webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

191

บทที่ 191 ล้อเล่น

“พี่เฝิงหนาน เป็นอะไรไปหรือคะ?”

ลูกสาวของเผยจิ้นหยางอย่างเผยหรุ่ยอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมา “หรือช่วงนี้เป็นเพราะว่าวิสาหกิจจงหนานมีปัญหา เลยมีเงินให้ใช้ไม่พอ?”

คุณนายเผยคนที่สามหัวเราะขึ้น มองไปที่ลูกสาวของตนเองแล้วเรียกขึ้น

“หรุ่ยหรุ่ย ทำไมถึงพูดแบบนั้นล่ะคะ”

“ก็อาจจะใช่ก็ได้นี่นา” เผยหรุ่ยยื่นแขนไปคล้องแขนแม่ตนเองเอาไว้ แล้วก็มองไปที่เจียงเซ่อ

“ไม่ว่ายังไง จะเป็นที่ยมหรือไม่ได้เป็นที่นิยม แค่รู้สึกว่าเสื้อผ้าเครื่องประดับมันขาดเหลือ พี่ก็แค่บินไปเที่ยวที่ปารีส ชอบแบรนด์ไหนก็สั่งให้เขาตัดให้ไปเลยแบบนั้นไม่ดีกว่าหรือ ทำไมถึงยังต้องไปนั่งแกร่วอยู่ในงานแฟชั่นอีก......”

รอยยิ้มบนใบหน้าของเฝิงหนานเริ่มฝืดลง แต่ก่อนเธอคิดว่าเรื่องนี้เป็นอะไรที่ดูดีมากๆ ตั้งแต่ที่ไปอยู่กับจ้าวจวินฮั่นที่ตี้ตู การพูดเรื่องพวกนี้ถือเป็นอะไรที่น่าสนใจพอสมควร แต่ตอนนี้กลับได้รับแต่ความเมินเฉยและเย็นชาจากตระกูลเผยเสียอย่างนั้น แถมยังเหมือนโดนสาดน้ำเย็นใส่หน้าแบบนี้อีก

หล่อนรู้สึกเหมือนตัวเองไม่ค่อยเข้ากันได้กับตระกูลเผยเสียเท่าไหร่ เผยหรุ่ยที่พูดเมื่อกี้ก็ยังนั่งหัวเราะอยู่ข้างๆ ไอ้เสียงหัวเราะแบบนั้นมันทำให้เฝิงหนานรู้สึกเหมือนยิ่งกว่าโดนดูถูกเสียอีก มันเกินกว่าที่หล่อนจะทนได้ ไอ้คำถามที่ว่า ‘เป็นอะไรไปหรือคะ’ นั่น มันทำให้เฝิงหนานเหมือนว่าตัวเองกำลังตกที่นั่งลำบาก

คนที่เหลือในตระกูลเผยต่างก็พากันหัวเราะคลอไปด้วย ถึงแม้ว่าคุณนายเผยที่สามเองก็ได้ตำหนิลูกสาวตนเองไปแล้ว แต่ก็เหมือนว่าหล่อนเองก็รู้สึกแบบนั้นกับเฝิงหนานเช่นเดียวกัน เฝิงหนานกัดฟันแน่น แล้วหันไปมองเจียงเซ่อ

คนในบ้านนี้ ถ้าหล่อนจะโดนเผยหรุ่ยเรียกชื่อขึ้นมาก็ว่าไปอย่าง แต่เจียงเซ่อล่ะเป็นใครกัน?

ทั้งชาติกำเนิด ฐานะทางสังคมก็ต่ำเตี้ยเรี่ยดิน แต่เธอยังกลับได้มานั่งนิ่งๆ อยู่ตรงนี้ ไม่มีท่าทางเกร็งหรืออึดอัดเลยสักนิด อีกทั้งเธอยังไม่มีท่าทางขัดเขินทั้งๆ ที่นั่งอยู่กับคนเหล่านี้เลย

ตอนนี้ในใจของเฝิงหนานทั้งอายทั้งโกรธ เธอมักจะเผลอยกมือเสยผมบ้าง เดี๋ยวก็ทำเป็นดึงกระโปรงบ้าง

ตั้งแต่ที่หล่อนเกิดใหม่มา ทุกครั้งที่อยู่ต่อหน้าคนตระกูลเผย หล่อนไม่เคยจะแสดงออกมาว่าตัวเองเหนือกว่าได้เลย และแค่คำพูดคำพูดเดียวของเผยหรุ่ยก็ทำให้หล่อนต้องหยุดทุกอย่างลงเสียแบบนั้น

“วิสาหกิจจงหนานเป็นของคุณพ่อ ยังไงลูกสาวก็ต้องริเริ่มธุรกิจเป็นของตัวเองเอาไว้บ้าง” พอหล่อนพูดแบบนั้น เผยหรุ่ยที่โดนตำหนิไปเมื่อครู่ ก็เหมือนว่าจะไม่มีใครมาพูดต่อหรือตอบรับคำพูดของหล่อนอีกแล้ว

บรรยากาศเริ่มน่าอึดอัดขึ้นมาเสียอย่างนั้น คุณย่าเผยมองไปที่เจียงเซ่อ ก่อนจะถามขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม

“แล้วคุณเจียงล่ะ ช่วงนี้ไม่ค่อยเจริญอาหารอย่างนั้นหรือ?”

ตอนนี้ในหัวของเฝิงหนานเริ่มจะจับอะไรไม่ถูกแล้ว จึงไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ คุณย่าเผยถึงถามขึ้นมาแบบนั้น อีกทั้งคนอื่นๆ ในตระกูลเผยก็ทำหน้าตาเฉยๆ ในใจของเฝิงหนานเต้นแรงขึ้นมา และเดาขึ้นมาว่าหรือเจียงเซ่อจะท้อง

เพราะไม่อย่างนั้นก็จะดูแปลกไปหน่อย ทำไมเผยอี้ถึงได้พาเธอกลับมาที่บ้านแบบนี้?

หล่อนเผลอจิกเล็บบนโซฟาแน่นๆ ทั้งๆ ที่เจียงเซ่อก็เกิดมาฐานะยากจน แต่ทำไมถึงได้มีโชคแต่งเข้าตระกูลเผยจนได้เป็นคนชั้นสูงกัน?

ตอนก่อนที่เฝิงหนานจะได้มาเกิดใหม่ เจียงเซ่อที่ได้เกาะขาจ้าวจวินฮั่นในตอนนั้นก็ถือว่าเป็นอะไรที่สูงมากแล้ว แต่ไม่เคยเห็นได้ยินว่าเธอเคยมีทายาทชั้นสูงคนไหนมาเลี้ยงหรือมาสนใจเธอเลยสักคน

ตอนนี้ใจในหล่อนปั่นป่วนไปหมด หล่อนกัดริมฝีปากแน่น และเห็นว่าเจียงเซ่อพยักหน้า

“ก่อนหน้านี้เกิดเป็นไข้หวัดขึ้นมาน่ะค่ะ แถมยังต้องไปจิ่วเจียงอีก คงจะเป็นเพราะอากาศที่ หนานเป่ยแย่กว่ามาก”

เพราะว่าเธอเลือกที่จะดื่มชาพุทรา คุณนายเผยถึงได้ถามขึ้นมาแบบนั้นนั่นเอง

พุทราแดงมีสรรพคุณให้ความร้อนและบำรุงร่างกาย ก่อนหน้านี้ที่คนรับใช้เข้ามาถามเธอว่าต้องการชาอะไร เธอก็เลือกเป็นชานี้

พ่อครัวของตระกูลเผยเองก็มีฝีมือที่เยี่ยมยอด นำเมล็ดของพุทรามาบด จากนั้นก็ทำเนื้อมันมาต้มและกรองกากใยออก รสชาติไม่เลว และมันก็ดีต่อเธอในช่วงนี้ด้วย

พอเธอพูดจบ เฝิงหนานก็อดนึกถึงเมื่อครู่ที่ตัวเองพูดถึงการลงทุนในวงการบันเทิงขึ้นมาไม่ได้ ดูจากเผยหรุ่ยที่ไม่ค่อยจะสนใจต่อเรื่องพวกนี้แล้ว หล่อนก็เริ่มคิดถึงคนในตระกูลเฝิงอย่าเฝิงจงเหลียงขึ้นมา เขากีดกันและไม่พอใจที่หล่อนจะเข้าวงการบันเทิง แล้วตอนนี้เจียงเซ่อเองก็เข้าวงการบันเทิงแล้ว หล่อนจึงค่อยๆ เปิดปากขึ้นอีกครั้ง

“ไปจิ่วเจียงหรือ? ไปถ่ายหนัง ‘The Occasion of Beiping’ ของผู้กำกับหลินซีเหวินใช่ไหม?”

เจียงเซ่อเงยหน้าขึ้น แล้วตอบไปแค่หนึ่งคำ “ค่ะ”

“บทหนังของ ‘The Occasion of Beiping’ ฉันเองก็ได้ดูมาแล้ว คุณเจียงรับเล่นเป็น ‘โต้วโค่ว’ ใช่ไหมล่ะคะ?” เฝิงหนานยิ้มขึ้นอย่างมีชัย ราวกับว่ากำลังสนุกกับการได้พูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา “บทๆ นี้ค่อนข้างซับซ้อนมาก จากตอนแรกที่เป็นถึงบุตรสาวของตระกูลผู้มั่งมี แต่ต่อมากลับถูกส่งให้หอนางโลม กลายเป็นดอกไม้ให้คนอื่นเชยชม แหม ต้องแสดงบทแบบนี้ก็ยากอยู่นะคะเนี่ย ว่าแต่คุณเจียงตีบทแตกขนาดนั้นได้ยังไงกันนะ?”

พอหล่อนพูดจบ คุณย่าเผยก็เริ่มขมวดคิ้ว เจียงเซ่อวางแก้วชาลง เธอหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับริมฝีปาก ก่อนจะค่อยๆ เปิดปากพูดขึ้น

“คุณเฝิงกำลังสวมบทบาทเป็นนักข่าวมาสัมภาษณ์ดิฉันหรือคะ?”

“เปล่าเสียหน่อย!” เฝิงหนานแหวขึ้นมาทันที เจียงเซ่อเห็นแบบนั้นก็ยิ้มออกมา

“แล้วการที่จะตีบทแตกหรือไม่แตก มันเกี่ยวอะไรกับคุณอย่างนั้นหรือ?”

เฝิงหนานหรี่ตาลง เจียงเซ่อเองก็ไม่พูดอะไรอีก ตอนนี้คนในตระกูลเผยเองก็เริ่มจะเดาๆได้แล้ว ว่าสองคนนี้คงไม่ค่อยถูกกันนัก

เหล่าญาติผู้ใหญ่เริ่มพากันคิดว่า หรือเรื่องนี้จะเกี่ยวกับตัวเผยอี้กันนะ

เพราะว่ายังไงเขาก็เคยชอบเฝิงหนานมาก่อน แต่ตอนนี้เขากลับกันมาสนใจเจียงเซ่อแทน พอเห็นว่าเผยอี้ไปชอบคนอื่น แล้วเกิดหึงหวงขึ้นมาอย่างนั้นหรือ?

ในตาของเผยหรุ่ยเหมือนมีประกายความสงสัยขึ้นมา คุณนายเผยที่สามมองท่าทางของเธอครู่หนึ่ง ก่อนจะหันกลับไปมองที่ลูกสาวตัวเอง จากนั้นเผยหรุ่ยก็พูดขึ้นมา

“พูดถึงว่า ก่อนหน้านี่เคยได้ยินเรื่องบางอย่างมาจากปากของหรูหนิงล่ะ”

หล่อนเริ่มจั่วหัวข้อสนทนาขึ้นมา ทั้งๆ ที่ยังไม่ทันได้พูดถึง ‘เรื่องบางอย่าง’ นั่นออกมาก็ดันหัวเราะนำไปก่อนแล้ว หัวเราะจนเหมือนจะหยุดไม่ได้ เลยทำให้คนอื่นๆ พลอยหัวเราะตามไปด้วย คุณย่าเผยอดไม่ได้ที่จะตีแขนที่คล้องแขนหล่อนอยู่ทีหนึ่ง

“เด็กคนนี้นี่ จะเป็นคนเล่าเองแท้ๆ แต่กลับหัวเราะขึ้นมาก่อน”

“หรูหนิงเล่าว่าเป็นครั้งแรกที่เจียงเซ่อได้เจอกับพี่ชายของหนูค่ะ” พอหล่อนพูดจบ คุณนายเผยก็ยิ้มๆออกมาพลางหันหน้าไปมองเจียงเซ่อ จากนั้นก็หันไปหาเผยหรุ่ยเพื่อให้หล่อนเล่าต่อ

“ตอนนั้นพี่อี้กับพวกหรูหนิงไปเที่ยวด้วยกัน แล้วพี่อี้ก็ดื่มจนเมา เห็นบอกว่าไปยืนอยู่หน้าห้องน้ำนู่น แถมยังเป็นห้องน้ำผู้หญิงอีกนะ แล้วก็บังเอิญได้เจอกับเจียงเซ่อ”

เฉิงหรูหนิงเล่าเรื่องที่เผยอี้ได้เจอเจียงเซ่อพร้อมกับใส่สีตีไข่เสียสนุกสนาน ก็เลยทำให้เผยหรุ่ยนั่งหัวเราะอยู่แบบนี้ไงล่ะ

คนในตระกูลเผยที่ได้ยินอย่างนั้นก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะขึ้นมาด้วย คุณย่าเผยก็หัวเราะแต่ก็ยังเหมือนไม่อยากจะเชื่อ

“พูดเหลวไหล อาอี้ของฉันเป็นคนแบบนั้นน่ะหรือ?”

ตั้งแต่เด็กจนโตมาขนาดนี้ นอกจากเฝิงหนานแล้ว เขาก็ไม่ชอบที่จะไปยุ่งกับผู้หญิงคนไหนอีก คนที่แวะเวียนมาก็มีแค่ไม่กี่คน เอาแต่ต่อยตี เลือดร้อนซะไม่มี

“จริงๆ ค่ะ!” เผยหรุ่ยยืนยันหนักแน่น “คุณย่าฟังหนูนะ หลังจากนั้นพอพี่เขาเจอเจียงเซ่อใช่ไหม เขาก็พูดขึ้นว่า ‘หนานหนาน’ แต่สุดท้ายก็โดนเจียงเซ่อฟังเป็น ‘หน่ายนาย*คุณย่า’ ไปเสียได้แน่ะ แถมยังไปบอกให้พนักงานส่งพี่เขากลับบ้านไปหา ‘หน่ายนาย’ อีก คุณย่าจำได้ไหม ที่มีครั้งหนึ่งที่หรูหนิง เนี่ยต้าน กับพวกเซี่ยงชิวจี๋พอพี่อี้มาถึงที่บ้าน แล้วก็บอกว่าเขาเรียกหา ‘หน่ายนาย’ ไง?”

พอเผยหรุ่ยพูดแบบนั้นแล้ว ก็หัวเราะจนท้องแข็ง

“ครั้งนั้นนั่นเองน่ะหรือ!”

คนในตระกูลเผยพากันหัวเราะจนแทบจะหยุดไม่ได้ เจียงเซ่อที่นึกถึงเหตุการณ์ครั้งนั้นตาม ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะตามไปด้วย แต่ในใจของเจียงเซ่อหลังจากที่ได้ยินคำพูดพวกนั้นแล้ว กลับรู้สึกเหมือนมีพลังมหาศาลอยู่ข้างใน

หล่อนรู้สึกได้ว่า ‘หนานหนาน’ ที่เผยหรุ่ยพูดถึงต้องเป็นตัวเองแน่ๆ แต่ตอนนี้หล่อนไม่รู้จะถามอะไรอย่างไรดี จึงได้แต่คาดเดาจากสิ่งที่คนอื่นพูดออกมาเรื่อยๆ ในใจรู้สึกร้อนรนเหมือนโดนแมวตะปบ และอยากจะให้เผยหรุ่ยรีบๆ พูดออกมาอีก

แม่ของเผยอี้เองก็หันกลับมามองท่าทางของเจียงเซ่อ พอเห็นว่าเธอกำลังเม้มปากกลั้นหัวเราะ เหมือนว่าไม่ได้โกรธต่อ ‘การล้อเล่น’ ของเผยหรุ่ยเลยสักนิด