บทที่ 205 หัวเราะอย่างขมขื่น
สปีดโบ้ทแล่นอยู่บนผิวน้ำอย่างรวดเร็วราวกับลมกรด ราวกับนกทะเลที่บินมาตามสายลม คลื่นลูกใหญ่ม้วนตัวสองตลบ ทุกครั้งฟองคลื่นที่ตีกระทบขึ้นมาสปีดโบ้ทก็ทะยานขึ้นราวกับกำลังจะบิน โม่อานฉีที่อยู่ข้างหลังกรีดร้องเสียงแหลมไม่หยุด ความรู้สึกตื่นเต้นนี่มันอธิบายออกมาได้ยากจริงๆ
หลังจากกลับขึ้นมาบนเรือยอร์ชแล้ว ทั้งเนื้อทั้งตัวโม่อานฉีก็เปียกน้ำทะเลไปหมด แต่ก็ยังดูร่าเริงเป็นปกติ
เจียงเซ่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็เดินออกมา เผยอี้และคนอื่นๆ ก็อาบน้ำกันเสร็จแล้วเหมือนกัน
ตอนที่เธอก้าวเท้าออกมา ก็พบว่าข้างนอกกำลังคึกคักทีเดียว เผยอี้กำลังเล่นไพ่กับพวกเนี่ยต้าน ตัวเธอไม่ค่อยสนใจนัก เลยหาที่นั่งสักมุมแทน แต่นั่งได้ไม่เท่าไหร่ ก็รู้สึกได้ว่ามีคนกำลังเดินเข้ามาหาตัวเอง
บนดาดฟ้าเรือนี่คนเยอะมาก คนที่เดินผ่านไปผ่านมาก็เยอะ แต่คนๆ นี้กลับเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเธอ ไม่นานนักก็มีคนมาค้ำที่เก้าอี้อาบแดดของเธอ เหมือนว่าจะค้ำลงมาทั้งตัวเลยด้วย ตัวเก้าอี้เริ่มยุบตัวลงเพราะรับน้ำหนักมากขึ้น ต่อมาคือเงาดำที่เข้ามาปกคลุม
เธอลืมตาขึ้น ก็พบว่าเป็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่สวมเสื้อเชิ้ตสีส้มกำลังค้ำมือทั้งสองไว้ข้างๆ ตัวเธอ และโน้มตัวก้มหน้ามามอง
“ชอบพวกเครื่องประดับของ Gang Hua Jewelry ไหมครับ? เลือกสักอันสิ เดี๋ยวผมซื้อให้เลย”
แค่แวบเดียวเจียงเซ่อก็รู้แล้วว่าคือสวีป่ายซิง พอได้ยินเขาพูดแบบนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะขำออกมา
ในฮ่องกง สวีป่ายซิงเองก็ถือว่าเป็นคนที่มีชื่อเสียงพอตัว ถ้าเฝิงหนานรู้จักเขาผ่านนิตยสารที่ไม่ซ้ำแต่ละเล่มแล้วละก็ เจียงเซ่อก็รู้จักเขาดีมากกว่านั้นเสียอีก
นอกจากจะขึ้นชื่อเรื่องเจ้าชู้แล้ว เขาก็ยังมีชื่อเสียงในชนชั้นสูงเหมือนกับหลิวจือชิวแม่ของเขาอีกด้วย
เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับที่เพื่อนเก่าที่เคยเล่าให้ฟังด้วย จนถึงตอนนี้ คงมีคนไม่น้อยที่รู้เรื่องนี้แล้ว
หลิวจือชิวเกิดมาในครอบครัวนักกฎหมาย ได้รับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทนายความจากประเทศอังกฤษและฮ่องกงตั้งแต่อายุยังน้อย หล่อนเป็นคนสวยและมีความสามารถ หล่อนพัฒนาความสัมพันธ์กับทายาทของวิสาหกิจจงหนานอย่างเฝิงชินหลุนได้อย่างรวดเร็ว และทั้งสองก็ไปไหนมาไหนด้วยกันอยู่เสมอ
แต่แท้จริงแล้วเฝิงชินหลุนก็คือพ่อแท้ๆ ของเฝิงหนาน ตอนแรกที่หลิวจือชิวก่อเรื่องแบบนี้ขึ้นมา เฝิงหนานก็ยังเด็กอยู่ และตอนนั้นคุณแม่เฝิงก็ไม่ยินยอมที่จะอ่อนข้อและตกเป็นรองเด็ดขาด หญิงสาวทั้งสองคนต่อสู้กันอย่างไม่มีใครยอมใคร จนกระทั่งตอนหลังที่เฝิงหนานโดนลักพาตัวไป ทำเอาเฝิงจงเหลียงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
เขาลงมือจัดการเรื่องให้ยุติลงด้วยตัวเอง และพาเฝิงหนานกลับมาอยู่ที่ตี้ตู หลังจากนั้นหลิวจือชิวและเฝิงชินหลุนก็เลิกกัน และหล่อนก็หันไปคบกับสวีโจวจี้ และได้ให้กำเนิดสวีป่ายซิงออกมา อดทนเลี้ยงลูกชายมาสิบกว่าปี จนกระทั่งถึงวันที่ความปรารถนาเป็นจริง วันที่ภรรยาคนแรกของสวีโจวจี้ตายจากโลกนี้ไป หล่อนก็แต่งเข้าตระกูลทันที
ก่อนที่จะมาเกิดใหม่ เจียงเซ่อกับสวีป่ายซิงไม่ได้พูดคุยหรือติดต่ออะไรกันนัก เธออายุมากกว่าสวีป่ายซิงตั้งหลายปี บวกกับเรื่องที่เคยเกิดขึ้นไปเมื่อหลายปีก่อนนั่นอีก
เวลาที่คุณแม่เฝิงพูดถึงหลิวจือชิวขึ้นมาทีไร ก็คอยแต่จะขบเคี้ยวฟันทุกที แม้แต่คนที่สนิทกับสวีป่ายซิงอย่างเฉาเยี่ยนปางก็นน้อยครั้งที่จะทำหน้าดีๆ ใส่กัน
ภรรยาคนแรกของสวีโจวจี้ไม่สามารถมีทายาทลูกชายให้กับการสืบทอดธุรกิจ Gang Hua Jewelry ที่เจียงซานได้ จึงมีแค่เพียงลูกชายเดียวอย่างสวีป่ายซิง
เจียงเซ่อรู้แค่ว่าเขาเป็นแขกประจำของวงการบันเทิง ไม่กี่ปีมานี้ได้ยินแต่ข่าวที่เขาเอาแต่ใช้เงินทิ้งไปกับการตามจีบดาราสาว แต่ตอนนี้เหมือนว่าเรื่องนั้นกำลังเกิดกับตัวเธอเสียแล้ว เธอรู้สึกอยากจะร้องไห้แต่ก็ร้องไม่ออก
“ของที่ฉันชอบ นายจะเป็นคนหามาให้อย่างนั้นหรือ?”
เธอเลิกคิ้วขึ้น ยังไม่ทันที่เธอจะได้ลุกขึ้นนั่ง สวีป่ายซิงก็ยกมือขึ้นถอดแว่นดำของเธอออกเสียก่อน
ที่จริงตอนที่เผยอี้พาเธอขึ้นมาบนเรือนี่เขาเองก็สังเกตเห็นเจียงเซ่อแล้ว ตอนมองไกลๆ ก็ดูสวยไม่หยอก แต่พอได้ดูใกล้ๆ ก็ยิ่งสวยกว่าเดิมอีก แต่แค่แว่นดำที่อยู่บนสันจมูกของเธอนั้น มันบดบังใบหน้าเล็กๆ ของเธอไปกว่าครึ่ง เขาเลื่อนมือเข้าไป เจียงเซ่อก็เริ่มป้องกันตัวเอง
แสงอาทิตย์ยามเย็นสาดส่องลงมา นิ้วมือของเธอเรียวสวย ผิวขาวเนียนราวกับหยก ขาวจนเห็นเส้นเลือดอ่อนๆ และนั่นก็ยิ่งทำให้สวีป่ายซิงยิ่งสนใจในตัวเธอมากขึ้นอีก
เขาคว้ามือของเจียงเซ่อเอาไว้ แล้วพูดออกมาด้วยหน้าตาจริงใจ
“อย่าเพิ่งเข้าใจผิดสิครับ ผมไม่ได้มีความหมายอย่างอื่น ก็แค่อยากได้เบอร์โทรสัก......” ยังไม่ทันได้พูดจบประโยค คอเสื้อด้านหลังของเขาก็โดนใครบางคนกระชากขึ้นอย่างรุนแรง เพราะแรงของคนดึงมีไม่น้อยจึงทำให้เขาต้องเซไปตามแรงกระชาก เขาพยายามจับเก้าอี้อาบแดดเอาไว้แน่นแต่ก็โดนดึงออกมาอย่างป่าเถื่อน และโดนโยนทิ้งอย่างไม่ใยดี
‘ปึก!’ ล้มลงไปกองกับพื้นดาดฟ้า
ที่จริงสวีป่ายซิงไม่ได้คิดอะไรอย่างอื่นเลยจริงๆ เขาเองก็ไม่ได้โง่ ผู้หญิงแบบไหนที่เล่นได้ ผู้หญิงแบบไหนที่ไม่ควรเล่นด้วยเขาเองก็รู้ดีอยู่แก่ใจ
เผยอี้เป็นคนพาเจียงเซ่อขึ้นมา และถึงแม้ว่าเจียงเซ่อจะเป็นผู้หญิงในแบบที่เขาชอบ แต่กับคนอย่างเผยอี้แบบนี้ ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าไม่ควรไปยุ่งด้วย แน่นอนว่าเขาไม่มีทางใจร้อนลงมือตอนนี้แน่นอน
ที่เขาเข้ามาชวนคุยแบบนี้ ก็แค่พนันกับพวกเฉาเยี่ยนปางเอาไว้ ว่าเขาจะสามารถขอเบอร์เจียงเซ่อมาได้หรือเปล่าแค่นั้นเอง
แต่ใครมันจะไปรู้ว่าแค่มาถึง ยังไม่ทันได้พูดถึงสองประโยคด้วยซ้ำแต่ก็โดนเผยอี้เห็นเข้าเสียแล้ว
ตอนนั้นเผยอี้กำลังเล่นไพ่อยู่กับเนี่ยต้านและคนอื่นๆ แต่ก็ยังแบ่งความสนใจมาให้เจียงเซ่ออีก ตอนที่สวีป่ายซิงดึงแว่นของเจียงเซ่อออก เผยอี้เองก็เห็นและเริ่มกัดฟันด้วยความโมโหตั้งแต่ตอนนั้น และไพ่ที่อยู่ในมือก็ถูกโยนลงทันที
จากนั้นก็เห็นว่าสวีป่ายซิงเริ่มถึงเนื้อถึงตัวเจียงเซ่อแล้ว แค่นั้นเขาก็อยากจะฆ่าไอ้เด็กนี่ให้ตายแล้ว
ถึงจะโยนลงพื้นแรงๆ ก็ยังไม่พอใจ เลยยกเท้าเตะเข้าไปอีกหนึ่งที
โชคดีที่เขาไม่ได้ใส่รองเท้า ไม่งั้นที่เตะไปสองทีนั่นอาจจะทำให้กระดูกของสวีป่ายซิงหักเลยก็ได้
เจียงเซ่อลุกขึ้นมา แต่เผยอี้ก็กันเธอเอาไว้
“อยู่ห่างๆ ก่อนเถอะ”
เขาเอื้อมมือไปยกเก้าอี้อาบแดดขึ้นมา แล้วฟาดมันลงไปบนตัวสวีป่ายซิงทันที สวีป่ายซิงที่ยังไม่ทันได้โต้ตอบอะไร และเพิ่งจะกุมเอวลุกขึ้นนั่ง แต่ก็ต้องโดนฟาดจนต้องนอนนิ่งลงไปกับพื้นอีกรอบ
“อั๊ก......”
คนที่ยืนอยู่บนดาดฟ้าล้วนเห็นภาพนั้นกันหมด เพียงครู่เดียวก็พาร้องเสียงหลง สาวๆ ที่เล่นน้ำอยู่ในสระเองก็รีบปีนขึ้นมา พวกเฉาเยี่ยนปางเองก็ยืนอยู่ใกล้ๆ พอเห็นแบบนั้นแล้วก็ตกใจกันไม่น้อย
พอเฝิงซือหย่งและคนอื่นๆ เห็นว่าเผยอี้ตีคนอย่างโหดร้ายแบบนั้นแล้ว ต่างก็พากันยกมือขึ้นปิดปากกลั้นเสียงร้อง เฝิงหนานเองก็ยกมือขึ้นปิดปากเช่นกัน พร้อมกับฟันที่กัดกันแน่น
“พอแล้วครับ อย่าตีอีกเลย”
เฉาเยี่ยนปางที่เห็นสถานการณ์แบบนั้นแล้ว สวีป่ายซิงฟุบหมอบไปแล้วหลายครั้ง ถึงกับหัวแตกเลือดออกเต็มไปหมด ปากก็ร้องโอดครวญ ท่าทางเผยอี้คงกะเอาเขาให้ตายแน่ๆ เก้าอี้อาบแดดในมือของเขาถูกใช้ฟาดจนเริ่มจะไม่คงรูปทรงเดิมอีกต่อไป
“ไม่ว่าหน้าไหนก็ไม่ต้องเข้ามายุ่ง”
พอเนี่ยต้านเห็นว่ามีคนเข้ามาพูดโน้มน้าว เขาก็ล้วงมือข้างหนึ่งไว้ในกระเป๋ากางเกงชายหาด ส่วนอีกข้างก็ยกขึ้น
“ไอ้เด็กนี่มันใจกล้าไปหน่อย แม้แต่พี่สะใภ้ของฉันก็ยังกล้ามาแตะ”
“ไม่เป็นอะไรใช่ไหม?” เผยอี้ตีจนพอใจ เขาพยายามระงับความโกรธเอาไว้ แล้วโยนเก้าอี้อาบแดดในมือทิ้ง แล้วหันหน้าไปถามเจียงเซ่อ
เจียงเซ่อส่ายหน้า เธอจะเป็นอะไรได้? เพราะจริงๆ แล้วสวีป่ายซิงยังไม่ทันได้ทำอะไรเธอเลย แต่เผยอี้ก็กระโดดเข้ามาก่อนแล้ว
“ฉันให้ตัวเลือกแกสองข้อ”
พอแน่ใจแล้วว่าเจียงเซ่อไม่ได้เป็นอะไร เผยอี้ก็พูดขึ้น แล้วค่อยๆ นั่งยองลงข้างๆ สวีป่ายซิงที่นอนโอดครวญอยู่
“ว่าแกจะกระโดดลงไปในทะเล แล้วหาทางรอดรอความช่วยเหลือด้วยตัวเอง หรือว่าจะกระโดดลงสระน้ำนี่ แล้วถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นฉันจะโทรให้เครื่องบินมารับแกไปโรงพยาบาลเอง”
สวีป่ายซิงนอนอยู่บนพื้นดาดฟ้าเรือ พลางโอดครวญจะตายแหล่มิตายแหล่ ไม่รู้ว่าได้ยินสิ่งที่เขาพูดหรือเปล่าด้วยซ้ำ
เผยอี้ดึงผมเขาขึ้นมา บังคับให้เงยหน้าขึ้น
“หรือแกจะให้ฉันช่วยเลือกดีล่ะ?”
“พี่เนี่ย......”
เฉาเยี่ยนปางที่เห็นว่าเรื่องมันชักจะไปกันใหญ่แล้วก็เริ่มกลัวขึ้นมา จะเป็นใครก็นึกไม่ถึงหรอก ว่าแค่เล่นสนุกๆ ด้วยกัน จะทำให้เผยอี้โกรธขึ้นมาถึงขนาดนี้ได้