webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

208

บทที่ 208 ผลลัพธ์

ตอนแรกเจียงเซ่อจองตั๋วกลับตี้ตูช่วงปลายสัปดาห์ แต่เพราะจู่ๆ ทางบริษัท Gang Hua Jewelry โทรมาขอพูดคุยเรื่องการร่วมงานกับเธอเสียก่อน เลยทำให้ต้องล่าช้าไป

ตอนที่โม่อานฉีไปที่บริษัท Gang Hua Jewelry กับเจียงเซ่อ หล่อนก็ยังรู้สึกไม่อยากจะเชื่ออยู่เลยด้วยซ้ำ

ทั้งๆ ที่เผยอี้ก็เพิ่งจะทำร้ายลูกชายของประธานบริษัท Gang Hua Jewelry ไป แต่คงเป็นเพราะเซี่ยเชาฉวินเป็นคนลงมือจัดการเรื่องนี้เอง จากเรื่องแย่ๆ ก็กลายเป็นเรื่องดีๆ ไปได้

เรื่องแบบนี้ถือเป็นหลักประกันได้เลยว่าหล่อนเป็นผู้จัดการมือทองที่แสนมีความสามารถของซื่อจี้หยินเหอจริงๆ

“ได้ยินว่าคนที่จะมาเจอเธอวันนี้คือเจิ้งซื่อหรง เป็นลูกเขยคนโตของสวีโจวจี้แห่ง Gang Hua Jewelry”

ก่อนหน้านี้เซี่ยเชาฉวินได้เอาข้อมูลทั่วๆ ไปของบริษัท Gang Hua Jewelry ให้ผู้ช่วยของตัวเองเรียบเรียงและส่งให้กับโม่อานฉีแล้ว เพื่อให้เจียงเซ่อได้เข้าใจกับข้อมูลพื้นฐานของกังหัวเอาไว้

ภรรยาคนแรกของสวีโจววี้มีเพียงลูกสาวให้กับเขา หล่อนเสียชีวิตไปนานแล้ว แต่ลูกเขยยังทำงานอยู่ในบริษัทกังหัว

เขาเป็นผู้นำของ Gang Hua Jewelry แบรนด์ Gang Hua Jewelry ถือเป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียงในฮ่องกงเป็นอย่างมาก และได้ก่อตั้งมานานกว่าเกือบร้อยปีแล้ว

ครั้งแรกก็เริ่มจากการค้าขายปกติ แต่พอตกทอดมาอยู่ในมือของพ่อสวีโจวจี้แล้ว เขาก็ได้จัดการปรับเปลี่ยนให้เป็น Gang Hua Jewelry และเป็น Gang Hua Jewelry ที่เจริญรุ่งเรืองมีชื่อเสียง

เมื่อมาถึงยุคของสวีโจวจี้ Gang Hua Jewelry ก็ถือว่าเป็นผู้นำทางด้านธุรกิจเครื่องประดับของฮ่องกง ตระกูลสวีถูกเรียกให้เป็นราชาแห่งเครื่องประดับ และได้เป็นธุรกิจที่มีพื้นที่มากที่สุดในแวดวงตลาดแล้ว

จนมาถึงทุกวันนี้ ในหัวเซี่ยไม่มีใครที่ไม่รู้จัก Gang Hua Jewelry และ Gang Hua Jewelry ก็เป็นแบรนด์ที่มีราคาสูงและเป็นที่รู้จักอยุ่แล้ว ไม่เคยต้องให้ดารามาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์เลยด้วยซ้ำ

ผลิตภัณฑ์และผลงานของแบรนด์นี้มีราคาสูงพอๆ กับดาราคนหนึ่งแล้ว จึงไม่จำเป็นที่จะต้องให้ดารามาช่วยเพิ่มมูลค่าให้มันอีก

การที่เซี่ยเชาฉวินต้องการให้เจียงเซ่อเป็นแบรนด์ แอมบาสเดอร์ของ Gang Hua Jewelry นั้น ไม่ว่าค่าใช้จ่ายในการทำโฆษณาจะสูงเท่าไหร่ ถึงแม้จะไม่ได้กำไรสักหยวน แต่มันก็เพียงพอสำหรับการช่วยยกระดับให้กับเจียงเซ่อได้แล้ว

ถ้าเจียงเซ่อได้เป็นแบรนด์ แอมบาสเดอร์ของ Gang Hua Jewelry ละก็ จุดเริ่มต้นขอองเธอมันก็จะสูงกว่าดาราสาวคนอื่นๆ หลายคนแล้ว ถ้าในอนาคตก็จะง่ายต่อการที่จะโดนแบรนด์ของต่างประเทศชื่นชอบ

ฐานะของดารา ไม่ได้พึ่งแค่ประเด็นร้อนทั่วๆ ไปเท่านั้น ยังต้องดูถึงความเป็นจริงด้วย

โฆษณา ต้นทุนและรางวัล ต่างก็เป็นตัวแทนแห่งความสำเร็จของดารา เซี่ยเชาฉวินเองก็ได้ปูเส้นทางของเจียงเซ่อเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

โม่อานฉีบอกข้อมูลอย่างละเอียดไป และทั้งสองคนก็ได้มาอยู่ในบริษัทกังหัวแล้ว

ถึงเซี่ยเชาฉวินจะไม่ได้อยู่ในประเทศ แต่เรื่องของการร่วมมือร่วมงานกัน หล่อนก็ได้โทรมาบอกกับสวีโจวจี้เอาไว้แล้ว

พอพนักงานหญิงคนนั้นที่ยืนอยู่ตรงล็อบบี้รู้ว้าเจียงเซ่อคือใครแล้ว หล่อนก็ยิ้มขึ้นทันที

“คุณเจียง เดินตามดิฉันมาทางนี้เลยค่ะ คุณเจิ้งรอพบคุณอยู่ที่ชั้นสิบเก้าแล้ว”

ที่โม่อานฉีตามเธอมาครั้งนี้ ก็เพื่อมาช่วยดูเธอเซ็นสัญญานั่นเอง

ลูกเขยคนโตของสวีโจวจี้อย่างเจิ้งซื่อหรงอายุมากกว่าสามสิบปีแล้ว พอได้พบกับเจียงเซ่อเขาก็จับมือทักทายอย่างมีมารยาท แต่ก็ปล่อยออกอย่างรวดเร็วเช่นกัน

เขาลอบมองพิจารณาคนที่กำลังจะมาเป็นแบรนด์ แอมบาสเดอร์กับบริษัท Gang Hua Jewelry อย่างเงียบๆ เรื่องที่สวีป่ายซิงโดนทำร้ายก่อนหน้านี้ เจิ้งซื่อหรงเองก็รู้แล้ว

เซี่ยเชาฉวินถือโอกาสพลิกสถานการณ์ได้เป็นอย่างดี การที่เธอดึงให้เรื่องมันกลายเป็นการร่วมมือกันทั้งสองฝ่ายแบบตัวเขาเองก็พอเข้าใจ และเขาก็รู้สึกนับถือหล่อนอยู่ไม่น้อย

พ่อตาของเขาได้พูดคุยกับเขาเอาไว้เรียบร้อยแล้ว และบอกให้เขาเป็นคนมาเจอกับเจียงเซ่อเพื่อพูดคุยเซ็นสัญญากัน ถือเป็นการให้เกียรติเธอด้วย

พอเจียงเซ่อเข้ามาแล้ว มันก็ทำให้ตาของเจิ้งซื่อหรงตาเป็นประกายขึ้นมา

“คุณเจียง ผมคิดว่าพี่เชาฉวินคงจะพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องการเป็นแบรนด์ แอมบาสเดอร์ให้คุณได้ทราบแล้วนะครับ”

เขาขยับเนคไทเล็กน้อย แล้วนั่งลงบนโซฟา จากนั้นก็หยิบเอกสารสัญญาที่เตรียมเอาไว้เรียบร้อยแล้วขึ้นมา

“รายละเอียดและข้อปลีกย่อยต่างๆ ของสัญญา เมื่อคืนนี้คุณสวีได้ส่งมันให้กับพี่เชาฉวินดูแล้ว สัญญาการเป็นแบรนด์ แอมบาสเดอร์มีระยะเวลาสามปี และทาง Gang Hua Jewelry จะเน้นไปทางเครื่องเพชรของบริษัทนะครับ”

ดาราที่เป็นแบรนด์ แอมบาสเดอร์สินค้า ไม่ใช่แค่เอาสินค้ามาโฆษณาเท่านั้น แต่ต้องสามารถให้ข้อมูลและประเภทของสินค้านั้นๆ ในการโฆษณาด้วย และยังต้องรู้รายละเอียดยิบย่อยของสินค้า อย่างสินค้าของ Gang Hua Jewelry สินค้าของแบรนด์นี้มีทั้งทองคำ เพชร ไข่มุก หยก พลอยและต่างๆ อีกมากมาย และพวกเรื่องประดับเหล่านั้น ก็ยังแบ่งออกได้เป็นอีกหลายประเภทด้วย และแต่ละอย่างมันก็มีชื่อที่ไม่เหมือนกัน และนักธุรกิจจะเป็นคนจัดการนำรายละเอียดชื่อของสินค้าแต่ละตัวใส่ไว้อย่างถูกต้อง

ดังนั้นพอเจิ้งซื่อหรงพูดออกมาว่าการเป็นแบรนด์ แอมบาสเดอร์ของเจียงเซ่อในครั้งนี้จะเป็นเครื่องเพชร โม่อานฉีที่ได้ยินก็อดไม่ได้ที่จะกัดริมฝีปากตัวเองแน่น และใบหน้าของหล่อนก็แทบจะปกปิดความพึงพอใจไว้ไม่มิด

เพชรถือว่าเป็นสินค้าตัวเด่นของ Gang Hua Jewelry และการที่เจียงเซ่อได้เป็นแบรนด์ แอมบาสเดอร์ที่ไม่ได้จำกัดชนิดของสินค้า และไม่ได้เจาะจงว่าต้องเป็นแค่แหวนหรือสิ่งอื่นๆ แบบนี้ สำหรับเจียงเซ่อแล้วก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีเรื่องหนึ่งเลย

“ส่วนเรื่องค่าตอบแทน สามปีสี่ล้านแปดแสน”

เขาพูดอธิบายข้อมูลเบื้องต้นคร่าวๆ จากนั้นก็พูดถึงเรื่องค่าตัวในการเป็นแบรนด์ แอมบาสเดอร์ พอพูดจบก็เงยหน้าขึ้นมองเจียงเซ่อ

ตัวเลขนี้เป็นตัวเลขที่ได้เจรจาประนีประนอมกับเซี่ยเชาฉวินเอาไว้แล้ว แน่นอนว่าเจียงเซ่อไม่ได้มีความเห็นอื่นอีก ความจริงแล้วการเป็นแบรนด์ แอมบาสเดอร์ของ Gang Hua Jewelry ถึงจะไม่จ่ายค่าแรงเลยสักแดง พวกดาราก็อยากและยอมที่จะมาแย่งชิงกันด้วยซ้ำ

เจียงเซ่อที่ตอนนี้กำลังมีหนี้สินท่วมหัว พอได้ยินถึงตัวเลขค่าตอบแทนแล้ว เธอก็เริ่มพูดขึ้นมาทันที

“ไม่มีปัญหาค่ะ”

ถึงแม้ว่าคนของ Gang Hua Jewelry จะได้คุยรายละเอียดกับเซี่ยเชาฉวินไปแล้ว แต่ในค่าตอบแทนของการเป็นแบรนด์ แอมบาสเดอร์ เพราะมันก็ยังคงเกี่ยวข้องกับเผยอี้ สวโจวจี้ก็เลยได้เสนอเอาไว้ ว่ายอมที่จะให้เจียงเซ่อได้ขอเพิ่มตัวเลขขึ้นได้อีกนิด ถือว่าเป็นการยืมมือเจียงเซ่อในการผูกมิตรกับเผยอี้ไปด้วย

แต่ที่ไหนได้ เจียงเซ่อยังไม่ได้ต่อรองอะไรเลยด้วยซ้ำ แค่เจิ้งซื่อหรงพูดบอกตัวเลขออกไป เจียงเซ่อก็ตอบกลับมาอย่างง่ายๆ ทันที มันเลยทำให้เขาชะงักไปเล็กน้อย ถึงค่อยๆ ยิ้มออกมา

“ถ้าอย่างนั้นก็ตามนี้นะครับ เดี๋ยวพวกเรามาพูดถึงการถ่ายโฆษณากันต่อดีกว่า”

ได้มาถึงระดับ Gang Hua Jewelry แบบนี้แล้ว แน่นอนว่าการถ่ายแบบโฆษณาในครั้งนี้คงไม่ได้เรียบง่ายเหมือนตอนที่ถ่ายแบบแนวสตรีทนั้นอีกแล้ว

หลังจากที่ตกลงเรื่องการว่าจ้างแบรนด์ แอมบาสเดอร์ไปเรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่ที่เจิ้งซื้อหรงได้รับมอบหมายหน้าที่นี้มาจากสวีโจวจี้ ก็ถือโอกาสใช้เวลาเมื่อวาน เรียกคนมาประชุมปรึกษาหารือกันเรียบร้อยแล้ว

“การถ่ายทำกำหนดเอาในต้นเดือนกรกฎาคม ถึงตอนนั้นเราจะไปถ่ายกันที่ฝรั่งเศส ส่วนเรื่องรูปแบบต่างๆ พวกเราจะปรึกษากับพี่เชาฉวินดูอีกทีนะครับ แล้วเดี๋ยวจะแจ้งให้คุณอีกที”

เจียงเซ่อพยักหน้า จากนั้นก็คุยกันเรื่องกติกากันอีกพักหนึ่ง ทั้งสองฝ่ายก็ได้จรดปลายปากกาเซ็นเอกสารสัญญากันเสร็จเสียที

หลังจากที่เซ็นสัญญาเรียบร้อยแล้ว เจิ้งซื่อหรงก็กดปุ่มบนโต๊ะ เรียกให้เลขาเอากล่องผ้าไหมเข้ามา พอเขาได้มันมาแล้ว เขาก็ยื่นส่งให้เจียงเซ่อด้วยตัวเอง

“เพื่อเป็นการฉลองและอวยพรที่ได้ร่วมมือกัน นี่คือของขวัญเล็กๆ น้อยจากกังหัวครับ”

และนี่ก็ถือเป็นการให้เกียรติแบรนด์ แอมบาสเดอร์ของกังหัวอย่างหนึ่ง นอกจากนี้แล้ว หลังจากที่เซ็นสัญญาร่วมมือกัน กับบริษัทใหญ่อย่างกังหัวแบบนี้ ภายหลังยังจะมีการประกาศออกไปอย่างเป็นทางการ เพื่อเป็นการฉลองที่เจียงเซ่อได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่ง ถึงตอนนั้นแล้วก็ยังมีของขวัญที่ระลึกให้อีกด้วย

หลังจากที่ออกมาจากบริษัทกังหัวแล้ว โม่อานฉีที่ขึ้นรถคาดเข็มขัดนิรภัยเรียบร้อยก็หันหน้าไปหาเจียงเซ่อ

“เซ่อเซ่อ ของขวัญที่บริษัทกังหัวให้เธอมาเมื่อกี้ใช่เครื่องประดับหรือเปล่า?”

ดาราที่ได้เป็นแบรนด์ แอมบาสเดอร์ให้สินค้า มันก็จะมีข้อดีตรงนี้แหละนะ

เจียงเซ่อเปิดกล่องของขวัญที่เจิ้งซื่อหรงให้มาออก ในกล่องมันเป็นเครื่องเพชรจริงๆ ด้วย เธอมองไปที่เพชรเม็ดหนึ่งที่ประดับเป็นจี้สร้อยคอเส้นนั้นแล้ว ประเมินจากสายตา ราคาน่าจะตกอยู่ราวๆ ห้าหมื่นได้

กังหัวใจป้ำขนาดนี้ คงไม่ใช่เพราะว่าเธอเป็นแบรนด์ แอมบาสเดอร์อย่างเดียวแล้วกระมัง

เธอปิดฝาลง แล้วใส่ลงไปในถุงเช่นเดิม

“กลับกันเถอะค่ะ”