปลุกปั่นสวีป่ายซิงในตอนนั้น ไม่เพียงแต่ไม่สามารถเปลี่ยนชะตาของเจียงเซ่อได้แล้ว แต่ยังกลายเป็นการช่วยเธอด้วยอย่างนั้นหรือ?

กับเรื่องง่ายๆ ที่กลายมาเป็นเรื่องที่ทำให้ตัวเองต้องขาดทุนมันทำให้เฝิงหนานอยากจะกระอักเลือดออกมา จ้าวจวินฮั่นจะมาเอาเรื่องพวกนี้มาล้อเล่นกับหล่อนไม่ได้ ตอนนี้หล่อนรู้สึกเกลียดแค้นจนแทบจะด่าอะไรออกมาไม่ถูกแล้ว หรือแม้แต่คำชมเชยถึงการแสดงบทบาทของหล่อนใน ‘ปฏิบัติการผู้พิทักษ์’ เองก็ไม่ได้ทำให้หล่อนรู้สึกดีขึ้นสักนิด

บทความวิจารณ์ของซูเพ่ยเอินถือว่าได้ผลที่ดีอยู่เหมือนกัน เพราะว่ามันทำให้เจียงเซ่อมีแฟนคลับเพิ่มขึ้นมากมาย

ถ้าหากว่าเมื่อก่อนมีคนคิดว่าเธอเป็นแค่คนสวยที่เอามาเรียกความสนใจให้กับตัวหนังแล้วละก็ งั้นหนังเรื่อง ‘ปฏิบัติการผู้พิทักษ์’ นี่ก็เหมือนเป็นการที่ให้เธอได้แสดงความสามารถออกมา ทำให้ทุกคนได้เห็นความสามารถจริงๆ ของเธอแล้ว และมันก็ยังทำให้หลายๆ คนเริ่มรอคอยที่จะดูหนังเรื่อง ‘The Occasion of Beiping’ ที่กำลังจะเข้าฉายในปีหน้าด้วย

หลังจากที่หนังเรื่อง ‘ปฏิบัติการผู้พิทักษ์’ เข้าฉายได้หนึ่งอาทิตย์ ความนิยมและเรตติ้งก็ดีไม่มีตก อีกทั้งบทวิจารณ์ของทาง ‘สือไต้ผิงซัว’ เองก็เพิ่มขึ้นทุกวันๆ