webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

223

บทที่ 223 เฝ้าคิดถึง

เจียงเซ่อสวมใส่ตุ้มหูเพชรเข้าไป Chloé ก็พยุงเธอขึ้นมา โม่อานฉีคอยยกกระโปรงอยู่ด้านหลังของเธอ พอเดินเข้ามาในฉากแล้ว Basile ก็ชมเปราะออกมา

“สวยมากเลยนะครับ”

ถึงแม้ว่าชาวตะวันตกและชาวตะวันออกจะมีความคิดเห็นเกี่ยวกับความสวยที่ไม่เหมือนกัน และรูปร่างความสวยหรือไม่สวยก็อาจจะมองคนละแบบ แต่ความสวยที่ออกมาจากภายในสู่ภายนอกเป็นบุคลิกแบบนี้ และยังสามารถสื่อถึงกลิ่นอายของประเทศอื่นออกมาได้ เหมือนสามารถกลายเป็นคนอีกประเทศหนึ่งไปเลย

ทรงผมที่ดูเป็นผู้หญิงนิ่งๆ เย็นชาเจียงเซ่อก็รอด ไม่มีมุมไหนที่ดูไม่เข้ากับทรงนี้เลยสักนิด

ตอนที่ Chloé เอาผ้าคลุมชิฟฟอนคลุมหัวเธอเอาไว้ Maki ที่เหมือนกำลังจะพูดอะไรอยู่ก็เงียบไปเสียดื้อๆ หล่อนหันไปมองเซี่ยเชาฉวินที่กำลังยกมือทั้งสองข้างกอดอกอยู่ และสุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา

“Maki นี่เป็นโฆษณาต่างหู ปิดเอาไว้แบบนี้จะดีเหรอ มันจะ......”

คนของกังหัวของสาขาที่อยู่ในฝรั่งเศสกระซิบถามขึ้นเบาๆ หลังจากที่ผ้าคลุมผืนนั้นถูกคลุมไว้อยู่บนหัวของเธอ มันก็เหมือนได้สร้างความสวยงามที่ถูกซ่อนเอาไว้ภายใต้ความสลัว แต่ยังไงตัวหลักก็ไม่ใช่ที่คน แต่เป็นที่เครื่องเพชรต่างหาก

เอาตามจริงการที่จะถ่ายแบบให้ออกมาเป็นภาพขาวดำมันก็สุ่มเสี่ยงมากแล้ว แล้วยิ่งเอาผ้ามาคลุมไว้แบบนี้อีก มันก็เหมือนยิ่งไปกลบแสงเงาของตัวเพชร มันเลยทำให้ผู้จัดการของทางฝรั่งเศสกังวลไม่น้อย

“อย่าเพิ่งร้อนใจไปค่ะ”

Maki ขบริมฝีปากแน่น แล้วพูดปลอบออกไป

Basile ให้สัญญาณกับช่างไฟ และได้ลองกดกล้องหามุมอยู่ครู่หนึ่ง เสียงกดชัตเตอร์ดัง ‘แชะๆ’ ขึ้นวิต่อวิ ส่วนเจียงเซ่อเองก็ค่อยๆ เปลี่ยนท่าทางการโพสไปเรื่อยๆ Basile ก็ถ่ายไปรัวๆ เหมือนว่ากำลังจะสนุกไม่น้อย

“เจียง คุณยกมือขึ้นมานะครับ ทำท่าเหมือนว่ากำลังจะเปิดผ้าคลุมขึ้น”

เขาตะโกนออกไป เจียงเซ่อทำตามที่เขาพูด “ยิ้มนิดนึง ให้เหมือนว่ากำลังใจลอย อารมณ์สบายๆ ก้มหัวลงเล็กน้อย อีกนิดครับ OK”

ผู้ช่วยและเขาทำงานร่วมกันมานานหลายปี พอเห็นแววตาแบบนั้นแล้ว เขาก็ค่อยๆ เลื่อนปรับซอฟท์บ๊อกซ์*ตัวช่วยเรื่องแสงในกองถ่ายไปมาอย่างแผ่วเบาและนุ่มนวล ‘แชะ’ เสียงกดชัตเตอร์ดังขึ้นอีกครั้ง และในกล้องของBasile ก็ได้เก็บรูปที่สวยงามรูปนั้นเอาไว้แล้ว

ส่วนชุดราตรีอีกชุดจะเน้นสีดำเป็นหลัก เมื่อเทียบกับไข่มุกเม็ดงามที่แสนเลอค่าอันแสนสุกสว่างแล้ว ชุดราตรีสีดำก็ดูอ่อนลงไปไม่น้อย

สิ่งที่ช่างตัดเสื้อได้ทำขึ้นมาให้เป็นจุดสำคัญ นั่นก็แขนเสื้อที่ยาวเจ็ดส่วน เผยข้อมือขาวของเธอออกมา

ขอบของกระโปรงเป็นผ้าชิฟฟอนสีขาวทิ้งตัวลงมาจนเห็นผิวเนื้อวับๆ แวมๆ ชุดราตรีตัวนี้มันห่อรัดตัวเจียงเซ่อเอาไว้อย่างแน่นตึง ทำให้สามารถเห็นเส้นไลน์เอวคอดเล็กและสะโพกผายที่ไม่ธรรมดาของเธอได้อย่างชัดเจน ขาอ่อนที่เรียวสวยถูกปกคลุมด้วยผ้าซาตินลายลูกไม้ ยิ่งทำให้รูปร่างของเธอดูอรชรอ้อนแอ้น แต่ก็ยังมีความเซ็กซี่ที่ออกมาจากโครงร่างของเธอ

และการถ่ายของเซตนี้ก็ผ่านไปอย่างราบรื่น ทั้งสองชุดนั้นถ่ายเสร็จภายในสองวัน และทีมงานของกังหัวก็ยังอยู่ต่อเพื่อรอรูปที่เสร็จเรียบร้อยแล้ว เจียงเซ่อเองก็ได้แลกเปลี่ยนช่องทางการติดต่อกับ Basile และChloé จนไปถึงผู้ช่วยคนอื่นๆ เอาไว้ด้วย และเตรียมตัวที่จะออกจากปารีส

งานของเธอได้ดำเนินมาถึงขึ้นตอนสุดท้ายแล้ว กับเผยอี้ที่บอกว่าประมาณต้นเดือนสิงหาคมก็น่าจะได้กลับตี้ตูแล้ว กลับยังปิดเครื่องอยู่เหมือนเดิม ส่วนเธอเองก็ต้องเจอกับตารางงานที่ล่าช้าไปหลายวัน พอเสร็จงานหมดแล้ว มันก็เหมือนได้หลุดพ้นเสียที

โม่อานฉียังอยากที่จะเดินเล่นปารีสอยู่ เพราะช่วงนี้มัวแต่ยุ่งอยู่กับงานถ่ายโฆษณา ทั้งที่อยู่ปารีสมาก็ตั้งหลายวันแล้ว แต่กลับยังไม่มีโอกาสได้ออกไปดูโลกบ้างเลย

ยังไงตอนนี้ก็ยังไม่มีข่าวคราวจากเพ๋ยอี้ ไม่แน่ว่าอาจจะติดธุระอะไรอยู่ เลยยังถอนตัวออกมาตรงนั้นไม่ได้ เจียงเซ่อเลยตัดสินใจที่จะอยู่ปารีสต่ออีกสองวันเสียเลย

หลังจากที่เรื่องทางนี้เสร็จเรียบร้อยแล้ว เซี่ยเชาฉวินก็เตรียมตัวที่จะบินไปอิตาลีทันที ช่วงนี้เหมือนว่าเถาเฉินจะโทรหาเธอหลายสายทีเดียว แต่ว่าเพราะการถ่ายแบบเซตสุดท้ายของเจียงเซ่อมันสำคัญมากทีเดียว ดังนั้นเซี่ยเชาฉวินจึงจำเป็นที่จะต้องมาดูด้วยตัวเอง พอถ่ายเสร็จแล้ว ผู้ช่วยของเธอก็รีบจองตั๋วให้ทันที ก่อนจะไปก็ยังมาคุยกับเจียงเซ่อด้วย

“เธอก็พักผ่อนสักหน่อยล่ะ ส่วนตารางงานต่อไป เดี๋ยวฉันจะส่งเข้าทางอีเมล์ของโม่อานฉี เดี๋ยวหลังจากนี้ทางกังหัวอาจจะจัดงานแถลงข่าวขึ้น และคงจะต้องเชิญเธอไปด้วย”

เจียงเซ่อพยักหน้า และเดินไปส่งเซี่ยเชาฉวิน เมื่อมาถึงวันที่สิบเดือนสิงหาคม เผยอี้ก็ติดต่อกลับมาหาเธอ

“เซ่อเซ่อ”

ตอนที่เขาโทรมาหาเธอ เจียงเซ่อก็เพิ่งจะอาบน้ำเสร็จ และแผ่ตัวอยู่บนเตียงเตรียมที่จะเข้านอนแล้วด้วย

ตอนนี้ที่ปารีสสามทุ่มห้าสิบแล้ว ส่วนที่หัวเซี่ยก็น่าจะประมาณเช้ามืด แล้วเขาก็ยังโทรมาอีก คงน่าจะกำลังกลับจากต่างจังหวัดสินะ

“ขอโทษนะครับ ผมกลับมาช้า” น้ำเสียงของเขานุ่มนวลและอบอุ่น เสียงที่ลอดผ่านมือถือออกมา มันเหมือนสายธารเล็กๆ ที่ไหลริน มันค่อยๆ ไหลผ่านเข้าสู่หูของเจียงเซ่อ

เขาไม่ได้บอกว่าคิดถึงเธอ แต่ทุกๆ ประโยคที่เขาพูด ทุกๆ คำมันมีความหมายเสมอ

แม้แต่กระเป๋าสัมภาระก็ไม่สนใจจะไปเอากลับ วินาทีที่ได้ก้าวลงจากเครื่องบิน สิ่งที่ทำอย่างแรกก็คือการเปิดเครื่องมือถือและโทรหาเธอ

ระหว่างเขาและเธอถูกกั้นด้วยระยะทางที่แสนยาวไกล ที่ข้างนอกลานจอดอากาศยานนั่นมีรถมารอรับเขาแล้ว มือเขากำมือถือไว้แน่นไม่ยอมปล่อย เผยจิ้นหยางที่มารอรับเขาทนไม่ไหวจนต้องเตะเข้าทีหนึ่ง

แต่เผยอี้กลับเหมือนไม่รู้สึกเจ็บเลยสักนิด แถมยังก้าวเท้าเร็วขึ้นอีก

“เดี๋ยวผมจะไปซื้อตั๋วไปปารีสตอนนี้เลย พี่อยู่ที่นั่นรอผมนะ”

เขาก้าวเร็วขึ้นเรื่อยๆ น้ำเสียงก็เหมือนจะดูรีบๆ ด้วย

“ไม่แน่ว่าพอพี่ตื่นขึ้นมาอีกที พี่ก็อาจจะได้เจอผมเลยก็ได้” เขาพูดขึ้นเล่นๆ และไม่สนใจเลยว่าเผยจิ้น หยางอยู่ข้างหลัง เขาถามเสียงดังขึ้นมา

“คิดถึงผมไหมครับ?”

ไม่รู้ว่าปลายสายอีกฝั่งพูดอะไร เผยจิ้นหยางถึงได้เห็นว่าแววตาของเผยอี้มันเป็นประกายขึ้นมาขนาดนั้น แถมแสดงท่าทางออกมาแบบไม่อายชาวบ้านด้วย

เขายังคงเอาแต่คุยโทรศัพท์อยู่กับคนในสาย แววตาแสนอบอุ่น เผยจิ้นหยางส่ายหัว เขาก็เป็นแบบนี้ตลอด แต่ก่อนก็เฝิงหนาน ตอนนี้ก็เปลี่ยนเป็นเจียงเซ่อ ความรู้สึกชอบและมีชีวิตชีวาเป็นเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยน

ในสนามบิน เผยอี้ยังคอยถามถึงเรื่องราวที่ผ่านมาของเจียงเซ่อ คอยฟังเธอพูดถึงเรื่องงานที่ทำ ฟังเธอเล่าถึงตอนที่ไปเดินเล่นชอบวิวสวยๆ ฟังเธอเล่าว่าได้ทานของอร่อยๆ ในโรงแรมและได้ไปเดินดูถนนในปารีส และจู่ๆ เขาก็รู้สึกแย่ขึ้นมาที่ไม่ได้ไปเดินเป็นเพื่อนเธอ

เที่ยวบินของเผยอี้จะถึงปารีสตอนบ่าย ช่วงเช้าเจียงเซ่อและโม่อานฉีได้ไปเดินเล่นดูอาร์กเดอทรียงฟ์เดอเลตวล*ประตูชัยฝรั่งเศส เป็นอนุสรณ์สถานที่สำคัญในกรุงปารีส และถัดไปอีกนิดก็มีถนนย่านชอปปิ้งช็องเซลีเซ โม่อานฉีเล่าถึงช่วงที่การเฉลิมฉลองวันชาติที่แสนคึกคัก แต่ว่าตอนนั้นหล่อนได้เห็นแค่ในโทรทัศน์ แต่เป็นเพราะติดงานอยู่ด้วย ถึงจะอยู่ใกล้แค่ไหน ทั้งสองก็ไม่เคยได้มาดูด้วยตัวเอง และรู้สึกเสียดายขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

ตลอดเช้าก็ได้หมดเวลาไปกับการเดินเล่น โม่อานฉีเริ่มทนไม่ไหว จนต้องซื้อของมาชุดใหญ่ติดไม้ติดมือกลับมาด้วย เจียงเซ่อเองก็ซื้อตามมาเล็กๆ น้อยๆ หลังจากดูเวลาแล้ว ก็ตกลงกันว่าจะกลับไปเก็บของที่ซื้อมากัน กลับไปทานมื้อเที่ยงและออกไปรับเผยอี้ที่สนามบิน

แต่พอกลับมาถึง แค่เดินเข้ามาในโถงโรงแรมก็เจอเผยอี้อยู่ที่นั่นแล้ว

เขาใส่เสื้อไหมพรมคอวีสีเทา ส่วนท่อนล่างเป็นกางเกงยีนส์สีฟ้าซีด เขาอยู่ตรงนั้นเหมือนรอมานานแล้ว ตอนที่เขาเห็นเธอ เขาก็กางแขนออกทันที

“เซ่อเซ่อ”

เหมือนเขาจะผอมลงไปด้วย เรือนผมสีทองที่เคยยาวเป็นทรงถูกตัดสั้น และผมดำก็เริ่มงอกออกมาแล้ว ตอนที่ได้เห็นเขา เจียงเซ่อก็เกือบจะจำเขาไม่ได้แน่ะ

เจียงเซ่อยื่นของให้โม่อานฉี จากตอนแรกที่ค่อยๆ เดินไปหาเขา แต่จู่ๆ ก็เปลี่ยนเป็นรีบก้าวไปในทันที ไม่กี่ก้าวก็ได้เข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของเขา ทั้งดีใจ ทั้งแปลกใจ

“ทำไมมาถึงเร็วจังล่ะ?”

เขารวบตัวเจียงเซ่ออุ้มขึ้น แล้วฝังหน้าลงกับผมของเธอและสูดหายใจเข้าทีหนึ่ง ตามด้วยจุ๊บอีกหลายที

“มันมีตั๋วตอนนั้นพอดี ผมก็เลยมาก่อนเลย”