webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

193

บทที่ 193 ปู่กับหลาน

เพราะเจียงเซ่อและเฝิงจงเหลียง เผยอี้จึงไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่แค่คำพูดเมื่อครู่ของเขา มันก็พอที่จะทำให้เฝิงหนานอึดอัดและตกที่นั่งลำบากมากพอแล้วล่ะ

เจียงเซ่อนั่งเล่นไพ่นกกระจอกกับคุณย่าเผยอยู่หลายรอบ แต่ก็เหมือนว่าจะแพ้ทุกครั้งเลย แต่มันก็ทำให้คุณย่าเผยรู้สึกสนุกอยู่พอสมควร เล่นไปได้พักหนึ่ง มือถือของเธอก็ดังขึ้นมา

กระเป๋าของเธออยู่ที่เผยอี้ เผยอี้เองก็ส่งกระเป๋าให้เธอ

“เดี๋ยวผมเล่นแทนพี่เอง พี่ไปรับโทรศัพท์เถอะ”

เจียงเซ่อหันไปขอตัวกับทุกคน แล้วถือมือถือออกมา ชื่อของเซี่ยเชาฉวินโชว์ขึ้นอยู่บนหน้าจอ เธอกดรับสาย พลางเดินออกมาจากบริเวณสวนดอกไม้ของบ้าน เพื่อไปยังที่ๆ ไม่ค่อยมีคน

“พี่เชาฉวิน”

มันไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอมาที่บ้านตระกูลเย เธอรู้ว่าถัดออกมาจากสวนดอกไม้นี่ ยังมีสวนหย่อมเล็กๆ อยู่ด้วย ข้างในมีที่เงียบๆ อยู่ และไม่ค่อยมีคนเดินผ่านนัก ข้างในมีชุดโต๊ะเก้าอี้ตั้งไว้อยู่ชุดหนึ่ง ตอนที่เจียงเซ่อยังไม่ได้มาเกิดใหม่ ทุกครั้งที่มาที่บ้านตระกูลเผยก็จะพกหนังสือมาด้วยหนึ่งเล่ม และจะมานั่งอ่านอยู่ตรงนี้ ตอนนี้ทุกคนกำลังนั่งเล่นกันอย่างสนุกสนานอยู่ในบ้าน ทางนั้นก็เลยมีแต่เสียงดังโหวกเหวก

การที่เซี่ยเชาฉวินโทรมาหาเธอในวันตรุษจีนแบบนี้ แสดงว่าต้องมีตารางงานใหม่แน่ๆ

และก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ เซี่ยเชาฉวินเองก็ก็ถามขึ้นมา

“จ้าวร่างกำลังจะทำหนังใหม่ เธอวางสามเรื่องที่เคยให้เลือกนั่นไปก่อน ตอนนี้ฉันรับหนังเรื่องนี้เอาไว้ให้เธอเรียบร้อยแล้ว”

เจียงเซ่อนึกไม่ถึงว่าหล่อนจะโทรมาคุยเรื่องนี้ เธอนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะถามกลับไป

“เริ่มถ่ายเมื่อไหร่คะ?”

หลังเทศกาลตรุษจีนผ่านไปไม่กี่วันเธอก็จะเปิดเรียนแล้ว ‘The Occasion of Beiping’ ก็ยังถ่ายไม่เสร็จ โชคดีที่ซีนถ่ายนอกสถานที่ของเธอหมดแล้ว ที่ต้องถ่ายที่เหลือก็มีไม่มาก และมันก็ถ่ายในตี้ตูทั้งหมด

ถ้ารับเล่นหนังใหม่ของจ้าวร่างมาอีกเรื่องแบบนี้แล้วละก็ เธอกังวลว่าเวลามันจะไม่ทัน

“หนังจะเข้าฉายวันที่สามกรกฎาคมปีหน้า กำหนดเอาไว้ว่าเป็นช่วงหยุดฤดูร้อน”

คำพูดของหล่อนมีความนัยพอสมควร นั่นก็คือการถ่ายทำของหนังเรื่องนี้ถือว่าต้องเร่งพอสมควร ถึงจะมีเวลาถ่ายสักสามเดือน บวกกับเวลาตัดต่อ ไหนจะต้องส่งให้ตรวจสอบอีก เวลาถือว่าเร่งรีบมากจริงๆ

“หนังเรื่องนี้จ้าวร่างเขาเตรียมการเออาไว้มานานแล้ว ฉันเองก็ได้ดูมาแล้ว ถ้าเธอเล่นหนังของเขาก็จะส่งผลดีต่อตัวเธอเองไม่น้อย เดี๋ยวหลังจากนี้เธอต้องไปทำเรื่องลากับทางมหาวิทยาลัยเอาไว้สักสองเดือนด้วยล่ะ ส่วนเวลาเรียนให้ใส่เป็นเวลาถ่ายหนังใส่เข้าไปแทน” ตอนนี้เซี่ยเชาฉวินคงจะอยู่ที่ฮ่องกงแน่ๆ “เดี๋ยวหลังจากนี้ฉันว่าจะแวะเข้าไปที่ทักทายผู้ใหญ่ที่บริษัทเสียหน่อย ถ้าเธอว่างๆ ก็เข้าไปบ้างล่ะ เดี๋ยวจะมีคนเอาบทหนังเรื่องใหม่ไปให้เธอด้วย ส่วนเรื่องข้อกำหนดอะไรต่างๆ รอฉันกลับตี้ตูแล้วจะไปติดต่อให้ ตามนี้นะ”

หล่อนพูดจบก็ตัดสายไปตามระเบียบ เจียงเซ่อเก็บมือถือลง พอหันตัวกลับไปก็ได้เห็นว่าเฝิงจงเหลียงกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้หินใกล้ๆ

เขาน่าจะนั่งเล่นหมากรุกอยู่กับคุณปู่เผยไม่ใช่หรือ ทำไมจู่ๆ ถึงได้มานั่งอยู่ตรงนี้กันนะ

ถึงแม้ว่าวันนี้อากาศจะไม่เลว แต่ยังไงอุณหภูมิข้างนอกบ้านก็คงไม่อุ่นเท่าเครื่องฮีตเตอร์ในบ้านแน่ๆ เขาวางไม้ค้ำเอาไว้ข้างๆ แล้วยื่นมือไปทุบๆ ลงบนหัวเข่าตัวเอง จนกระทั่งรู้สึกตัวขึ้นมาว่าเจียงเซ่อกำลังมองอยู่ เขาก็เงยหน้าขึ้นมา

เจียงเซ่อยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินเข้าไปหาเขา

“คุณปู่... เฝิง”

เขาขมวดคิ้ว ท่าทางดูเอาจริงเอาจังไม่น้อย

“พี่เชาฉวินอย่างนั้นหรือ?”

“ค่ะ” เจียงเซ่อพยักหน้า แล้วมองเขาครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจนั่งลงบนเก้าอี้หวายข้างๆ เขา

“เซี่ยเชาฉวิน คนฮ่องกง คุณปู่น่าจะรู้จักนะคะ”

“ลูกสาวของบ้านเซี่ยตงเหอนั่น”

เฝิงจงเหลียงพูดถึงเซี่ยเชาฉวินขึ้นมา ใบหน้าเผยรอยยิ้มเล็กๆ ที่ไม่ค่อยได้เห็นบ่อยนักขึ้น แต่ก็หายไปอย่างรวดเร็ว

“มีความสามารถสูง”

“ค่ะ เธอเป็นผู้จัดการส่วนตัวของหนู เป็นคนจัดตารางงานให้”

เฝิงจงเหลียงไม่พูดอะไรอีก

เขาไม่ค่อยสนใจเรื่องที่เกี่ยวกับวงการบันเทิง นิสัยเขาก็เป็นพวกจริงจังไม่ค่อยมีอารมณ์ขันนัก ลูกหลานในตระกูลเฝิงต่างก็เกรงกลัวเขากันทั้งนั้น แต่ก่อนลูกพี่ลูกน้องของเฝิงหนานหลายคนก็ไม่กล้าจะคุยกับเขาด้วยซ้ำ เวลาอยู่ต่อหน้าเขาก็แทบไม่กล้าหายใจแรงๆ ทุกคนล้วนแล้วกลายเป็นเด็กเชื่อฟัง

“ทำไมคุณปู่ถึงมาอยู่ตรงนี้ล่ะคะ ไม่ได้เล่นหมากรุกอยู่กับคุณปู่เผยหรือ?”

เขาไม่ได้หันกลับมามอง แก้มของเขาตอบลงไปมากจริงๆ ถึงเขาจะดูแข็งแรงนั่งหลังตรงแบบนี้ แต่กลับรู้สึกเหมือนเขากำลังเปล่าเปลี่ยวเหลือเกิน

เจียงเซ่อก็พอจะเดาออกว่าเขาคงไม่ค่อนอยากคุยกับเธอนัก สำหรับเฝิงจงเหลียงแล้ว เธอเป็นแค่เด็กสาวแปลกหน้าที่ไม่รู้จักและไม่มีอะไรข้องเกี่ยวกัน ถึงเธอจะเป็นแฟนสาวของหลานชายเพื่อนสนิท แต่ก็ไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกันอยู่ดี

เธอพยายามยิ้มออกมา แล้วลุกขึ้น

“ให้หนูพยุงกลับเข้าไปดีไหมคะ”

“ไม่ต้องหรอก”

เขาตอบกลับมาทันที “ฉันอยากจะนั่งอยู่ตรงนี้ก่อน”

“ข้างนอกลมแรง”

เธอก้มมองไปที่ขาของเฝิงจงเหลียง ขาของเขาที่มีแผล

เฝิงจงเหลียงขมวดคิ้ว ก่อนจะเอื้อมมือไปทุบลงขาข้างที่มันปวดขึ้นมาแรงๆสองที

“ไม่ต้องหรอก”

เจียงเซ่อนั่งกลับลงที่เดิม เขามองไปที่ไกลๆ มองไปยังดอกไม้ในฤดูหนาวที่ไร้ชีวิตชีวา ท่าทางของเขาดูเลื่อนลอย

ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เจียงเซ่อรู้สึกว่าแผ่นหลังของปู่เธอมันช่างดูโดดเดียวเหลือเกิน

เขาเป็นคนที่รักบ้านรักผืนแผ่นดิน สิบกว่าปีมานี้เขายืนหยัดที่จะอยู่ในตี้ตู ส่วนลูกหลานรุ่นหลังๆ ต่างก็อยู่ที่ฮ่องกงกันหมด

ตอนนี้ธุรกิจและวิสาหกิจจงหนานที่เขาสร้างขึ้นมามันเริ่มเจริญเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ลูกชายจะกี่คนก็วางมือจากตรงนั้นไม่ได้เสียที คงต้องเป็นวันส่งท้ายปีเก่าถึงจะพากันกลับมาเคารพบรรพบุรุษกันบ้าง

ตั้งแต่ครั้งนั้นที่คุณย่าเสียไป เฝิงจงเหลียงก็ไม่เคยคิดที่จะแต่งงานใหม่อีก จะกี่ปีๆ เขาก็ยังอยู่แบบนี้คนเดียวเสมอ

จนตอนนี้ไม่มีใครเลยที่อยู่ข้างเขา เฝิงหนานยังคงนั่งเล่นกับครอบครัวเผยอยู่ในบ้าน แต่เขากลับต้องมานั่งอยู่คนเดียวตรงนี้ ไม่พูดอะไรสักคำ

“เดี๋ยวหนูไปเรียกคุณเฝิงออกมาให้นะคะ”

เจียงเซ่อนั่งมองขาของเขามาสักพักแล้ว เฝิงจงเหลียงไม่แม้แต่หันหน้าไปหาเธอ ทำแค่เพียงยกมือขึ้นลูบๆ ที่กระเป๋าเสื้อของตัวเอง ไม่รู้ว่าเขากำลังลูบอะไร ถึงได้มีสีหน้าที่สบายใจขึ้นมาแบบนั้น

“เธอรู้ไหมว่าตรงนั้นเขาปลูกอะไรเอาไว้?”

เขาคว้าไม้เท้าขึ้นมา แล้วชี้ไปที่ต้นอ่อนที่ถูกตัดแต่งเอาไว้แล้ว แน่นอนว่าเจียงเซ่อรู้จักมันดี เธอยังได้เคยเห็นตอนที่มันผลิดอกแล้วด้วย มันสวยมากๆ เลย

“มันคือดอกกั๋วเยว่สินะคะ”

เธอตอบกลับไป เฝิงจงเหลียงยิ้มขึ้นมา แล้วก้มหน้าลง

“ดอกไม้พวกนี้ปลูกง่าย มันไม่ค่อยเรื่องมากเรื่องดิน แค่ปลูกๆ มันเอาไว้ก็โตขึ้นมาได้”

เขาเกิดมาในครอบครัวเกษตรกร เจียงเซ่อรู้ว่าแต่ก่อนเฝิงจงเหลียงก็ช่วยที่บ้านทำนา ต่อมาเขาได้เข้าโรงเรียนฝึกทหารที่ยุนนาน ในช่วงนั้นที่ประเทศกำลังสับสนวุ่นวายก็ได้รู้จักกับคุณปู่เผย และได้เข้าร่วมกองทหารปฏิวัติมาด้วยกัน ทุ่มทุกอย่างให้กับการปฏิวัติ

หลังจากที่หัวเซี่ยได้ก่อตั้งขึ้นมาใหม่แล้ว เขาก็ถอนตัวออกมา ตอนนั้นสถานการณ์มันไม่ค่อยมั่นคงนัก เขาจึงพาครอบครัวไปที่ฮ่องกง

จนกระทั่งตอนนี้ ในวันที่ประเทศมันเข้มแข็งและแข็งแกร่ง ตระกูลเฝิงเองได้เป็นตระกูลที่มีหน้ามีตาในสังคม มีชีวิตที่ร่ำรวยและมั่งคั่ง แต่กลับยังคงปล่อยให้ตัวเองว่างไม่ได้ ดังนั้นพอมีเวลาว่าง เขาก็เลือกที่จะปลูกต้นไม้ดอกไม้

“เมื่อก่อนหลานสาวของฉัน เวลาที่เธอมาที่บ้านตระกูลเผย ก็มักจะชอบมานั่งที่นี่”

พอเขาพูดแบบนั้นขึ้นมา เจียงเซ่อก็เริ่มรู้สึกว่าขอบตามันร้อนผ่าว

เธอไม่เคยรู้มาก่อนเลย ว่าปู่เธอจะรู้ว่าเธอชอบแอบมานั่งตรงนี้เวลาที่มาบ้านตระกูลเผย

หลายปีที่ผ่านมา เธอเริ่มที่จะงอแงน้อยลง เวลาที่อยู่ต่อหน้าคุณปู่ก็เริ่มเรียบร้อยและนิ่งเงียบสง่าผ่าเผย ในใจของเธอนั้น คุณปู่มักจะยุ่งอยู่เสมอ เพราะอำนาจการปกครองวิสาหกิจจงหนานมันอยู่ในมือเขาทั้งหมด เธอจึงคิดไม่ถึงว่าเฝิงจงเหลียงยังคงใส่ใจว่าเธอชอบอะไรเสมอ

“ฉันกำลังคิดว่า ตรงนี้มันมีอะไรดีกันนะ เพราะเธอชอบมานั่งอยู่ตรงนี้เสียนาน นั่งอยู่ตรงนี้นิ่งๆ แม้แต่ฉันก็ยังไม่เข้าใจ”

ถึงปากเขาจะบ่น แต่ใบหน้ากลับเปื้อนรอยยิ้ม “ฉันนั่งมาสักพักแล้ว แต่ก็ยังไม่เห็นว่าจะมีอะไร”

เจียงเซ่อหลับตาลง พยายามเก็บหยาดน้ำที่คลอขึ้นมาเอาไว้