บทที่ 206 จะไม่ร้องเลยก็ไม่ได้
ไอ้แบบนี้เฝิงหนานเองก็ไม่คิดมาก่อนว่าจะเกิดขึ้น ว่าแค่การที่หล่อนพนันกันกับเฉาเยี่ยนปางและคนอื่นๆ จะทำให้เผยอี้โกรธเป็นฟืนเป็นไฟได้ขนาดนี้ แถมยังสามารถก่อเรื่องรุนแรงได้ขนาดนี้ด้วย
แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนแล้วว่าเจียงเซ่อมีอิทธิพลต่อใจเขาเป็นอย่างมาก และคงไม่ได้แค่เล่นๆ ทั่วไปอย่างที่หล่อนเคยคิดเอาไว้แล้ว
หล่อนกัดฟันแน่น แล้วสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามสงบจิตสงบใจที่มันกำลังกลัดกลุ้ม และความรู้สึกที่ไม่อยากจะเชื่อลงไป
เท่าที่หล่อนจำได้ ถ้าชีวิตครั้งก่อนของเจียงเซ่อก็มีโอกาส ได้รู้จักกับเผยอี้แบบนี้ แถมยังอยู่ด้วยกันกับเผยอี้แบบนี้ ถึงแม้ว่าสุดท้ายแล้วจะเลิกกัน เธอก็คงไม่ต้องเข้าไปพัวพันกับเรื่องน่าเวทนาในวงการบันเทิงไม่ใช่หรือ ตอนนี้หล่อนเริ่มรู้สึกว่ามันแปลกเกินไปแล้ว
ถึงแม้ว่าจะได้มาเกิดใหม่ บนโลกใบใหม่นี้ไม่มี ‘เธอ’ อีกคนอีกต่อไปแล้ว แต่เจียงเซ่อก็ดูเปลี่ยนแปลงไปมากจริงๆ
เธอยืนอยู่ท่ามกลางกลุ่มคน แววตาดูเย็นชา พอลองมาคิดๆ ดูดีๆ แล้วตั้งแต่ที่เธอเกิดใหม่มาเจียงเซ่อก็เหมือนจะมีบางอย่างที่ดูแปลกไป เธอได้เซ็นสัญญาเข้าซื่อจี้หยินเหอ แถมยังได้เซี่ยเชาฉวินเป็นผู้จัดการส่วนตัว ข้างๆ ตัวก็มีเผยอี้ ได้แสดงเป็นหญิงสาวในฝันของเรื่อง ‘99 Love Letter’ แถมยังได้บท ‘โต้วโค่ว’ ที่ควรจะเป็นของเย่หยิงเฟย รวมไปถึงหนังอีกสองเรื่องที่หล่อนเล็งเอาไว้อย่าง ‘เกี่ยวกับที่ฉันรักเธอ’ และ ‘Evil’ อีก ไอ้การความเป็นไปแบบนี้มันไม่เหมือนกับสิ่งที่เคยเกิดขึ้นในความทรงจำของหล่อนเลยสักนิด
เจียงเซ่อโชคดีจนเฝิงหนานรู้สึกแปลกใจ แต่ก่อนหล่อนยังสามารถเอาความเปลี่ยนแปลงที่เคยเกิดขึ้น กลับมาแก้ไขในตอนที่ตัวเองได้มาเกิดใหม่ได้ แต่ตอนนี้เหมือนว่าหล่อนจะไม่สามารถหลอกตัวเองหรือหลอกคนอื่นได้อีกแล้ว ในหัวของหล่อนเริ่มมีความคิดที่น่ากลัวบางอย่างขึ้นมา
ถ้าเกิดว่าตัวหล่อนสามารถกลับมาเกิดใหม่ แล้วเจียงเซ่อล่ะ?
แสงอาทิตย์ยามสายัณห์ทอดส่งลงมา สวีป่ายซิงยังคงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดและน่าเวทนา หล่อนรู้สึกแผ่นหลังมันเย็นวาบ เหงื่อเย็นเม็ดใหญ่แทรกซึมออกมาตามรูขุมขน หล่อนเห็นเผยอี้กำลังลากตัวสวีป่ายซิงที่ไร้แรงต่อต้านราวกับลูกไก่ตัวหนึ่ง แล้วโยนเขาลงไปในสระว่ายน้ำ ทุกครั้งที่เขาพยายามใช้แขนตะเกียกตะกายตัวขึ้นมาเหนือน้ำ ก็จะต้องโดนเผยอี้กดให้จมลงไปทุกครั้ง แทบจะไม่มีโอกาสได้หายใจเหนือน้ำแม้เพียงเสี้ยววินาที
ความเย็นชาและไร้ความรู้สึกบนใบหน้าของเผยอี้ทำให้เฝิงหนานตัวสั่นไปหมด ตอนแรกหล่อนคิดว่าวันนั้นที่ ฉาวจิ้นเก๋อ ตอนที่เขาแกล้งเล่นไพ่ให้หล่อนแพ้พนันตอนนั้นหล่อนก็คิดว่าเขาน่ากลัว และเลวร้ายที่สุดแล้ว แต่พอได้มาเห็นที่สวีป่ายซิงเจอตอนนี้ เฝิงหนานก็รู้สึกเย็นวาบขึ้นมาตั้งแต่ฝ่าเท้าแล้ว เหมือนไอเย็นมันแผ่ไปทั่วร่างกาย
สวีป่ายซิงที่อยู่ในสระว่ายน้ำเริ่มไร้เรี่ยวแรงที่จะดิ้นรนขอชีวิต ผู้คนที่ยืนอยู่รอบๆ ก็ไม่มีใครกล้าที่จะเอื้อนเอ่ยอะไรออกมา เผยอี้ปล่อยมือออก ปล่อยให้สวีป่ายซิงค่อยๆ จมดิ่งลงไปใต้สระ ส่วนตัวเองก็ล้างมืออย่างใจเย็น
“อาต้าน บอกให้เฮลิคอปเตอร์มารับมันกลับไปซะ”
เนี่ยต้านเองก็กำลังจับมือถือคุยโทรศัพท์อยู่พอดี เขายิ้มขึ้น
“เรียกตั้งนานแล้วครับ”
คนรอบๆ สระที่ได้รับการอนุมัติจากเนี่ยต้านแล้วก็รีบกระโดดลงสระน้ำเพื่อช่วยคนขึ้นมาทันที สวีป่ายซิงเผลอกลืนน้ำลงไปไม่น้อย แพทย์ประจำเรือก็รีบเข้ามาปฐมพยาบาลให้เขาทันที
เผยอี้เดินเข้าไปโอบไหล่เจียงเซ่อ สายตาจ้องมองไปทางเฉาเยี่ยนปางและคนอื่นๆ อย่างเย็นชา ก่อนจะกลับมามองที่เจียงเซ่อเช่นเดิม มันทำให้เฝิงหนานเกิดความตระหนกกลัวจนตัวสั่นขึ้นมาทันที หล่อนรีบกระชับผ้าพันคอตัวเองให้แน่นแล้วเขยิบไปหลบอยู่หลังเฝิงซือหย่ง
เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ทุกคนก็เหมือนจะไม่มีอารมณ์สนุกกันแล้ว บนเรือยอร์ชที่เคยครื้นเครงสนุกสนานกลายเป็นความเงียบสงัดไร้เสียงพูดคุย
ผ่านไปได้ประมาณครึ่งชั่วโมง ก็ได้รับสัญญาณวิทยุว่าเฮลิคอปเตอร์มาถึงแล้ว มันค่อยๆ ลงจอดบนที่จอดเครื่องบินบริเวณท้ายเรือ และรับเอาตัวสวีป่ายซิงที่จะตายแหล่มิตายแหล่ไป
ถึงแม้ว่าจะยังมี Party ต่อจากนั้น แต่เพราะเพิ่งจะเกิดเรื่องขึ้น ทุกคนก็เลยดูไม่ค่อยสนุกกันเท่าไหร่นัก พอเรือกลับมาเทียบท่าที่ฝั่งแล้ว ทุกคนก็รีบเดินลงจากเรือและกลับไปกันหมด
เผยอี้ยังยืนคุยกับเนี่ยต้านอยู่ เจียงเซ่อเองก็นั่งรอเขาอยู่ใกล้ๆ
โม่อานฉีหยิบเสื้อคลุมไปคลุมให้เธอ แล้วนึกถึงที่เผยอี้อาละวาดเมื่อกี้ขึ้นมา ตอนนั้นโม่อานฉีก็ยังระแวงว่าเผยอี้จะฆ่าสวีป่ายซิงให้ตายจริงๆ ด้วยซ้ำ
“เซ่อเซ่อ”
โม่อานฉีเพิ่งจะเรียกขึ้นมา มือถือที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อก็ดังขึ้นมาเสียก่อน หล่อนหยิบขึ้นมาดู ยกมือขึ้นเสยผมแล้วหันไปมองเจียงเซ่อ
“พี่เซี่ยโทรมาแน่ะ”
หล่อนจับผมที่ถูกลมพัดจนปลิวว่อนเอาไว้ แล้วกดรับสาย
“สวัสดีค่ะพี่เซี่ย”
ปลายสายอย่างเซี่ยเชาฉวินพูดแทรกขึ้นมาทันที
“ส่งมือถือให้เจียงเซ่อเดี๋ยวนี้”
แล้วโม่อานฉีก็ส่งมือถือให้เจียงเซ่อ ทำมือใส่เธอและพูดเตือนขึ้นแบบไม่มีเสียง
“ระวังล่ะ”
น้ำเสียงของเซี่ยเชาฉวินดูไม่ค่อยดีนัก เจียงเซ่อรับมือถือมา แล้วจู่ๆ ก็คิดถึงเรื่องบางอย่างขึ้นมาได้ เมื่อตอนเย็นเผยอี้เพิ่งอาละวาดซ้อมสวีป่ายซิงไป แล้วเจ้าเด็กนั่นก็เป็นถึงลูกชายคนเดียวของประธานบริษัทกังหัวกรุ๊ปอย่างสวีโจวจี้ และสวีโจวจี้ก็เป็นพี่ชายแท้ๆ ของภรรยาเซี่ยตงเหออีกด้วย เป็นพี่น้องท้องเดียวกัน หรือพูดได้ว่า สวีโจวจี้เป็นลุงของเซี่ยเชาฉวิน และสวีป่ายซิงก็คือลูกพี่ลูกน้องของเซี่ยเชาฉวิน! และยังเป็นลูกชายคนเดียวของประธานบริษัทกังหัวอย่างสวีโจวจี้อีกด้วย
เรื่องเผยอี้ทำร้ายสวีป่ายซิงนั้นไม่มีทางมีปัญหาอะไรเกิดขึ้นแน่ แต่สำหรับเจียงเซ่อแล้ว มันจะต้องวุ่นวายมากแน่ๆ
ที่เซี่ยเชาฉวินโทรมาตอนนี้ มีความเป็นไปได้สูงที่จะเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้
ก่อนหน้านี้เจียงเซ่อรู้สึกแปลกใจที่สวีป่ายซิงทำทีเข้ามาชวนคุยเพื่อขอเบอร์ของเธอ พอตอนนี้เซี่ยเชา ฉวินโทรมาหา แล้วยังมีอะไรที่ไม่ชัดเจนอีก?
เรื่องนี้มันไม่ใช่เรื่องที่อยู่เหนือความคาดหมาย คงมีใครบางคนเห็นว่าช่วงนี้ชีวิตของเธอมาราบรื่นเกินไป เลยอยากจะหาเรื่องให้เสียหน่อย
แล้วใครกันล่ะที่เป็นคนทำเรื่องพวกนี้ มันก็เดาได้ไม่ยากอยู่แล้ว ถ้าเธอต้องทะเลาะกับเซี่ยเชาฉวิน และถ้าหลังจากนั้นเซี่ยเชาฉวินจะไม่เป็นผู้จัดการส่วนตัวของเธออีก ใครกันล่ะที่จะได้ผลประโยชน์สูงสุด?
แขกที่ได้เชิญขึ้นมาบนเรือบนนี้ส่วนมากก็เป็นคนที่มีชื่อเสียงมีหน้ามีตากันทั้งนั้น แต่กลุ่มหญิงสาวก็ไม่ใช่กลุ่มคนที่ต้องการจะเข้าวงการบันเทิงอยู่แล้ว แต่พวกหล่อนอยากจะมาจับพวกกลุ่มทายาทรวยๆ มากกว่า คนที่ต้องการเข้าวงการบันเทิง ก็มีแค่เธอและเฝิงหนาน
เธอนึกถึงที่เซี่ยเชาฉวินเคยเตือนขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็น ‘เกี่ยวกับที่ฉันรักเธอ’ หรือ ‘Evil’ ต่างก็เป็นหนังที่เซี่ยเชาฉวินแย่งมันมาให้เธอจากมือเจียงหนานบันเทิง
และบริษัทเจียงหนานบันเทิงก็เป็นบริษัทที่เฝิงหนานและจ้าวจวินฮั่นร่วมกันสร้างขึ้นมา บทนางเอกของสองเรื่องนั้น ต่างก็เป็นบทที่เฝิงหนานเล็งเอาไว้ แต่สุดท้ายมันก็ตกมาอยู่ในมือของเจียงเซ่อ
เฝิงหนานคงอยากจะทำให้เธอและเซี่ยเชาฉวินแตกกันสินะ
“สวัสดีค่ะพี่เชาฉวิน”
พอเจียงเซ่อเริ่มเข้าใจทุกอย่างขึ้นมา ก็รับสายหล่อนทันที
“อืม”
ก่อนหน้านี้เซี่ยเชาฉวินเพิ่งจะไปเจรจาพูดคุยเกี่ยวกับการใช้สถานที่ในหัวเซี่ยเพื่อให้เถาเฉินถ่ายโฆษณาผลิตภัณฑ์ของอิตาลีไป ตอนนี้หล่อนคงจะอยู่ที่อิตาลีแล้ว และตอนนี้ก็คงจะเป็นเวลาพักเที่ยงของที่นั่น
“แฟนของเธอทำร้ายสวีป่ายซิงอย่างนั้นหรือ?”
ที่หล่อนโทรมาหา ถ้าหากจะเป็นเพราะเรื่องนี้แล้วละก็ เจียงเซ่อก็พอจะเดาผลลัพธ์ที่แย่ที่สุดออกแล้ว แต่เธอก็ไม่ได้คิดจะโต้เถียงอะไร และพูดตอบออกไปตรงๆ “ใช่ค่ะ”
“แล้วเขามีวิธีที่จะปิดเรื่องนี้ไหม?” เหนือความคาดหมายของเจียงเซ่อ เซี่ยเชาฉวินไม่มีท่าทีที่จะเอาผิดกันเลยสักนิด แต่กลับพูดถึงเรื่องที่จะส่งผลต่อเจียงเซ่อ
“ตระกูลสวีของฮ่องกง ฉันจะเป็นคนไปจัดการเกลี้ยกล่อมเอง เรื่องนี้คงจะเงียบไปเร็วๆ นี้ ส่วนในแผ่นดินใหญ่ ให้เขาเป็นคนจัดการซะ”
หลังจากที่เรื่องมันใหญ่ขึ้น แน่นอนว่ามันไม่ส่งผลดีต่อเจียงเซ่อ ไม่ว่าความจริงของเรื่องนี้จะเป็นยังไง ในสายตาของกลุ่มคนทั่วไป ยังไงมันก็เป็นการที่ผู้ชายทั้งสองคนกำลังต่อยตีเพื่อแย่งผู้หญิงคนเดียว เริ่มจากการหึงหวงและกลายเป็นการต่อสู้แย่งชิงและเล่นกันจนถึงชีวิต
เซี่ยเชาฉวินเองก็ตั้งความหวังกับตัวเจียงเซ่อไว้สูง จึงไม่อยากให้เธอมีข่าวฉาวแบบนี้
“ไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ เดี๋ยวเขาจะจัดการให้เรียบร้อย”
เจียงเซ่อตอบรับกลับไป เซี่ยเชาฉวินฝั่งนั้นก็พยักหน้า
“งั้นก็ดี อีกเรื่อง ฉันเพิ่งคุยกับแบรนด์กางเกงยีนส์ของอิตาลีให้เธอ เอาไว้จะบอกรายละเอียดทีหลัง เดี๋ยวจะส่งเมล์ไปให้โม่อานฉี” หล่อนพูดเรื่องของตัวเองจบก็ตัดสายไปทันที เจียงเซ่อเก็บมือถือลงไป โม่อานฉีจึงถามขึ้นอย่างเป็นห่วง
“โอเคใช่ไหม?”