webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

221

บทที่ 221 ก้าวต่อไปอย่างกล้าหาญ

คิดอยู่หลายตลบ Maki ก็บอกกับคนดูแลในฝรั่งเศสออกไป

“ขอโทษด้วยนะคะ ตอนนี้ฉันไม่สามารถให้คำตอบได้ ต้องรอรายงานคุณสวีก่อนน่ะค่ะ”

ถ้าเป็นเครื่องประดับไข่มุกก่อนหน้านี้ Maki เองก็คงพอที่จะตัดสินใจเองได้ แต่เครื่องเพชรชุดสุดท้ายที่เอาออกมาชุดนี้ เป็นเครื่องประดับชุดล่าสุดของทางกังหัวในปีนี้ เป็นชุดที่หลักที่จะวางจำหน่ายในปีนี้ด้วย

เห็นตุ้มหูเล็กๆ แบบนี้คู่หนึ่งก็ปาเข้าไปประมาณสองแสนห้าหมื่นแล้ว ส่วนราคาของกำไลข้อมือกับขนาดของเงิน มีส่วนผสมมากแค่ไหน บวกกับชื่อ LOGO ที่ได้สลักลงไปด้วย ถ้าถ่ายออกมาไม่ดีแล้วละก็ กลับไปถึงที่หัวเซี่ยแล้ว คงจะต้องโดนสวีโจวจี้ด่าต่อหน้าแน่ๆ และบางทีเจิ้งซือหรงก็อาจจะต้องหลุดออกจากตำแหน่งเลยด้วยซ้ำ

นี่มันเสี่ยงมากไปหน่อยแล้ว Maki จึงยังไม่กล้าที่จะตัดสินใจทันที เลยให้ผู้ดูแลที่ฝรั่งเศสช่วยบอกกับช่างภาพ Basile คนนั้นไปก่อน Basile มองหน้าเจียงเซ่อ กดมุมปากขึ้นเล็กน้อยแล้วทำมือขึ้น

“OK”

เขายิ้มๆ แล้วเรียกลูกน้องตัวเองมา

“กลับกันเถอะ”

Maki มีท่าทีร้อนรนขึ้นมาทันที ส่วน Basile ก็เอ่ยขึ้นอย่างใจเย็น

“ความคิดเห็นของเราไม่ตรงกัน บางที พวกเราอาจจะร่วมงานกันต่อไปไม่ได้แล้ว”

เขายกมุมปากขึ้น รอยยิ้มที่เผยออกมามีความเจ้าเล่ห์ไม่น้อย

“ส่วนเรื่องสัญญา ผมจะส่งให้เป็นหน้าที่ของทนาย ให้เขาไปคุยกับพวกคุณเอง”

เซี่ยเชาฉวินที่อยู่ในกองถ่ายเองก็กำลังกอดอกมองอยู่ พอได้ยินแบบนั้นแล้ว หล่อนก็ลุกขึ้นทันที

“ขอเวลาให้ฉันสักห้านาทีนะคะ”

เซี่ยเชาฉวินถือว่าเป็นคนพิเศษอยู่แล้ว นอกจากจะเป็นผู้จัดการของเจียงเซ่อ หล่อนก็ยังเป็นถึงหลานสาวของผู้บริหารของกังหัวกรุ๊ปอย่างสวีโจวจี้อีกด้วย ถ้าได้เธอออกหน้าพูดให้แล้วละก็ คงจะง่ายกว่าMaki เยอะ

ในขณะที่รอให้หล่อนพูดคุย โม่อานฉีเองก็ยกเก้าอี้ไปให้เจียงเซ่อนั่งลงก่อน จากนั้นก็ส่งน้ำพร้อมหลอดไปให้เธอ เซี่ยเชาฉวินบอกว่าขอห้านาที และมันก็เป็นห้านาทีจริงๆ อย่างที่พูด พร้อมกับสัญญาณมือว่า ‘OK’

“เริ่มถ่ายกันเถอะ”

“คุณเซี่ยคะ......” Maki เดินเข้าไปหาหล่อน แล้วถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเบาๆ “คุณสวีเขาตกลงแล้วหรือคะ?”

เซี่ยเชาฉวินพยักหน้า และใบหน้าของ Maki ก็เผยรอยยิ้มขึ้นมาทันที แต่โม่อานฉีกลับมีท่าทางแปลกใจ เจียงเซ่อก็ก็รู้สึกแปลกๆ เหมือนกัน

คนของกังหัวนำเครื่องประดับชุดสุดท้ายออกมา ท่าทางของพวกเขาดูระมัดระวังมากจริงๆ ถ้าเซี่ยเชา ฉวินได้คุยกับสวีโจวจี้จริงๆ แล้วละก็ คงไม่ตกลงกันได้เร็วขนาดนี้แน่ๆ

ตอนนี้ Basile ได้สั่งให้ลูกน้องกลับมาติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ ใหม่แล้ว และกำลังปรึกษาหารือกับสไตล์ลิสต์และคนของกังหัวว่าจะถ่ายออกมาแบบไหน

เซี่ยเชาฉวินเดินเข้าไปหาเจียงเซ่อ แล้วยื่นมือไปจัดไหล่เสื้อให้เธอ ก่อนจะขยับปากขึ้นเล็กน้อย

“ตั้งใจถ่ายล่ะ”

“พี่เชาฉวิน พี่โทรแล้วจริงๆ น่ะหรือ?”

เจียงเซ่อถามออกไปตรงๆ เซี่ยเชาฉวินยิ้มขึ้นมา มือของหล่อนยังอยู่บนไหล่ของเจียงเซ่อ พอได้ยินเจียงเซ่อถามขึ้นแบบนั้นแล้ว ก็ตอบออกมาอย่างเรียบนิ่ง

“คุณสวีกำลังประชุมอยู่ ไม่ว่างมาคุยด้วยหรอก”

โม่อานฉีที่ยืนอยู่ข้างๆ อ้าปากค้างแทบจะหุบไม่ได้ เซี่ยเชาฉวินยังคงพูดต่อด้วยความสงบ

“ก็เลยมาบอกให้เธอตั้งใจถ่ายไง เซ่อเซ่อ การถ่ายภาพนิ่งมันไม่ได้จำกัดลีลาท่าทางหรอกนะ และไม่ได้ขึ้นกับว่าจะเป็นการถ่ายภาพขาวดำหรือเปล่า แต่มันอยู่ที่ผลที่ออกมาต่างหาก มันอยู่ที่เธอว่าจะสามารถถ่ายออกมาได้มีเสน่ห์หรือเปล่า”

ยากมากที่หล่อนจะพูดถึงเรื่องแบบนี้ให้ฟัง “ถ้าเธอถ่ายออกมาได้ดี ถ้าผลลัพธ์ที่ออกมามันดีกว่าที่คิด และสามารถนำยอดขายให้กับสินค้าได้แล้วละก็ เธอคิดว่าคุณสวีจะยังมาคอยสนใจว่ามันจะเป็นรูปขาวดำอีกหรือเปล่าล่ะ?”

ตั้งแต่เริ่มจนมาถึงตอนยังไม่มีสักครั้งที่เซี่ยเชาฉวินจะบอกว่าเธอทำออกมาได้ไม่ดี แต่ก็พูดได้ว่า หล่อนไม่ต้องการที่สุดท้ายแล้วเจียงเซ่อจะทำออกมาได้ไม่ดี มันจะเป็นการทำลายเครดิตเธอเสียแทน

เจียงเซ่อมีสายตาที่มุ่งมั่นขึ้นมา พร้อมๆ กับมุมปากที่ถูกยกขึ้น แต่รอยยิ้มเล็กๆ ที่เกิดขึ้นมาก็หายไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน

“Basile มีชื่อเสียงมากในต่างประเทศ การที่กังหัวจ้างเขามาแบบนี้ คงจะเสียเงินไปไม่น้อยเหมือนกัน และเขาเองก็มีภาพถ่ายขาวดำที่โดดเด่นอยู่มากมาย ถ้าเขาสามารถถ่ายเธอออกมาให้ดูดีได้ ถ้าถึงเวลาที่ปล่อยโฆษณาออกไปแล้ว และก็ผลลัพธ์ที่ดีกลับมา ไม่แค่พวกเครื่องประดับหรอกนะ แบรนด์สินค้าอื่นๆ ก็คงจะแห่เข้ามาเหมือนกัน”

พอพูดจบแล้ว หล่อนก็ไม่พูดอะไรมากมายอีก โม่อานฉีเองก็จำสิ่งที่หล่อนพูดไว้ขึ้นใจ แล้วแอบลอบมองตาเจียงเซ่อ

การพูดให้กำลังใจของเซี่ยเชาฉวินก็ถือเป็นแรงกดดันอย่างหนึ่ง ถ้าแรงทนต่อความกดดันทางจิตใจแบบนี้ต่ำล่ะก็ การที่ได้ยินแบบนั้นก็อาจจะจิตใจไม่สงบก็เป็นได้ แต่แววตาเจียงเซ่อกลับเป็นประกายขึ้นมาเหมือนว่ากำลังตื่นเต้น

เรื่องนี้ถือว่าใหญ่เหมือนกัน เพราะตอนนี้กำลังพูดคุยกันเรื่องชุด และคุยกันนานพอสมควร

เป็นครั้งแรกที่ชุดเสื้อผ้าที่ทางกังหัวเตรียมมามันไม่เป็นที่ชอบใจของ Basile เจียงเซ่อเป็นคนสูง บุคลิกเย็นชาและสง่างาม เครื่องเพชรที่แวววับจับตาควรจะเสริมความงามของเธอให้มากขึ้นไปอีก แต่เป็นเพราะว่า Basile ต้องการที่จะถ่ายภาพแนวขาวดำ จึงทำให้ไม่เห็นความเปล่งประกายและจุดเด่นของตัวเพชร

นี่เป็นการโฆษณาเครื่องประดับเพชร และก็เป็นการโชว์ความงามของนางแบบ ถ้าอยากจะถ่ายให้มันเห็นถึงความหรูหราและประกายจับตาแล้วล่ะก็ คงไม่ใช่การถ่ายรูปร่างของคนให้ออกมาสวยอย่างเดียวหรอก

Maki สั่งให้ทีมงานเอาเสื้อผ้ารองเท้าที่ยืมมาเอาไว้มากมาย แต่ Basile ก็ยังส่ายหัวอยู่ดี การปรึกษากันจึงต้องจบลงเท่านั้นก่อน

สำหรับ Basile แล้ว นี่ถือว่าเป็นการท้าทายที่ยากพอตัว เขาพยายามอารมณ์ดีและช่วยหาวิธีแก้ไข จนถึงดึกดื่น สุดท้ายก็วาดแบบร่างออกมาได้สำเร็จ

“ผมมีเพื่อนที่เป็นช่างฝีมือยอดเยี่ยมคนหนึ่ง สามารถวานให้เขามาช่วยออกหน้าได้ มีเขามาช่วยเรื่องยุ่งๆ ได้อีกแรง แต่คงต้องใช้เวลาอีกประมาณห้าวัน”

สุดท้ายแล้วการถ่ายโฆษณาเซตสุดท้ายของเจียงเซ่อทั้งกำไลข้อมือและตุ้มหู ต้องใช้ชุดทั้งหมดสองชุด

“ส่วนเรื่องค่าตอบแทนก็แล้วแต่พวกคุณเลย ผมจะรับหน้าที่ในการเชิญเขามา”

Maki และผู้ดูแลในฝรั่งเศสมองหน้ากันเล็กน้อย แล้วถามถึงราคาคร่าวๆ basile ยิ้มขึ้นมา

“ผมว่าค่าตอบแทนก็ถือว่าไม่ใช่น้อยๆ แต่จะไม่ทำให้ทุกคนต้องผิดหวังแน่นอน”

กังหัวมีทรัพย์สินมากมาย เรื่องเงินก็ใช่ว่าจะเป็นปัญหาอะไร แต่การถ่ายทำโฆษณาครั้งนี้ เป็นเพราะว่าBasile ได้คิดทบทวนคิดแล้วคิดอีก ทำให้ระยะเวลาการถ่ายทำยิ่งยืดเยื้อนานขึ้นไปอีก และมันก็เลยรยะกำหนดของกังหัวมาตั้งแต่แรกแล้ว

ในส่วนของงบประมานมันก็เกินมาจากที่เจิ้งซือหรงเคยคำนวณเอาไว้แล้วด้วย แล้วตอนนี้ Basile ยังเสนอให้ทำเสื้อผ้าขึ้นมาใหม่อีก ต้องยืดเวลาไปอีกนาน ส่วนเพื่อนที่เขาพูดถึงก็ไม่ได้พูดชื่อเสียงเรียงนามออกมา แต่ Maki ลองนึกๆ ดูแวดวงของ Basile แล้ว ราคาค่าตอบแทนของช่างตัดเสื้อมันจะต้องเกินงบประมาณที่ตั้งเอาไว้แน่ๆ

Maki ถอนหายใจออกมา แล้วหันไปมองเซี่ยเชาฉวิน

“คุณเซี่ย คุณคิดว่ายังไงคะ?”

หล่อนไม่ใช่คนที่มีจิตใจลังเล อีกทั้งหล่อนยังเป็นคนที่กล้าหาญเด็ดขาดและมีความสุขุมที่เลื่องลือในกังหัวกันอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นโครงการนี้คงไม่ตกมาอยู่ในมือหล่อนได้ง่ายๆ หรอก

แต่ครั้งนี้เรื่องไม่คาดคิดมันเกิดขึ้นติดต่อกันแบบนี้แล้ว มันก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องอยากนวดมือนวดคิ้วอยู่ตลอด เลยอยากจะฟังความคิดเห็นของเซี่ยเชาฉวินดู

“ฉันคิดว่าได้นะ” เซี่ยเชาฉวินไล่มองทีมงานฝรั่งเศสที่มากับกังหัวครู่หนึ่ง แล้วพูดขึ้น

“แบรนด์ แอมบาสเดอร์ที่คุณสวีเซ็นสัญญาด้วยในครั้งนี้ สำหรับกังหัวแล้ว ถือว่าเป็นครั้งแรกที่เคยมี ที่ผ่านมาก่อนหน้านี้ ตั้งแต่รุ่นของคุณตาฉันที่ท่านสามารถทำให้มันรุ่งเรืองมาจนถึงทุกวันนี้ แต่ไหนแต่ไรก็ต้องพึ่งการออกแบบ รูปแบบต่างๆ ของพวกเครื่องประดับถึงจะมาถึงจุดๆ นี้ได้”