webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

200

บทที่ 200 ขอความช่วยเหลือ

เฝิงหนานเอาแต่คิดหาวิธีที่จะผูกสัมพันธ์ที่ดีกับเซี่ยงชิวจี๋ หล่อนพยายามที่จะเข้าวงการบันเทิงโดยใช้พวกเขา แต่ตอนนี้เฝิงซือหย่งกลับบอกว่าตัวจริงของเฝิงหนานสนิทสนมกับเผยอี้มากๆ แล้วมันเกิดอะไรขึ้น? มันผิดพลาดตรงไหน?

“แต่ว่า แต่ว่าคุณปู่บอกให้ฉันอยู่ห่างจากเผยอี้”

เธอนึกถึงคำเตือนของเฝิงจงเหลียงขึ้นมา เฝิงซือหย่งก็พูดขึ้น

“ก็เพราะพี่อยู่กับจ้าวจวินฮั่นแล้วไง คุณปู่น่ะหัวโบราณจะตายไป พี่เองก็น่าจะรู้ดีอยู่แล้วนี่ พี่อยู่กับคุณปู่มาตั้งแต่เด็กๆ ไม่ใช่หรือไง?”

เฝิงหนานเข้าในความหมายของหล่อนแล้ว!

ที่วันนั้นหล่อนฟังคำเตือนของเฝิงจงเหลียง ก็เพราะคิดว่ามันอาจจะเป็นอันตรายต่อตัวหล่อนเอง แถมยังคิดอีกว่าหรือเป็นเพราะเฝิงหนานตัวจริงไปมีเรื่องบาดหมางกันเอาไว้ ถึงทำให้เฝิงจงเหลียงต้องมาบอกให้หล่อนอยู่ห่างจากเขา พอได้มาเข้าใจในสิ่งที่เฝิงซือหย่งพูดแล้ว ที่แท้เธอก็โดนเฝิงจงเหลียงทำให้เข้าใจผิดนี่เอง!

เผยอี้อาจจะไม่ได้เกลียดเธอจริงๆ ก็ได้ แต่เขาอาจจะรู้สึกแปลกๆ กับตัวตนของหล่อน เพราะหลังจากที่ตัวหล่อนเองและจ้าวจวินฮั่นได้มาอยู่ด้วยกันแล้ว ทำให้เขากลายเป็นทั้งรักทั้งเกลียด ถึงได้ตั้งใจทำให้ตัวหล่อนลำบากใจบ้าง

พอคิดถึงเรื่องพวกนี้แล้ว เฝิงหนานก็กัดฟันแน่น

จู่ๆ หล่อนก็รู้สึกเกลียดเจียงเซ่อขึ้นมามากกว่าเดิม ตั้งแต่ต้นจนจบ เจียงเซ่อก็เอาแต่มีเรื่องกับหล่อนไม่หยุด ก่อนที่จะมาเกิดใหม่ก็พากันแย่งความรักจากจ้าวจวินฮั่น รีบร้อนที่จะได้แต่งงานเข้าตระกูลจ้าว หลังจากได้เกิดใหม่แล้ว ก็ยังทำให้หล่อนเกลียดเพราะเธอแย่งต้นทุนที่ดีและบทหนังดีๆ ไปหมด

ถ้าเกิดต้องมารู้ความจริงเกี่ยวกับเผยอี้แบบนี้อีก เฝิงหนานก็เริ่มที่จะสงบจิตใจไม่อยู่แล้ว

หล่อนสูดหายใจเข้าลึก ลูกสาวหลานสาวของตระกูลเผยต่างก็มองหล่อนอยู่

“เป็นอะไรหรือเปล่า?”

“เปล่า”

ความจริงคือตอนนี้ในใจหล่อนเหมือนกับมีแมวมาตะปบ และพยายามอดทนและควบคุมสติเอาไว้

เจียงเซ่อขึ้นมาถึงบนเรือยอร์ชแล้ว ตรงนี้คนไม่มากจึงค่อนข้างสงบ วันนี้อากาศดีมากจริงๆ แสงพระอาทิตย์สะท้อนลงบนผืนทะเล เผยอี้และเนี่ยต้านกับคนอื่นๆ พูดคุยกันอยู่ข้างล่าง โม่อานฉีหยิบครีมกันแดดมาให้เจียงเซ่อทา

“พี่เซี่ยบอกว่า อาทิตย์หน้าจะจัดให้เธอไปเสริมสวยและบำรุงให้เต็มที่เลยนะ”

การที่เป็นนักแสดง ทุกตารางนิ้วของผิวจะต้องดูดีและได้รับการบำรุงอยู่เสมอ ห้ามมีตรงไหนที่มีริ้วรอยด่างพร้อยเด็ดขาด ไม่ว่าจะเป็นบนร่างกาย ใบหน้า หรือแม้แต่ปลายเท้า ทุกจุดด่างพร้อยจะต้องถูกจัดการและเหลือไว้แต่ความสวยงาม

แน่นอนว่าเซี่ยเชาฉวินคงไม่เอาคุณภาพราคาของการบำรุงดูแลแบบต่ำๆ มาแน่ๆ เจียงเซ่อเองก็ขี้เกียจที่จะถามถึงราคากับโม่อานฉีแล้ว เซี่ยเชาฉวินกล้าทำขนาดนี้ หล่อนก็คงหาวิธีที่จะให้เจียงเซ่อชดใช้เงินแล้วล่ะ

โม่อานฉีกำลังทาครีมลงบนแขน แต่แล้วมือถือก็ดังขึ้นมา

หล่อนเช็ดมือแล้วหันตัวไปหยิบมือถือขึ้นมาดู เบอร์ที่โทรมาคือเบอร์ของสำนักงานกู้เจียเอ่อ หล่อนกดรับสายทันที

“สวัสดีค่ะ ดิฉันคือผู้ช่วยของเจียงเซ่อค่ะ”

ไม่รู้ว่าปลายสายพูดอะไร หล่อนเอามือป้องลำโพงเอาไว้ แล้วหันไปมองเจียงเซ่อ

“เซ่อเซ่อ กู้เจียเอ่อโทรมา เขาจะคุยกับเธอแน่ะ”

เจียงเซ่อรู้สึกแปลกใจไม่น้อย ระหว่างเธอกับกู้เจียเอ่อถึงจะเคยร่วมงานกันในหนังเรื่อง ‘ฝันที่เป็นจริง’ แต่การทำงานร่วมกันในครั้งนั้นก็ไม่ได้ยาวนานอะไร แถมเธอยังแสดงแค่บทตัวประกอบเล็กๆ ในเรื่อง ‘ฝันที่เป็นจริง’ เท่านั้น ระหว่างนั้นถึงจะมีเรื่องเหยาเสียง แต่เธอก็ไม่ได้ฉวยโอกาสในตอนนั้นทำให้ตัวเองดังขึ้น ทำให้กู้เจียเอ่อพอใจในตัวเธอ และติดต่อหลินซีเหวินให้เธอด้วยตัวเองเลย แต่ถ้าลองดูดีๆ แล้ว ระหว่างเธอกับผู้กำกับคนนี้ไม่ได้ติดต่อกันบ่อยนัก คนที่ติดต่อส่วนมากจะเป็นผู้ช่วยของกู้เจียเอ่อเสียมากกว่า แล้วทำไมจู่ๆ โม่อานฉีถึงบอกว่ากู้เจียเอ่ออยากจะคุยกับเธอ?

“หาฉัน? ผู้กำกับกู้น่ะหรือ?”

“ใช่”

โม่อานฉีพยักหน้ายืนยัน เจียงเซ่อจึงยื่นมือออกไปรับมือถือมา

“สวัสดีค่ะ ผู้กำกับกู้”

ปลายสายอย่างกู้เจียเอ่อทันทีที่ได้ยินเสียงของเธอ เขาก็ลอบถอนหายใจยาวออกมา

“เจียงเซ่อ เธอว่างหรือเปล่า? ฉันอยากจะนัดเธอทานอาหารด้วยกันเสียหน่อย ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้เธอพอจะสะดวกมาเจอกันหน่อยไหม”

จู่ๆ กู้เจียเอ่อก็มานัดเธอทานอาหารด้วยกันเสียอย่างนั้น เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีสาเหตุ โม่อานฉียังคงทาครีมกันแดดให้เธอเรื่อยๆ แต่ก็มองหน้าเธอเป็นระยะๆ คอยฟังสิ่งที่เธอพูด

“ผู้กำกับกู้ เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าคะ? ตอนนี้ฉันอยู่ที่ฮ่องกง อีกประมาณสองวันถึงจะกลับตี้ตู”

“ที่จริงมันก็มีล่ะนะ”

น้ำเสียงของกู้เจียเอ่อเหมือนกับว่าไม่รู้จะทำอย่างไรดี “เธออยู่ที่ฮ่องกงหรือ มิน่าล่ะถึงไม่รู้”

หลังจากที่หนังเรื่อง ‘ฝันที่เป็นจริง’ ของเขาถ่ายจบไป ในเดือนมิถุนายนปีนี้ก็จะเข้าสู่ช่วงโปรโมทหนังแล้ว และเตรียมพร้อมที่จะนำเข้าฉาย ในขณะเดียวกันเขาก็ตั้งใจว่าจะเข้าชิงรางวัลในงานรางวัล Hundred Flower Art Award ที่เซี่ยงไฮ้

แต่ทว่าไอ้ตอนระหว่างถ่ายทำมันก็ราบรื่นดีอยู่ แต่พอถ่ายเสร็จกลับเกิดปัญหาขึ้นเสียอย่างนั้น

อย่างแรกก็คือเรื่องที่ว่าเหยาเสียงมีเรื่องในคืนปิดกล้องจนกลายเป็นข่าวใหญ่ ตอนนั้นเป็นเพราะกู้เจียเอ่อคิดหาทางกดเรื่องนี้เอาไว้ไปก่อน หลังจากที่ตัดต่ออะไรเสร็จแล้ว จ้าวรั่วจวินก็ไม่รู้เป็นอะไร ถึงได้ติดต่อหาเหยาเสียงที่เป็นนักลงทุน ขอให้ตัดฉากของเจียงเซ่อออกเสียอย่างนั้น

เรื่องที่เหยาเสียงโดนซัดในวันนั้นถูกพับเก็บไปแล้ว ตัวเหยาเสียงเองก็รู้ว่าคนที่ตัวเองมีเรื่องด้วยไม่ใช่คนธรรมดาๆ ทั่วไป แน่นอนว่าไม่กล้าออกมาพูดอะไรอยู่แล้ว

ไม่ว่าตอนนั้นสื่อข่าวจะพูดกันยังไง แต่สถานการณ์ในตอนนั้นเขาเองที่รู้ดีที่สุด ตอนที่เผยอี้ซัดเขา มันไม่ใช่เพราะเรื่องแย่งสาวงาม และไม่ใช่เรื่องชู้สาวหรือเรื่องหึงหวงอะไรทั้งนั้น แต่เป็นเพราะตอนนั้นเหยาเสียงทำตัวกำเริบเสิบสานจนไปกระตุกต่อมโมโหเผยอี้ต่างหาก

เหยาเสียงคิดถึงเรื่องตอนนั้นดีๆ แล้ว ก็เลยไม่กล้ายุ่งกับเผยอี้ แต่เขากลับเจ็บแค้นใจเจียงเซ่อ

บวกกับที่ว่าตอนที่จ้าวรั่วจวินอยู่ในกองถ่ายแล้วเกิดรู้สึกไม่ค่อยพอใจเจียงเซ่อขึ้นมา เลยรว่มมือกันติดต่อไปหาทางกลุ่มนักลงทุนเพื่อบอกว่าฉากแอร์โฮสเตสที่พูดแนะนำประเทศฝรั่งเศสของเจียงเซ่อนั่นมันไม่ได้มีความจำเป็นอะไรเลย เลยคิดว่าอยากจะตัดมันออกจากตัวหนังซะ

แต่ที่ไหนได้กลับกลายเป็นว่ากำลังเล่นอยู่กับสิ่งที่ไม่ควรเล่นเสียแล้ว

หลังจากที่หนังถูกส่งให้พิจารณา ตอนนั้นเจียงเซ่อยังถ่ายหนังอยู่ที่ซีหังอยู่เลย เหมือนดั่งคลื่นลมที่สงบเงียบ ใครมันจะไปคิดว่าสองวันก่อนเหยาเสียงจะโดนตำรวจบุกจับไป ได้ยินมาว่าเขาเสพยาเสพติด กู้เจียเอ่อก็เพิ่งจะได้รู้ข่าวในวันนั้นนั่นแหละ

เหยาเสียงถูกตำรวจจับกุมในช่วงกลางดึก จนตอนนี้ก็ยังถูกควบคุมตัวอยู่ที่โรงพัก

ประเทศเราค่อนข้างเข้มงวดกับเรื่องยาเสพติดมาก การที่เหยาเสียงทำเรื่องแบบนี้ มันจะต้องกลายเป็นข่าวใหญ่ และมันก็คงจะกระทบกับตัวหนังด้วยแน่ๆ

ช่วงสองวันมีนี้กู้เจียเอ่อร้อนรนราวกับมดที่วิ่งอยู่บนหม้อไฟ เขาทุ่มให้กับ ‘ฝันที่เป็นจริง’ ไปมาก หนังทั้งเรื่องที่ถ่ายไปทั้งหมดก่อนหน้านี้จนไปถึงขั้นตอนตัดต่อก็ใช้เวลาไปกว่าเกือบสองปี โดนเบรกไปจุดหนึ่งก็เหมือนโดนเบรกไปทั้งหมด ถ้าสถานการณ์ยังแย่แบบนี้ หนังเรื่อง ‘ฝันที่เป็นจริง’ ก็คงไม่มีทางที่จะได้เป็นหนังฟอร์มใหญ่แล้วแน่ๆ ถึงตอนนั้นทุนที่เสียไปก็จะไม่ได้อะไรกลับมาเลยสักอย่าง กู้เจียเอ่อจะได้รางวัลไหมคงไม่ต้องพูดถึงอีก และเกรงว่าถ้าทำหนังอีกพวกนักลงทุนจะต้องหลีกเลี่ยงกันหมดแน่ๆ!

เขาได้ไปสอบถามจากคนในวงการที่เคยติดต่อมาแล้วหลายคน บอกว่าเบื้องบนกำลังสนใจพุ่งเป้ามาที่เรื่องนี้เป็นอย่างมาก ขนาดที่ว่าทางกลุ่มวัฒนธรรมยังกระจายข่าวนี้ไปให้ตามสื่อใหญ่ต่างๆ เพื่อขอให้ทุกคนช่วยเผยแพร่และแบนการกระทำที่ไม่ดีพวกนี้ เห็นได้อย่างชัดเจนว่ากำลังใช้โอกาสนี้ทำลายหนังเรื่อง ‘ฝันที่เป็นจริง’

การที่ในคนสกปรกอยู่ในทีมหนัง ในอนาคตกองถ่ายอาจจะโดนสั่งห้ามและสั่งหยุด และมันจะต้องเสียหายมหาศาลแน่ๆ ตอนนี้กู้เจียเอ่อเองก็ร้อนใจและพยายามคิดหาทางอย่างที่สุดแล้ว

เขาลองสอบถามไปสอบถามมา ไม่ง่ายเลยกว่าเขาจะเจอเข้ากับเบาะแสบางอย่าง

ว่าคนที่ตัดฉากของเจียงเซ่อออกก็คือลูกน้องของตัวเองที่แอบตัดออกไปก่อนจะส่งให้ฝ่ายพิจาณา เพราะคิดว่าเจียงเซ่อในเรื่องมันก็แค่บทที่ไม่จำเป็นอะไร เจียงเซ่อได้เข้ากล้องจริงๆ ไม่ถึงหนึ่งนาทีเลยด้วยซ้ำ ก็คือถึงจะตัดไปมันก็ไม่ได้มีผลต่อหนังทั้งเรื่อง ดังนั้นตั้งแต่ต้นจนจบก็ไม่ใครบอกเรื่อนี้กับกู้เจียเอ่อเลย

หลังจากที่เขาตรวจเจอแล้ว ก็พบว่าคนที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมดก็คือเหยาเสียงนั่นเอง พอลองติดต่อไปก็พบว่าเขาถูกตำรวจจับกุมตัวไปแล้ว เรื่องทั้งหมดก็เลยค่อยๆ กระจ่างขึ้นมา