webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

226

บทที่ 226 ปฏิบัติการ

เผยอี้นัดเนี่ยต้านและคนอื่นๆ เอาไว้ ตั้งแต่ช่วงเดือนกรกฎาคมที่ไม่ได้อยู่ในตี้ตู เผยอี้เองก็ไม่ได้ติดต่อหรือได้เจอหน้าพวกเนี่ยต้านเลยเหมือนกัน ตั้งแต่กลับมาเมื่อเดือนสิงหาแม้แต่บ้านเขาก็ยังไม่ได้กลับ เพราะมาถึงก็ซื้อตั๋วเครื่องบินมาฝรั่งเศสทันที พอตอนนี้ได้มาพบปะกันแล้ว เฉิงหรูหนิงก็กลั้นยิ้มเอาไว้ไม่ไหวเลยทีเดียว

“พี่อี้ พี่ไปทำอะไรกับทรงผมมาเนี่ย?”

ผมสีทองสุดเท่ของเขาถูกโกนออกหมดแล้ว ถึงแม้ช่วงที่ไปอยู่ปารีสมันก็ยาวขึ้นไม่น้อยแล้ว แต่มันก็ยังเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงได้อย่างชัดเจน

พวกเขานัดเจอกันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง เผยอี้เดินโอบไหล่เจียงเซ่อเข้ามา แต่เพราะเขาสวมแว่นดำมาด้วย พวกเนี่ยต้านเองก็เกือบจะจำไม่ได้แล้ว

เขาหักนิ้วมือตัวเอง แล้วมองไปยังโซฟาในร้านอาหารที่อยู่ไม่ไกลนั่น ก่อนจะถอนแว่นดำออก แล้วยื่นให้เจียงเซ่อด้วยความฉุนเฉียว

“ช่วยผมถือนี่หน่อยสิ ผมว่าคงจะต้องสั่งสอนไอ้เฉิงหรูหนิงเสียหน่อยแล้ว”

ที่จริงเขาอยากจะทุบเฉิงหรูหนิงตั้งนานแล้ว เพราะเรื่องตอนนั้นที่ไปเที่ยวฮ่องกง แล้วตอนนี้ก็ยังมาเรื่องผมของเขาอีก

พอเฉิงหรูหนิงเห็นท่าไม่ดี จึงรีบลุกเพื่อจะวิ่งหนีออกไปทันที แต่เซี่ยงชิวหรานสกัดขาเขาเอาไว้ก่อน เผยอี้อยู่ห่างจากเฉิงหรูหนิงอยู่เจ็ดแปดเมตร แต่เป็นเพราะว่าเผยอี้เองก็ตัวสูง อีกทั้งยังโดนเซี่ยงชิวหรานดักเอาไว้แบบนี้อีก เผยอี้เดินแค่สองสามก้าวก็ถึงตัวแล้ว เขากระชากคอเสื้อเฉิงหรูหนิงขึ้นมา แล้วลากตัวออกมาข้างนอกร้านอาหาร

“ไอ้เซี่ยงชิวหราน ไอ้บ้านี่......” เขาด่าออกไป ส่วนเซี่ยงชิวหรานก็ยิ้มให้พร้อมกับไหล่ที่ยักขึ้นอย่างไม่แยแส แล้วข้างนอกก็มีเสียงร้องขอชีวิตดังเข้ามา

“พี่อี้ ผมผิดไปแล้วๆ ยกโทษให้ผมเถอะ”

เซี่ยงชิวจี๋หันไปมองครู่หนึ่ง แล้วส่ายหัว

“ยังไม่โตกันสักที”

“เซ่อเซ่อ ครั้งนี้ไปเที่ยวที่บอร์โดกันมากี่วันเหรอครับ?”

เนี่ยต้านนั่งอยู่ตรงข้ามเจียงเซ่อ เพราะว่าตอนนี้เฉิงหรูหนิงโดนเผยอี้ลากตัวออกไป ‘ซ้อม’ ข้างนอกร้านแล้ว น่าจะอีกสักพักกว่าจะเข้ามากัน ตอนที่เนี่ยต้านถามแบบนั้นขึ้นมา ท่าทางเขาก็ดูสงสัยไม่น้อย

ที่เจียงเซ่อมีงานจึงต้องเดินทางไปฝรั่งเศสก่อนอันนี้เนี่ยต้านรู้แล้ว แต่ที่เนี่ยต้านไม่รู้ก็คือเผยอี้เองก็พาเธอไปฝรั่งเศสด้วย

เพราะที่นั่นมันเป็นคฤหาสน์ที่เผยอี้ซื้อเอาไว้ให้เฝิงหนาน มันเป็นสถานที่ที่เหมือนภาพวาดฝันของตัวเผยอี้เอง เนี่ยต้านเองก็ยังคิดว่า ทั้งชีวิตนี้ เผยอี้ก็คงรอให้มีสักวันที่จะพาเฝิงหนานเข้าไปอยู่ที่นั่น แต่ไม่คิดว่าว่าทั้งๆ ที่เฝิงหนานยังไม่ได้ไปเห็น เขาก็พาเจียงเซ่อไปที่นั่นก่อนแล้ว

ตอนที่ได้ยินเรื่องพวกนี้ มันก็ยิ่งเป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้นสำหรับทุกๆ คน มันยิ่งกว่าตอนที่คิดว่าเผยอี้พูดเล่นๆว่าจะแต่งงานกับเจียงเซ่อเสียอีก

เรื่องที่เฝิงหนานมีความหมายต่อเขามากๆ ก็ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าพวกเขาแล้ว แต่ในสถานการณ์ตอนนี้ เหมือนว่าเขาจะเดินออกมาจากจุดๆ นั้นได้แล้ว

“อืม หลังจากที่ทำงานเสร็จก็ไปน่ะ”

เจียงเซ่อพยักหน้า และตัวเธอเองก็พอเข้าในความหมายคำถามของเนี่ยต้านเช่นกัน “ตอนที่ไปเป็นช่วงที่เขาเก็บเกี่ยวองุ่นกันพอดี เขาก็เลยพาฉันไปดู”

“ที่นั่นมีงานเลี้ยงเล็กๆ ด้วย ส่วนลูกสาวทั้งสองคนของคุณ Pierre ก็ซนใช่ย่อย”

สีหน้าของเซี่ยงชิวหรานเหมือนกำลังจะเหม่อไป ส่วนเซี่ยงชิวจี๋และเนี่ยต้านก็หันหน้ามองตากัน

“เมื่อปีที่แล้วที่พวกเราไปกัน พวกเราอยู่ไม่ทันช่วงเก็บเกี่ยวองุ่นน่ะครับ นี่ก็ยังมาพลาดอีก คงต้องรอปีหน้าซะแล้ว”

เนี่ยต้านยิ้มออกมา แล้วยกมือขึ้นไปก่ายไปหลังหัว แล้วพิงตัวไปกับพนักพิงด้านหลัง

“ปีหน้าก็ยังเที่ยวกันได้ ถัดจากปีหน้าก็จะเรียนจบกันแล้ว คงไม่ได้มีอิสระแบบนี้อีก”

เพราะชีวิตในอนาคตของเขาถูกทางครอบครัวกำหนดเอาไว้ให้แล้ว สองพี่น้องตระกูลเซี่ยงที่ได้ยินเขาพูดแบบนั้นก็หงอยลงเหมือนกัน

เพราะพวกเขาอายุไล่เลี่ยกัน ปีนี้ก็จะอายุยี่สิบกันแล้ว หลังจากที่จบมหา’ลัย ก็ต้องเข้าสู่การศึกษาเฉพาะทางที่เจาะลึกลงไปอีก เพื่อคว้าการศึกษาที่มีระดับสูงขึ้น และเดินตามทางที่ครอบครัวได้ปูเอาไว้ให้อย่างแตกต่างกันออกไป เพื่อกลายเป็นทายาทสืบตระกูลที่มีอำนาจ

เมื่อเข้าสู่การเรียนรู้ฝึกงานแบบจริงๆ จังๆ แล้ว พวกเขาก็จะเที่ยวบินออกนอกประเทศตามอำเภอใจไม่ได้อีก เพราะไม่งั้นก็อาจจะทำให้งานเสียหาย และผลการเรียนที่ออกมาก็จะแย่

และนี่ก็ถือเป็นหนึ่งในเหตุผลว่าทำไมเผยอี้ถึงรีบที่จะขอเจียงเซ่อแต่งงานนัก ก็เพราะเขาอยากจะกำหนดเรื่องแต่งงานต่างให้เรียบร้อยก่อนที่อะไรๆ มันจะยุ่งไปกว่านี้

เขากังวลว่าถ้าถึงตอนนั้นแล้วจะไม่ได้ไปฝรั่งเศสบ่อยๆ อีกต่อไป กลัวว่าจะไม่ได้จัดงานแต่งงานที่นั่นตามที่ฝันและคิดเอาไว้

เจียงเซ่อนิ่งเงียบไป และฟังเซี่ยงชิวจี๋และคนอื่นๆ พูดคุยกันด้วยน้ำเสียงที่จริงจังไม่น้อย

พวกเขาพูดคุยกันอยู่ครู่หนึ่ง และจู่ๆ ก็พุดถึงเรื่องหนังใหม่ของจางจิ้งอานขึ้นมา

“ช่วงนี้เฝิงหนานทำให้คุณปู่เฝิงหัวเสียอยู่เรื่อยๆ เลยนี่”

เนี่ยต้านพูดแบบนั้นขึ้นมา ก่อนจะหัวเราะขึ้นอย่างสนุกสนาน “นี่ถือเป็นเรื่องที่น่าสนใจมากที่สุดในตี้ตูตอนนี้เลยนะ เมื่อไม่กี่วันก่อนปู่ฉันก็ถามถึงเรื่องนี้ขึ้นมา”

“เรื่องอะไรงั้นหรือ?”

ท่าทางของเจียงเซ่อดูจริงจังขึ้น เซี่ยงชิวจี๋ตอบ

“เหมือนว่าครั้งนี้เฝิงหนานจะลงแสดงในหนังเรื่องใหม่ของจางจิ้งอานด้วย เห็นบอกว่าเล่นบทที่ไม่เลวเลยด้วย เป็นบทพวกต่อต้านสงครามญี่ปุ่นน่ะ”

ดังนั้นพอเฝิงจงเหลียงได้ยินว่าเฝิงหนานลงแสดงเองด้วยแบบนั้นแล้ว ถึงแม้ว่าจะไม่พอใจ แต่เขาก็ไม่ได้เลือกที่จะส่งหล่อนกลับฮ่องกงแล้ว

“เห็นบอกว่าก็ไม่ได้ออกฉากบ่อยอะไร แต่ว่าช่วงนี้เป็นข่าวดังบ่อยเหลือเกิน ทำให้คุณปู่ไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่”

จนกระทั่งเมื่อเฝิงจงเหลียงลองสั่งให้จางจิ้งอานตัดฉากของเฝิงหนานออกจนหมด และระหว่างเขาและเฝิงหนานก็ได้เกิดความขัดแย้งที่ยิ่งใหญ่ขึ้นมา ทำให้เรื่องนี้กลายเป็นประเด็นร้อนในตี้ตูไป

พอเจียงเซ่อได้ยินอย่างนั้นแล้ว ในใจของเธอมันก็หนักอึ้งไปหมด

ในตอนที่เผยอี้และเฉิงหรูหนิงเดินกลับเข้ามา เฉิงหรูหนิงก็เอาร้อง ‘โอ้ยๆ’ ออกจากปากไปหยุด ยังดีที่เผยอี้กะน้ำหนักหมัดถูก เขาก็แค่อยากให้หน้ามันมีรอยแผลเท่านั้น แต่ก็ดูน่ากลัวไม่ใช่น้อย

“เป็นอะไรหรือเปล่า?”

เพราะว่าเขาเพิ่งไปซ้อมคนมา บนหน้าผากก็เลยมีเหงื่อซึมออกมา เขาดึงทิชชู่ขึ้นมาเช็ดมันออก แต่ก็เห็นว่าเจียงเซ่อดูแปลกๆ ไป เลยมองไปไปที่เนี่ยต้านและคนอื่นๆ เขม็ง

“คุยอะไรกัน?”

“ก็พูดถึงเรื่องหนังใหม่ของจางจิ้งอาน”

พอเนี่ยต้านพูดขึ้นมาแบบนั้น เผยอี้ก็พอเข้าใจแล้วว่าทำไปเจียงเซ่อถึงได้มีท่าทางหนักอึ้งแบบนั้น

ตอนที่เขากลับมาจากฝรั่งเศสแล้ว เขาก็ได้กลับไปที่บ้านตระกูลเผยอยู่ช่วงหนึ่ง คุณปู่เผยเองก็พูดถึงเฝิงหนานขึ้นมาเหมือนกัน บอกว่าหล่อนทะเลาะกับเฝิงจงเหลียง แถมยังตะโกนด่ากันด้วย บอกว่าไม่รู้ว่าหลานสาวที่เคยเรียบร้อยและเชื่อฟัง ถึงได้กลายเป็นคนที่มีนิสัยร้ายกาจแบบนี้

พวกเขาได้จองบัตรหนังของทางโรงหนัง IMAX ในตี้ตูเอาไว้แล้ว และยังได้ออกมาจากห้อง VIP อีกด้วย

ในโรงหนังแบบนี้มีที่นั่งสาธารณะแค่สิบที่นั่งเท่านั้น และเก้าอี้แต่ละตัวก็ต้องสั่งนำเข้ามาจากต่างประเทศด้วย ปกติแล้วบัตรใบหนึ่งจะหายากมาก แต่เพราะว่าพวกเขามีฐานะที่พิเศษออกไป ที่นั่งในโรงหนังก็เลยถูกจองเอาไว้ถึงครึ่งวัน

หลังจากที่ทานมื้อค่ำกันเสร็จแล้ว เวลาก็ล่วงเลยมาจนถึงสามทุ่มกว่า ไฟรอบๆ ถูกปิดลงจนมืด และหนังก็เริ่มเล่น ฉากเริ่มคือฉากในประวัติศาสตร์ เป็นที่เหล่าทหารญี่ปุ่นกำลังทำการรุกรานเข้ามา

ฉากฆ่าสังหารในหนังมันสมจริงและน่าเวทนาไม่น้อย และเพราะมันเป็นในช่วงเวลาที่ผ่านมายาวนานแล้ว ความแจ่มชัดมันก็เลยลดน้อยลงไปมาก แต่ช่วงฉากที่ทหารญี่ปุ่นได้ทำการสังหารปลิดชีวิตผู้คน และฉากที่หัวเซี่ยกำลังโดนทำลายจนพินาศ ฉากเหล่านั้นมันสมจริงมากจริงๆ

บนหัวมีเครื่องบินรบกำลังบินตัดผ่านกันไปมา ในช่วงเวลานั้นแทบจะไม่ต้องมีการอธิบายหรือคำเป่าหูใดๆ แค่นั้นมันก็สามารถทำให้คนดูรู้สึกเคียดแค้นและโกรธเหล่ากองทัพทหารญี่ปุ่นที่เข้ามารุกรานได้แล้ว

บนจอมีภาพใบหน้าของ เหล่าผู้คนที่ได้รับความเจ็บปวดและหวาดกลัวขึ้นมามากมาย เสียงดังสนั่นของระเบิดที่ถูกปล่อยลงมาจากเครื่องบินรบ ทำให้หัวใจมันกระตุกสั่นกลัวได้ไม่ยาก

จากนั้นเสียงร้องและเสียงอึกทึกทุกอย่างก็หยุดลง พร้อมๆ กับหน้าจอที่กลายเป็นสีดำ ตามด้วยเสียงดนตรีรื่นหูดังคลอขึ้นมา ‘ปฏิบัติการผู้พิทักษ์’ ที่เป็นชื่อหนังโชว์เด่นหราอยู่บนหน้าจอ และชื่อของจางจิ้งอานเองก็อยู่ข้างล่างชื่อหนังตรงนั้น เป็นจุดที่ทำให้คนเห็นได้ชัดที่สุด

ภาพบนจอสลับเปลี่ยนไป กลายเป็นภาพฉากสถานกงสุลของญี่ปุ่น ยามราตรีรถที่บรรทุกตัวประกันคันหนึ่งขับเข้ามาโดยที่มีทหารญี่ปุ่นคอยควบคุมเอาไว้