webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

192

บทที่ 192 หนี้เก่า

“คุยอะไรกันอยู่ครับ? ดูสนุกกันเชียว”

ในขณะที่กำลังพูดคุยกันอยู่ เผยอี้ที่นั่งอยู่ข้างนอกก็เดินเข้ามา เสื้อนอกก็ถอดออกแล้ว ตอนนี้เขาจึงสวมแค่เสื้อไหมพรมตัวเดียว หน้าผากเหมือนจะมีเหงื่อออกด้วย

คุณย่าเผยเห็นแบบนั้นก็เริ่มเป็นห่วงขึ้นมา

“อากาศหนาวแบบนี้ ทำไมไม่ใส่เสื้อคลุมฮึ?”

“เมื่อกี้คุณลุงสามทดสอบผมนิดหน่อย ก็เลยถอดออกน่ะครับ”

เขาส่ายหน้าอย่างไม่ใส่ใจนัก แล้วเดินเข้าไปหาเจียงเซ่อที่นั่งอยู่ทันที แต่เจียงเซ่อก็ดันเขาออก

“ไม่ต้องเข้ามาเลย ไม่มีที่ให้นั่งหรอก”

เธอนั่งอยู่กับลูกสาวอีกสองคนของตระกูลเผย และที่นั่งมันก็พอดีกันหมดแล้วด้วย พอเผยอี้โดนเธอดันออกมา เขาก็เลยนั่งลงบนที่วางมือของโซฟาแทน แล้วยกมือขึ้นโอบไหล่เธอเอาไว้ และเจียงเซ่อก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร

ปฏิกิริยาท่าทางของทั้งสองคนทำเอาคุณย่าเผยตกใจไม่น้อย ไอ้สถานการณ์แบบนี้มันไม่เหมือนอย่างที่หล่อนคาดเอาไว้เลยสักนิด ตอนแรกหล่อนคิดว่า เจียงเซ่อคงจะมีฐานะปานกลางธรรมดาๆ ทั่วไป ต่อหน้าเผยอี้ เธอก็น่าจะต้องเป็นฝ่ายโดนเผยอี้ควบคุมสิ เธอน่าจะต้องยอมเขาทุกๆ อย่าง ถึงได้ขอให้เผยอี้พากลับมาที่บ้านไม่ใช่หรือ แต่พอได้เห็นตอนนี้แล้ว ทำไมกลับรู้สึกว่าเป็นเผยอี้เสียเองที่ยอมโดนเธอควบคุม?

“คุยอะไรกันอยู่เหรอครับเซ่อเซ่อ”

สายตาของเขาจ้องมองไปที่เจียงเซ่อ สายตาที่มีความอบอุ่นและทะนุถนอม มันชัดเจนจนแม้แต่คุณย่าเผยเองก็ยังสังเกตเห็นได้ หรือแม้แต่เด็กสาวตระกูลเผยอีกสองคนก็เห็น

“ก็พูดคุยเรื่อยเปื่อยน่ะ”

เขายกมือขึ้นลูบผมยาวสวยของเธอเล่น เจียงเซ่อเงยหน้ายิ้มให้เขา เผยหรุ่ยจึงพูดขึ้น

“กำลังพูดถึงเรื่องน่าอายของพี่ไงล่ะ”

เผยอี้เกิดความสนใจขึ้นมาทันที ตั้งแต่เด็กจนโต ไม่ว่าเขาจะก่อเรื่องวุ่นวายหรือสร้างเรื่องมามากมายแค่ไหน ก็ไม่มีเรื่องไหนเลยที่เจียงเซ่อจะไม่รู้ แล้วเรื่องน่าอายของเขาที่เผยหรุ่ยกำลังเล่าต่อหน้าเจียงเซ่อในตอนนี้ เขาคิดๆ ดูแล้วก็ตลกดี ก่อนจะหันไปเลิกคิ้วให้เจียงเซ่อ

“ก็ตอนนั้นที่หรูหนิงเล่าให้ฟัง ว่าพี่แอบไปทำอะไรลับๆ ล่อๆ แถวห้องน้ำผู้หญิงอ่ะ ก็เลยได้บังเอิญเจอกับเจียงเซ่อด้วย แถมยังเรียกว่า ‘หนานหนาน’ แล้วเธอก็เข้าใจผิดคิดว่าพี่เรียก ‘หน่ายนาย*คุณย่า’ แล้วสุดท้ายพวกหรูหนิงก็เลยพาพี่มาส่งที่บ้านไง ตอนนั้นคุณย่ายังดีใจแทบตายแน่ะ”

เผยหรุ่ยพูดถึงตรงนี้ ก็หันไปถามเจียงเซ่อ “เจียงเซ่อ พี่ฉันเขาเล่าให้เธอฟังหรือยัง?”

เขาเล่าแล้ว แถมตอนนั้นเธอก็หลุดหัวเราะออกมาด้วย

“เล่าแล้วล่ะ”

เผยอี้ยังคงนั่งลูบผมเธอ ก่อนจะพูดต่อ “พี่ยังเล่าให้เธอฟังด้วยว่าตอนนั้นลุงสามโทรมา ถามว่า ‘เมื่อคืนเรียกหาหน่ายนายหรอ?’ อย่างนี้ด้วย”

เขาเลียนเสียงเผยจิ้นหยางให้ฟังด้วย ยิ่งทำให้ทุกคนหัวเราะตามไปด้วยอีกครั้ง

ทั้งๆ ที่เป็นเรื่องน่าอายแบบนี้ แถมเผยอี้เป็นคนที่คีพลุคสุดๆ อีก แต่เขาก็ยอมเล่ามันออกมาเพื่อให้เจียงเซ่อได้หัวเราะ คุณย่าเผยมองตากันกับลูกสะใภ้ ต่างคนต่างรู้กันอยู่แก่ใจแล้ว

เฝิงหนานเริ่มเกิดความรู้สึกอึดอัดขึ้นมาแล้ว พวกเขาเล่าเรื่องและเอาแต่หัวเราะ ‘ฮ่าๆ’ ไปด้วยกัน จริงๆหล่อนรู้สึกฟังไม่ค่อยเข้าใจนัก และก็ไม่รู้ด้วยว่ามันมีตรงไหนที่น่าตลกกัน ตอนนี้เธอรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นส่วนเกินอย่างไรอย่างนั้น

‘หนานหนาน’ ที่เผยหรุ่ยพูดถึงขึ้นมานั่นใช่หล่อนหรือไม่ หล่อนเองก็ยังไม่ค่อยมั่นใจนัก แล้วทำไมตอนนั้นเฝิงจงเหลียงถึงกำชับให้เธอห้ามเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเผยอี้กันนะ? ทั้งๆ ที่เผยอี้ก็ไม่เห็นว่าจะมีท่าทีสนใจหรือคิดจะหันมาเหลียวมองหล่อนเลยด้วยซ้ำ แถมตอนนั้นที่เจอกันที่เฉาจิ้นเก๋อ เขายังตั้งใจคิดจะแกล้งเธอ จนเธอต้องแพ้พนันเขากว่าสิบล้าน หักหน้ากันเห็นๆ แบบนั้น?

แต่ถ้าหากว่าไม่ใช่ แล้วทำไมทุกครั้งที่เผยหรุ่ยพูดว่า ‘หนานหนาน’ ขึ้นมา ทุกคนถึงต้องหันมามองที่เธอด้วยสายตาแปลกๆ ด้วยล่ะ? เธอเก็บเรื่องนี้เอาไว้ในใจ จะหัวเราะออกมายังไงก็ดูไม่ธรรมชาติเอาเสียเลย

เผยอี้เอื้อมมือไปแตะๆ แก้วชาของเจียงเซ่อ มันถูกตั้งทิ้งไว้มาครู่หนึ่งแล้ว และชาในแก้วมันก็เริ่มอุ่นเต็มที เขาตะโกนเรียกคนรับใช้ แล้วสั่งออกไป

“เอาชาร้อนมาเพิ่มหน่อยนะ”

“ค่ะ”

คุณย่าเผยเริ่มพิจารณาเจียงเซ่ออีกครั้ง รูปร่างหน้าตาของเธอไม่จำเป็นต้องพูดถึงแล้ว แต่เรื่องการแต่งตัวและเครื่องประดับต่างๆ ถือว่าสวยงามและเรียบร้อยพอสมควร ได้ยินว่าเป็นนักแสดงด้วย แต่แววตาดูมุ่งมั่นมาก แถมเธอก็ไม่ได้แต่งหน้าจัด กิริยาท่าทางการยกมืออะไรก็เหมือนลูกคุณหนู ถ้าดูจากภายนอกแบบนี้แล้ว ถือว่าสายตาของเผยอี้ไม่เลวเลยจริงๆ

“เจียงเซ่อเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งหรือ?”

“ค่ะ เพิ่งเข้าปีหนึ่งน่ะค่ะ” เจียงเซ่อพยักหน้า ก่อนที่เธอจะมาถึงบ้านตระกูลเผยเธอก็เตรียมใจเอาไว้อยู่แล้วว่าจะต้องโดนคนในบ้านพิจารณาถามนู่นนี่ และคงอยากจะรู้ความเป็นไปเป็นมาพื้นฐานของเธอเอาไว้

“คณะประวัติศาสตร์ก็ดี ประเทศของเรามีความเป็นมาของประวิติศาสตร์มาช้านาน นานนับหลายพันปี ถ้ามีคนคิดที่จะสนใจและศึกษามันเอาไว้จริงๆ ก็คงดีไม่น้อย น่าเสียดายที่คนสมัยนี้ ล้วนแล้วไหลตามยุคสมัยที่เปลี่ยนไป”

คำพูดนั้นของคุณย่าเผยทำให้เฝิงหนานเริ่มนั่งไม่ติด ไม่รู้ว่าทำไม ว่าหล่อนรู้สึกว่าคำพูดของคุณย่าเผยมีความนัยแฝงอยู่ เหมือนกับว่ากำลังพูดถึงตัวหล่อนอย่างไรอย่างนั้น

“เพราะว่ามันเป็นความชอบที่น่าสนใจดีน่ะค่ะ”

นอกจากเจียงเซ่อจะเรียนเกี่ยวกับประวัติศาสตร์แล้ว ก็ยังมีเรียนเกี่ยวกับสังคม และนั่นก็ทำให้คนในตระกูลเผยรู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก นอกจากเรื่องที่เธอเข้าวงการบันเทิงและเรื่องทั่วๆ ไปแล้ว ก็เหมือนว่าจะไม่มีอะไรให้ต้องพยายามจับผิดแล้ว

พื้นฐานการศึกษาของเธอถือว่าเชิดหน้าชูตาได้ เธอเรียนประวัติศาสตร์ คนที่อยู่รอบๆ ตัวเธอก็ไม่มีประวัติอะไร ศาสตราจารย์ในคณะก็ชื่นชมเธอความสัมพันธ์ชายหญิงก็เรียบง่าย ไม่มีเรื่องไม่ดีกับคนอื่น

เมื่อคุณนายเผยได้พุดคุยกับเจียงเซ่อไปเรื่อยๆ แล้ว หล่อนก็รู้สึกได้ว่าการที่ได้พูดคุยกับเธอมันไม่สูญเปล่าเลย เวลาพูดถึงผลงานบทประพันธ์วรรณคดีต่างๆ เธอก็สามารถพูดตอบได้ และนี่ก็เป็นจุดหนึ่งที่ทำให้คุณย่าเผยเริ่มชอบเธอขึ้นมาแล้ว จนกระทั่งถึงเวลาทานอาหาร ก็ยังชวนเธอคุยนู่นนี่ไปเรื่อย

ตอนนี้เฝิงหนานแทบจะพูดแทรกขึ้นมาไม่ได้เลยด้วยซ้ำ การที่ได้มานั่งอยู่ในบ้านตระกูลเผย หล่อนรู้ถึงฐานะของตระกูลนี้ดี อยากจะเดินออกไปจากตรงนี้ซะ เพราะอยู่ก็อึดอัดเสียเปล่าๆ แล้วนี่หล่อนก็นั่งตัวแข็งกับคนพวกนี้มานานพอแล้ว

ตกช่วงบ่ายคุณย่าเผยก็เหมือนว่าจะอารมณ์ดีขึ้นกว่าเดิมมาก เพราะในวันปกติลูกหลานก็มัวแต่ยุ่งๆอยู่กับงานของตัวเอง ยากนักที่จะมารวมตัวกันแบบนี้ได้ หลังทานอาหารเสร็จหล่อนก็ชวนให้ทุกคนมานั่งเล่นไพ่นกกระจอกกัน แต่คุณปู่เผยไม่ค่อยสนใจนัก จึงชวนเฝิงจงเหลียงเล่นหมากรุกแทน

คุณแม่ของเผยอี้ที่เห็นเจียงเซ่อยืนอยู่ก็กวักมือเรียกเธอ

“เซ่อเซ่อเล่นไพ่นกกระจอกเป็นหรือเปล่า?”

ดูเหมือนว่าหล่อนอยากจะให้เธอมาร่วมวงเล่นกันสักตาสองตา เฝิงหนานยืนกัดฟันอยู่ข้างๆ อยากจะพูดออกไปว่าตนเล่นเป็น แต่ก็ไม่มีใครถามหล่อนเสียหน่อย

“ก็พอเล่นเป็นอยู่บ้างค่ะ แต่เล่นไม่ค่อยดีเท่าไหร่”

เจียงเซ่อตอบไปตามความจริง คุณย่าเผยที่ได้ยินอย่างนั้นก็ดีใจขึ้นมา

“ก็อยากให้เธอเล่นไม่เก่งนั่นแหละ เพราะครั้งนี้ฉันจะต้องชนะกินให้หมดเลย”

“เอาสิ เล่นเลยๆ จะแพ้สักเท่าไหร่กัน ยังไงก็ยังมีเงินผมด้วยอยู่แล้วนี่? ถ้าไม่ได้จริงๆ ครั้งที่แล้วที่เฝิงหนานแพ้ไพ่ผมไปตั้งสิบกว่าล้าน ถ้าครั้งนี้ผมออกไม่ได้ ก็ให้เธอช่วยออกแทนละกัน”

พอเขาพูดแบบนั้นออกมา ก็ทำเอาคุณย่าเผยนิ่งอึ้งไปพักหนึ่ง หรือแม้แต่เฝิงจงเหลียงที่นั่งเล่นหมากรุกอยู่กับคุณปู่เผยเองก็ต้องชะงักไปเหมือนกัน

เฝิงหนานหน้าขึ้นสีจัด ทั้งๆ ที่เรื่องมันก็ผ่านไปนานแล้ว และตัวเธอและเผยอี้เองก็ไม่ได้ติดต่อว่าจะให้คืนเงินด้วยซ้ำ แล้วทำไมจู่ๆ เผยอี้ถึงต้องพูดเรื่องนี้ขึ้นมาต่อหน้าทุกคนกัน หล่อนทั้งโกรธทั้งอาย

“ครั้งนั้นเราแค่เล่นๆ กันไม่ใช่เหรอ?”

เผยอี้ยิ้มเยาะขึ้น น้ำเสียงที่พูดออกมาแฝงไปด้วยอำนาจ

“ผมพูดแบบนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ว่าครั้งนั้นผมแค่เล่นๆ กับพี่?”

“อ๋อ มิน่าล่ะ ช่วงนี้พี่เฝิงหนานถึงต้องลงทุนสร้างบริษัทขึ้นมา แถมยังคิดที่จะแสดงเองอีก ที่แท้ก็ต้องการเงินนี่เอง”

เผยหรุ่ยเป็นคนร่างเริง เวลาพูดก็ชอบพูดติดตลก เจียงเซ่อเม้มปาก ก่อนจะหันไปมองที่เฝิงจงเหลียงด้วยความกังวล

“เอาเถอะๆ เรื่องของเด็กก็ปล่อยให้เด็กๆ เขาคุยกัน”

คุณปู่เผยมองเผยอี้ครู่หนึ่ง ก่อนจะชี้ไปที่เก้าอี้เฝิงจงเหลียง

“อย่าไปสนใจกับเรื่องของเด็กๆ เลย”