webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

217

บทที่ 217 เรื่องเก่าๆ

พอเจียงเซ่อตอบตกลง ในใจของเผยอี้มันก็เหมือนประกายไฟลุกขึ้นมา แววตาเผยประกายแวววาวออกมาอย่างปิดไม่มิด

เมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้ ใบหน้าของเธอมีแต่ความลังเล มันทำให้ใจของเผยอี้เต้นจนแทบจะกระเด็ดออกมา

มันไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอปฎิเสธ สำหรับเขาแล้ว บ้านพักตากอากาศที่ฝรั่งเศสนั่นมันมีความหมายที่ไม่เหมือนกัน เขาตั้งใจและใช้เวลาวางแผนกว่าสองสามปี ที่นั่นมันเหมือนเป็นที่ดินที่เขาบุกเบิกด้วยตัวเองเลย ก็อย่างที่เขาบอก ทุกอย่างมันถูกเตรียมพร้อมเอาไว้หมดแล้ว เหลือแค่ให้เธอเข้าไปอยู่

เพราะตอนนั้นเขาใจร้อนเกินไป ทำให้เธอปฎิเสธที่จะบินไปที่ปารีสด้วยกัน และเพราะแบบนั้น เผยอี้จะไม่มีวันพลาดเป็นครั้งที่สองเด็ดขาด

เขาทั้งระมัดระวัง ทุ่มแรงกายแรงใจ รวบรวมความกล้าที่จะขอมันออกมา ถึงจะสามารถทำให้เธอตอบตกลงมาเป็นของตนเองได้ แต่สิ่งที่เขากลัวอีกอย่างก็คือกลัวว่าเธอจะกางปีกบินหนีไปอีก

นาทีที่เธอพยักหน้าตกลง เผยอี้ก็รู้สึกได้เลยว่าขอบตามันร้อนผ่าว เขาบอกไม่ถูกว่าสิ่งที่กำลังรู้สึกมันเรียกว่าอะไร แต่เขารู้สึกว่าในใจมันรู้สึกอบอุ่นและพองโตไปหมด รู้สึกพึงพอใจ และรู้สึกถึงความหอมหวาน

เหมือนได้รับความปรารถนาที่กักเก็บมานาน จนอยากจะรวบมือเธอและเดินออกมาจากโรงหนังทันที

“ถึงตอนนั้นแล้วพี่ก็เที่ยวเล่นที่ฝรั่งเศสไปพลางๆ ก่อนนะครับ ถ้าผมฝึกเสร็จแล้วจะรีบไปหาพี่ทันทีเลย”

เขากุมมือของเจียงเซ่อเอาไว้ และกำชับเธอออกไป

หนังมันไม่สามารถดึงดูดให้เขากลับไปสนใจได้อีกแล้ว สายตาของเขาจ้องมองไปที่เจียงเซ่อเพียงคนเดียว มองดูเธอยิ้ม จนตัวเองก็ต้องยิ้มขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้เช่นกัน

ตอนนี้เผยอี้ไม่รู้เลยว่าสายตาของตัวเองมันอบอุ่นมากแค่ไหน ความรู้สึกที่ทั้งชอบทั้งรักมันเอ่อล้นออกมาทางสายตาอย่างปิดไม่มิด จากนั้นก็รวบตัวเจียงเซ่อเข้าไปกอดไว้แน่น เธอรู้สึกแปลกใจนิดหน่อย ว่าทำไมเมื่อก่อนเธอไม่เห็นเคยได้รู้สึกถึงความรู้สึกเหล่านี้เลย

เผยอี้อดทนรอจนฉากแอร์โฮสเตสของเจียงเซ่อออกมาจนนาทีสุดท้าย แล้วรีบดึงเจียงเซ่อออกมาทันที

เผยอี้เข้ากรมวันที่ห้า ต้องกลับไปที่บ้านตระกูลเผยเพื่อเตรียมตัวก่อนล่วงหน้าสองวัน การที่ตระกูลเผยส่งเขาไปฝึกทหารในครั้งนี้ ดูเหมือนว่ามันคงไม่ใช่กรมทหารที่อยู่ในจู้จิงแบบที่ผ่านๆ มาแล้วแน่ๆ แต่มันอยู่ห่างออกไปจากตี้ตู เรื่องที่จะให้เขาฝึกอะไรยังไม่มีใครบอก แต่ว่ามันคงไม่ได้เบาๆ

หลังจากที่เข้ากลับไปถึงที่บ้านตระกูลเผยแล้ว ก่อนจะออกเดินทางก็ยังโทรไปหาเจียงเซ่ออีกครั้งด้วย น้ำเสียงฟังดูดื้อและยังไม่อยากไปไหนเลย

“ครั้งนี้นอกจากจะต้องไปที่อื่นแล้ว ผมอาจจะไม่ได้พกมือถือด้วยนะครับ เพราะงั้นภายในหนึ่งเดือนนี้คงติดต่อกันไม่ได้”

น้ำเสียงของเขาฟังดูหงุดหงิด ทั้งๆ ที่ก็ยังไม่ได้ออกจากตี้ตูเลยด้วยซ้ำ แต่เผยอี้ก็รู้สึกว่าตัวเองกำลังคิดถึงเจียงเซ่อเสียแล้ว คิดถึงรอยยิ้มเล็กๆ ของเธอ คิดถึงตอนที่เธอกำลังตั้งใจอ่านหนังสือ หรืออ่านบทหนังของตัวเองอยู่ ตอนที่เธอกำลังเหม่อ หรือตอนที่เธอมีแววตาเขินอาย แค่นั้นมันก็ทำให้เผยอี้รู้สึกว่าช่วงเวลาที่ต้องไปฝึกมันช่างยาวนานเหลือเกินแล้ว มันยากที่จะทนได้จริงๆ

“พี่จะคิดถึงผมไหม?”

เขาอดไม่ได้ที่จะถามออกไป

“ไม่อ่ะ”

ถึงตอนนี้จะมีเพียงมือถือที่กั้นทั้งสองเอาไว้ เธอมองไม่เห็นใบหน้าของเผยอี้ แต่เจียงเซ่อก็พอจะเดาได้ว่าเขากำลังทำหน้าแบบไหน เผยอี้ที่ได้ยินเธอพูดแบบนั้นแล้ว ก็เหมือนจะผิดหวังไป

มุมปากของเจียงเซ่อยกขึ้นเบาๆ “ล้อเล่นหรอกน่า”

เจียงเซ่อหันหน้าไป มองไปยังตู้ปลาสีใสดั่งแก้วคริสตัลที่แสนสวยละเอียดอ่อนนั่น เต่าตัวน้อยที่เหมือนจะโตขึ้นเยอะแล้วกำลังปีนไปปีนมา ตอนที่เผยอี้อยู่ที่บ้าน เขาก็ดูแลเจ้าเต่าของตัวนี้อย่างกับสมบัติล้ำค่า ทุกๆ วันเขาจะให้คนเอาพวกเหยื่อปลาต่างๆ มา และจัดการป้อนมันเองกับมือ

เธอยื่นมือไปเขี่ยๆ ที่กระดองของเจ้าสองตัวนั้น เจ้าเต่าสองตัวนี่ก็ไม่ได้ดูกลัวคนเลยสักนิด แถมเอาแต่อยู่นิ่งๆ โง่ๆ เธอเลยหลุดหัวเราะออกมา พอเธอเหลือบสายตาขึ้นมาแล้ว ก็พบกับเงาตัวเองที่สะท้อนอยู่บนกระจกแก้วใส เธอกำลังยิ้มหวานดั่งดอกไม้ ยิ้มจนแก้มยกขึ้น

เจียงเซ่อชะงักนิ่งไป เธอไม่เคยคิดมาก่อนเลย ว่าเวลาที่ตัวเองคิดถึงเผยอี้ขึ้นมา หรือเวลาที่ตัวเองกำลังคุยกับเขา จะมีท่าทางแบบนี้

“เซ่อเซ่อ เซ่อเซ่อ……”

ปลายสายเผยอี้กำลังพูดอะไร เธอเองก็ไม่ทันได้ฟังให้ชัด เขายังคงเอาแต่เรียกชื่อเธอ พอเจียงเซ่อสติกลับมา เธอก็มองเงาตัวเองในกระจกนั่นอีกครั้ง เธอเปลี่ยนมือที่ใช้ถือมือถือ “ยังอยู่น่า”

“อาอี้ ฉันคิดถึงนายจัง”

คำพูดแบบนี้ จริงๆ แล้วมันก็ไม่ได้พูดยากอย่างที่เธอเข้าใจเลย เธอหลับตาลง ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าตอนนี้บนใบหน้าของเธอมันกำลังยิ้มอว่างสดใสมากแค่ไหน แถมมันคงต้องดูหวานมากแน่ๆ

“นายต้องตั้งใจฝึกนะรู้ไหม ฉันจะรอนายอยู่ที่ฝรั่งเศส”

“พี่รอผมตอนนี้ได้เลย!” คำพูดของเธอทำเอาหัวใจของเผยอี้มันล่องลอยบินไปไกล เขากำมือถือแน่น จากนั้นเจียงเซ่อก็ได้ยินเสียงเหมือนเขากำลังกระโดดลงจากเตียงดัง ‘ตึง’ ไม่นานนัก เธอก็ได้ยินเสียงคุณพ่อขอเขาบ่นเข้ามา

“นั่นแกจะไปไหนอีก?”

“ผมจะกลับบ้าน!”

เขาวิ่งดัง ‘ตึกๆๆ’ เหมือนจะไปเปิดประตู แต่เหมือนว่าจะโดนคนจับตัวเอาไว้เสียก่อน คุณพ่อของเผยอี้ด่าออกมาอย่างอ่อนใจ

“เหลวไหล! ทำตัวให้อยู่ในกฎประเพณีหน่อยได้ไหม กลับเข้าห้องไปเดี๋ยวนี้เลย! วันนี้ไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น อีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะเดินทางอยู่แล้ว แล้วแกจะออกไปก่อเรื่องที่ไหนอีก!”

เจียงเซ่ออดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา เขายังคงดิ้นรนอยู่ จากนั้นปลายสายก็มีเสียงเหมือนกำลังมีคนยื้อยุดกันอยู่

แถมในขณะที่กำลังชุลมุนก็ได้ยินเสียงด่าเสียงตะโกนเรียกให้คนมาจับเขาเอาไว้ของคุณพ่อเผยอี้อีกด้วย

‘ปัง’ เสียงปิดประตูดังขึ้นมา เงียบไปอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่พอใจสุดๆ

“ทั้งพ่อทั้งลุงสองลุงสามลากผมกลับมาขังในห้องกันหมดเลย ทำยังไงดีล่ะเซ่อเซ่อ……”

ตอนนี้เขาอยากเห็นเธอมากๆ อยากเห็นสีหน้าท่าทางของเธอตอนที่บอกว่าคิดถึงเขา อยากจะกอดเธอ อยากจะเก็บเธอเอาไว้ในกระเป๋าเสื้อ จะได้มีเธออยู่ใกล้หัวใจตลอดเวลา

“ไม่เป็นหรอกน่า”

น้ำเสียงของเขาดูหงอยๆ เจียงเซ่อพูดปลอบเขาไปคำสองคำ แต่เหมือนเขาก็ยังดูเสียใจอยู่ดี แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงเปิดหน้าต่างดังขึ้นมา เหมือนว่าคิดที่จะกระโดดลงหน้าต่างสินะ

แต่ก็มีเสียงคนที่อยู่ข้างล่างดังขึ้นมาก่อน

“คิดจะหนีงั้นเหรอ ฉันพูดไว้ตรงนี้เลยนะ ฉันให้ตัวเลือกให้แกสองข้อ ระหว่างแกจะเดินขึ้นเครื่องบินด้วยขาที่ยังใช้การได้ กับให้คนหามแกขึ้นไป ดูสิแบบนั้นจะควบคุมแกไม่ได้อีกไหม!”

เจียงเซ่อคิ้วกระตุก เขายังมีท่าทีไม่พอใจ

“เซ่อเซ่อ……”

“หรือจะให้ฉับขับรถไปหานายดี” เจียงเซ่อลุกขึ้นยืน กำลังจะเดินไปเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่เขากลับส่ายหน้า ใครมันจะไปยอมให้เธอขับรถออกจากบ้านมาตอนดึกดื่นแบบนี้กัน

พูดอะไรอีกประโยคสองประโยค เขาก็ถามขึ้นมาอีก

“วันนี้ทำอะไรไปบ้างครับ?”

เขาเพิ่งจะกลับมาที่บ้านตระกูลเผยได้สองวัน แต่กลับรู้สึกเหมือนว่าห่างจากเธอมานานมากแล้ว เขาไม่รู้เลยว่าแต่ก่อนตัวเองทนมาถึงตอนนี้ได้ยังไง

“ไปพบกับผู้กำกับจ้าวมา พูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องหนังเรื่องใหม่”

พอพูดถึงหนังเรื่องใหม่ขึ้นมา เผยอี้ก็เกิดคิดเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้

“จริงสิ” เขาตบหัวตัวเองทีหนึ่ง ก่อนจะชะโงกหน้าไปมองนอกหน้าต่าง พ่อรู้จักนิสัยเขาดีจริงๆ นั่นแหละ ถึงได้เรียกให้พวกบอดี้การ์ดมาเยอะแยะแบบนี้ แถมยังทำท่าเหมือนกับว่าจะติดกล้องวงจรปิดเอาไว้ดูบริเวณห้องเขาอีกด้วย เผยอี้ตากระตุก แล้วพยายามสูดหายใจเข้าลึกๆ แต่น้ำเสียงก็ยังฟังดูไม่ค่อยยอมลงเท่าไหร่

“ครั้งก่อนที่พี่พูดถึงหนังเรื่องใหม่ขึ้นมา ไม่ใช่ว่าอยากจะไปดูเรือนจำหญิงที่ชานเมืองทางด้านตะวันตกหรอกหรือ? ผมคุยเรื่องนี้กับอาต้านให้แล้ว เขาจะติดต่อไปบอกข่าวให้พี่ เอาไว้จัดเตรียมเสร็จเรียบร้อยแล้วพี่จะไปก็บอกมันละกัน จะได้หาคนไปเป็นเพื่อนพี่ด้วยไงครับ”

ตอนที่เจียงเซ่อพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา หลังจากนั้นเธอก็ยุ่งๆ มาโดยตลอด ทั้งถ่ายหนังเรื่อง ‘เกี่ยวกับที่ฉันรักเธอ’ แล้วยังเซ็นสัญญาเป็นแบรนด์ แอมบาสเดอร์สินค้าอีก บวกกับเป็นช่วงสอบ เลยไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาเสียที แต่เผยอี้กลับจำได้ขึ้นใจ แถมยังไปปรึกษากับเนี่ยต้านแล้วด้วย

ที่ตระกูลเนี่ยช่วงนี้เริ่มวางแผนกันว่าจะออกจากวงการทหาร แล้วตั้งใจที่จะเข้าวงการการ์ดแทน จะเป็นพวกกองกำลังติดอาวุธ ตอนนั้นเจียงเซ่อพูดถึงเรื่องที่ว่าอยากจะไปที่เรือนจำหญิงพอดี นี่คงเป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้ว

ที่จริงเขาได้พูดเอาไว้ตั้งนานแล้ว แต่เจียงเซ่อเองก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา แม้แต่เผยอี้เองก็เกือบจะลืมไปแล้ว แต่พอตอนนี้เธอพูดถึงหนังเรื่องใหม่ขึ้นมา เผยอี้ก็เพิ่งจะนึกขึ้นได้ เลยพูดถึงมันขึ้นมาใหม่