webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

216

บทที่ 216 รอฉัน

แต่ในเรื่องของเนื้อเรื่อง ก็มีคนประเมินเอาไว้ในทางลบเช่นกัน : ‘เนื้อเรื่องเดิมๆ ไม่มีอะไรแปลกใหม่ เหมือนเป็นหนังเอาไว้ดูฆ่าเวลาอะไรประมาณนั้น ดูจบแล้วฉันจำได้แค่แอร์โฮสเตสสาวสวยคนนั้น’

หลิวเหนิง : หนังเรื่อง ‘ฝันที่เป็นจริงก็มีแค่ชื่อเสียงของกู้เจียเอ่อห้าสิบคะแนน เนื้อเรื่องของพระเอกนางเอกมีแค่สิบคะแนน หังยวี๋อีกับจ้าวรั่วจวินยังเหมือนแค่การแสดงของพวกไอดอลพระเอกนางเอก มันยังไม่พอสำหรับหนังที่ต้องฉายในบนหน้าจอใหญ่ๆ หรอก แต่อีกสิบคะแนน ให้กับสาวแอร์โฮสเตสที่ทั้งสวยสะดุดตา และสามารถพูดภาษาฝรั่งเศสได้อย่างถูกต้องชัดเจน นักแสดงใหม่คนนี้ใช่คนที่แสดงเป็น ‘หญิงสาวในฝัน’ ในเรื่อง ’99 love letter’ หรือเปล่า?’

เพราะว่าเจียงเซ่อได้เข้าร่วมงานหนังรอบปฐมทัศน์ไปแล้ว วันที่สองของการฉายหนังจึงยังไม่ได้ไปดูเพราะคนเยอะ แต่ก็เลือกที่จะไปในวันที่สามพร้อมกับเผยอี้

ถึงแม้ว่าหนังเรื่อง ‘ฝันที่เป็นจริง’ จะได้รับคำวิจารณ์ทั้งดีและไม่ดีมากมายไปหมด แต่ทว่ามันก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการขายบัตรของกู้เจียเอ่อแต่อย่างใด เพราะเขาค่อนข้างที่จะมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อคนในวงการโรงหนังใหญ่ๆ ไม่น้อย รอบหนังก็ปาไปแล้วถึง 24% วันที่ออกฉายวันแรก ยอดขาบบัตรหนังก็ปาไปแล้วถึงสี่สิบหกล้าน ส่วนยอดของวันที่สองก็ไม่ได้น้อยไปกว่าวันแรกเลย

ในโรงหนัง เผยอี้ก็คอยถามเจียงเซ่อว่าอยากจะดื่มน้ำผลไม้อะไรเสี่ยหน่อยไหม

การที่เขามาดูหนังเรื่องนี้ จุดมุ่งหมายแท้ๆ เลยก็คือจะมาดูเจียงเซ่อ เขาไม่ได้มีความสนใจกับเรื่องราวของพระเอกนางเอกเลยสักนิด ดังนั้นถึงหนังจะเริ่มเล่นแล้ว แต่ทั้งสองคนก็ไม่ได้รีบร้อนที่จะเข้าไปในโรงหนัง แต่เลือกที่จะนั่งคุยกันอยู่ข้างนอกแทน

เจียงเซ่อบอกว่าอยากดื่มน้ำแอปเปิ้ล เขาก็รีบไปซื้อมาพร้อมกับขนมเล็กๆ น้อยๆ ตอนที่เข้าไปในโรงหนัง หนังก็เล่นไปแล้วเกือบสิบนาที

ดีที่ที่นั่งของทั้งคู่อยู่มุมหลังสุด เลยไม่ได้ไปรบกวนการดูหนังของคนอื่นๆ นั่งได้ไม่นานนัก ในเรื่องก็เป็นฉากของเจียงเซ่อแล้ว

สำหรับหนังเรื่อง ‘ฝันที่เป็นจริง’ ในอินเทอร์เน็ตต่างก็พากันพูดถึงเสียงพากย์ของเจียงเซ่อกัน ถึงจะมีไม่มาก แต่ก็ยังมีคนบางส่วนที่คิดว่าการออกเสียงคำของเธอมันตรงมากๆ เลยพากันเดาว่าทางทีมงานไปจ้างคนปารีสแท้ๆ มาพากย์เสียงเอาหรือเปล่า

ถึงจะมีคนเคยมารื้อประวัติการเรียนที่มหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของเธอแล้ว แต่เรื่องที่เธอเคยเรียนภาษาฝรั่งเศสมาก่อนคงไม่รู้แน่ๆ แถมเธอยังสามารถพูดได้ดีเสียด้วย

ตอนนี้ทางทีมงานยังไม่มีใครออกมาพูหรือชี้แจงเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ว่าเผยอี้รู้ว่าฉากนี้เจียงเซ่อเป็นคนพุดเองแน่ๆ เขาตั้งใจดูอยู่ครู่หนึ่ง ก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมอง และจ้องเธออยู่อย่างนั้น จ้องอยู่อยู่นาน เจียงเซ่อก็เริ่มสงสัย

“มองฉันทำไมเนี่ย?”

“เซ่อเซ่อ อีกไม่กี่วันก็จะไปฝรั่งเศสแล้วใช่ไหม?”

เจียงเซ่อพยักหน้า เพราะแผนการของ Gang hua Jewelry กำหนดมาแบบนั้น เธอจะไปฝรั่งเศสประมาณสิบห้าวัน วันที่สิบเอ็ดเดือนกรกฏาก็จะออกเดินทางแล้ว เพื่อที่จะไปถ่ายแบบที่นั่น

การถ่ายโฆษณาชิ้นนี้ มันไม่เหมือนตอนที่ถ่ายโฆษณากางเกงยีนส์ของ Adeele

การถ่ายแบบของกางเกง Adeele จะเน้นถ่ายกับฉากหลังเป็นหลัก แต่ของ Gang Hua Jewelry ที่นอกจากจะถ่ายกับฉากหลังเรียบๆ แล้ว ก็ยังต้องถ่ายแบบวิดีโอโฆษณาสั้นๆ ด้วย หรือพูดได้ว่า เธอต้องถ่ายหนังสั้นๆ ฉากหนึ่ง และพอถึงตอนนั้นมันก็จะถูกฉายบนจอทีวีไปทั่ว

ดังนั้นถ้าเทียบระหว่างค่าใช้จ่ายและเวลา แรงคนกับอุปกรณ์สิ่งของต่างๆ ต้องใช้มากกว่าตอนที่ถ่าย Adeele แน่นอน

“ทำไมเหรอ?”

เจียงเซ่อถามขึ้นเบาๆ ที่บ้านตระกูลเผยได้วางแผนการใช้ชีวิตของเผยอี้ในช่วงวันหยุดฤดูร้อนเอาไว้เรียบร้อยแล้ว เขาจะต้องเข้าไปเรียนและฝึกซ้อมที่กรมทหารเป็นเวลาหนึ่งเดือน และได้กำหนดเอาไว้ว่าให้เริ่มตั้งแต่ต้นเดือนกรกฎาคมนี้ และมันก็ยาวไปถึงตอนที่เจียงเซ่อจะต้องไปถ่ายแบบด้วย

“พี่ต้องรอผมอยู่ที่นั่นก่อนนะ”

เขาก้มหน้ามองมือของเจียงเซ่อที่ถือน้ำแอปเปิ้ลเอาไว้ จากนั้นก็ก้มลงไปดื่มมันอึกหนึ่ง

ท่าทางแบบนี้มันทำให้ทั้งสองมันดูสนิทสนมใกล้ชิดกว่าตอนที่โอบกอดกันเสียอีก จู่ๆ เจียงเซ่อก็เกิดรู้สึกดีที่ในแสงไฟในโรงหนังมันสลัว เสียงเครื่องบินกำลังบินขึ้นดังออกมาจากลำโพงที่อยู่ข้างๆ จนหูอื้อไปหมด เผยอี้คงไม่รู้ว่าตอนนี้เธอกำลังหายใจไม่เป็นจังหวะไปหมดแล้ว

“รอนาย?”

เธอถามขึ้นอย่างแปลกใจ เผยอี้พยักหน้า

“ผมจะบินไปหาพี่ช่วงเดือนสิงหาคม”

เพื่อที่จะไม่ไปรบกวนเสียงของหนัง ทั้งคู่ก็เลยพูดกันเบาๆ

“ที่ฝรั่งเศสนั่น ผมซื้อบ้านพักตากอากาศเอาไว้ บ่มไวน์เอาไว้ด้วย มีม้าสองตัว รอพี่ไปตั้งชื่อให้มันอยู่นะ”

ไม่ว่าอะไรเขาก็เตรียมเอาไว้หมดแล้ว บ้านพักตากอากาศที่อยู่ที่ฝรั่งเศสมีทุกอย่างพร้อมสรรพ ขาดก็แต่ตัวเธอนั่นแหละ

เจียงเซ่อกำแก้วในมือแน่น แล้วนึกถึงเมื่อประมาณปีที่แล้วขึ้นมา ตอนนั้นเขายังอยู่ที่ฝรั่งเศส เวลาในอีเมล์ต่างๆ ที่เขาส่งมาให้เธอที่เธอได้ดูมันทีหลังนั่นพิสูจน์ทุกสิ่งทุกอย่าง

เขารอคอยเธออยู่ที่นั่นเสมอ แล้วตอนนี้เขาก็พูดอย่างที่เคยได้บอกเอาไว้เหมือนเดิมอีกครั้ง จะรอหรือไม่รอดีล่ะ?

เพราะว่าอีเมล์พวกนั้น มันทำให้เธอเหมือนได้กุญแจไขกล่องแพนโดร่า ทำให้เธอได้เข้าใจความในใจของเผยอี้ การที่ไปบ้านพักตากอากาศที่อยู่ที่ฝรั่งเศส จึงเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ อีกเรื่องหนึ่งของเขาสินะ มันไม่ใช่การให้สัญญา แต่มันก็มากกว่าคำว่าสัญญา

จู่ๆ เจียงเซ่อก็ไม่กล้าจ้องตาเผยอี้ขึ้นมาเสียดื้อๆ

สายตาของเผยอี้มุ่งมั่นมากๆ เผลอๆ อาจจะมากกว่าตอนที่เขาขอแต่งงานเสียอีก มันทำให้เธออะไรไม่ถูก

เขายื่นมือไปประคองใบหน้าเจียงเซ่อเอาไว้ เขาเชยหน้าเธอขึ้นให้มองเขาตรงๆ ช่างเป็นการกระทำที่แสนนุ่มนวลแต่ก็ดูหนักแน่น แล้วพูดหลอกล่อขึ้นเบาๆ

“รอผม นะครับ”

“ที่ฝรั่งเศสมีที่น่าเที่ยวตั้งเยอะเลย”

เขาพิงตัวลงบนพนักพิง แต่ศีรษะยังหันไปทางเธอ แล้วก็พูดแนะนำนู่นนี่ขึ้นมา

“ที่นั่นมีปาร์ตี้ ใกล้ๆ มีคุณปู่คนหนึ่งในครอบครัว Pierre เขาอยากรู้จักพี่มาก เขาเป็นคนนิสัยดี แถมเป็นคนแนะนำผมบ่มไวน์เองด้วย”

พอพูดถึงตรงนี้ เผยอี้ก็มีท่าทางเขินๆ

“เซ่อเซ่อ ปีที่แล้วผมเป็นคนเลือกองุ่นเองกับมือเลยนะ บ่มไวน์เอาไว้ตั้งหลายขวดแน่ะ พี่ไม่อยากจะลองชิมมันหน่อยหรือ?”

แววตาของเขาทอแสงความหวังออกมา แล้วยื่นมือไปลูบนิ้วของเธอ “พวกเราขับรถไปชมวิวของแม่น้ำการอนก็ได้ จะอยู่ถึงเดือนกันยาเลยก็ได้ รอจนได้เก็บองุ่นก่อนแล้วค่อยกลับประเทศกัน เมื่อไม่กี่วันก่อนผมได้ข่าวมาจากที่ฝรั่งเศส ว่าปีนี้แดดดี พวกองุ่นก็เลยสุกเร็วกว่าปีที่แล้ว เซ่อเซ่อครับ......”

พูดถึงตรงนี้ เผยอี้ก็ค่อยๆ ก้มหน้าลงไปสัมผัสกับศีรษะของเธอ ถูไปถูมาด้วยท่าทางกระเง้ากระงอด

“พี่รอผมนะ พวกเราไปดูด้วยกัน ถึงตอนนั้นทั้งสวนจะมีแต่กลิ่นหอมๆ ของผลไม้ ทุกลมหายใจที่พี่สูดเข้าไป มันก็จะหอมไปหมดเลยล่ะ”

ตอนเขาพูดก็เหมือนจะดัดเสียงเล็กๆ ด้วย ไม่รู้ว่าเพราะอะไร มันทำให้เธอนึกถึงที่ตัวเองได้ไปแสดงในเรื่อง ‘ฝันที่เป็นจริง’ เมื่อปีที่แล้วขึ้นมา

ตอนนั้นกู้เจียเอ่อตั้งใจสอนเธอเป็นอย่างมาก บอกกับเธอวันมันยังมีตรงไหนที่ไม่เพียงพอต่อการพูดบทของเธอ

เธอเพิ่งจะได้ถ่ายทำฉากนั้น แต่ตอนที่พูดออกมามันยังไม่มีแรงดึงดูดพอที่จะให้คนฟังเห็นภาพเหมือนที่พูดออกมา ไม่สามารถให้คนอื่นคิดตามและเห็นภาพของฝรั่งเศสได้ ตอนนั้นเธอก็ได้คิดถึงความรู้สึกและอารมณ์ตอนพูดของเผยอี้ขึ้นมา เธอถึงจะสามารถสื่อความรู้สึกเหล่านั้นออกมาได้

ความทรงจำในตอนนั้นกับท่าทางการพูดขอร้องของเขาในตอนนี้มันไม่ต่างกับตอนนั้นเลยสักนิด เธอนึกถึงรูปต่างๆ ที่เผยอี้ส่งมาให้เธอในอีเมล์ คิดถึงจดหมายที่ส่งมันว่า ‘ผมกลับมาแล้ว’ ในตอนที่เขาได้กลับมาถึงในประเทศ และได้ยินเสียงออดอ้อนขอเธอท่ามกลางเสียงอึกทึกครึกโครมนี่ เล่าให้เธอฟังเกี่ยวกับความสวยงามของบ้านพักต่างอากาศและไร่องุ่นที่บอร์โด มันทำให้ใจของเธออ่อนยวบยาบไปหมด จนทำให้มุมปากต้องยกขึ้นเบาๆ

“เอาสิ”