webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

190

บทที่ 190 ไม่รู้จัก

เสี่ยวหลิวเป็นคนขับรถของเฝิงจงเหลียงที่ว่าจ้างมานาน เผยอี้เองก็รู้ดี

แต่พอเฝิงจงเหลียงพูดจบ เขาก็ยังยืนยันที่จะพยุงอยู่ดี

“เห็นแล้วล่ะครับ ผมว่าให้ผมพาคุณปู่เข้าไปก่อนดีกว่า จะให้มายืนรอข้างนอกนานๆ แบบนี้ได้ไงครับ”

แต่เฝิงจงเหลียงก็ยังปัดมือไปมา น้ำเสียงที่ตอบกลับก็ดูจริงจังขึ้น

“จะมาให้เธอมาพยุงฉันได้ยังไงกัน?”

แต่ก่อนคุณปู่เผยเองก็เป็นถึงผู้บังคับบัญชา ซึ่งนั่นก็หมายถึงเป็นหัวหน้าของเขานั่นเอง ตอนที่เขาอยู่ในกองทหารก็ดูแลเขาเป็นอย่างดี แต่ว่าตอนนั้นก็คือตอนนั้น เผยอี้บอกว่าชอบเฝิงหนาน แต่ตอนนี้ ‘เฝิงหนาน’ กับเผยอี้กลับต่างคนต่างมีคู่เป็นของตัวเองเสียแล้ว และคงไม่มีทางที่จะกลับมาอยู่ด้วยกันเหมือนเมื่อก่อนได้อีกต่อไป เฝิงจงเหลียงจึงไม่ยอมที่จะให้เผยอี้มาพยุงตนอีก

พยายามชักแม่น้ำทั้งห้า เขายังคงยืนยันที่จะรอให้เสี่ยวหลิวมารับตน ส่วนเผยอี้เองก็ยอม แต่ก็ยังยืนคุยอยู่กับเขาข้างๆ

ไม่นานนักประตูลิฟต์ก็ถูกเปิดออก เป็นเสี่ยวหลิวที่รีบเดินออกมา และเฝิงหนานก็อยู่ด้านหลังเขา พอเจียงเซ่อได้เห็นภาพนั้นแล้ว คิ้วของเธอก็ขมวดเข้าหากันทันที

มันไม่ใช่เพราะเธอเจอ ‘เฝิงหนาน’ แล้วรู้สึกไม่ชอบ แต่เธอแค่คิดไม่ถึงว่า ‘เฝิงหนาน’ จะมาที่บ้านตระกูลเผยกับเฝิงจงเหลียงด้วย แต่ ‘เฝิงหนาน’ กลับไม่ได้ลงรถพร้อมๆ กับเฝิงจงเหลียงมา แถมยังทิ้งเขาให้ยืนรออยู่ข้างนอกคนเดียวแบบนี้อีก

“คุณปู่”

ตอนที่เฝิงหนานเห็นเผยอี้ ฝีเท้าของเธอก็เหมือนจะชะงักไปเล็กน้อย แต่ก็กลับมายิ้มแย้มและเดินเข้ามาอย่างเป็นธรรมชาติ มือของหล่อนเอื้อมไปหวังจะจับแขนของเฝิงจงเหลียง แต่สายตาไม่ได้มองไปที่เขาเลยด้วยซ้ำ แต่กลับจ้องไปที่เจียงเซ่อแทนเสียอย่างนั้น

รอยยิ้มของเฝิงจงเหลียงค่อยๆ จางลง เขาดึงแขนออกมาจากมือของหล่อน ท่าทางปฏิเสธนั่นทุกคนเห็นมันได้อย่างชัดเจน และมันยังทำให้รู้อีกว่าปู่หลานคู่นี้ไม่ได้สนิทกันอย่างที่ใครเขาคิดเอาไว้

“เสี่ยวหลิว มาพยุงฉันหน่อย”

เขาสั่งออกไป คนขับรถคนนั้นรับคำก่อนจะรีบเข้าไปพยุงเขา เฝิงจงเหลียงถอนหายใจออกมา เหมือนว่าโล่งใจอย่างไรอย่างนั้น

เพราะว่าขาของเขายังมีแผลเก่า เวลาเดินจึงเดินไม่เร็วนัก ไม่ว่าคนไหนที่ได้ดูแลเขา ก็ต้องค่อยๆ เดินช้าๆ เช่นกัน

เผยอี้เดินไปขนาบข้างเขา แล้วก็พูดคุยกับเขาไปด้วยเบาๆ เจียงเซ่อเดินตามอยู่ด้านหลัง เฝิงหนานเองก็ไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงต้องก้าวเท้าให้ช้าลง จึงได้เดินไปพร้อมๆ กับเจียงเซ่อ

“คุณปู่ของฉันกับเผยอี้รู้จักกันมานานแล้ว เขาเลยทีเรื่องที่จะคุยกับเสี่ยวอี้เยอะแยะน่ะ”

หล่อนคลำมือไปตามลำตัวเพื่อหาบุหรี่ แต่ก็นึกขึ้นได้ว่ากำลังเลี่ยงที่จะโดนเฝิงจงเหลียงคุมเข้มอยู่ เวลาอยู่ต่อหน้าเขาเลยจะสูบบุหรี่ไม่ได้เด็ดขาด และจะไปคลำหาเจอได้ยังไง?

“เธอเซ็นสัญญาเข้าบริษัทซื่อจี้หยินเหองั้นเหรอ?”

หล่อนถามขึ้นมา เจียงเซ่อเองก็หันหน้าไปหาเธอ “เหมือนว่าคุณเฝิงจะใส่ใจตัวฉันไม่น้อยเลยนะคะ”

เฝิงหนานได้ยินอย่างนั้นก็หัวเราะออกมา และเสียงหัวเราะของเธอก็ดึงดูดให้เฝิงจงเหลียงและเผยอี้ที่เดินอยู่ข้างหน้าต้องหันกลับมามอง เฝิงหนานยังคงหัวเราะ แต่พอเห็นว่าเฝิงจงเหลียงขมวดคิ้วใส่ หล่อนก็ทำสีหน้าเซ็งๆ แล้วอธิบาย

“คุณเจียงเขาพูดตลกน่ะค่ะ หนูก็เลยอดไม่ได้”

เผยอี้ขมวดคิ้ว เจียงเซ่อส่ายๆ หน้าให้เขาเบาๆ เป็นนัยๆ ว่าเขาไม่ต้องไปใจอะไร เขาเองก็พยายามระงับความไม่พอใจเอาไว้ และหันไปให้ความสนใจกับบทสนทนากับเฝิงจงเหลียงต่อ

“ทำไมฉันต้องไปใส่ใจเธอกัน?” เฝิงหนาน ‘ยิ้มเยาะ’ ขึ้นมาทีหนึ่ง ก็ไม่รู้ว่าประโยคนั้นกำลังพูดกับเจียงเซ่อ หรือกำลังพูดปลอบใจตัวเองกันแน่

ตอนนี้หล่อนได้เกิดมาในตระกูลที่สูงส่ง มีเงินทองมีฐานะ แถมยังมีคู่หมั้นที่มีฐานะเท่าเทียมกันอีกต่างหาก แล้วเจียงเซ่อเป็นใครกัน? มีอะไรให้น่าใส่ใจอย่างนั้นหรือ?

พอหล่อนพูดประโยคนั้นจบ ก็เหมือนว่าจะไม่มีอารมณ์คุยกับเจียงเซ่อต่อแล้ว หล่อนจึงรีบสาวเท้าเร็วขึ้นไปอยู่กับเฝิงจงเหลียงและเผยอี้ที่คุยกันอยู่ข้างหน้า แล้วพยายามหาเรื่องคุยด้วย

เรื่องที่เผยอี้จะพาเจียงเซ่อมาที่บ้านคนในบ้านตระกูลเผยก็รู้กันแล้ว ไม่รู้ว่าเพราะรู้อยู่แล้วหรือเปล่าว่าจะมีแขกมา คนในบ้านตระกูลเผยเองจึงไม่ได้พูดอะไร

แต่เหมือนว่าเฝิงหนานจะพยายามทำนู่นทำนี่อยู่ตลอดเวลา ส่วนคุณปู่เผยและเฝิงจงเหลียงเข้าไปนั่งคุยนั่งดื่มกันในห้องหนังสือ เผยอี้และคุณพ่อของเขากำลังนั่งพูดคุยอยู่ที่สวนดอกไม้ ส่วนในบ้านก็มีเฝิงหนานที่กำลังพูดถึงเรื่องที่ตัวเองเพิ่งลงทุนธุรกิจไปด้วยท่าทางที่มั่นอกมั่นใจไม่น้อย

คุณย่าเผยอี้เองก็เหมือนว่าจะคอยสังเกตและสำรวจเจียงเซ่ออยู่เงียบๆ ที่จริงตั้งแต่ที่เผยอี้บอกว่าจะพาใครบางคนมาด้วย คนในบ้านเผยก็เริ่มพากันแปลกใจแล้ว

ความรู้สึกที่เผยอี้มีให้เฝิงหนานในตอนนั้น มีหรือที่คนในบ้านตระกูลเผยจะไม่มีใครที่ไม่รู้? เจ้าเด็กคนนี้มันเป็นคนหัวรั้น ไม่ว่าจะยังไงก็ไม่มีทางที่จะยอมแพ้ง่ายๆ ตอนนี้คุณย่าเผยเริ่มคิดแล้วว่า จากนิสัยแบบนั้นของเขา หรือเป็นเพราะว่าเฝิงหนานไม่เคยแสดงท่าทีว่าชอบเขาเลย เขาถึงได้ยอมปล่อยวางแบบนี้?

ในตอนที่เฝิงหนานและจ้าวจวินฮั่นเริ่มสนิทชิดใกล้กัน คนในตระกูลเผยก็ไม่มีใครที่จะกล้าไปแหย่เขา แถมยังช่วยคิดวิธีที่จะให้เขาตัดใจด้วยซ้ำ แต่เขากับเฝิงหนานก็เหมือนจะทะเลาะกันเสียก่อน และก่อนที่เขาจะไปฝรั่งเศส คุณย่าเผยก็ยังคิดเลยว่าห่างกันสักพักแบบนั้นก็น่าจะดีเหมือนกัน เพราะบางทีเผยอี้อาจจะได้เจอคนอื่นที่รู้สึกชอบอีกก็ได้ และจะได้เข้าใจถึงความชอบที่อยู่ในใจตัวเองจริงๆ

แต่ใครจะไปรู้ว่าพอกลับมาอีกครั้ง เขาก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม เฝิงหนานก็ไม่สนใจเขาอีก และเพราะเรื่องนี้ทำให้เขาไปก่อเรื่องชกต่อยลูกหลานที่บ้านตระกูลเฉิงถึงที่ จนทำให้คุณปู่เผยโกรธสุดๆ

ในช่วงนั้นเขาเองก็อยู่ในสายตาของคุณย่าเผยมาโดยตลอด คุณย่าเองก็รู้สึกเป็นห่วงอยู่ในใจ แต่พอเรื่องผ่านไปได้ไม่นาน ก็ได้ยินมาว่าเขากำลังคบอยู่กับดาราคนหนึ่งเสียอย่างนั้น

ที่จริงตอนแรกคนในบ้านตระกูลเผยก็ไม่มีใครเชื่อเรื่องนี้ในตอนแรก เพราะนิสัยของเผยอี้ ทุกคนในบ้านรู้ดี เขาชอบเฝิงหนานมาตั้งกี่ปี แล้วมันจะลืมง่ายขนาดที่ว่าอยากลืมก็ลืมอย่างนั้นหรือ?

ใครจะไปรู้ว่าสุดท้ายแล้วเขาก็เปลี่ยนใจ ไม่ได้ยินเขาพูดถึงเฝิงหนานอีกเลย แต่กลับเอาใจทั้งหมดไปไว้ที่ดาราเล็กๆ คนหนึ่งที่ชื่อเจียงเซ่อแทน แถมยังตั้งใจพากลับมาที่บ้านแบบนี้ด้วย

คุณย่าเผยเองก็เป็นคนที่เป็นคนเซี่ยงไฮ้ที่มีชื่อเสียง ไม่ว่าปัจจุบันพวกเหล่าดาราในวงการบันเทิงจะมีคนติดตามอยู่มากมายแค่ไหน สำหรับลึกๆ ในใจของหล่อนนั้น ก็ยังอดไม่ได้ที่จะมีความคิดที่ว่าพวกดาราคงไม่ได้เป็นพวกครอบครัวผู้ดีหรือสูงส่งอะไรแบบนั้น

หล่อนมีลูกสามคน และลูกสะใภ้แต่ละคนก็มีประวัติไม่เลวทั้งนั้น ทั้งการอบรมสั่งสอนจากครอบครัว และทักษะการพูดการจา ตอนแรกคิดว่าถึงหลานชายคนโตคนนี้จะแต่งงงานกับเฝิงหนานไม่ได้แล้ว แต่ก็น่าจะเลือกคนที่รู้หนังสือและมีมารยาทที่งดงาม แต่เผยอี้กลับเลือกที่จะพาเจียงเซ่อกลับมาที่บ้าน

แต่สิ่งที่ทำให้หล่อนต้องแปลกใจก็คือ เจียงเซ่อไม่ได้เป็นเหมือนอย่างที่เธอคิดเอาไว้เลยสักนิด

ตอนแรกหล่อนคิดว่าผู้หญิงที่ทำให้เผยอี้เปลี่ยนใจมาชอบตัวเองได้ขนาดนี้ แถมยังหลงหัวปักหัวปำ อีกทั้งยังได้ยินมาว่าทั้งสองอยู่ในบ้านเดียวกันแล้ว หล่อนก็คิดว่าต้องเป็นพวกผู้หญิงใจง่ายเสียอีก แต่พอหล่อนลองพิจารณาดูจริงๆ แล้ว เจียงเซ่อเป็นคนที่รู้จักวางตัวและมีกาลเทศะ เหมือนมีความอบอุ่นอยู่ภายใน เป็นคนไม่พูดมาก ท่าทางบุคลิกก็สง่าผ่าเผย

ต่างกับเจียงเซ่อในตอนนี้ที่พูดน้ำไหลไฟดับ และเหมือนว่าตอนนี้เธอจะเกินจากคำว่านิ่งเงียบมากพอแล้ว และนั่นก็ทำให้คุณย่าเผยรู้สึกประหลาดใจขึ้นมาไม่น้อย แต่พอหล่อนมองไปที่เจียงเซ่อ กลับพบว่าเธอมีบุคลิกท่าทางเหมือนเฝิงหนานแต่ก่อนเป็นอย่างมาก นี่มันไม่ประหลาดเกินไปหน่อยหรือ

คนสองคนที่ไม่มีอะไรเหมือนกันสักอย่าง แต่กลับทำให้หล่อนประหลาดใจกับนิสัยของทั้งสองคนได้ขนาดนี้ คุณนายเผยเริ่มที่จะกังวลเสียแล้ว แต่ตัวเผยอี้ในตอนนี้เอง ก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่แค่เปลี่ยนเป็นเลือกใครอีกคน ที่มีนิสัยเหมือนเฝิงหนานในแต่ก่อนเท่านั้นเอง

ตอนนี้สีหน้าของหล่อนเริ่มขรึมขึ้นมา แต่เฝิงหนานยังเอาแต่พูดถึงเรื่องการลงทุนของตัวเองไม่หยุด เรื่องที่เธอพูดส่วนมากก็เกี่ยวกับวงการบันเทิงทั้งนั้น หรือไม่ก็พูดถึงสิ่งที่กำลังเป็นที่นิยมในวงการบันเทิง แต่ทั้งตัวคุณนายเผยและสะใภ้คนอื่นๆ ล้วนแล้วไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้นัก ก็แค่นั่งฟังไปตามมารยาท และไม่ได้เอ่ยหรือพูดตัดหล่อน

ความสนใจของเหล่าผู้ใหญ่ไม่ค่อยมีนัก แต่เวลาพูดถึงความนิยมต่างๆ ขึ้นมา เด็กสาวของตระกูลเผยทั้งหลายก็เริ่มพูดคุยถึงเรื่องของตัวเองขึ้นมาบ้าง ในทุกๆ ปีตระกูลเผยมักจะได้รับเชิญให้ไปดูการเดินแบบของเหล่าแบรนด์หรูต่างๆ อยู่แล้ว แต่ว่าจะไปหรือไม่ไปก็ขึ้นอยู่กับความสนใจด้วย แต่สิ่งที่เฝิงหนานพูดถึงมาทั้งหมด ก็ไม่มีใครที่รู้สึกว่าน่าสนใจเลยสักอย่าง