webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

189

บทที่ 189 พบกันอีกครั้ง

ตอนนี้กระเป๋าของเธอถูกเขารื้อจนยุ่งไปหมด ทั้งๆ ที่เขาบอกว่าจะช่วยจัดของ แต่นี่เหมือนว่าจะสุดความสามารถแล้วจริงๆ ในกระเป๋ายังมีเสื้อผ้าบางตัวยังไม่ได้เอาออกมาเลยด้วยซ้ำ

เจียงเซ่อตบๆ ครีมน้ำแร่ลงบนหน้าตัวเองเบาๆ ก่อนจะนั่งลงช่วยเขาเก็บ

ตอนนี้เขาเกิดร้อนตัวขึ้นมาเสียอย่างนั้น เพราะกลัวว่าเธอจะรู้ว่าเมื่อกี้เขากำลังทำอะไรอยู่ เลยรีบช่วยเธอจัดของให้เรียบร้อย แล้วพยายามให้เจียงเซ่อเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อย ส่วนตัวเขาก็ออกมานอกห้องเพื่อโทรศัพท์ ท่าทางของเขาดูจริงจังไม่น้อยเลย

ที่จริงเจียงเซ่อเองก็เคยไปที่บ้านตระกูลเผยหลายครั้งแล้ว ตอนนั้นไม่รู้ว่าทำไม คนในตระกูลเผยถึงได้ชื่นชอบเธอนัก โดยเฉพาะคุณย่าเผยและคุณแม่ของเขาที่ชอบเธอมากๆ แถมยังเคยบอกให้เธอไปเที่ยวเล่นที่บ้านบ่อยๆ ด้วย

ตอนนี้เจียงเซ่อเองก็คงพอจะเดาได้ ว่าคนที่บ้านตระกูลเผยให้ความสำคัญกับเธอมากแค่ไหน อาจจะเป็นเพราะเผยอี้ก็ได้ อาจจะรู้สึกว่าเขารักใครก็จะรักด้วยอะไรแบบนั้น

ตั้งแต่ที่เจียงเซ่อมาเกิดใหม่นี่ก็เป็นครั้งแรกที่ได้ไปบ้านตระกูลเผย ตอนที่เธอมาถึง เวลาก็ยังเหลืออีกเยอะเลย หลังจากที่เผยอี้จอดรถเอาไว้ในโรงรถเรียบร้อยแล้ว เสียงรถเก๋งอีกคันก็ค่อยๆ ดังเข้ามาจากข้างนอก เหมือนว่ามีคนที่เพิ่งมาถึงเหมือนกัน

ในวันตรุษของทุกๆ ปี มีคนหลายคนที่อยากจะมาทักทายและฉลองวันตรุษที่บ้านของตระกูลเผย แต่คนในบ้านตระกูลเผยก็มีวิธีจัดการอยู่เหมือนกัน ดังนั้นคนที่โชคดีได้มาเยี่ยมเยียน ก็ต้องเป็นคนที่ได้อยู่กับคุณปู่เผยในคืนก่อนวันตรุษ และเป็นคนที่มีความสัมพันธ์ที่ดีมายาวนานกับคุณปู่เผยจริงๆ เท่านั้น

เผยอี้และเจียงเซ่อเข้าไปในลิฟต์และขึ้นไปก่อน พื้นที่บ้านของตระกูลเผยถือว่ากว้างมาก เพราะโรงรถก็อยู่ชั้นสองแล้ว ขึ้นไปอีกชั้นก็ต้องเดินผ่านสวนหย่อมก่อนถึงจะพื้นที่ที่อยู่จริงๆ

พอทั้งสองคนเดินออกมาจากลิฟต์แล้ว เผยอี้ก็ยกมือขึ้นช่วยเธอจัดๆ ผมที่เคลียอยู่บนไหล่ให้เรียบร้อย เจียงเซ่อหันไปยิ้มหวานให้เขา แล้วพูดขอบคุณขึ้นเบาๆ หางตาเหลือบไปเห็นพุ่มดอกไม้ที่อยู่ไม่ไกล มีผู้ชายคนหนึ่งสวมชุดจงซานจวงสีน้ำเงินเข้ม มือข้างหนึ่งค้ำไม้เท้าเอาไว้ เขาคือเฝิงจงเหลียงนั่นเอง

ถึงแม้ว่าจะตกลงที่จะมาเยี่ยมเยียนผู้ใหญ่ในตระกูลเผย แต่ที่จริงมันก็เป็นเพราะว่าเผยอี้พูดว่าเฝิงจงเหลียงก็จะมาที่นี่ด้วยต่างหาก แต่ว่าตอนที่เจียงเซ่อได้เจอกับเฝิงจงเหลียงเข้าจริงๆ แล้ว เหมือนในคอมันเริ่มมีเสียงสะอื้นขึ้นมา และขอบตาก็รู้สึกแสบไปหมด

“หนาวหรือเปล่าเซ่อเซ่อ?”

เผยอี้กุมมือเธอเอาไว้ พร้อมกับถามเธอเสียงเบา แต่เธอกลับไม่ได้ตอบเขา เผยอี้ก้มหน้ามองเธอ ก็พบว่าตอนนี้ปลายจมูกเธอแดงเสียแล้วในตาก็เริ่มมีหยาดน้ำใสคลอ สายตาจดจ้องไปด้านหลังของเขาอย่างไม่วางตา

“เซ่อเซ่อ เซ่อเซ่อ”

“หือ?”

เขาเรียกอยู่สองครั้ง เจียงเซ่อถึงจะตอบรับกลับมา เธอเงยหน้าขึ้น แต่สายตาก็ยังไม่ได้จ้องมาที่เขา

เผยอี้หันหลังมองไปยังจุดที่เจียงเซ่อมองเมื่อกี้ ก็ได้เห็นชายชราคนหนึ่งนั่งอยู่บริเวณพุ่มไม้ ชายชราคนนั้นหันหน้ามาเช่นกัน พอเขาเห็นว่าเป็นเผยอี้ ใบหน้าก็ค่อยๆ มีรอยยิ้มเล็กๆ ขึ้นมา เขาขยับไม้เท้า แล้วทำท่าเหมือนจะเดินเข้ามาหา

นึกถึงตอนที่ทั้งสองคนมาถึงที่โรงจอดรถและได้ยินเสียงรถเก๋งมาจากข้างนอก คงจะเป็นรถของเฝิงจงเหลียงที่เข้ามานั่นเอง คนขับรถคงจะแวะส่งเขาที่ข้างหน้าก่อนแล้วไปจอดรถแล้วค่อยเดินขึ้นไปรับเขาข้างบน

ท่าทางของเขายังดูจริงจังและขึงขังเหมือนอย่างที่เจียงเซ่อจำได้เช่นเคย เรือนผมที่เริ่มมีสีขาวแซมถูกหวีไปด้านหลังใบหน้าของเขายังดูขึงขังเสมอ แต่แค่ครึ่งปีที่ไม่ได้เจอ เจียงเซ่อรู้สึกว่าเขาดูไม่ค่อยร่าเริงหรือมีชีวิตชีวาเหมือนเคย แขนข้างหนึ่งต้องคอยค้ำไม้ค้ำเอาไว้ เดินแค่ก้าวเดียวก็เหมือนว่ามันจะกินแรงเขาไปมากแล้ว

เจียงเซ่อชะงักนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะรีบวิ่งเข้าไป แล้วช่วยพยุงตัวเขาเอาไว้

อายุเขาก็มากแล้ว ตอนนี้คงหกสิบเก้าจะเจ็ดสิบเต็มที สมัยก่อนที่เข้าร่วมการปฏิวัติ ขาข้างหนึ่งของเขาได้รับบาดเจ็บ และตอนนั้นการรักษาและสุขอนามัยก็ไม่ค่อยดีนัก กระสุนเม็ดนั้นก็ยังฝังอยู่ในกระดูกของเขาจนเป็นเหมือนคนพิการ และทิ้งไว้เพียงรอยแผลที่น่ากลัว ทุกครั้งที่ถึงฤดูหนาวหรือฤดูฝนที่อากาศเย็นชื้น เขาก็มักจะบ่นว่าปวดขาเสมอ และเหมือนจะไม่มีแรงเดินด้วยซ้ำ

แต่ก่อนทุกครั้งที่เขามาฉลองที่บ้านตระกูลเผย ก็มักจะมีเธออยู่ข้างกายเสมอ มีเธอคอยพยุงเขาเอาไว้

“ระวังหน่อยนะคะ”

เจียงเซ่อเข้าไปพยุงแขนเขาเอาไว้ แล้วพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

พอได้มาเห็นใกล้ๆ แบบนี้ เจียงเซ่อก็พบว่าเขาผอมลงไปมาก ตอนที่เขาจับค้ำตัวไม้เท้าเอาไว้ก็เหมือนจะใช้แรงพยุงพอสมควร แขนของเขามันเล็กลงไม่เหมือนคนที่มีชีวิตอยู่ดีกินดีเลยสักนิด หลังมือของเขามีเส้นเลือดปูดออกมาอย่างชัดเจน มันเหมือนกับร่องน้ำตามภูเขา ผิวหนังเหี่ยวย่น และหยาบกร้าน

เขาเคยบอกว่าตั้งแต่ไหนแต่ไรมาเขาไม่เคยมีมือที่เหมือนผู้ดีอะไร ตั้งแต่ตอนเด็กๆ เคยมีญาติผู้ใหญ่ที่บ้านเกิดบอกว่ามือคู่นั้นเป็นมือที่ผ่านโลกและความเหน็ดเหนื่อยมามากมาย ไม่เคยเลยที่จะได้สบาย

เฝิงจงเหลียงไม่เคยปล่อยให้ตัวเองว่าง ที่บ้านตระกูลเฝิงได้ปลูกดอกไม้ใบหญ้าเอาไว้มากมาย แต่ไหนแต่ไรมางานอดิเรกของเขาก็คือปลูกต้นไม้ดอกไม้ หญ้าทุกใบต้นไม้ทุกต้นเขาเป็นคนปลูกและดูแลเองกับมือ และเขาก็มักจะได้รับบาดแผลอยู่บ่อยๆ เช่นกัน

ตอนที่เจียงเซ่อพยุงเขาขึ้นมา ท่าทางและการกระทำที่เป็นธรรมชาติ ทำให้เขาหันมาขอบคุณด้วยรอยยิ้ม และสายตาก็จดจ้องอยู่ที่เจียงเซ่อ

ก่อนหน้านี้ที่เผยอี้จูงมือกับเจียงเซ่อเข้ามา แน่นอนว่าเฝิงจงเหลียงเองก็เห็นกับตาแล้ว ตอนนี้ก็พอจะเดาได้ว่าเธออยู่ในฐานะอะไร ตอนที่เขามองเผยอี้ เขาก็พูดขึ้นมาด้วยความจริงจัง

“เผยอี้กลับมาแล้วหรือ”

“คุณปู่เฝิง”

เผยอี้มองเจียงเซ่อก่อนครู่หนึ่ง เธอก้มหน้าลง แล้วยกมือขึ้นเกลี่ยผมสลวยที่ปิดข้างแก้มตัวเองออก ในทุกๆ ปีที่เฝิงจงเหลียงมาที่บ้านตระกูลเผย ก็มักจะเห็นภาพที่เฝิงหนานคอยพยุงเขาอยู่ข้างๆ เสมอ

ที่จริงตัวเฝิงจงเหลียงไม่ค่อยชินและไม่ค่อยรับความช่วยเหลือจากคนอื่นที่จะช่วยพยุงนัก แต่จากที่เผยอี้ได้เห็นอยู่ตรงหน้าตัวเองนี้ เขายอมให้เจียงเซ่อพยุง แต่ก็ชักออกโดยที่ไม่พูดอะไรสักคำ

เจียงเซ่อเองก็ยังคงยืนอยู่ข้างๆ เขาเผื่อว่าจะได้พยุงอีก ที่จริงเธอเองก็พอจะเดาผลที่จะออกมาได้แล้ว ตอนนี้เธอกลายเป็นใครอีกคน ถ้าเรื่องแบบนี้มันไม่ได้เกิดขึ้นกับตัวเธอแล้วละก็ คนข้างๆ ก็คงไม่คิดไม่ฝันมาก่อนว่าจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นจริงๆ

การที่เฝิงจงเหลียงจะทำแบบนั้นกับเธอก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติแล้ว

ตั้งทั้งที่รู้และเข้าใจอยู่แล้วแท้ๆ แต่เธอกลับยังอยู่ท่านั้นอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะรีบชักมือกลับมา เธอหลับตาลง พยายามเก็บหยาดน้ำสีใสในตากลับไป

“คนๆ นี้เป็นแฟนสาวของผมครับ ชื่อเจียงเซ่อ”

เขาแนะนำให้เฝิงจงเหลียงรู้จัก และเหมือนท่าทีของเฝิงจงเหลียงจะดูสับสนอยู่ไม่น้อย

ความรู้สึกของเผยอี้ที่มีต่อเฝิงหนานก่อนหน้านี้ คนที่มีฐานะสูงๆ ในตี้ตู ใช่ว่าจะไม่มีใครรู้ เขาเกิดรู้สึกเสียดายขึ้นมาไม่น้อย ตั้งแต่ช่วงก่อนหน้านี้มาหลานสาวของตนเองเหมือนเป็นพวกไม่มีความคิดเอาเสียเลย เผยอี้เป็นเด็กนิสัยแบบไหน และตระกูลเผยเป็นตระกูลแบบไหน ในใจของเขารู้ดีเสมอ

ทั้งๆ ที่เผยอี้ก็ดีกับเฝิงหนานขนาดนี้ ถ้าหลานสาวของเขาฉลาดขึ้นมาอีกสักนิด ผลลัพท์ทั้งหมดมันก็คงจะออกมาดีกว่านี้ และวันต่อๆ ไปในอนาคตก็คงจะมีแต่สิ่งที่ดีกว่านี้แล้วแน่ๆ

น่าเสียดายที่ผู้ใหญ่ฝั่งฮ่องกงใจร้อนไปหน่อย หลังจากที่ให้เฝิงหนานไปเจอกับจ้าวจวินฮั่นแล้ว ก็ไม่รู้ว่าไปโดนใครล้างสมองมา นิสัยใจคอถึงได้เปลี่ยนไปเป็นคนละคน

ตอนนี้เฝิงจงเหลียงรู้สึกเสียใจอยู่ลึกๆ การที่เผยอี้พาแฟนสาวมาบ้านแบบนี้ คงจะตั้งใจแล้วว่าจะพามาแนะนำกับผู้ใหญ่ในบ้าน จึงทำได้แค่ถามออกไปด้วยรอยยิ้ม

“ถ้าญาติๆ ทั้งหลายได้เห็น คงจะต้องดีใจกันมากแน่ๆ”

เผยอี้เองก็ยิ้มขึ้นมา และมองเฝิงจงเหลียงด้วยสายตาที่มีความหมายลึกซึ้ง

“แล้วคุณปู่ไม่ดีใจหรือครับ?”

เขานึกไม่ถึงว่าเผยอี้จะถามตนเองขึ้นมาแบบนี้ ชะงักไปนิดหนึ่ง ก่อนจะปรับอารมณ์ให้เหมือนเดิม

“ดีใจหรือ? ฮะๆ แน่นอนว่าปู่ก็ต้องดีใจกับอาอี้อยู่แล้ว”

เจียงเซ่อพอจะเข้าใจความหมายของเผยอี้ดี เธอได้แต่ขบริมฝีปากแน่น และไม่พูดอะไรอีก

ข้างนอกนี่ลมค่อนข้างแรง ขาของเฝิงจงเหลียงยังคงมีบาดแผล พอมายืนนานแบบนี้ แรงทั้งหมดก็ต้องไปรวมอยู่ที่มือที่กำลังค้ำอยู่

เขามีนิสัยและมีความอดทนแข็งแกร่งอยู่เสมอ แถมยังไม่ค่อยชอบฟังคำเตือนของคนอื่นเสียเท่าไหร่ แถมชอบปฏิเสธอยู่บ่อยๆ แต่ถึงเจียงเซ่อจะเงียบไม่พูดอะไร แต่แค่เผยอี้มองตาเธอก็พอจะเข้าใจแล้ว เขาจึงเข้าไปพยุงเฝิงจงเหลียงทันที

“คุณปู่เฝิง ให้ผมพยุงคุณปู่เข้าไปดีกว่า ถ้าคุณปู่ผมรู้ว่าปู่เฝิงมา ท่านจะต้องดีใจมากแน่ๆ”

เฝิงจงเหลียงโบกมือ

“ใครต้องให้เธอพยุงกัน? เดี๋ยวฉันจะรออยู่นี่อีกแป๊บหนึ่ง เดี๋ยวเสี่ยวหลิวก็จะมาแล้วล่ะ”