webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

209

บทที่ 209 โฆษณา

หลังจากกลับมาจากถึงที่ตี้ตูแล้ว ชีวิตของเจียงเซ่อก็ยุ่งมากขึ้น

เซี่ยเชาฉวินได้ถือโอกาสในการพูดคุยถึงเรื่องแบรนด์ แอมบาสเดอร์ในระหว่างที่ดูงานของเถาเฉินที่อิตาลี เกี่ยวกับการเป็นแบรนด์ แอมบาสเดอร์กางเกงยีนส์ให้กับเธอ ระยะเวลาหนึ่งปี ค่าตัวการเป็นแบรนด์ แอมบาสเดอร์อยู่ที่หนึ่งล้านสองแสน

หลังจากที่เจียงเซ่อเซ็นสัญญาเรียบร้อยแล้ว ก็ได้ถูกกำหนดเวลาถ่ายแบบภายในวันเสาร์อาทิตย์นี้ทันที

ทางเจ้าของสินค้าให้ความสำคัญกับการโฆษณาในครั้งนี้มาก นอกจากจะมีการเชิญให้ช่างภาพที่เคยได้รับรางวัลมามากมายอย่างเฉินฟางหยวนมาแล้ว วันที่ถ่ายวันนั้นก็ยังมีผู้จัดการแบรนด์นี้ในหัวเซี่ยมาด้วย

เวลานัดของวันนั้นก็คือเก้าโมงเช้า เจียงเซ่อนัดกับโม่อานฉีเอาไว้ว่าจะออกจากบ้านตอนเจ็ดโมงตรง พอไปถึงสถานที่ถ่ายทำก็แปดโมงพอดี

ช่างภาพยังไม่มาถึง แต่ผู้ช่วยของเฉินฟางหยวนมาถึงสักพักแล้ว และกำลังจัดฉากจัดมุมแสงต่างๆ อายุน่าจะราวๆ ห้าสิบกว่า เพราะเรือนผมที่เริ่มจะเป็นสีขาวแล้ว แล้วก็มีผู้ชายชาวต่างชาติที่ดูมีอายุคนหนึ่งก็อยู่ด้วย เขาสวมแว่นไม่มีกรอบ แขนทั้งสองข้างกอดอกเอาไว้ ข้างๆ กันก็มีผู้หญิงคนหนึ่งที่ดูเหมือนจะเป็นล่ามกำลังพูดคุยกันอยู่ ตอนที่เจียงเซ่อเดินเข้ามา มันก็ดึงดูดให้ทั้งคู่ต้องหันไปมอง หญิงสาวคนนั้นหันไปกระซิบพูดกับชายต่างชาติคนนั้น แล้วเขาก็ค่อยๆ ยิ้มขึ้นมา พร้อมกับเดินเข้ามาหาเจียงเซ่อ

“สวัสดีครับ”

เขาใช้ภาษาอังกฤษพูด แล้วยื่นมือเข้ามาหาเจียงเซ่อ เจียงเซ่อเองก็ยื่นมือจับทักทายกับเขา เขามองเจียงเซ่ออย่างพิจารณา

“Adeele ยินดีที่ได้ร่วมงานกับคุณครับ”

พอหญิงสาวข้างๆ เขาจะพูดแปล เจียงเซ่อก็ยิ้มขึ้น และพูดตอบขึ้นมาเสียก่อน

“ดิฉันเองก็ยินดีที่ได้ร่วมงานกับ Adeele ค่ะ”

ภาษาอังกฤษของเธอเป็นสำเนียงบริติช*สำเนียงของชาวอังกฤษ และการออกเสียงมันก็เป๊ะจนคนอื่นยังรู้สึกแปลกใจไม่น้อย ชายตรงหน้าเธอเลิกคิ้วขึ้น แสดงความแปลกใจออกมาอย่างชัดเจน

พูดคุยกันอีกนิดหน่อย เจียงเซ่อก็ได้เริ่มรู้จักเขา เขาเป็นผู้จัดการดูแลแบรนด์ Adeele ในหัวเซี่ย ซึ่งเป็นคนที่ทางอิตาลีเลือกมา ชื่อว่า Loris

แบรนด์ Adeele เป็นแบรนด์ใหม่ที่ทางประเทศได้ทำเข้ามา ซึ่งก็ได้มีการตั้งร้านชอปไว้ที่หนึ่งแล้วในตี้ตู เพราะว่ายังไม่ได้เป็นที่รู้จักนัก ดังนั้นยังมีการปล่อยขายตามจุดอื่นๆ

ถ้าเทียบกับแบรนด์อื่นๆ มากมายที่เข้ามาเปิดในหัวเซี่ยแล้ว แบรนด์ Adeele ก็ไม่ได้ถือว่าเป็นแบรนด์ที่ได้เปรียบอะไร ดังนั้นจึงต้องการที่จะให้ดารามาช่วยกระตุ้นยอดขายของ Adeele ให้ดีขึ้น จึงถือว่าเป็นกลวิธีของ Adeele อย่างหนึ่ง

สินค้าของแบรนด์นี้ถือว่าอยู่ในระดับไฮเอนด์ ถือว่าเป็นแบรนด์หรูแบรนด์หนึ่ง ตอนที่เซี่ยเชาฉวินอยู่ที่อิตาลี ก็ถือโอกาสใช้เรื่องที่สินค้าภายในประเทศหัวเซี่ยขายได้ไม่ดี ในการพูดคุยทำความร่วมมือกัน

แต่เป็นเพราะว่าชื่อเสียงของเจียงเซ่อเองก็ยังไม่ได้สูงอะไร ดังนั้นเลยตกลงร่วมมือกันแค่ปีเดียวเท่านั้น และสินค้าของแบรนด์ก็จะเป็นแค่เฉพาะกางเกงยีนส์

Loris พูดคุยกับเจียงเซ่ออยู่พักหนึ่ง เขาก็เริ่มรู้สึกประทับใจในตัวเจียงเซ่อขึ้นมาแล้ว

ถ้าตามเวลานัดจริงๆ แล้ว เจียงเซ่อถือว่ามาเช้าพอสมควร อีกทั้งเธอยังพูดภาษาอังกฤษได้ เวลาที่พูดคุยกับเขาก็ไม่จำเป็นต้องใช้ล่ามแปลเลยด้วยซ้ำ และนั่นก็ทำให้ Loris รู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงบุคลิกท่าทางของเจียงเซ่อเลย เธอไม่ได้เป็นคนขี้อาย แต่สิ่งที่ทำให้ Loris ทั้งรู้สึกตื่นเต้นและแปลกใจ ก็คือ การที่เจียงเซ่อมีความรู้และเข้าใจเกี่ยวกับวัฒนธรรมและนิสัยใจคอพื้นฐานของคนอิตาลีเป็นอย่างดีด้วย พูดคุยกันได้อยู่พักหนึ่ง เวลาก็เดินมาถึงตอนแปดโมงครึ่งแล้ว ช่างภาพอย่างเฉินฟางหยวนก็มาถึงพอดี

เฉินหยวนฟางมาถึงก็เริ่มพูดคุยและบอกเกี่ยวกับรายละเอียดของการถ่ายมุมกล้องและจุดสำคัญต่างๆต่อกับเจียงเซ่อ ไปๆ มาๆ เวลาก็สายมากแล้ว คนของบริษัท Adeele ที่เตรียมกางเกงยีนส์เอาไว้แล้วก็วิ่งอุ้มมันเข้ามา

เพราะว่าจุดสำคัญก็คือตัวกางเกงยีนส์ ดังนั้นตัวเสื้อที่จะใส่คู่กันจึงต้องเป็นแบบธรรมดาๆ

ดูก็รู้ว่าการถ่ายแบบของแบรนด์ Adeele ในครั้งนี้ ได้ให้การใส่ใจกับการเลือกเป็นพิเศษ ทั้งหมดมีห้าตัว นอกจากจะมีแบบปกติธรรมดาทั่วไปแล้ว ก็ยังมีแบบที่เน้นลายปัก แบบวินเทจ และแบบเก้าส่วนก็มี หลังจากที่พูดคุยกับทาง Loris เรียบร้อยแล้ว Loris ก็เลือกที่จะให้เจียงเซ่อสวมกางเกงแบบธรรมดาก่อน

กางเกงยีนส์ ถึงมันจะเป็นแบบธรรมดาแต่มันก็ไม่เคยตกเทรนด์ แต่ในขณะเดียวกันมันก็ยากที่จะใส่ออกมาแล้วดูโดดเด่น

อยากจะใส่กางเกงยีนส์ให้ออกมาดูดี ก็ต้องมีรูปร่างที่ดีหน่อยเช่นกัน หลิวลี่จื้ออุ้มกางเกงยีนส์เข้าไปในห้องแต่งตัวกับเจียงเซ่อ ขนาดตัวของเธอได้ถูกใส่เอาไว้ในตัวสัญญาแล้ว และมันก็ถูกส่งเข้าไปในบริษัท Adeele เรียบร้อยแล้วเช่นกัน ดังนั้นภายในหนึ่งปีนี้ เธอจะต้องควบคุมน้ำหนักและรูปร่างของตัวเอง เพื่อให้ตรงกับที่ได้บอกเอาไว้ในสัญญาเสมอ ไม่อย่างนั้นก็จะถือว่าเป็นการผิดสัญญา

ดังนั้นกางเกงยีนส์ที่ทาง Adeele ส่งมาให้ล้วนแล้วเป็นไซส์ของเจียงเซ่อ และเสื้อที่จะใส่คู่กันก็เป็นเพียงเสื้อเชิ้ตสีขาวเท่านั้น หลิวลี่จื้อยืนคิดอะไรอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะช่วยจับชายเสื้อเชิ้ตของเจียงเซ่อขึ้นมาผูกกันเอาไว้ เพื่อโชว์สะโพกสวยงอนของเธอให้ดูเด่นขึ้น

ผมของเธอถูกมัดรวบขึ้น ผมเปลี่ยนเสื้อเสร็จแล้วก็ออกมาจากห้องแต่งตัว Loris ที่ได้เห็นก็ตาเป็นประกายขึ้นมาทันที เขาลูบๆ คางตัวเอง แล้วก็หันไปกระซิบคุยกับคนข้างๆ

เจียงเซ่อหุ่นดีและขาก็ดูเรียวสวยจริงๆ ผอมแต่ก็ไม่ได้ดูแห้ง รูปร่างไม่ได้ดูเหมือนกับผู้หญิงชาวหัวเซี่ยทั่วๆ ไป เรือนร่างของเธอนอกจากหน้าอกที่ไม่ได้มีขนาดใหญ่เอิบอิ่มเท่ากับของหญิงสาวชาวยุโรปแล้ว สะโพกผายของเธอก็พอดี เอวก็เล็กบาง และมันก็ทำให้สะโพกของเธอดูเด่นขึ้นมาด้วย

กางเกงยีนส์ในรูปแบบธรรมดาๆ สีน้ำเงินเข้มที่อยู่บนตัวเธอ ขาคู่นั้นที่เรียวยาว ไม่ได้ดูผอมอย่างกับตะเกียบ แต่ยังมีเนื้อให้ดูอวบอิ่มขึ้นมา และมันก็ทำให้ Loris ยิ้มขึ้นมา

พอมายืนอยู่ตรงหน้าแผ่นพื้นหลัง เฉินฟางหยวนก็เริ่มถ่ายไปรูปสองรูปเพื่อหาความรู้สึก แต่ก็ทำมือว่า ‘OK’ ขึ้นมาอย่างรวดเร็ว แล้วก็สั่งให้ผู้ช่วย

“ช่วยเข้าไปพับแขนเสื้อเธอขึ้นทีครับ”

เสื้อเชิ้ตที่ทาง Adeele นำมาให้เป็นเสื้อเชิ้ตตัวยาว อีกทั้งยังดูตัวโคร่งนิดหน่อย ผู้ช่วยช่างภาพเข้าไปพับแขนเสื้อให้เธอ จึงทำให้ได้โชว์เรียวแขนครึ่งหนึ่งด้วย เฉินฟางหยวนกัดมุมปากตัวเอง และให้สัญญาณว่าพับแขนเสื้อขึ้นไปอีกนิด

เสื้อเชิ้ตตัวนี้จริงๆ ก็รูปทรงสวยและเป็นแบรนด์ที่มีชื่อพอตัว แต่เฉินฟางหยวนก็ยังรู้สึกไม่ค่อยพอใจนัก หลังจากที่หันไปปรึกษากับ Loris ผ่านล่ามแล้ว คนของ Adeele ก็รีบเอาเสื้อตัวอื่นมาเปลี่ยน และตัวใหม่ที่เอามาก็เป็นเสื้อกล้ามสีขาวที่เป็นผ้ายืดตามร่างกาย และมีเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอีกตัวมาด้วย

เจียงเซ่อจึงต้องหยุดถ่ายไปก่อน แล้วตามหลิวลี่จื้อเข้าไปเปลี่ยนเสื้อในห้องแต่งตัว

พอเปลี่ยนเสื้อแล้ว ช่างแต่งหน้าก็เข้ามาเปลี่ยนลุคให้เธออีกนิด โดยการปล่อยผมที่ถูกมัดขึ้นลง แก้หน้าอีกนิดหน่อย พอกลับออกมายืนอยู่ตรงหน้าพื้นฉากอีกครั้ง รอบนี้เฉินฟางหยวนรู้สึกพอใจเป็นอย่างมาก

เธอสวมเป็นเสื้อกล้ามสีขาวคู่กับกางเกงยีนส์ถ่ายก่อน ภายใต้แสงไปเฉินฟางหยวนสั่งให้คนเอาเก้าอี้มา เธอสวมรองเท้าส้นสูง ขาข้างหนึ่งยืนอยู่บนพื้น ส่วนอีกข้างก็เหยียบอยู่บนเก้าอี้ เส้นผมเกลี่ยอยู่บนไหล่ เฉินฟางหยวนสั่งเธอ

“ชันขาขึ้นไป แล้วเอามือค้ำเอาไว้”

เจียงเซ่อชันขาขึ้นไป สะโพกเธอกระดกขึ้น เอวคอดกดลง ทำให้ทุกคนได้เห็นทรวดทรงองค์เอวที่แสนดึงดูดสายตา

“OK”

เฉินฟางหยวนกดชัตเตอร์รัวลงทีหนึ่ง พลางบอกเจียงเซ่อว่าอย่าเพิ่งเปลี่ยนท่า เขาคิดอะไรนิดหน่อยแล้วบอกให้เธอหันหน้ามามองกล้อง “ยิ้มหวานๆ หน่อย ให้คิดว่ากำลังมีความรักอะไรแบบนั้นนะครับ ยกมือขึ้นจับผมนิดนึง”

แบบนี้มันก็ไม่ได้ยากเกินไปสำหรับเจียงเซ่อ เธอก้มหน้าลงเล็กน้อย หรี่ตาลงนิดหน่อย หลังจากที่เธอได้ไปเที่ยวกับเผยอี้ที่ฮ่องกง ความสัมพันธ์ระหว่างตัวเธอและเผยอี้ก็เริ่มสนิทชิดใกล้กันมากขึ้น เธอค่อยๆ โค้งมุมปากขึ้น และยกมือจับผมยาวของตนเอง