webnovel

สักวันฉันจะเป็นซุปตาร์

เธอ เฝิงหนาน คุณหนูตระกูลเฝิงผู้ร่ำรวยล้นฟ้า เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับมาอยู่ในร่างของ เจียงเซ่อ เด็กสาวยากจนที่ไม่มีอะไรดีนอกจากหน้าตา วันๆ เอาแต่ใฝ่ฝันว่าอยากจะเข้าวงการบันเทิง แม้ชะตาจะเล่นตลกทำให้ชีวิตกลับตาลปัตรไม่มีอะไรเหมือนกับชีวิตเดิมก่อนหน้านี้เลยสักนิด แต่นี่อาจจะเป็นโอกาสที่สวรรค์มอบให้เธอเพื่อให้เธอได้เลือกทางเดินชีวิตของตนใหม่อีกครั้งก็ได้ ชีวิตที่ไม่เคยได้เลือกเอง ตอนนี้โอกาสกลับมาอยู่ในมือเธออีกครั้ง ถ้าอย่างนั้นเธอก็ขอเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เป็นของเธอบ้าง… เมื่อคนรู้จักในชีวิตครั้งเก่าได้หวนกลับมาเจอกันอีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะได้รู้จักพวกเขาเหล่านั้นใหม่อีกครั้งในมุมมองที่ต่างออกไป

กว่านเอ๋อร์ wr · Urban
Not enough ratings
710 Chs

186

บทที่ 186 อธิบาย

ชิวหรูจื้ออยู่ในวงการมานานแล้ว แต่ไหนแต่ไรมาก็ไดรับเล่นมาหลากหลายบทบาท ได้แสดงหนังก็มากมาย แต่ก็ไม่ได้ดังอะไร

พออายุมากขึ้น เส้นทางของการแสดงก็เริ่มแคบลง บทส่วนมากที่รับเล่นก็เป็นบทคนแก่หรือไปก็เป็นพวกตัวร้ายที่มีความทะเยอทะยาน

ท่ามกลางการสนทนาพาที เจียงเซ่อเองก็พอจะเข้าใจความคิดเห็นของชิวหรูจื้อดี ในกลุ่มที่นั่งกันอยู่นี้ก็ได้ยินหลินซีเหวินพูดถึงการแสดงของเขาอยู่ตลอดเวลา ไม่กี่ปีมานี้เขาไม่ค่อยรับเล่นหนังแล้ว พอจะกลับมารับเล่นก็ต้องฝึกฝนอย่างหนักเหมือนกัน

ครั้งนี้ที่ได้รับเล่น ‘The Occasion of Beiping’ มันก็เป็นเพราะหลินซีเหวินได้ขอร้องเขาไปกว่าสามครั้งสามครา พอเขาได้ยินว่าหลินซีเหวินดึงโหวซีหลิ่งออกมาได้ เขาก็เริ่มสนใจที่จะชิงรางวัลและยอมรับเล่นบทอันจิ่วยวี่ในครั้งนี้ และมันก็เป็นบทตัวร้ายที่เขาเคยเล่นมาโดยตลอดนั่นเอง

หลังจากทานข้าวกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว เจียงเซ่อดูเวลาครู่หนึ่ง ก็เดินไปแต่งหน้าแต่งตัวทันที

การถ่ายหนังของเธอครั้งนี้ เป็นซีนที่เธอต้องโดนลงโทษนั่นเอง

โต้วโค่วโดนจับกลับมาที่หอนางโลม แต่เธอก็ยังไม่คิดที่จะยอมแพ้ได้ง่ายๆ แม่เล้าจึงลงโทษเธอด้วยการเฆี่ยนตีและขังเอาไว้

ถึงฉากนี้จะไม่ได้เป็นฉากที่ยากอะไร แต่ก็พูดไม่ได้ว่ามันง่าย

เธอเดินไปเปลี่ยนเสื้อผ้ากับหลิวลี่จื้อ เสื้อตัวก่อนที่เคยใส่เล่นที่ซีหนานก็เอามาแล้ว

เพื่อที่จะทำให้เสื้อผ้าและตัวหนังสมจริงที่สุด ไม่ว่ารายละเอียดจะละเอียดขนาดไหนก็ต้องเก็บให้หมด หลังจากที่ถ่ายเสร็จหมดเรียบร้อยก็จะต้องมาตรวจสอบอีกทีเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดออกมา ตั้งแต่วันนั้นที่เจียงเซ่อไปถ่ายที่ซีหนาน เสื้อที่เธอใส่ตั้งแต่ครั้งที่แล้วก็ยังไม่มีใครเอามันไปซักเลยสักครั้ง

หลินซีเหวินสั่งมาด้วยซ้ำ ว่าให้เก็บเสื้อตัวนั้นเอาไว้ในกล่องชั้นล่างสุด หลังจากเก็บสภาพเอาไว้แล้วเอาออกมาให้เจียงเซ่อใส่แล้ว จากนั้นก็ส่งต่อให้สไตล์ลิสต์แต่งออกมาให้เหมือนตอนที่โต้วโค่วกำลังจะต้องโดนจับเข้าห้องขัง

ช่วงสองอาทิตย์ก่อนหน้านี้ที่ถ่ายทำที่ซีหนานสองวันก็ใส่เสื้อตัวเดิม เปื้อนทั้งดินทั้งโคลนและน้ำฝน จากนั้นมันก็อยู่ในกล่องจนมาถึงการถ่ายทำที่เหยียนโจวนี่ พอตอนที่เอาเสื้อออกมาจากกล่อง กลิ่นต่างๆ ที่โชยออกมจากเสื้อนี่ไม่ต้องให้พูดถึงเลย

อาร์ตไดเรคเตอร์ยังเป็นแค่ผู้ชายที่ยังดูหนุ่มๆ ดูๆ แล้วน่าจะเป็นคนที่เพิ่งเรียนจบมาได้ไม่นาน เขายังดูเด็กมากจริงๆ และเขาก็พอจะรู้ว่าเจียงเซ่อค่อนข้างจะมีความสำคัญกับกองถ่ายอยู่พอสมควร ตอนที่หยิบเสื้อตัวนั้นออกมา ทั้งราและกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ต่างๆ ก็ยิ่งโชยขึ้นแรงอีก

อย่าว่าแต่ผู้หญิงที่ไม่อยากใส่เลย แม้แต่ผู้ชายอย่างเขาก็ยังต้องเบ้หน้าปิดจมูกตอนที่เอามันออกมาเลย

“หรือเราลองไปคุยกับผู้กำกับหลินก่อนไหม ขอเขาว่าเอาตัวใหม่มาแล้วทำเอฟเฟคเอา”

เขามองเจียงเซ่ออย่างเกรงใจ แถมยังรู้สึกทำตัวไม่ถูกอีกด้วย

เจียงเซ่อถ่ายมาแล้วสองฉาก ก็ถือว่าเข้าใจความคิดและนิสัยของหลินซีเหวินพอสมควร การถ่ายทำของกำกับแต่ละคนมีวิธีการถ่ายทำที่ไม่เหมือนกัน เขาเป็นคนที่เอาจริงเอาจังพอสมควร หรืออย่างจ้าวร่างในตอนนั้นที่ถ่ายเรื่อง ’99 Love Letter’ ไม่ว่าจะเป็นหนังสือสักเล่ม หรือจะเป็นน้ำหนึ่งแก้ว หรือแม้แต่เส้นผมเส้นเดียวของเจียงเซ่อก็ตาม ทุกๆ อย่างล้วนแล้วต้องอยู่ในความเหมาะสมของเขา

หลินซีเหวินให้ความสำคัญกับ ‘The Occasion of Beiping’ มาก ยิ่งโดยเฉพาะจุดที่มีรายละเอียดมากๆ ก็จะยิ่งให้ความสำคัญเป็นพิเศษ แม้แต่นิ้วมือและตำแหน่งต่างๆ เขาก็จะมีข้อกำหนดอย่างจริงจัง

ถ้าหากว่าเจียงเซ่อยืนยันที่จะเปลี่ยนตัวเสื้อละก็ หลินซีเหวินอาจจะทำตามคำขอของเธอก็ได้ เพราะยังไงเผยอี้ก็เป็นคนที่ลงทุนมากที่สุดในแพลนหนังเรื่องนี้อยู่แล้ว แต่เหมือนว่าไม่ว่าอย่างไรเจียงเซ่อก็จะไม่ใช้อภิสิทธ์ในการพึ่งอำนาจคนอื่นเสียที

“มันมีตัวเดียวไม่ใช่หรือคะ?”

เธอตัดสินใจออกไป “ใส่ตัวนี้แหละค่ะ”

ในฉากที่เธอกำลังจะถ่ายนี้จะเป็นฉากที่โต้วโค่วได้รับความเจ็บปวดสุดๆ ถ้าหากผ่านไปได้อย่างราบรื่น เวลาการถ่ายทำกก็คงจะอยู่แค่ที่ชั่วโมงสองชั่วโมงเท่านั้น

หลิวลี่จื้อที่ได้ยินเธอพูดแบบนั้น ก็รับเสื้อมาแล้วเดินเข้าห้องแต่งตัวไปกับเจียงเซ่อเพื่อเปลี่ยนมัน

ในกล่องเสื้อนี่ก็ใช่ว่าจะสะอาดอะไร พอได้รับความชื้นเพิ่มเข้าไปอีก มันก็ยิ่งทวีความน่าคลื่นไส้เข้าไปอีกเท่าตัว ขนาดปัดๆ เช็ดๆ มือดูแล้ว ก็ยังเหมือนว่ากลิ่นของมันยังติดอยู่เลยด้วยซ้ำ

รอยน้ำโคลนบนเสื้อมันก็ไม่ได้เห็นชัดอะไรแล้ว แม้แต่เนื้อผ้าทีมีลวดลายสีเขียวเข้มก็ยังเลอะจนแทบจะมองไม่เห็น พอเจียงเซ่อใส่เข้าไปแล้ว ก็ยิ่งเหมือนตัวเสื้อมันแนบติดกับแขนกับตัวไปหมด ตอนนี้ยังไม่ทันจะได้ปล่อยผมเลยด้วยซ้ำ แต่แค่นี้ก็ดูน่าท้อแท้ใจแล้ว

พอเธอแต่งหน้าแต่งตัวอะไรเสร็จสรรพก็ออกมาดู และหลินซีเหวินก็พยักหน้าโอเค

ตอนนี้บริเวณฉากถ่ายทำยังมีการจัดฉากเช็ตฉากกันอยู่ ห้องขังที่โต้วโค่วต้องอยู่กับห้องขังของเซียวจือที่ซ่งเซียนเล่นเป็นคนละแบบกัน หลินซีเหวินหยิบบทหนังขึ้นมาดู แล้วพูดทำความเข้าใจกับเจียงเซ่อ

“วันนี้จะถ่ายแค่ตอนที่ถูกลงโทษและฉากที่โต้วโค่วโดนข่มขืนนะ ตอนที่ถูกทำโทษ เราจะถ่ายด้วยการดอลลี่*เป็นการถ่ายแบบเคลื่อนไหวกล้องตามสิ่งที่ถ่าย แน่นอนว่ามันจะไม่มีอันตรายแน่นอน แต่เธอต้องคอยระวังอารมณ์ของเธอให้ดีนะ” เขาพาเจียงเซ่อเข้าไปในฉาก ‘ห้องขัง’ และอธิบายทุกอย่างด้วยตัวเอง พร้อมกับสาธิตท่าทางให้ดูด้วย

“ตอนที่แส้ตวัดลงมา จะใช้การดอลลี่ทันที ทุกครั้งที่แส้ฟาดลง รอยแผลต่างๆ จะให้พวกช่างแต่งหน้ามาแต่งให้เธออีกที”

ส่วนขั้นตอนการตัดต่ออื่นๆ หลังจากนี้ ก็จะเป็นการใช้เอฟเฟคทั้งหมด และทำให้รอยที่ถูกเฆี่ยนให้ตรงกับรอยที่แส้ฟาดลงมา เพื่อให้ได้ความสมจริงที่สุด

“ในบทโต้วโค่วจะต้องเข้มแข็งและหยิ่งในศักดิ์ศรี เธอจะต้องไม่ยอมแพ้เด็ดขาด” นี่ยังเป็นแค่โต้วโค่วในตอนแรกๆ โต้วโค่วที่ยังไม่โดนสังคมและโลกที่แสนบ้าคลั่งนี่เปลี่ยนจิตใจเธอ ตอนนี้ทั้งร่างกายและจิตใจยังเป็นนิสัยและตัวตนจริงๆ ของเธอเอง “ดังนั้นเธอจะต้องแสดงความเจ็บปวดออกมา แต่ก็ต้องแสดงถึงความไม่ยอมแพ้ออกมาด้วย”

เพราะว่าตัวเธอจริงๆ ไม่ได้เจ็บอะไร มันเป็นแค่สิ่งที่ต้องปลอมขึ้นมาเท่านั้น มันจึงต้องใช้ฝีมือและประสบการณ์การแสดงเป็นอย่างมาก

เพราะฉะนั้นการแสดงของเจียงเซ่อที่ต้องสื่อออกมาให้คนดู จะต้องไม่ใช่เจียงเซ่อ แต่เป็น ‘โต้วโค่ว’

เจียงเซ่อพยักหน้า หลินซีเหวินพูดต่อ

“ส่วนฉากข่มขืนฉากนั้น มันก็จะง่ายขึ้นมาหน่อย เพราะจะต้องถ่ายป่ายฉงซูเป็นหลัก”

เขาชี้ไปที่นักแสดงชายคนหนึ่งที่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นเสื้อที่ต้องแสดงเรียบร้อยแล้ว คนๆ นั้นเป็นชายรูปร่างอ้วนเตี้ย แสดงคู่กับโต้วโค่วตอนที่เธอโดนข่มขืน แต่หลังจากนั้นเขาจะต้องตายด้วยน้ำมือของโต้วโค่วเอง

พอเขาเห็นว่าหลินซีเหวินเรียกชื่อตัวเองขึ้นมา ก็ยิ้มแล้วโบกมือให้

“ส่วนเธอก็แค่ตะโกนพูดบทของตัวเองออกมาก็พอแล้ว”

ในซีนๆ นี้หลินซีเหวินไม่ได้ต้องการที่จะถ่ายให้ละเอียดอะไรนัก เพราะว่ายังไงในเรื่อง ‘The Occasion of Beiping’ ก็มีฟ่านจืออวิ๋นเป็นนางเอก ส่วนเรื่องราวความเป็นมาของเจียงเซ่อพวกนี้ มันก็แค่พื้นหลังของโต้วโค่วที่ต้องกลายมาเป็นคนไม่ดีเท่านั้นเอง แค่พูดถึงเล็กน้อยๆ ก็พอแล้ว

ตอนแรกๆ ที่เจียงเซ่อฟังหลินซีเหวินอธิบาย ก็ยังรู้สึกเกร็งอยู่ไม่น้อย แต่พอได้ยินเขาพูดแบบนั้นแล้ว เธอก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ก่อนจะรับคำออกไป จากนั้นก็หยิบบทขึ้นมาดูอยู่หลายรอบ แล้วก็ถอนหายใจออกมาอีก

“มาเริ่มกันเถอะ”

หลินซีเหวินถอยออกมาจาก ‘ห้องขัง’ แล้วตะโกนขึ้น ทีมงานที่เตรียมเชือกเอาไว้เรียบร้อยแล้วก็เดินเข้าไปมัดเจียงเซ่อเอาไว้

เพื่อป้องกันไม่ให้เชือกที่มัดเจียงเซ่อเอาไว้หลุดออก ส่วนคนที่เป็นคนมัดเองก็ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้น เจียงเซ่อลองขยับๆ ดูแล้ว และแน่ใจว่ามันจะไม่หลุดออกมาจริงๆ ก็พยักหน้าให้หลินซีเหวินทันที

“เตรียมตัว”

ผู้ช่วยผู้กำกับตะโกนขึ้น ช่างไฟและช่างกล้องต่างก็ประจำที่อย่างรู้งานรู้หน้าที่ตัวเองเป็นอย่างดี

จนกระทั่งหลินซีเหวินตะโกนว่า ‘action’ ขื้น แคลปเปอร์ก็ตีแคลปบอร์ดลงแรงๆ จากนั้นก็รีบวิ่งออกมาจากตรงนั้นทันที

กล้องค่อยๆ เลื่อนเข้าไปในห้องขัง เจียงเซ่อถูกมัดมือเอาไว้ทั้งสองข้าง และเชือกนั้นก็มัดเอาไว้บนคานไม้ที่อยู่สูงขึ้นไป หัวของเธอตกลง ร่างทั้งร่างของเธอยังไหวแกว่งไปมา หลังจากที่โต้วโค่วทำอดทนและดื้อรั้นมาโดยตลอด สภาพของการขาดอาหารและน้ำก็ปรากฏออกมาอย่างชัดเจน

ถึงแม้ว่าไอ้ท่าทางแบบนั้นจะดูเหมือนทำง่าย แต่จริงๆ แล้วมันยากมากทีเดียว

เดิมทีหลังจากที่มือสองข้างที่ถูกมัดเอาไว้ก็รู้สึกทรมานมากแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงที่หลินซีเหวินตั้งใจสั่งให้คนมัดเชือกให้สูงขึ้นอีก และเจียงเซ่อยังต้องปล่อยตัวให้อ่อนยวบลงมา เธอพยายามกลั้นความเจ็บปวดที่โดนเชือกมัดเอาไว้ ความรู้สึกแบบนั้นถ้าไม่โดนเองก็คงไม่รู้หรอกว่ามันเจ็บแค่ไหน