webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

230

บทที่ 230 ที่จะกล่าวถึง

เพียงแค่ไม่กี่สิบวินาที นิสัยของตัวละครก็สามารถสื่อออกมาได้เพราะนักแสดงถ่ายทอดออกมาได้ดี สามารถแสดงออกมาได้อย่างสมจริงและทำให้ความรู้สึกเหล่านั้นติดอยู่ในใจของคนดูได้ ถือเป็นส่วนหนึ่งในหนึ่งร้อยห้าสิบนาทีในหนังที่ประสบความสำเร็จไม่น้อย

ยังมีคุณหนูเอกุชิที่ต้องมารับผลเพราะพ่อของตัวเองด้วย

นอกจากตอนเริ่มต้นของเรื่อง นอกจากจางจิ้งอานจะได้แสดงถึงป่าเถื่อนของทหารญี่ปุ่นที่เข้ามารุกรานแล้ว อีกหนึ่งจุดสำคัญที่เขามีก็ได้ใส่ไว้ในตัวของคุณหนูเอกุชิด้วย ตั้งแต่ที่คุณหนูเอกุชิโดนหยามเหยียด จนสุดท้ายที่เธอต้องฆ่าตัวตาย ให้เหมือนกับเป็นการประณามต่อพวกทหารญี่ปุ่น

น้ำตาที่ไหลออกมาก่อนที่เธอจะตาย ความหนักอึ้งและความเจ็บปวดมันมากกว่าได้ยินเสียงกรีดร้องเสียอีก

แต่ทว่าเมื่อลองเปรียบเทียบกันแล้ว ฉันก็ยังชอบบทหญิงสาวไร้ชื่อที่เล่นคู่กับเกาหรงมากกว่าอยู่ดีเพราะเธอให้ความรู้สึก และเห็นภาพได้ชัดมากกว่า

หลังจากที่ ‘ปฏิบัติการผู้พิทักษ์’ จบลงแล้ว มันทำให้ฉันกลับมามีความเฝ้าปรารถนาต่อวงการหนังของหัวเซี่ยขึ้นมาใหม่ ถ้าในอนาคตนักแสดงของหัวเซี่ยต่างก็สามารถแสดงบทบาทได้ดีขนาดนี้ และถ้าหากผู้กำกับของหัวเซี่ยจะทำได้อย่างจางจิ้งอาน ไม่สร้างหนังที่มีแต่จะสร้างความชิงชังให้กับประเทศ ถ้าเป็นแบบนั้นได้ฉันว่าหนังของหัวเซี่ยเราจะเข้าสู่วงการหนังนานาชาติ ก็คงไม่ใช่เรื่องที่ยากอะไรแล้ว

ครั้งนี้ในหนัง ‘ปฏิบัติการผู้พิทักษ์’ ทำให้ฉันรู้สึกเอ็นดูเด็กสาวสองคนที่พูดถึงไปไม่น้อย และเฝ้ารอที่จะได้ดูการแสดงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสามารถแบบนี้อีก

ในบทความวิจารณ์หนัง ‘ปฏิบัติการผู้พิทักษ์’ ของซูเพ่ยเอินบนเว็บเพจ ‘สือไต้ผิงซัว’ นั้น นอกจากจะเขียนชมเชยเฝิงหนานแล้ว เขาก็ยังมีหารชมเชยเจียงเซ่อเป็นพิเศษด้วย

และเพราะเขาออกมาวิจารณ์แบบนั้นบนอินเทอร์เน็ตก็ยิ่งคึกคักกันยิ่งกว่าเดิม

บนเว็บข้อมูลหนัง มีหลายคนที่กำลังพูดถึงบทสาวรับใช้ของโจวหมิงฉงที่เจียงเซ่อเป็นคนแสดง ต่างก็พากันใช้คำพูดของซูเพ่ยเอินด้วย

เพราะเขาบอกว่าตั้งตาที่จะรอดูผลงานการแสดงชิ้นต่อไปของเจียงเซ่อ มันเลยทำให้ผลการค้นหาเกี่ยวกับตัวเจียงเซ่อบนอินเทอร์เน็ตขึ้นสูงกว่าที่เคย และมันก็เกือบจะเทียบเท่ากับช่วงที่เฝิงหนานเป็นประเด็นร้อนเลยด้วยซ้ำ

แอคเค้าท์เวยป๋อและแอคต่างๆ ของเจียงเซ่อเริ่มมีคนเข้ามาให้ความสนใจและกดติดตามเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว นี่ ‘ปฏิบัติการผู้พิทักษ์’ เพิ่งจะเข้าฉายไปได้วันเดียว จำนวนแฟนคลับของเธอก็เพิ่มขึ้นมาถึงสองแสนกว่าคนแล้ว

เมื่อตอนแรกๆ แอคเค้าท์ของเธอมีคนติดตามค่อนข้างน้อย ส่วนรูปโฆษณาที่เคยลงเอาไว้ ก็ไม่ได้มีคอมเม้นท์อะไรมากมายนัก

แต่ทว่าตามที่แฟนคลับเริ่มเพิ่มจำนวนขึ้น จำนวนความสนใจต่อเธอก็มากขึ้นด้วยเช่นกัน

ตอนนี้ไม่เพียงแต่จะมีคนเข้าไปค้นหา แบรนด์กางเกงยีนส์อย่าง Adeele บนอินเทอร์เน็ต ในขณะเดียวกันก็เหมือนว่ามีคนเริ่มออกมาพูดแล้วว่าเจียงเซ่อกำลังจะได้เป็นแบรนด์ แอมบาสเดอร์ของ Gang Hua Jewelry

ข่าวลือที่ไม่มีที่มาที่ไป และในตอนนี้ที่แม้แต่แอคเค้าท์ของเจียงเซ่อเองก็ยังไม่มีการประกาศถึง ส่วนเว็บเพจของกังหัวกรุ๊ปเองก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ แต่กลับเริ่มมีแฟนคลับบางคนออกมาไถ่ถามถึงเรื่องนี้กันแล้ว

เถาเถาเองก็กำลังเลื่อนอ่านข้อความต่างๆ ในเพจข้อมูลหนัง และอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเบิกบานใจเพราะหล่อนรู้สึกดีใจแทนเจียงเซ่อที่งานมันราบรื่น

ก่อนหน้านี้ที่ ‘99 Love Letter’ เข้าฉายไป จูพ่านก็ดันก่อเรื่องขึ้นมาเสียอย่างนั้น ทำให้บนอินเทอร์เน็ตมีแต่การถกเถียงด่าทอกัน แฟนคลับของแม่นั่นยังเคยโจมตีเธอ อยากจะทำให้ตัวเองดูสูงขึ้นเลยหาว่าเจียงเซ่อไร้ฝีมือการแสดง

แต่ตอนนี้มีคำยืนยันจากซูเพ่ยเอินแล้ว มันเลยทำให้ความหงุดหงิดที่มันคับอกคับใจค่อยๆ หายไป

หล่อนตัดสินใจว่าช่วงนี้จะต้องตามข่าวเกี่ยวกับกังหัวกรุ๊ปให้ดีๆ เลย ถ้าหากว่าไอดอลของหล่อนได้เป็นแบรนด์ แอมบาสเดอร์ของ Gang Hua Jewelry จริงๆ แล้วละก็ หล่อนก็จะต้องกินอยู่อย่างประหยัด เพราะถ้าหากต้องซื้อเครื่องประดับแล้วละก็ จะต้องเป็นของกังหัวเท่านั้น

รอบฉายของ ‘ปฏิบัติการผู้พิทักษ์’ ถูกฉายจนไปถึงช่วงดึกของเวลาทอง และยอดขายมันก็เพิ่มขึ้นสูงขึ้นไปอีก จากยอดสถิติของโรงภาพยนตร์จากสิบเครือข่ายทั่วโลก ทั้งหมดก็ออกมาตอนเช้าตรู่ของอีกวัน

เฝิงหนานที่กำลังนั่งรอยอดการขายบัตรรอบแรกของ ‘ปฏิบัติการผู้พิทักษ์’ อยู่นั้น หลังจากที่หล่อนได้ยินจากจ้าวจวินฮั่นว่ายอดขายได้ถึงห้าร้อยสามสิบล้าน เฝิงหนานก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

ตอนนี้มันตีสามกว่าแล้ว แต่หล่อนยังอยู่ในบ้านของจ้าวจวินฮั่น

หล่อนยังพอจำได้ว่า ก่อนที่จะมาเกิดใหม่ ยอดขายบัตรของหนังเรื่อง ‘ปฏิบัติการผู้พิทักษ์’ ก็ไม่เลวเลย วันที่เข้าฉายวันแรก ก็สามารถทะลุยอดขายหนังสูงสุดภายในประเทศไปได้ด้วยซ้ำ และเหมือนว่าจะอยู่ที่ประมาณสี่ร้อยล้านกว่า

นักลงทุนที่ได้ลงทุนให้กับ ‘ปฏิบัติการผู้พิทักษ์’ เองก็ได้เงินปันผลไปไม่น้อย ดังนั้นตั้งแต่ที่หล่อนเกิดใหม่มา หล่อนก็ไม่ลังเลที่จะรีบกล่อมให้จ้าวจวินฮั่นยอมลงทุน บวกกับเงินของตัวหล่อนเองที่เสริมเข้าไปอีก และเอาไปลงทุนให้กับหนังเรื่อง ‘ปฏิบัติการผู้พิทักษ์’ ด้วยกัน

ดูจากฟีดแบคที่ได้รับกลับมาแล้ว ก็เหมือนว่ายอดขายบัตรหนัง ‘ปฏิบัติการผู้พิทักษ์’ จะดีกว่าที่คิดเอาไว้เสียอีกนะเนี่ย

เธอจุดบุหรี่ และใบหน้าของจ้าวจวินฮั่นก็เผยรอยยิ้มขึ้นมา มองดูเธอที่กำลังยกบุหรี่ขึ้นดูด และไม่คิดจะห้ามอะไร

“ดูจากสถานการณ์เบื้องต้นแบบนี้แล้ว ถ้าสุดท้ายยอดขายบัตรของ ‘ปฏิบัติการผู้พิทักษ์’ จะได้ถึงสองพันล้านก็คงจะไม่ใช่เรื่องยาก”

หล่อนจับเนคไทของจ้าวจวินฮั่นขึ้นมา แล้วดึงให้เขามาประจันหน้ากับตัวเอง จากนั้นก็ค่อยๆ พ่นนิโคตินออกมาจากปากสวยๆ จนเห็นว่าจ้าวจวินฮั่นมีสีหน้ารังเกียจรังแคลน รอยยิ้มบนใบหน้าของหล่อนก็ยิ่งมีความนัยมากยิ่งขึ้น

“แล้วการลงทุนครั้งนี้เป็นไงบ้างล่ะคะ มันคงไม่ได้ทำให้คุณขาดทุนใช่ไหม?”

นอกจากเงินส่วนแบ่งที่ได้มาจากโรงภาพยนตร์และหักค่าภาษีไปแล้ว ทั้งตัวจ้าวจวินฮั่นและเจียงหัวกรุ๊ปเองก็ได้เงินที่เสียไปกลับมาทั้งหมด

เฝิงหนานเองก็ได้กำไรมาไม่น้อยเหมือนกัน แต่มันก็ยังไม่เพียงพอ เพราะว่าตัวหล่อนต้องการที่จะลงแสดงใน ‘ปฏิบัติการผู้พิทักษ์’ และหล่อนก็ได้ทะเลาะกับเฝิงจงเหลียงเสียใหญ่โต จนเฝิงจงเหลียงระงับและยึดทรัพย์สินเธอไปจนหมด เพราะฉะนั้นส่วนที่เธอยังพอจะใช้สอยได้ ก็มีแค่เงินส่วนแบ่งที่ได้มากจากหนัง ‘ปฏิบัติการผู้พิทักษ์’ เท่านั้น

แต่ทว่าตอนนั้นเธอลงทุนไปไม่ได้เยอะอะไร กำไรปันผลที่ได้ก็น้อยกว่าของคนอื่น แต่ความตั้งใจของเฝิงหนานก็ยังอยู่เสมอ สิ่งที่เธอต้องการที่สุดก็คือการใช้ชื่อของจางจิ้งอาน เพื่อยกระดับให้กับตัวเองก็เท่านั้น

เธอยังจำนักแสดงหญิงที่แสดงเป็นคุณหนูเอกุชิในเรื่อง ‘ปฏิบัติการผู้พิทักษ์’ ได้ดี และเหมือนว่าช่วงเดือนธันวาคมหล่อนจะได้รับรางวัลนักแสดงประกอบหญิงยอดเยี่ยมจากงานประกาศรางวัลภาพยนตร์นานาชาติด้วย และสุดท้ายก็เพราะบทบาทนั้นถึงได้ทำให้ตัวเธอเองเริ่มมีชื่อเสียงและดังขึ้น แถมยังได้เข้าสู่วงการหนังต่างประเทศ มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อจางจิ้งอาน และได้รับบทหนังดีๆ จากผู้กำกับใหญ่หลายๆ คน

ถ้าหากว่าค่าตัวได้ถูกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ถ้าในอนาคตได้รับเล่นหนังอีก เงินมันจะต้องเยอะมากแน่ๆ

“คำวิจารณ์บนอินเทอร์เน็ตก็ดีอยู่นี่ แม้แต่นักวิจารณ์ตัวฉกาจอย่างซูเพ่ยเอินก็ยังพูดถึงคุณ”

บทวิจารณ์ของซูเพ่ยเอินเพิ่งจะออกไปเมื่อช่วงดึก เฝิงหนานเองก็มั่นใจกับฝีมือการแสดงของตัวเองอยู่มาก ตอนที่หล่อนถ่ายฉากนั้นเสร็จ หล่อนเองก็ยังได้ดูตอนที่ตัวเองแสดงด้วย และหล่อนเองก็รู้สึกพึงพอใจกับการแสดงของตัวเองในตอนนั้นมาก การที่ได้รับคำชมจากนักวิจารณ์ก็ถือเป็นอะไรที่มีเหตุผลพออยู่แล้ว

หล่อนวางบุหรี่พักเอาไว้ หยิบมือถือขึ้นมาแล้วถามขึ้น

“ซูเพ่ยเอิน นักวิจารณ์หนังของ ‘สือไต้ผิงซัว’ สินะ?”

นี่ถือว่าเป็นเวทีของสื่อวิจารณ์ที่ทรงอิทธิพลที่สุดเลยสินะ ถ้าหากได้ซูเพ่ยเอินพูดถึงชื่อตัวเองใน ‘สือไต้ผิงซัว’ แล้วละก็ ยังไงซะมันก็ต้องเป็นผลดีต่อตัวหล่อนในอนาคตแน่นอน

ใบหน้าของหล่อนเผยรอยยิ้มออกมา จ้าวจวินฮั่นพยักหน้าให้ แต่ทันทีที่เฝิงหนานเปิดบทวิจารณ์ดู รอยยิ้มบนใบหน้ามันก็ค่อยๆ ฝืดลงไปเรื่อยๆ

เพราะนอกจากซูเพ่ยเอินจะพูดถึงหล่อนแล้ว เขายังพูดถึงเจียงเซ่ออีกด้วย!

ในหนัง ‘ปฏิบัติการผู้พิทักษ์’ ที่จริงเฝิงหนานเองก็ได้เห็นฉากที่เจียงเซ่อเล่นในวันงานปฐมทัศน์แล้ว แต่ที่ไม่ได้สั่งให้ตัดฉากของเจียงเซ่อออก นั่นก็เพราะว่าก่อนหน้านี้ที่ไปตัดฉากของเจียงเซ่อในเรื่อง ‘ฝันที่เป็นจริง’ มันทำให้เผยอี้ไม่พอใจเป็นอย่างมาก และมันก็เลยทำให้หนังเรื่องนั้นเกือบจะไม่ได้เข้าฉายเลยด้วยซ้ำ และมันก็เป็นเพราะหล่อนคิดว่ายังไงซะ เจียงเซ่อก็ได้เล่นแค่บทตัวประกอบที่แม้แต่ชื่อก็ไม่มีด้วยซ้ำ

อีกทั้งบทพูดก็มีแค่คำว่า ‘ถุย’ สองครั้งสั้นๆ ไม่คิดเลยว่าแค่จุดเล็กๆ แบบนี้จะกลายเป็นเรื่องที่ยุ่งยากและกวนใจขึ้นมาได้ ตอนนั้นที่หล่อนสามารถอดทนไว้ได้ ก็เพราะหล่อนไม่คิดว่าเจียงเซ่อจะไม่มีทางกระทบหล่อนได้แน่นอน

แต่ที่ไหนได้ แค่หนังเข้าฉายวันแรก บทวิจารณ์ของซูเพ่ยเอินก็ดันพูดถึงบทของเจียงเซ่ออีก แถมยังบอกว่าดีกว่าหล่อนมาก!

“ไอ้แก่เลอะเทอะนี่!”