webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

207

บทที่ 207 จัดการปัญหา

เจียงเซ่อรับคำ แล้วกระชับเสื้อคลุม

“พี่เชาฉวินบอกว่าคุยเรื่องเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของกางเกงยีนส์ให้น่ะค่ะ เดี๋ยวรายละเอียดจะส่งมาที่อีเมล์ของพี่”

โม่อานฉีได้ยินอย่างนั้นแล้ว ก็ถอนหายใจโล่งอก

เซี่ยเชาฉวินโทรมาเรื่องจะให้เธอเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ แสดงว่าไม่ได้ตั้งใจโทรมาแสดงความไม่พอใจต่อเธอ

โม่อานฉีเองก็สืบหาประวัติของสวีป่ายซิงแล้ว แค่ในระยะเวลาสั้นๆ แบบนี้ สวีป่ายซิงก็โดนเผยอี้อัดเสียน่วม แล้วเซี่ยเชาฉวินก็โทรมาตอนนี้อีก ตอนแรกหล่อนยังกังวลด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้กลับมาโล่งอกเหมือนเดิมแล้ว แต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะถามออกไป

“เรื่องวันนี้ที่ลูกชายของบริษัทกังหัวโดนเผยอี้ทำร้าย......”

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ”

เจียงเซ่อส่ายหน้า และนิสัยของเธอเป็นอย่างไร โม่อานฉีเองก็เริ่มเข้าใจมาพักนึงแล้ว เธอไม่ใช่คนพูดไปเรื่อยเปื่อย ถ้าเจียงเซ่อบอกว่ามันไม่เป็นอะไร ก็แสดงว่าไม่เป็นอะไรจริงๆ

พอเผยอี้คุยกับเนี่ยต้านเสร็จแล้ว พอหันกลับไปหาเจียงเซ่อก็พบว่าเธอกำลังนั่งกอดขาตัวเองอยู่บนดาดฟ้าเรือ และเหมือนกำลังพูดคุยกับโม่อานฉีอยู่ด้วย

ตอนที่เขาเดินเข้าไป โม่อานฉีก็เรียกเขาอย่างเป็นทางการว่า ‘คุณเผย’

เผยอี้โค้งตัวลงไปโอบเจียงเซ่อเอาไว้ ส่วนมืออีกข้างก็แตะลงบนเข่าของเธอที่งอขึ้น และดึงเธอเข้ามากอดเอาไว้อย่างแผ่วเบา เธอยื่นมือไปคล้องแขนเขาเอาไว้ เขาก้มหน้าลงมามองหน้าเจียงเซ่อ เจียงเซ่อเงยหน้าขึ้นหันไปมองพวกเนี่ยต้านที่ยังเล่นกันอยู่บนเรือ

“คุยกันเสร็จแล้วเหรอ?”

“เสร็จแล้วครับ เดี๋ยวพวกเนี่ยต้านจะไปจัดการเก็บกวาดเรื่องให้”

พอเดินออกมาจากท่าเรือแล้ว ก็รอให้คนมารับทั้งสองคนกลับไป พอกลับกันไปแล้ว เนี่ยต้านก็ยกมือขึ้นบิดขี้เกียจ ท่าทางที่แสนจริงจังใจครั้งนี้ทุกคนก็ได้เห็นกันหมดแล้ว

พอกลับมาถึงที่บ้าน โม่อานฉีก็ขอตัวกลับเข้าห้องพักตัวเองไปทันที เจียงเซ่ออาบน้ำเสร็จเดินออกมา เผยอี้เองก็อาบน้ำเสร็จแล้วเหมือนกัน เขาสวมชุดนอน และนั่งรออยู่ในห้องนอนของเจียงเซ่อ

บนใบหน้าของเธอแปะแผ่นมาส์กหน้าเอาไว้ วันนี้ออกทะเลตากแดดมา ตอนนั้นก็ไม่เห็นรู้สึกอะไร เมื่อกี้เข้าไปอาบน้ำก็รู้สึกแสบๆ ขึ้นมาเสียอย่างนั้น

เผยอี้หยิบผ้าขนหนูขึ้น แล้วอ้อมไปนั่งซ้อนหลังเธอเพื่อที่จะเช็ดผมให้ จริงๆ ก็อยากจะชะโงกตัวไปจุ๊บเธอเสียหน่อย แต่พอเห็นเธอแปะแผ่นมาส์กหน้าเอาไว้แบบนั้น เลยไม่รู้ว่าจะจุ๊บลงตรงไหนดี เลยจุ๊บลงบนลำคอขาวๆ ของเธอซะเลย ก่อนจะโอบเอวเธอให้เข้ามา สองมือประกบกันไว้บนหน้าท้องของเธอ และกอดเอาไว้อย่างหลวมๆ ในอ้อมอก

เขาไม่ได้พูดถึงเรื่องที่ตัวเองซัดสวีป่ายซิงไปวันนี้ สวีป่ายซิงมีความเกี่ยวข้องกันกับเซี่ยเชาฉวิน ตอนที่เจียงเซ่ออาบน้ำอยู่พวกเนี่ยต้านเองก็พอจะเดาๆ กันได้แล้ว แต่ตัวเผยอี้เองก็ไม่ได้รู้สึกว่าต้องกังวลอะไร

ที่เซี่ยเชาฉวินเริ่มจากไม่มีจนมามีทุกอย่างในวันนี้ หล่อนทำงานอย่างหนักกับซื่อจี้หยินเหอจนมาถึงทุกวันนี้ หล่อนเป็นคนฉลาด หล่อนคงจะเข้าใจอยู่แล้วว่าควรจะจัดการกับเรื่องนี้ยังไงถึงจะดีที่สุด แต่ถ้าหล่อนจัดการไม่ได้ งั้นถ้าทำงานโดยใช้อารมณ์แบบนั้น หล่อนก็ไม่สมควรที่จะเป็นผู้จัดการส่วนตัวให้เจียงเซ่ออีก

ในบ้านตระกูลเฝิง เฝิงหนานกำลังคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ และคิดว่าเรื่องที่สวีป่ายซิงโดนทำร้าย ที่บ้านตระกูลสวีก็คงจะรู้กันแล้วแน่ๆ

ถึงแม้ว่าจะต้องไว้หน้าเผยอี้เอาไว้ และถึงแม้สวีป่ายซิงทำได้แค่ต้องเก็บความไม่พอใจโดยที่พูดอะไรออกมาไม่ได้สักอย่าง แต่ยังไงสวีป่ายซิงก็เป็นลูกพี่ลูกน้องของเซี่ยเชาฉวิน เขาโดนซัดขนาดนั้นกลับมา ตระกูลสวีคงเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่ทำอะไรสักอย่าง

ความเกี่ยวข้องระหว่างตัวเจียงเซ่อและเซี่ยเชาฉวิน ยังไงก็ต้องได้รับผลกระทบกันบ้างล่ะน่า ให้ดีเซี่ยเชาฉวินก็ควรที่จะเลิกเป็นผู้จัดการส่วนตัวของเจียงเซ่อไปเลย

วันนี้ทั้งวัน จิตใจของเฝิงหนานมันกระสับกระส่ายไปหมด หลังจากที่กลับมาถึงที่บ้านตระกูลเฝิงแล้ว หล่อนก็ได้คำเตือนจากพ่อแม่ทันที ว่าอย่าเอาเรื่องที่เกิดขึ้นบนเรือในวันนี้ไปพูดมั่วๆ เพื่อป้องกันไม่ให้ตระกูลเฝิงต้องพลอยเดือดร้อนไปด้วย แสดงว่าตระกูลเผยทางนั้นคงโทรมาคุยกันเรียบร้อยแล้ว

หลังจากที่ได้รู้ว่าแต่ก่อนเผยอี้ติดต่อไปมาหาสู่กับ ‘ตัวเธอ’ บ่อยๆ และเทียบกับตอนนี้ที่เขาอยู่กับเจียงเซ่อแล้ว แต่ยังไงตอนนี้ หล่อนก็สนใจกับความสัมพันธ์ระหว่างเจียงเซ่อและเซี่ยเชาฉวินมากกว่า หล่อนต้องการให้ทั้งสองคนไม่ต้องได้ร่วมงานกันอีก และนั่นก็เป็นจุดมุ่งหมายและเป็นข่าวที่หล่อนอยากจะได้ยินที่สุดแล้ว

แต่ทางด้านของตระกูลสวี ตอนนี้สวีโจวจี้กลับมาจากโรงพยาบาลแล้ว พอได้รู้ว่าเรื่องนี้ถูกสั่งให้เก็บเงียบไป สีหน้าของเขาก็มีแต่ความถมึงทึง แต่พอได้ยินประวัติและฐานะของเผยอี้จากปากของเฉาเยี่ยนปางแล้ว เขาก็ไม่ปริปากพูดอะไรอีก ทั้งยั้งสั่งให้คนไปเตรียมของขวัญปลอบใจมูลค่าสูงเอาไว้อีกด้วย และเตรียมตัวที่จะไปขอโทษด้วยตัวเองในวันพรุ่งนี้ หลังจากที่พูดคุยถึงเรื่องนี้ไปแล้ว ก็ได้รับโทรศัพท์จากเซี่ยเชาฉวินที่โทรมาจากต่างประเทศ แค่หล่อนพูดขึ้นมา มันก็ทำให้สวีโจวจี้ต้องกัดฟันแน่น

“คุณลุงคะ ตอนนี้ Gang Hua Jewelry กำลังขาดแบรนด์แอมบาสเดอร์อยู่ใช่ไหมคะ?”

นิสัยของหลายสาวคนนี้สวีโจวจี้เองก็พอจะรู้ดีเหมือนกัน หล่อนเป็นคนที่ถ้าไม่มีเรื่องอะไรก็จะไม่ติดต่อมาเด็ดขาด แต่ที่หล่อนโทรมาตอนนี้ คงไม่ได้โทรมาคุยเล่นแน่นอน

“หนูมีดาราคนใหม่ที่เพิ่งเซ็นสัญญาด้วย บุคลิกหน้าตาดี คุณลุงคิดว่ายังไงคะ?”

ปลายสายอย่างเซี่ยเชาฉวินพูดด้วยน้ำเสียงที่นิ่งเรียบและติดจะเย็นชา และแน่นอนว่าสวีโจวจี้รู้ดีว่าเจียงเซ่อเป็นใคร พอได้ยินเซี่ยเชาฉวินพูดแบบนั้น เขาก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มเยาะออกมา

“เชาฉวิน แม่เธอมากว่าเธอไม่ได้กลับไปเยี่ยมที่ฮ่องกงนานแล้วนะ งานยุ่งขนาดนั้นเลยหรือ?”

เขาตั้งใจเบี่ยงเบนไม่พูดถึงเรื่อง ‘แบรนด์แอมบาสเดอร์’ ต่อ แต่กลับคุยถึงเรื่องทั่วๆ ไปด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ

ถึงแม้ว่าตอนนี้ลูกชายของตัวเองที่เพิ่งโดนทำร้ายจนปางตาย ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาล อีกทั้งยังไม่ได้สติเต็มร้อยด้วยซ้ำ แถมหมอยังบอกว่ากระดูกของเขาหักไปหลายท่อน ต้องพักรักษาตัวให้ดีๆ จากใบหน้าหล่อๆ ก็ถูกซัดจนเหมือนหัวหมู แต่เขาก็ต้องพยายามอดทน แล้วหัวเราะออกมา

“คุณลุง หนูอยากคุยเรื่องแบรนด์แอมบาสเดอร์สินค้าด้วยหน่อยค่ะ”

หล่อนไม่ได้ถูกประเด็นของเขาเบี่ยงเบนความสนใจไป สวีโจวจี้ขมวดคิ้วทันที

เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ ถือว่าถูกปิดเอาไว้เป็นอย่างดี แต่คนที่อยู่ในระดับชั้นสูงๆ หลายคนก็คงจะรู้เรื่องนี้แล้ว

และเขาก็ไม่เชื่อว่าเซี่ยตงเหอจะไม่รู้เรื่องนี้ และถ้าเซี่ยตงเหอรู้ น้องสาวของตัวเองก็ต้องรู้ด้วยเหมือนกัน

สวีป่ายซิงเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของเขา ถ้าคุณนายเซี่ยรู้เรื่องนี้อย่างแจ่มแจ้งชัดเจนแล้ว ก็น่าจะโทรคุยกับเซี่ยเชาฉวินแล้ว

เรื่องมันเป็นมายังไงและผลเป็นอย่างไรหล่อนเองก็น่าจะรู้ดีอยู่แล้ว ยังไงซะเรื่องที่สวีป่ายซิงโดนทำร้ายมันก็เกี่ยวข้องกับดาราสาวที่เซ็นสัญญาอยู่ในความดูแลของหล่อน ตอนนี้สวีป่ายซิงเจ็บหนักนอนอยู่ในโรงพยาบาล ยังไม่ได้สติ แต่เซี่ยเชาฉวินกลับโทรมาเจรจาว่าจะให้เจียงเซ่อได้เป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของ Gang Hua Jewelry เสียอย่างนั้น นี่มันไม่เหลวไหลไปหน่อยหรือ?

“เธอน่าจะรู้เรื่องวันนี้ดีแล้วนะ เชาฉวิน เห็นแก่พ่อแม่ของเธอ ลุงจะทำเป็นว่าไม่เคยได้ยินสิ่งที่เธอพูด......”

“อยู่บนธุรกิจก็ต้องคุยกันแบบธุรกิจ คุณลุงเป็นถึงประธานบริษัท Gang Hua Jewelry กว่าจะพาธุรกิจ Gang Hua Jewelry มาได้ถึงขนาดนี้ คงไม่ใช่เพราะใช้ความรู้สึกส่วนตัวหรอกใช่ไหมคะ?”

เซี่ยเชาฉวินไม่ได้รู้สึกเกรงกลัวหรือตกใจกับน้ำเสียงของสวีโจวจี้เลยสักนิด หล่อนคงคุ้นเคยกับการรับมือกับสถานการณ์แบบนี้มามาก น้ำเสียงของหล่อนที่พูดออกมาดูสงบและรักษาระยะห่าง

“เรื่องที่สวีป่ายซิงโดนทำร้าย บางทีเรื่องร้ายๆ ก็อาจจะกลายเป็นเรื่องดีๆ ได้เหมือนกันนะคะ จะรับหรือไม่รับ ก็ขึ้นอยู่กับคุณลุงแล้ว” ใครที่เป็นคนทำร้าย ทั้งสองฝ่ายต่างก็รู้ดีอยู่แก่ใจ ความเสียหายที่ตระกูลสวีได้รับในครั้งนี้ จะเจ็บใจยังไงก็ต้องทนอยู่ดี

สวีโจวจี้ไม่พูดอะไร เซี่ยเชาฉวินพูดขึ้นต่อ

“หนูได้ดาราคนใหม่มา มีต้นทุน มีประวัติที่ดี มีความสามารถและมีความมุมานะ ภายในสามปีนี้ หนูจะดึงเธอขึ้นมาให้ได้ และการเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของ Gang Hua Jewelry ก็เป็นผลดีต่อทั้งสองฝ่าย”

หล่อนเว้นไปครู่หนึ่ง “เดี๋ยวหนูจะให้จางฉือทำเอกสารโครงการอย่างละเอียดขึ้นมาให้ แล้วจะส่งไปที่อีเมล์ผู้ช่วยของคุณลุง คุณลุงเองก็ลองคิดดูให้ดีๆ ก่อนนะคะ ส่วนเรื่องค่าตอบแทนค่อยคุยกันอีกทีนึง”

พอคุยเรื่องทางการเสร็จเรียบร้อย หล่อนจึงค่อยถามออกไปด้วยความเห็นใจ

“แล้วสวีป่ายซิงเป็นอย่างไรบ้างคะ?”

สวีโจวจี้หัวเราะออกมาเย็นๆ แล้วเอ่ยขึ้น “ยังดีที่ยังเป็นห่วงนะ ยังอยู่ที่โรงพยาบาล”

“งั้นก็ดีค่ะ หนูยังมีเรื่องที่ต้องทำ ไว้คราวหน้าถ้ากลับไปที่ฮ่องกงจะนัดคุณลุงออกมาทานข้าวด้วยกันนะคะ ฝากทักทายสวีป่ายซิงด้วย สวัสดีค่ะ”

พูดจบ เซี่ยเชาฉวินก็ตัดสายไปทันที สวีโจวจี้เลื่อนมือถือออก แล้วยกมือขึ้นนวดระหว่างหัวคิ้วตัวเอง