webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

220

บทที่ 220 ท่าทาง

เจียงเซ่อพูดและฟังภาษาฝรั่งเศสและสามารถสื่อสารได้อย่างดี พอเห็นเธอเดินไปแล้ว เซี่ยเชาฉวินก็หันไปหาโม่อานฉีทันที

“เซ่อเซ่อเป็นภาษาฝรั่งเศสด้วยเหรอ?”

“ดิฉันเองก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ”

โม่อานฉีเองก็รู้สึกแปลกใจไม่น้อย หล่อนเองก็อยู่กับเจียงเซ่อมาสักระยะแล้ว แต่ก็พบว่าเจียงเซ่อมักจะมีอะไรแปลกใหม่ให้หล่อนได้รู้จักอยู่ตลอดเวลา

หล่อนอยู่ในวงการนี้มานาน ตอนที่อยู่ที่ญี่ปุ่นก็เคยได้ดูแลพวกดารา

ดาราที่มีความรู้สูงๆ และสามารถพูดได้สองภาษาก็ถือว่าไม่ใช่เรื่องที่พิเศษอะไร แต่กับเจียงเซ่อที่ดูเป็นคนที่สามารถควบคุมและบังคับตัวเองได้ นิสัยที่ไม่ค่อยเปิดเผยความรู้สึกจริงๆ ออกมาแบบนี้ นอกจากภาษาอังกฤษแล้ว เธอก็ยังสามารถใช้ภาษาฝรั่งเศสพูดสื่อสารได้อย่างง่ายดาย โม่อานฉีลูบๆ หน้า แล้วรีบตามเธอไปเช่นกัน ตอนนี้เจียงเซ่อกำลังพูดคุยเกี่ยวกับกระโปรงที่จะต้องใส่

การถ่ายแบบแบบสบายๆ ปนเซ็กซี่นั้น หลายๆ คนคงจะคิดว่าต้องเป็นประเภทโชว์เนื้อหนังเยอะๆ เพื่อโชว์เรือนร่างในส่วนต่างๆ แต่ในความคิดของสไตล์ลิสต์ที่ชื่อ Chloé คนนี้กลับไม่ได้คิดแบบนั้น

“ความเซ็กซี่ของผู้หญิง ไม่จำเป็นที่จะต้องโชว์นู่นโชว์นี่มากมาย”

หล่อนพิจารณาเจียงเซ่อตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วเลียมุมปาก “คุณเจียง วันนี้คุณไว้วางใจที่จะให้ฉันดูแลคุณได้เลยค่ะ”

Chloé เลือกชุดๆ หนึ่งมาให้เธอ มันเป็นเสื้อกันลมคอกว้างสีส้มอมแดง จากนั้นหล่อนก็จูงเจียงเซ่อเข้าไปในห้องแต่งตัวทันที

เจียงเซ่อถอดเสื้อผ้าออก จากนั้นก็ใส่เสื้อในฟองน้ำเข้าไป เพื่อที่จะได้ดันหน้าอกขึ้นมาให้ได้ทรงสวย และเพื่อป้องกันไม่ให้มันเกิดหลุดโผล่ออกมา เจียงเซ่อจึงเลือกที่จะใส่เสื้อสายเดี่ยวทับเอาไว้ด้วย

ส่วนท่อนล่างสวมเป็นกางเกงขาสั้น พอสวมเสื้อกันลมทับเข้าไปแล้ว และติดกระดุมตรงเอวเข้าไป และมันก็คลุมปิดกางเกงพอดี มันทำให้เหมือนว่าเธอไม่ได้ใส่อะไรข้างใน

เธอยังจัดๆ ให้มันดูปกปิดที่สุด ตัวเสื้อกันลมตัวนี้ไม่ได้โปร่งแสง แต่มันยังสามารถโชว์เอว ขายาวๆและไลน์ของทรวงอกได้อย่างชัดเจนด้วย มันเลยสามารถทำให้คนที่มองต้องคอยจิตนาการต่อ

Chloé พึงพอใจในรูปร่างของเธอเป็นอย่างมาก ส่วนเรื่องผมและใบหน้าก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของช่างแต่งหน้าและช่างผมต่อ ตัดสินใจได้ว่าจะทำผมเป็นลอนอ่อนๆ ให้เธอ และช่างแต่งหน้าก็เลือกที่จะใช้โทนสีส้มอมแดงที่เป็นสีเดียวกันกับตัวเสื้อ หลังจากแต่งสวยเสร็จเรียบร้อยแล้ว โม่อานฉีที่อยู่ข้างหลังก็ยกนิ้วโป้งขึ้น

“สวยมาก”

คิ้วเรียวเล็กของเธอถูกเขียนด้วยดินสอเขียนคิ้วสีน้ำตาลเทาจนโด่งสวยได้รูป ช่างแต่งหน้าต้องการให้ตาของเธอเป็นจุดเด่น เลยเลือกลงอายชาโดว์บนเปลือกตาคมโตนั่นให้ดูหยาดเยิ้มและสุกสว่างมากยิ่งขึ้น

ริมฝีปากของเธอถูกแต้มด้วยสี coral*สีชมพูส้มที่อ่อนกว่าสีเสื้อ และริมฝีปากก็ถูกเขียนให้ดูหนาขึ้นมาอีกนิดด้วย

หลังจากแต่งหน้าเรียบร้อยแล้ว คนของกังหัวก็ค่อยๆ รับหยิบกล่องๆ หนึ่งออกมาจากกล่องนิรภัยในมือบอดี้การ์ดอย่างระมัดระวัง และข้างในนั้นก็คือเครื่องเพชรชุดหนึ่งนั้นเอง

Chloé ช่วยเจียงเซ่อรวบผมขึ้น และ Maki ก็เป็นคนสวมสร้อยคอให้เธอเองกับมือ นอกจากนี้ ก็ไม่มีเครื่องประดับชิ้นอื่นแล้ว

พอเดินออกมาจากห้องแต่งตัวแล้ว ก็เดินเข้าไปในฉากที่เตรียมถ่ายเอาไว้ ช่างภาพที่เป็นผู้ชายผมทองคนนั้นสั่งให้เจียงเซ่อทำท่าอะไรก็ได้ไปก่อน พอเริ่มที่จะหาจุดได้แล้ว ถึงค่อยเปิดปากขึ้น

“เข้าไปใกล้ๆ ตู้หน่อยครับ”

ห้องที่ทางกังหัวได้ขอยืมจากโรงแรม Le Bristol Paris เพื่อนำมาถ่ายทำนั้น มันมีอุปกรณ์ทุกอย่าง อีกทั้งของต่างๆ ก็ยังมีรายละเอียดยิบย่อยที่แสนสวยงามอีกด้วย ตู้ที่ช่างภาพหมายถึง มันเป็นตู้ไม้เก็บไวน์ตู้หนึ่ง ข้าในก็มีไวน์อยู่ด้วย มันดูสง่างามและไม่ดูล้าสมัย

เจียงเซ่อเดินเข้าไปใกล้ ช่างภาพที่เห็นแล้วก็ยิ้มออกมา

“ยกมือขึ้นมา ทำเหมือนว่ากำลังจะเข้าไปใกล้ๆ”

เขาลดกล้องลง แล้วเดินเข้าไปยืนอยู่ข้างๆ เจียงเซ่อ แล้วยกมือขึ้นเป็นแบบให้เจียงเซ่อดู แล้วค้ำศอกลงไปบริเวณขอบตู้ไวน์ แล้วหันไปมองตาเจียงเซ่อด้วยตาที่เป็นประกาย

“OK?”

เจียงเซ่อพยักหน้า จากนั้นก็ทำท่าทางเหมือนกับที่ช่างภาพทำให้ดูก่อนหน้านี้ พอเธอยกมือขึ้นมา

แขนเสื้อถูกพับขึ้นไปข้างบน โชว์เรียวแขนที่ขาวดุจหิมะ ท่าทางเวลาที่เธอยกแขนขึ้น มันทำให้ชายเสื้อถูกดึงขึ้นไปด้วย ทำให้โชว์ขาอ่อนของเธอเล็กน้อย ส่วนมืออีกข้างของเธอล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ พอแสงไฟส่องลงมา สร้อยเพชรบนอกของเธอที่กระทบกับแสงจนมันส่องประกายวิบวับ

เป็นเพราะว่าเธอเคยถ่ายหนังมาก่อน รูปที่ออกมาจึงดูสื่ออารมณ์ได้ดีมาก ทำให้การถ่ายแบบเครื่องประดับและเสื้อผ้าเซตนี้ผ่านไปได้อย่างรวดเร็ว พอเจียงเซ่อกลับเข้าไปเช็ดเครื่องสำอางและเปลี่ยนเสื้อแล้ว ทีมงานของกังหัวและ Mak iที่เป็นคนดูแลงานนี้ก็เผยความรู้สึกพอใจกว่าที่คิดไว้ไม่น้อย ถึงขนาดที่ต้องเข้าไปในห้องแต่งตัวไปกับเธอด้วย

“สวยมากเลยนะคะ”

“ขอบคุณค่ะ”

เครื่องประดับที่ต้องถ่ายยังมีอีกมาก นอกจากแหวน สร้อยข้อมือ ตุ้มหูและสร้อยแล้ว ก็ยังมีเครื่องเงินอื่นๆ อีกด้วย

ช่วงเช้านี้ถ่ายไปได้สองเซต และก็ได้เวลาของอาหารเที่ยงแล้ว

ทางฝั่งของช่างภาพและทีมงานของฝรั่งเศสนั้นพิถีพิถันกับการทานอาหารมากกว่า Chloé เองก็ได้เชิญให้เจียงเซ่อไปนั่งทานอาหารกับพวกเขาด้วย เจียงเซ่อส่ายหน้าปฏิเสธ เพราะช่วงบ่ายเธอยังต้องถ่ายงานต่อ จึงจะทานอะไรมากไม่ได้ บวกกับช่วงเที่ยงอาจจะต้องคุยงานต่อ ก็เลยจำเป็นต้องปฏิเสธ Chloé ไป

ตอนแรกช่วงบ่ายจะเป็นการถ่ายเซตของตุ้มหูและแหวน แต่เป็นเพราะว่าตอนนี้ทั้งช่างแต่งหน้าและสไตล์ลิสต์กำลังมีความคิดเห็นที่ไม่ตรงกัน สุดท้ายก็เลยไม่ได้ถ่าย ตารางงานทั้งหมดจึงถูกยกไปไว้วันถัดไปแทน

ช่างภาพผมทองคนนั้นยังมีท่าทีที่จะเดินเข้ามาขอช่องทางติดต่อกับเจียงเซ่อด้วย แต่เจียงเซ่อทำแค่เพียงยิ้มๆ ให้เขา

“ฉันมีแฟนแล้วค่ะ”

เขาเองก็ทำแค่เพียงยักไหล่ ถึงเขาจะมีท่าทางผิดหวัง แต่ก็ไม่ได้มารบเร้าอะไรอีก

โม่อานฉีเดินเข้าไปหาเจียงเซ่อ

“นี่ถ้าคุณเผยรู้เรื่องเข้าละก็ มีหวังได้โกรธอีกแน่ๆ เลย”

หลังจากที่ทานมื้อค่ำเสร็จแล้ว เจียงเซ่อก็ไปทำสปารอบหนึ่ง กลับมานอนพัก และตื่นขึ้นมาอีกวันเพื่อถ่ายงานต่อ

เพราะต้องการให้ออกมาสมบูรณ์แบบและไม่มีที่ติ ทำให้ตารางงานที่วางเอาไว้ว่าแค่ครึ่งเดือนคงจะต้องล่าช้าออกไปด้วย เหมือนว่าจะยาวถึงยี่สิบวัน หลังจากที่ถ่ายแบบภาพนิ่งและแบบวีดิโอเรียบร้อยแล้ว สุดท้ายกังหัวก็ยังเอาเครื่องประดับอย่างกำไลมือและจิวตุ้มหูออกมาอีก

และเครื่องประดับชุดนี้มันก็สวยมากจริงๆ กำไลเป็นกำไลเงิน บนกำไลดูประดับด้วยเพชรเม็ดงาม เพชรที่ถูกออกแบบและประดับอยู่บนกำไลนั่นก็เป็นแบบเรียบๆ

สิ่งที่เป็นตัวหลักก็คือเงิน ส่วนเพชรที่อยู่บนนั้นน่าจะราวๆ หนึ่งกะรัต เป็นทรงกลมรอบกำไล มันดูสว่างแวววาวพร่าตาไปหมด แถมยังส่องประกายให้กับคนที่สวมใส่มันอีก

มันเครื่องประดับเหล่านี้มาอยู่รวมกัน มันก็ยิ่งเปล่งประกายยิ่งกว่าเดิมอีก

ช่างภาพกัดริมฝีปากแน่น พลางหันหน้าไปทางเจียงเซ่อ กำลังใช้ความคิดว่าจะจะถ่ายออกมาในรูปแบบไหนดี

ระยะเวลาครึ่งเดือนที่ผ่านมา เขาและเจียงเซ่อก็สนิทกันมากขึ้น ถึงตอนนั้นจะโดนเธอปฏิเสธที่จะติดต่อกันส่วนตัวมาแล้ว แต่มันก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการทำงานของทั้งสองคน อาจเป็นเพราะเจียงเซ่อเองก็มีนิสัยที่ตั้งใจและมุ่งมั่นในการทำงาน ทำให้ช่างภาพี่ชื่อ Basile คนนี้รู้สึกดีกับเธอไม่น้อย และกลายเป็นเพื่อนกันในที่สุด

“คุณเคยนึกถึง การถ่ายรูปขาวดำหรือเปล่า?”

Basile คิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วหันไปพูดกับเจียงเซ่อยิ้มๆ

ผู้ดูแลกังหัวของประเทศฝรั่งเศสแปลคำพูดเหล่านั้นให้ Maki ฟัง Maki ที่ได้ยินแล้วก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย

เหมือนพวกเขากำลังทำให้เครื่องประดับชุดที่ราคาแพงที่สุดให้กลายเป็นเครื่องเพชรที่มีค่าน้อยที่สุด หล่อนกลัวว่ามันจะกลายเป็นสิ่งที่ไม่น่าสนใจไป

นี่เป็นเครื่องเพชร ถ้าจะถ้าออกมาเป็นรูปขาวดำก็ดูจะเสี่ยงไปหน่อย กลัวว่าจะไม่สามารถถ่ายหัวใจหลักที่สำคัญที่สุดของเครื่องเพชรออกมาได้