webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

188

บทที่ 188 ถึงแม้ว่า

หลังจากถ่ายฉากของจิ่วเจียงเสร็จแล้ว ก็เป็นคืนก่อนวันตรุษแล้ว

เหล่าทีมงานเองก็ได้หยุดพักกันถึงสิบวัน โม่อานฉีได้จองตั๋วเครื่องบินกลับตี้ตูเอาไว้เรียบร้อยแล้ว เจียงเซ่อลองคำนวณตั้งแต่วันที่ได้หยุดพักกองถ่ายดูแล้ว เธอก็มีเวลาพักรวมๆ กันถึงครึ่งเดือน

หลังจากที่เผยอี้ถามไฟลท์บินเธอชัดเจนแล้ว เขาก็ไปรอที่สนามบินก่อนเวลาอยู่พอสมควร

ตอนที่เจียงเซ่อออกมาจากเกท เขาก็เห็นเธออย่างชัดเจน

และถึงในสนามบินจะมีผู้คนเยอะแค่ไหน เผยอี้ก็ยังดึงเธอเข้ามาไว้ในอ้อมกอด แล้วจุ๊บลงไปบนศีรษะเธอหนึ่งที แถมยังไม่คิดจะปล่อยมืออีก

“เหนื่อยไหมครับ?”

ครั้งนี้ที่เจียงเซ่อออกไปถ่ายหนังนอกสถานที่ ทั้งสองคนก็ต้องห่างกันไปตั้งหลายวัน และนั่นมันทำให้เขาคิดถึงเธอจะแย่อยู่แล้ว ตอนนี้ผู้คนรอบๆ ข้างรวมไปถึงโม่อานฉีที่ยืนอยู่ข้างๆ เจียงเซ่อเองก็หัวเราะคิกคักขึ้นมา เผยอี้ไม่ได้จับเธอมาสำรวจร่างกายว่าได้รับบาดเจ็บอะไรไหม แค่ดึงเธอออกมาเท่านั้น

“รถผมอยู่ทางนั้น”

เจียงเซ่อหันไปหาโม่อานฉี หล่อนเห็นแบบนั้นก็พูดขึ้นทันที

“ไม่ต้องเป็นห่วงฉันหรอก เดี๋ยวฉันจะขับรถกลับไปเอง”

ในมือของเธอยังมีสัมภาระของเจียงเซ่ออยู่เลยด้วยซ้ำ เผยอี้ยื่นมือไปรับมันมา เจียงเซ่อเองก็บอกลาหล่อนก่อน ถึงค่อยเดินไปพร้อมๆ กับเผยอี้

รอบนี้เผยอี้เลือกขับรถจี๊ปมา พอเจียงเซ่อขึ้นรถแล้ว เขาก็เริ่มถามเจียงเซ่อถึงการไปมณฑลฟูในครั้งนี้ และถามว่าที่จิ่วเจียงมีอะไรน่าเที่ยวไหม

เจียงเซ่อพยายามนึกอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะส่ายหัว

“ฉันไม่ได้ออกไปไหนเท่าไหร่”

คิวถ่ายหนังของเธอมีไม่มากนัก เวลาว่างๆ ถ้าไม่ได้อ่านบทอยู่ ก็ไปดูคนอื่นแสดงเสียมากกว่า พอถ่ายนอกสถานที่เสร็จก็กลับเลย พอเผยอี้ถามถึงบรรยากาศและที่เที่ยวที่นั่นแล้ว เธอก็เหมือนว่าจะตอบอะไรไม่ได้สักอย่าง

เผยอี้หันหน้าไปมองเธอ แล้วหัวเราะออกมา

ตลอดเวลาที่นั่งเครื่องบินมา ท่าทางของเธอก็ดูเหนื่อยล้าไม่น้อย ศีรษะพิงอยู่กับเบาะรถ ผิวของเธอขาว ถึงมันจะชัดเจนอยู่แล้วว่ารูปร่างหน้าตาเธอไม่มีอะไรที่เหมือนเฝิงหนานเลยสักนิด แต่เขากลับมองเห็นเอกลักษณ์ของเธอได้อย่างชัดเจน

“อะไรเหรอ?”

สายตาที่กำลังจ้องมองของเขาทำให้เจียงเซ่อเริ่มรู้สึกตัว จึงหันหน้าไปหาเขา เผยอี้หัวเราะตอบ

“เปล่าครับ เซ่อเซ่อ เย็นนี้จะกลับไปทานข้าวกับผมไหม?”

ที่เขาบอกว่า ‘กลับไป’ คงไม่ได้หมายถึงว่าไปทานข้าวด้วยกันที่เดิมแน่ๆ แต่หมายถึงที่บ้านตระกูลเผย

เรื่องนี้เผยอี้เองก็ได้พูดเอาไว้แล้วตอนที่คุยโทรศัพท์กัน แต่เจียงเซ่อยังรู้สึกลังเลอยู่ จึงไม่ได้พูดอะไรออกไป

เพราะตอนนี้เธอไม่ใช่เฝิงหนานแล้ว ปกติพอถึงวันตรุษจีนทีไร เธอก็ส่งของขวัญกลับไปให้เฝิงจงเหลียงคุณปู่ของเธอ ก่อนที่จะไปเยี่ยมเยียนผู้ใหญ่ของตระกูลเผย

ตอนนั้นที่เธอไปบ้านตระกูลเผย เธอก็ถือว่าเป็นแขกของตระกูลเผย แต่ว่าตอนนี้ล่ะ? ตอนนี้เธอจะได้อยู่ในฐานะอะไร?

ถึงแม้ว่าเผยอี้จะรู้ว่าเธอเป็นใคร และรู้ว่าแท้จริงแล้วเธอมีความเป็นมายังไง แต่คนในตระกูลเผยคนอื่นๆ ล่ะ?

สถานการณ์ในตอนนี้มันไม่เหมือนกับตอนนั้นแล้ว เธอปิดตาลง เผยอี้เองก็พอจะมองออกว่าเธอกำลังคิดยังไง

เขาเข้าใจเธอดีเสมอ เข้าใจมากกว่าที่เธอจะรู้เสียอีก การขมวดคิ้วแบบนั้น การก้มหน้าแบบนั้น ในใจเธอคิดอะไรอยู่ เขาเองก็รู้ดีแก่ใจว่าเธอกำลังคิดอะไร

สุดท้ายแล้ว เธออาจะชอบเขาก็ได้ แต่ความชอบนั้นมันยังอาจจะไม่เท่ากับความชอบของเขา

“แค่ข้าวมื้อเดียว”

เขารวมมือเจียงเซ่อมากุมไว้ ท่าทางจริงจังไม่น้อย

“ยังไงช้าเร็วก็ต้องได้เจอกัน” เป็นไปไม่ได้ที่คนในบ้านจะไม่รู้เรื่องราวนอกบ้านของเขา ก็แค่ทำเป็นปิดตาข้างหนึ่งเท่านั้น ถ้าเขาไม่พูดถึง พวกเขาก็คงจะคิดว่าเขาแค่เล่นๆ แล้วก็ปล่อยให้เขาทำตามใจไป

สำหรับในมุมมองของคนในตระกูลเผยแล้ว ความรักของเด็กวัยรุ่นมันไม่ยั่งยืน ตอนนั้นที่เขาแสดงออกแค่ไหนว่าชอบเฝิงหนาน แต่ตอนนี้เขายังเปลี่ยนมาชอบเจียงเซ่อได้เลยไม่ใช่หรือ?

ดังนั้นเพราะว่าพวกเขายังมีความคิดแบบนั้นอยู่ คนในตระกูลเผยก็เลยยังไม่มีท่าทีว่าจะเข้ามาก้าวก่ายเรื่องของเขา และเขาเองก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาสักครั้ง แต่ถ้าเกิดว่าเขาพาเธอไปที่บ้านแล้วละก็ ความคิดเหล่านั้นก็จะไม่เหมือนเดิมอีก

ถ้าต้องเลือกเดินตามทางที่ตามทางที่รุ่นก่อนๆ ปูไว้ให้ ทุกอย่างมันก็จะเริ่มไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เรื่องนี้เผยอี้รู้ดีเสมอ

“ที่บ้านผมเป็นยังไงพี่ก็รู้ดี ไม่ได้ยอมรับยากอย่างที่พี่คิดหรอก” นิ้วมือของเขาบีบมือเจียงเซ่อแน่น ใช้มืออีกข้างจับพวงมาลัยเอาไว้ ตอนนี้ถือว่ารถติดอยู่พอสมควร

“ยังไงก็ตาม วันนี้คุณปู่ของพี่ก็จะมาที่บ้านผมด้วยนะ เซ่อเซ่อ”

สีหน้าของเธอไม่เปลี่ยนแปลงอะไรนัก แต่มือขาวที่โดนเผยอี้กุมเอาไว้อยู่ก็เริ่มกำแน่นเหมือนกัน เป็นสิ่งที่พิสูจน์ได้ว่าคำพูดของเขาก็พอที่จะทำให้เจียงเซ่อสั่นไหวได้เหมือนกัน

กับจุดยืนฐานะของตระกูลเผย ทั้งอำนาจและฐานะต่างก็สูงส่งกันทั้งนั้น ตระกูลเผยไม่จำเป็นที่จะต้องใช้วิธีจับลูกหลานแต่งงานเพื่อให้ได้อำนาจและจุดยืนที่มากขึ้น และตัวเผยอี้เองก็ไม่จำเป็นที่จะต้องมีภรรยาในอนาคตที่ต้องเป็นคนสูงศักดิ์เหมือนกัน ไม่จำเป็นต้องเติมดอกไม้ลงไปบนดิ้นทองอีก เพราะยังไงเขาก็ยังมีแซ่เผยติดตัว ทางเลือกของเขามันมีมากกว่าพวกเนี่ยต้านและคนอื่นๆ แน่นอน

ได้เกิดมาในชาติตระกูลที่สูงส่งและมีอำนาจที่แข็งแกร่งขนาดนี้ มันทำให้ชีวิตเขามีอิสระในการทำสิ่งต่างๆ อยู่พอสมควร ครอบครัวเขาจึงไม่ได้เคร่งครัดเรื่องภรรยาในอนาคตของเขานัก ถึงแม้ว่าในอนาคตมันจะต้องเป็นอีกครึ่งหนึ่งของชีวิตเขาก็ตาม แต่ทั้งการศึกษาของเจียงเซ่อ และการอบรมสั่งสอนของเธอก็ถือว่าดีเกินกว่าใครหลายๆ คนแล้ว

“คุณปู่......”

พอเจียงเซ่อได้ยินเผยอี้พูดถึงเฝิงจงเหลียงขึ้นมา ในใจของเธอมันก็เริ่มรู้สึกกลัดกลุ้มขึ้นมาเสียอย่างนั้น ในอกเหมือนมีก้อนหินหนักๆ มาถ่วงเอาไว้ จะหายใจก็ยากลำบากเหลือเกิน

เธอไม่ได้หันไปมองเขา แต่แค่มองออกไปข้างนอกรถเท่านั้น ตั้งแต่เด็กๆ ที่เธอตามเฝิงจงเหลียงออกมาจากฮ่องกง และกลับมาลงหลักปักฐานใช้ชีวิตอยู่ที่ตี้ตู เธอนึกถึงตอนเด็กๆ ที่เฝิงจงเหลียงจูงมือเธอจากฮ่องกงมา ตอนนั้นเธอยังหันหลังกลับไปทั้งๆ ที่ขาก็ต้องเดินออกมา ตอนนั้นคุณปู่เธอก้มตัวลงมาแล้วลูบหัวเธอ และพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม “หนานหนานไม่ร้องนะลูก”

เรื่องบางเรื่อง ถึงเขาไม่ได้พูดออกมา เธอเองก็ไม่กล้าที่จะไปแตะมัน ไม่กล้าแม้แต่ที่จะคิด

ถึงแม้ว่าเธอจะคิดถึงมันขึ้นมา แต่มันก็ไม่สามารถทำอะไรได้อีกแล้ว ตอนนี้เธอได้มาเกิดใหม่ และไม่มีอะไรที่เหมือนเดิมอีกต่อไป และตอนนี้เฝิงจงเหลียงก็มี ‘เฝิงหนาน’ อีกคนเป็นหลานคอยดูแล สำหรับเฝิงจงเหลียงแล้ว ตอนนี้เธอเป็นใครก็ไม่รู้?

“เซ่อเซ่อ”

เผยอี้เขย่าๆ มือเธอ เพราะเห็นว่าสีหน้าเธอดูว่างเปล่า

“ไปเถอะนะ”

“เอาสิ”

เธอพยักหน้า

หลังจากที่กลับมาถึงบ้านแล้วเธอก็อาบน้ำทันที เผยอี้ยังจัดการเก็บของให้เธออยู่ ทั้งๆ ที่เวลาเขาอยู่บ้านก็มีคนรับใช้คอยจัดการให้เขาด้วยซ้ำ ของที่เขาต้องเก็บมีไม่มากนัก แต่เขาก็ยังรอบคอบอยู่เสมอ

ห้องแต่งตัวที่เคยมีแต่เสื้อผ้าเขาเต็มไปหมด ตอนนี้มันเริ่มมีเสื้อผ้าของเจียงเซ่อเข้ามาเบียดด้วยกันแล้ว

ตั้งแต่ครั้งนั้นที่เจียงเซ่อได้ไปถ่ายแบบ แบรนด์เสื้อผ้าต่างๆ ก็เริ่มที่จะสนับสนุนเธอมากมาย ทั้งเสื้อผ้า รองเท้าและกระเป๋าต่างๆ ก็เริ่มเยอะขึ้นเรื่อยๆ มีบางตัวที่ไว้ใส่ในวันปกติอยู่แล้ว ห้องที่โม่อานฉีเคยเช่าไว้ให้ก็เริ่มใส่ไม่พอแล้ว ข้าวของบางส่วนจึงต้องย้ายมาเก็บที่นี่แทน

ในทุกๆ วันที่นี่จะมีคนมาทำความสะอาดอยู่แล้ว ทั้งเสื้อผ้าและเครื่องประดับต่างๆ ต่างก็ถูกทำความสะอาดและจัดเข้าที่ไว้อย่างเรียบร้อยและเป็นระเบียบ ข้าวของของทั้งสองคนถูกแบ่งเอาไว้เรียบร้อย อีกคนอยู่อีกด้าน ของอีกคนก็อยู่อีกด้าน แต่ว่าจริงๆ เผยอี้ไม่ค่อยชอบใจนักหรอก

เขาเริ่มรื้อเสื้อผ้าของเจียงเซ่อออกมาจากกระเป๋า ก่อนจะตะโกนขึ้นมา

“เซ่อเซ่อ พี่มีเสื้อที่จะต้องซักหรือเปล่า?”

เธอยังอยู่ในห้องน้ำ เหมือนว่าจะไม่ได้ยินเสียงที่เผยอี้พูดด้วย ดังนั้นเธอจึงไม่ได้ตอบอะไรเขา

เขาหยิบเสื้อผ้าขึ้นมา แล้วค่อยๆ เอามันมาไว้ตรงหน้าตัวเอง แล้วสูดหายใจเข้าลึกๆ ถึงเสื้อจะมีแต่กลิ่นหอมๆ ของน้ำยาปรับผ้านุ่ม แต่มันก็ยังคงทำให้ใจเขาเต้นดัง ‘ตึก ตึก’ ราวกับกวางตัวหนึ่ง

“นายทำอะไรน่ะ?”

เจียงเซ่อที่พอออกมาจากห้องน้ำก็เห็นว่าเผยอี้กำลังนั่งคุกเข่าด้วยท่าทางลับๆ ล่ออยู่ตรงหน้ากระเป๋าเดินทางของเธอ ไม่รู้ว่ากำลังนั่งทำอะไรอยู่ ตัวเขางอไปข้างหน้า ใบหน้าแทบจะทิ่มเข้าไปในกระเป๋าอยู่แล้ว

“ทะ ทำอะไรอะไรเหรอ?”

เขารีบลุกอย่างลนๆ ในมือจับของในกระเป๋าเอาไว้ แต่ก็พยายามทำตัวนิ่งๆ

“ก็กำลังจะช่วยจัดของให้พี่ไง?”